ตอนที่ 196-4
เจ้าเป็นของข้าถึงจะถูกต้อง!
เขตหวงห้ามของวังหลวง ทหารรักษาพระองค์พวกนั้น แน่นอนว่าไม่สามารถต่อกรกับปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บพวกนั้นได้
แต่ว่าที่นี่ก็ไม่เหมือนกับช่องว่างแห่งการทดสอบ พอต้องมาอยู่ต่อหน้าจักรพรรดิหยวนกับผู้นำตระกูลคนอื่นๆ พวกเขาไหนเลยจะกล้าเหิมเกริมได้
จะต้องรู้ว่าตระกูลที่มีปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บก็ไม่ได้มีเพียงพวกเขาทั้งสามขุมกำลัง โดยเฉพาะสำนักหมื่นอสูรกับหอหลอมศาสตรา ฐานที่มั่นของพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเซิ่งหยวน ถ้าหากเกิดปะทะกันขึ้นมาจริงๆ พวกเขาก็จะถือเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบในทันที
และสิ่งที่ทำให้พวกเขายิ่งกังวลมากที่สุดก็คือ ก่อนหน้า ตอนที่จะถูกโยนออกมาจากช่องว่างแห่งการทดสอบ เสียงที่ดังมาจากบนท้องฟ้าจริงๆ แล้วก็เป็นเสียงของ ใครกันแน่?
“หลานเสวียนเฟิง หลานกัง… สำนักหมื่นอสูร หอหลอมศาสตรา ดี พวกเจ้าก็ช่างดียิ่งนัก!” จักรพรรดิหยวน หวงฝู่เฮ่าเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พอได้เห็นกับคนที่มีขวัญกล้าเทียมฟ้า ไม่สนใจกฎเกณฑ์กลุ่มนี้ด้วยตาตัวเองเช่นนี้แล้ว หวงฝู่เฮ่าเทียนก็พลันเกรี้ยวกราดจะอยากจะสังหารคน
“จักรพรรดิหยวน ท่านก็ดูหน่อยเถิดว่ารูปโฉมของข้าได้ถูกมู่ชิงเกอทำลายจนมีสภาพเป็นอย่างไรแล้ว?” หลานเฟยเยว่กุมใบหน้าของตน กล่าวอย่างโมโห
ใบหน้าที่นางภาคภูมิใจ ตอนนี้กลายเป็นน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด ในระหว่างที่เกรี้ยวกราด นางก็ได้ลืมสถานะของตนไปตั้งนานแล้ว ลืมไปแล้วว่าที่นี่คือสถานที่แห่งใด
“บังอาจ!” หวงฝู่เฮ่าเทียนเบิกดวงตาทั้งสองขึ้น สายตาอันคมกริบพลันพุ่งสะบัดออกไป หลานเฟยเยว่ถูกตะคอกจนนิ่งตะลึง
“ใครกล้าเสียมารยาทกับเฟยเยว่ของข้า!” อยู่ๆ บนท้องฟ้าก็ดังสะท้อนลงมาด้วยนํ้าเสียงอันหยิ่งทะนงสายหนึ่ง
ไอพลังกล้าแกร่งสายหนึ่งก็พลันพุ่งเข้าหาจักรพรรดิหยวน
หวงฝู่ฮ่วนกับผู้อาวุโสเจ็ดพากันตื่นตระหนกจนสีหน้าถอดสี
หวงฝู่เฮ่าเทียนก็เช่นกันเร่งรีบหลบถอยออกไปด้านหลัง
ในชั่วเวลาสำคัญ ไอพลังดุดันอีกสายหนึ่งก็ร่วงตกลงจากฟ้า พุ่งเข้าไปทางไอพลังด้านหน้าก่อนจะสะท้อนมันกลับไป จัดการกับอันตรายของหวงฝู่เฮ่าเทียน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ก็ทำเอาสีหน้าของหวงฝู่เฮ่าเทียนกลายเป็นซีดขาว
หวงฝู่ฮ่วนก็เร่งรีบผละออกจากเจียงหลี พุ่งกลับไปยังข้างกายของบิดาของตน ผู้อาวุโสเจ็ดก็ไม่กล้าบกพร่องอีก พุ่งออกไปคุ้มกันอยู่ด้านหน้าจักรพรรดิหยวน
นี่ก็ถือเป็นการปะทะกันในชั่วพริบตา หลังจากนั้นเงาร่างสองสายบนท้องฟ้าก็ประมือกันต่อไปอีกหลายกระบวน ถึงค่อยร่อนกายลงสู่พื้น ทั้งสองคนพอยืนมั่นคง หลานเฟยเยว่ก็ร้องเรียกขึ้นอย่างยินดี “ท่านปู่!”
