ตอนที่ 197-2
มีมหาปราชญ์หนุนหลังก็ช่างสุขสบายนัก!
หลังจากตกตะลึง กลุ่มคนก็เหมือนกับได้ยินเสียงฟ้าร้อง ตอนฟ้าสว่าง ลูกศรหมื่นสายพลันทิ่มแทงเข้าไปในใจ
หวงฝู่ฮ่วนนิ่งชะงักอยู่กับที่ ท่าทางทำอะไรไม่ถูก หวงฝู่เฮ่าเทียนนัยน์ตาทั้งสองก็ยิ่งหดเล็กลง ราวกับจะคาดได้แล้วว่าองค์มหาปราชญ์ทำไมถึงต้องปกป้องมู่ชิงเกอเช่นนี้
ฟ่งอวี๋เฟยก็มีท่าทางนิ่งอึ้ง ราวกับว่าไม่กล้าที่จะไปเชื่อสายตาของตัวเอง
เฉินปี้เฉิงที่พิงกายบิดาอยู่อย่างเหนื่อยอ่อน พอเห็นเข้ากับมู่ชิงเกอที่อยู่ในสถานะหญิงสาว ก็กลายเป็นหยุดนิ่งลมหายไปเช่นกัน นัยน์ตาเร่าร้อนขึ้น แต่ความเร่าร้อนก็หาใช่ความหลงใหล แต่เป็นความคิดที่อยากจะเอาชนะนางที่ท่วมล้นมากขึ้น
เขาแพ้ให้กับสตรีนางหนึ่ง? นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาในอนาคตอันยาวนานช่วงหนึ่งในใจของเขาล้วนเต็มไปไฟแห่งความฮึกเหิม
“สวรรค์! คุณชายเป็นสตรีรึ?”
“เหล่าทวยเทพ สตรีนางหนึ่งก็แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ แล้วเช่นนี้จะให้พวกเราเหล่าบุรุษมีชีวิตต่อไปอย่างไร? ขอฟ้าโปรดเมตตาด้วย!”
” ฮือๆ ฮือๆ…”
“เจ้าร้องไห้ทำไม?”
“คุณชายมู่ก็กลับเป็นสตรี แต่กลับใช้ชีวิตได้ตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าบุรุษเช่นพวกเรานัก ข้าช่างใช้ชีวิตมาเสียเปล่า จริงๆ!”
สตรี! สตรี! มู่ชิงเกอเป็นสตรี!
ข่าวเช่นนี้หากแพร่สะพัดออกไป เกรงว่าทั่วทั้งหลินชวน ก็จะต้องพากันสั่นสะเทือน ชื่อเสียงของนางมู่ชิงเกอในตอนนี้ ก็คงจะไม่ร่ำลือกันแค่เพียงในแคว้นระดับสามเท่านั้น
พอเปรียบกับการตกตะลึงของฝูงชน เหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรก็กลายเป็นได้ใจขึ้นมา
มู่ชิงเกอยิ่งโดดเด่นเหนือผู้คน พวกเขาก็จะยิ่งภาคภูมิใจ แน่นอนถ้าหากใครกล้าเสียมารยาทกับมู่ชิงเกอ เช่นนั้นก็เหมือนกับมีความแค้นสังหารบิดากับพวกเขา
ความเคารพนับถือนี้ก็ไหลเวียนอยู่ในสายเลือดของพวกเขามาเนิ่นนานแล้ว
และในการรบก่อนหน้าก็ได้แสดงมันออกมาอย่างดีเยี่ยม
“ทำไมถึงเป็นสตรีได้? ท่านแม่ ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่มีทางเชื่อ!” ฮวาฉินฉินหัวใจแตกสลายลงตาตุ่ม พุ่งเข้าไปในอกของมารดา ร้องไห้ขึ้นอย่างเจ็บปวด ทำไมถึงต้องเป็นนาง?