หวงฝู่ฮ่วนก็มีท่าทางนอบน้อมหันไปทางด้านหน้าของผู้อาวุโสเจ็ด คราวะไปทางผู้อาวุโสใหญ่ที่กำลังจับจ้องกับอดีตประมุขตระกูลหลาน “ผู้อาวุโสใหญ่!”
การปรากฏตัวของผู้กล้าแกร่งชั้นสูงสองคนนี้ก็ทำเอาเขตหวงห้ามกลายเป็นเงียบกริบ
สถานการณ์ก็ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นยุ่งเหยิงขึ้นแล้ว
หานฉายไฉ่ที่ยืนอยู่ด้านข้างเจียงหลีขมวดคิ้วขึ้นน้อยๆ ก่อนจะกล่าวว่าเสียงตํ่าเบา “อดีตประมุขตระกูลหลาน กับผู้อาวุโสใหญ่ของวังหลวงล้วนแต่ออกมาแล้ว? เกรงว่าครั้งนี้มู่ชิงเกอที่สามารถมีชีวิตรอดออกมาจากช่องว่างแห่งการทดสอบได้ หลังจากปรากฏกาย ก็จะต้องพบกับภัยพิบัติอีกสนามหนึ่ง จะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้หรือไม่นั้น ก็คงต้องดูท่าทีของราชวงศ์แล้วว่าจะเอาจริงเอาจังเพียงพอหรือไม่”
“นางไม่มีทางเกิดเรื่องได้” แต่เจียงหลีกลับกล่าวอย่างสบายๆ
นํ้าเสียงที่ดูมั่นอกมั่นใจของนางก็ทำเอาหานฉายไฉ่รู้สึกสงสัย ดวงตาเรียวยาวจับจ้องไปที่นาง นัยน์ตาทอประกายหลักแหลม เพิ่มแววตรวจสอบขึ้นอีกหลายส่วน
เจียงหลีปล่อยให้เขาจ้องมองได้ตามใจ ไม่กล่าววาจาอีก
แต่ในใจกลับกล่าวว่า ‘ชายผู้นั้นก็ได้กลับมาแล้ว มู่ชิงเกอยังจะมีเรื่องอะไรอีกได้? ที่ควรมีนั้นก็เป็นตระกูลหลาน สำนักหมื่นอสูร หอหลอมศาสตราพวกนั้น ก่อน หน้าตอนอยู่ในช่องว่างแห่งการทดสอบมีความเหิมเกริมมากเพียงไร ตอนนี้นางก็จะคอยดูซิว่าพวกเขาต่อจากนี้จะมีสภาพน่าอนาถมากเพียงไร!’
นางหัวเราะ ‘หึๆ’ ขึ้นอยู่ในใจ ‘ก็เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ จะหาผู้ชายก็ต้องหาผู้ชายที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน! พอมาถูกรังแกเช่นนี้ก็จะสามารถอาศัยอำนาจที่มีตอกหน้า กลับไปได้!’
“องค์รัชทายาทไม่จำเป็นต้องมากมารยาทกับกระหม่อม” ผู้อาวุโสใหญ่หลังก็ไม่เหลียว ทำเพียงแค่จ้องมองไปทางอดีตประมุขตระกูลหลาน พร้อมกับกล่าวกับหวงฝู่ฮ่วน
ตลอดทางเขาก็ระวังมาตลอดว่าอดีตประมุขตระกูลหลานผู้นี้จะมีลูกไม้อะไรหรือไม่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขา ที่สงบเสงี่ยมมาตลอดทาง พอตอนถึงเขตหวงห้ามกลับกล้าลงมือลอบโจมตีจักรพรรดิหยวนตรงๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาลงมือทันเวลา เกรงว่าอาณาจักรเซิ่งหยวนก็จะต้องวนไปถึงการขึ้นครองราชย์ของหวงฝู่ ฮ่วนแล้ว!
‘คนของตระกูลหลาน จากแก่เฒ่าจนถึงเยาว์วัยก็ล้วนแต่เป็นพวกหนูสกปรกที่มีจิตใจร้อยเล่ห์!’ ผู้อาวุโสใหญ่ก็ทำการประเมินตระกูลหลานขึ้นในใจ
“ผู้อาวุโสใหญ่ ขอบคุณมาก” จักรพรรดิหยวน หวงฝู่เฮ่าเทียนกล่าวไปทางผู้อาวุโสใหญ่อย่างนึกหวาดกลัว
ผู้อาวุโสพยักหน้ารับเบาๆ สีหน้าราบเรียบมองไปทางอดีตประมุขตระกูลหลานพลางกล่าวว่า “เจ้าก็นับว่าเป็นผู้อาวุโส กลับยังกล้าลงมือกับคนรุ่นเยาว์ ทั้งคนผู้ นั้นยังเป็นจักรพรรดิของอาณาจักรเซิ่งหยวนของข้า เจ้าช่างขวัญกล้าบังอาจนัก?”
อดีตประมุขตระกูลหลานกลับกล่าวอย่างดูแคลน “ไม่ใช่ว่ามีเจ้าอยู่หรอกรึ? เจ้าจะยอมปล่อยให้ข้าทำร้ายเขาแม้ปลายเล็บหรือ?” นํ้าเสียงของเขาก็ไม่มีความเคารพใดๆ ต่อหวงฝู่เฮ่าเทียนแม้แต่น้อย
ราวกับว่าจักรพรรดิที่มีอำนาจมากที่สุดในหลินชวนผู้นี้ในสายตาของเขาแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากพ่อค้าร้านตลาดทั่วไป เช่นเดียวกันคิดอยากจะฆ่าก็ฆ่า ในแววตาของหวงฝู่เฮ่าเทียนทอแววเกรี้ยวกราดขึ้น
และในตอนนั้นเองคนของตระกูลหลานที่ก่อนหน้ายัง รู้สึกว่าฝั่งตนกำลังเสียเปรียบ ตอนนี้พอเห็นการปรากฏตัวของอดีตประมุขตระกูลหลาน ไม่ว่าจะเป็นหลานเสวียนเฟิงหรือว่าหลานกังก็ล้วนแต่จ้องมองไปทางเขา ร้องเรียกขึ้น…
“อดีตประมุข!”
“อดีตประมุข!
“อดีตประมุข!”
ในนั้นเสียงน่าสงสารของหลานเฟยเยว่ก็ดังก้องที่สุด อดีตประมุขตระกูลหันมองตามเสียงไป ในตอนที่เห็นว่าโฉมหน้าของหลานเฟยเยว่ถูกทำลาย ชั่วขณะนั้นดวงตาก็พลันหดเล็กลง ไฟโทสะก็เหมือนกับจะพ่นออกมาเป็นระลอกได้
เขาร้องคำรามขึ้น “เป็นใครที่กล้าทำร้ายองค์หญิงของตระกูลหลาน?!”
พอมีอดีตประมุขมาหนุนหลัง หลานเฟยเยว่ก็ยิ่งทำตนให้ดูน่าสงสารชอกชํ้า นางวิ่งไปทางอดีตประมุขตระกูลหลาน ร้องไห้นํ้าตาตกอยู่ข้างกายของเขา
ถ้าหากรูปโฉมของนางยังไม่ได้ถูกทำลายแล้วร้องไห้ออกมา ตอนนี้แน่นอนว่าจะต้องทำให้ผู้ชายไม่น้อยรู้สึกสงสารจับใจ ทวงถามความยุติธรรมแทนนาง แต่ว่า ตอนนี้ใบหน้าของนางก็ได้ถูกทำลายไปแล้ว ใบหน้าครึ่งซีกเต็มไปด้วยรอยแผลน่ากลัว ผิวเนื้อตรงลำคอและไหล่ก็ถูกฟันออกไปไม่น้อย เส้นเลือดและกระดูกโผล่พ้นออกมาด้านนอก รูปลักษณ์เช่นนี้ ไหนเลยจะยังทำให้คนสงสารได้อีก? ทำได้เพียงให้ผู้คนรู้สึกขนลุกสยดสยอง ไม่กล้าเข้าใกล้
แต่ถึงอย่างนั้นนางก็เหมือนกับว่าจะไม่รู้จักประมาณตน ยังคงแสร้งทำท่าทางน่าสงสารต่อไป คิดอยากจะกระตุ้นให้อดีตประมุขตระกูลหลานเกรี้ยวกราดอย่างถึงที่สุด
“เฟยเยว่ เป็นใครที่ทำให้เจ้าบาดเจ็บจนมีสภาพเป็นเช่นนี้? เจ้าไม่รู้หรือไรว่าใบหน้าของเจ้าจะต้องเก็บไว้ปรนนิบัติองค์มหาปราชญ์? ตอนนี้เจ้ามีรูปลักษณ์เป็นเช่นนี้แล้วยังจะขึ้นไปที่ตำหนักหลีกงได้อย่างไร?” อดีตประมุขตระกูลหลานกล่าวเสียงเกรี้ยวกราด
เจียงหลีพอได้ฟังคำกล่าวหน้าไม่อายของหนึ่งชราหนึ่งวัยเยาว์คู่นี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขันออกมา “พอเถอะน่า คุณหนูเฟยเยว่ของบ้านท่านถูกองค์มหาปราชญ์ใช้ลมหอบหนึ่งพัดไล่ออกจากตำหนักหลีกงต่างหากเล่า ตอนนี้มีรูปโฉมเช่นนี้หากขึ้นไปที่ตำหนักหลีกง ไม่กลัวว่าจะไปแปดเปื้อนสายตาขององค์มหาปราชญ์รึ?”