ตอนที่มู่ชิงเกอแต่งกายเป็นชายก็ไม่รู้ว่าไปล่อลวงเอาหัวใจของหญิงสาวมามากมายเท่าไร ตอนนี้ความเป็นจริงเปิดเผย ก็เลยทำให้มีสภาพสาหัสเช่นนี้ ชัดเจนว่า หัวใจแตกสลาย ความฝันพังทลาย
ฮือ ฮือ ฮือ พวกนางอยากจะร้องไห้ยิ่งนัก?
“นางทำไมถึงกลายเป็นสตรีได้!” ไท่เสื่อเกามองไปทางมู่ชิงเกออย่างตกตะลึง ในนัยน์ตาอ่อนล้าเต็มไปความเคียดแค้นอย่างถึงที่สุด
ถ้าหากรู้ว่ามู่ชิงเกอเป็นผู้หญิง เขาไหนเลยจะต้องมาทำการบีบคั้นเช่นนี้ ขอเพียงใช้วิธีล่อลวง เอาหญิงงามเข้าสู่อ้อมกอด เช่นนั้นทุกอย่างของนางก็ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นของเขาแล้วรึ?
“สตรีรึ! ไม่ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? ไม่มีทางเป็นไปได้! ข้าถึงจะเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเทียนตู ข้าถึงจะเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของหลินชวน!” หลานเฟยเยว่ถูกความงามของมู่ชิงเกอทำเอาเสียสติ ความริษยาอันบ้าคลั่งพรั่งพรูออกมาจากใจของนาง นางชิงชัง นางไม่ยินยอม รู้สึกริษยาจนคลั่งขึ้นมา!
สายตาอันตกตะลึงพวกนั้นเดิมก็สมควรจะเป็นของนาง!
ไม่ใช่เป็นของมู่ชิงเกอคนที่จะชายก็ไม่ใช่จะหญิงก็ไม่ใช่ผู้นี้!
นางที่เดิมหน้าตาเสียโฉมอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งกลายเป็นบิดเบี้ยวจนน่ารังเกียจมากกว่าเดิม
พอได้ยินคำกล่าวอันคลุ้มคลั่งของนาง ก็มีคนไม่น้อย มองไปทางนางก่อนจะลอบมองไปทางมู่ชิงเกอสายตาหนึ่ง หลังจากถอนสายตากลับมาอย่างเสียดาย ในใจก็ พากันลอบเอ่ยขึ้น—–
‘อืม หญิงงามอันหนึ่งของเทียนตู หญิงงามอันดับหนึ่งของหลินชวนก็สมควรจะเปลี่ยนได้แล้วจริงๆ’
อยู่ต่อหน้ามู่ชิงเกอพวกเขาก็ค้นพบว่า ต่อให้รูปโฉมของหลานเฟยเยว่จะยังไม่ถูกทำลาย ก็คงเปรียบได้กับไข่มุกไร้แสงที่ไม่สะดุดตาเม็ดหนึ่ง
อะไรที่เรียกว่าหมู่ดาวประชันกับแสงจันทร์?
ตอนนี้พวกเขาก็ได้ประสบด้วยตาตัวเองอย่างแท้จริงแล้ว
คนที่อยู่ที่นี่ ถ้าหากให้เลือกหญิงคนหนึ่งจากในนี้ที่พอเปรียบเทียบกับมู่ชิงเกอได้ ก็เกรงว่าจะมีเพียงแต่ฮ่องเต้หญิงจากแคว้นกู่วู่เพียงผู้เดียวแล้ว แต่ฮ่องเต้หญิงก็ให้ความรู้สึกถึงความงามในแบบของหญิงสาวต่างแดน ถึงแม้ว่าจะงดงามแต่ก็ยังไม่อาจหนีพ้นจากความอ่อนหวานของสตรี ไม่เหมือนกับคุณชายมู่ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนทั้งบุรุษและสตรี สามารถรุกรับได้!
ตอนเป็นผู้ชายทำให้พวกเขาเหล่าชายหนุ่มหม่นหมองจืดจาง
ตอนเป็นผู้หญิงก็เหมือนเป็นดวงตะวันและดวงจันทร์ที่ส่องแสงแรงกล้า ดึงดูดความโดดเด่นของหญิงสาวทั้งหมด
ถึงว่าทำไมองค์มหาปราชญ์ถึงไม่ต้องตาหลานเฟยเยว่ พอมีคุณชายมู่มุกลํ้าค่าเช่นนี้อยู่ตรงหน้า ยังจะมีหญิงใดสามารถเข้าตาองค์มหาปราชญ์ได้อีก?