“ผู้ใดกำลังกล่าววาจา!” อดีตประมุขตระกูลหลานเบิกตากว้างขึ้นอย่างชิงชัง
ครั้งนี้เขาไม่ได้ลงมือ บางทีอาจเป็นเพราะรู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่อยู่ที่นี่ ต่อให้เขาจะลงมืออย่างไรก็ไม่มีทางมีผลลัพธ์อันใดได้ ดังนั้นก็เลยขี้เกียจที่สูญเสียพลังไปโดย เปล่าประโยชน์
ส่วนหลานเฟยเยว่ดวงตาก็ทอแววอำมหิตขึ้นสายหนึ่ง จ้องเขม็งมาทางเจียงหลี
สำหรับคำกล่าวของอดีตประมุขตระกูลหลานแล้ว เจียงหลีก็หัวเราะเสียงเย็นขึ้นเสียงหนึ่ง คร้านที่จะไปสนใจเขา
หลังจากเห็นว่าไม่มีคนกล่าววาจาแล้ว อดีตประมุขตระกูลหลานก็จ้องกลับไปยังหลานเฟยเยว่ เอ่ยถามขึ้น “จริงๆ แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ครั้งก่อนตอนที่หลานเฟยเยว่ถูกไล่ออกจากตำหนักหลีกง นางก็บอกกับเขาด้วยตนเองว่าเป็นเพราะคนที่ชื่อว่า มู่ชิงเกอผู้หนึ่ง และครั้งถัดมาตอนที่นางเสียโฉมก็เป็นเพราะเขา หรือว่าครั้งนี้ก็จะเป็นเพราะคนคนเดียวกันอีก?
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ความแค้นของคนแซ่มู่ผู้นี้กับตระกูลหลานของพวกเขาก็จะกลายเป็นใหญ่โตขึ้นแล้ว!
“ก็เป็นมู่ชิงเกอโจรชั่วผู้นั้น! เขาหลงใหลในใบหน้าอันงดงามของเฟยเยว่ พอตัวเองไม่ได้มันก็เลยทำลายทิ้ง!” หลานเฟยเยว่แต่งเรื่องขึ้นอย่างน่าไม่อาย
เจียงหลีเบิกตากว้าง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยถามขึ้นในใจ ‘นางยังมียางอายอยู่หรือไม่?’
หานฉายไฉ่พอได้ยินมู่ชิงเกอถูกด่าว่าว่าเป็นโจรชั่ว นัยน์ตาเรียวยาวก็พลันเปล่งแสงวาววับออกมา
ส่วนคนที่เหลือก็มีท่าทีแตกต่างกันไป
อยู่ต่อหน้าของคนส่วนใหญ่ เหตุผลข้อนี้ของหลานเฟยเยว่ก็ถือว่าน่าเชื่อถือนัก ไม่เช่นนั้นมู่ชิงเกอชายหนุ่มผู้หนึ่งจะไปทำลายรูปโฉมของหญิงงามนางหนึ่งบ่อยๆ ไปทำไม?
แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่า เริ่มแรกสุดก็เป็นหลานเฟยเยว่ที่ด้องการทำลายรูปโฉมของมู่ชิงเกอ นางถึงได้ใช้วิธีการ ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’
การทำลายโฉมครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญอย่างแท้จริง ทวนนั้นของมู่ชิงเกอก็คือต้องการเอาชีวิตของนาง แต่นางหนีรอดไปได้อย่างโชคช่วย ถึงได้โจมตีพลาดเป้า กลายเป็นทำลายโฉมหน้าของนางแทน
ในตอนที่ฝูงชนกำลังถูกหลานเฟยเยว่หลอกจนพากันนิ่งงันไป ในตอนที่องครักษ์เขี้ยวมังกรอดรนทนไม่ไหวที่จะกล่าวโต้แย้งให้นายของตน นํ้าเสียงเย้ยหยันสายหนึ่งก็สะท้อนลงมาจากฟ้า “ข้าหลงใหลเจ้าเมื่อใด? หน้าตาเช่นเจ้าไม่ได้อยู่ในสายตาข้าสักนิด!”