ทันใดนั้นเองในใจของทุกคนก็เกิดความสงสัยขึ้น ล้วนแต่พากันคาดเดาต่างๆ นานา ถึงความสัมพันธ์ของมู่ชิงเกอกับซือมั่ว
องค์มหาปราชญ์ที่ดูแลมู่ชิงเกอเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่าความสามารถหรือเป็นเพราะ…ความหลงใหลกัน
ถุย ก็ล้วนแต่เป็นบุรุษ
ทุกคนล้วนแต่เข้าใจ เข้าใจ
พวกเขาล้วนแต่แสดงท่าทีเข้าใจถึงจิตใจขององค์มหาปราชญ์ท่านผู้เฒ่าที่โดดเดี่ยวมานานถึงหมื่นปีผู้นี้
หลังจากให้เวลาทุกคนประมวลผลไปช่วงหนึ่ง ซือมั่วก็กอบกุมแขนของมู่ชิงเกอพานางค่อยๆ ร่อนลงมา
การกระทำนี้ก็ทำให้นัยน์ตาของคนจำนวนไม่น้อยหดเล็กลง
ราวกับว่ากำลังส่งรับข้อมูลสำคัญข้อมูลหนึ่ง คนที่ดูแล้วเข้าใจล้วนแต่รับรู้ว่าหลังจากนี้ไปมู่ชิงเกอก็จะกลายเป็นตัวตนที่ทั่วทั้งหลินชวนไม่กล้าไปล่วงเกินอีก!
ต่อให้นางฆ่าเจ้าทั้งตระกูล เจ้าถ้าหากไม่อยากตายให้ตระกูลไร้คนสืบสกุล ก็ทำได้เพียงอดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้ หรือบางทีอาจจะถึงขั้นต้องตบมือยินดี
ภายใต้กำปั้นที่แข็งแกร่ง หลักการทั้งหมดล้วนแล้วแต่กลายเป็นขาวโพลน
อีกอย่าง ที่ยืนอยู่ข้างกายมู่ชิงเกอก็ยังเป็นกำปั้นที่แข็งแกร่งที่สุด เขาถ้าหากโกรธแล้ว เกรงว่าทั่วทั้งหลินชวนก็จะถูกเหยียบเละจนเหลือแต่เศษซาก!
รอยต่อระหว่างท้องฟ้าและผืนดินก็ราวกับมีแท่นล่องหนอยู่สายหนึ่ง พาทั้งสองคนที่จับมือกันลอยลงมา
ในตอนที่ทั้งสองคนลอยถึงพื้น คนที่คุกเข่ากันอยู่เต็มพื้น ก็ล้วนแต่พากันเปิดช่องว่างออกผืนหนึ่งกันโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่กล้าไปเข้าใกล้ล่วงเกินทั้งสองคน
ประมุขตระกูลจิ่งก็ร้องยินดีขึ้นในใจไม่ตํ่ากว่าหนึ่งครั้ง ดีที่ลูกชายของเขาไม่ใช่พวกไร้สมองที่ยึดติดกับอารมณ์! หลังจากเก็บความหยิ่งทะนงกลับ เขาในที่สุดก็เข้าใจว่าอะไรคือการอดกลั้น
จิ่งเทียนได้นำเหตุการณ์ที่เขาพบกับมู่ชิงเกอในช่องว่างแห่งการทดสอบเล่าให้เขาฟังตั้งแต่แรกแล้วล้วนแต่บอกเขาอย่างไม่ขาดตก
จากที่เขาดู จิ่งเทียนก็ถือว่าวางตัวได้ดีมาก ตอนนี้พอได้เห็นท่าทางขององค์มหาปราชณ์ที่มีต่อมู่ชิงเกอกับตา เขาก็รู้สึกว่าการจัดการของจิ่งเทียนนั้นเฉียบ ขาดมาก! พอเป็นเช่นนี้ตระกูลจิ่งก็จะสามารถรอดพันภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้!
คนอื่นๆ พากันค่อยๆ ถอยไป แต่ว่าคนของตระกูลหลาน สำนักหมื่นอสูร หอหลอมศาสตราล้วนแต่ไม่กล้าขยับ
เพราะว่าไอพลังที่ดุดันสองสายกำลังจับจ้องมาที่ตัวของพวกเขาทุกคน
ถ้าหากพวกเขาคาดเดาไม่ผิด เจ้าของพลังที่น่าหวาดกลัวสองสายนี้ก็คงมาจากใต้เท้าทมิฬที่อยู่ด้านหลังขององค์มหาปราชญ์
ซือมั่วที่จับจูงมือของมู่ชิงเกอเอาไว้ก็เหมือนกับว่าจะเป็นการเสียดแทงหลานเฟยเยว่ นางถึงกับกลายเป็นบ้าคลั่ง ร้องเรียกเสียงดังขึ้น “เป็นเจ้า! เป็นเจ้านางแพศยา เป็นเจ้าที่ยั่วยวนองค์มหาปราชญ์! องค์มหาปราชญ์เป็นของข้า เป็นของข้า!
ประโยคนี้ก็ทำเอาคนของตระกูลหลานกลายเป็นสีหน้าถอดสี
แม้แต่อดีตประมุขตระกูลหลานก็ยังอยากจะฟาดตัวไม่ได้ความที่มือไม่พายเอาเท้ารานํ้าผู้นี้ให้ตกตายในฝ่ามือเดียว
สามารถพูดได้ว่าแต่ก่อนตระกูลหลานวาดหวังกับนางเอาไว้มากเท่าไร ตอนนี้ก็กลายเป็นผิดหวังมากเท่านั้น!
ส่วนบนใบหน้าของซือมั่ว ตอนนี้ก็ได้มีชั้นนํ้าแข็งปรากฏขึ้นชั้นหนึ่งแล้ว หญิงวิปริตนางนี้ถึงกับกล้าดูแคลนเสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขา ต่อหน้าเขาเช่นนี้!
แววตาของซือมั่วกลายเป็นดุดัน เสื้อผ้าบนร่างของหลานเฟยเยว่ทั้งหมดอยู่ๆ ก็พลันฉีกขาดออก เผยผิวพรรณเนียนขาวของนางออกมา
“กรี๊ด—–!” หลานเฟยเยว่ร้องเสียงแหลมขึ้นสายหนึ่ง มือทั้งสองข้างทำการปิดป้อง แต่ก็ยังไม่สามารถปิดมันจนครบ
เขาก็เป็นเช่นนี้
ใช้วิธีการที่หญิงสาวรู้สึกอัปยศและเกรงกลัวที่สุดใส่เรือนร่างที่ยังไม่เคยมีคนพบเห็นมาก่อน นำมันมาเปิดเผยสู่สาธารณชน
หญิงสาวของตระกูลฮวาล้วนแต่พากันหวาดกลัวจนสีหน้าซีดขาว เขยิบถอยออกไปไม่หยุดพร้อมกับจับเสื้อผ้าของตัวเองเอาไว้แน่น กลัวว่าตนจะพบกับจุดจบเช่นเดียวกันกับหลานเฟยเยว่
คนของตระกูลหลานก็ไม่กล้าส่งเสื้อผ้าไปปิดบังร่างให้หลานเฟยเยว่ กลัวว่าหากตนเองขยับก็จะไปกระตุ้นความโกรธของซือมั่วเข้า แล้วกลายเป็นตัวเองที่โชคร้าย
แม้แต่อดีตประมุขตระกูลหลานก็ยังล้วนแต่ต้องกัดฟัน
ปิดตาทั้งสองข้างลง ประมุขตระกูลหลานก็ยิ่งแย่ไปกว่านั้นคล้ายกับกองดิน อ่อนยวบอยู่บนพื้นก็ไม่ปาน แววตาสีหน้าเลื่อนลอย