ตอนที่ 200-4
ไข่สีรุ้งล่ะ? เจ้านาย ข้ามีความลับจะบอก!
“ในตอนนี้ท่านเป็นแม่ของข้า สามารถตั้งชื่อให้ข้า” สาวงามร่างงูออดอ้อนออเซาะมู่ชิงเกอ ชิงเกอถูกนางรัดเอาไว้ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจ้าปล่อยข้าก่อนแล้วข้าจะตั้งชื่อให้เจ้า”
“คิกๆ!
“คิกๆ!”
เสียงหัวเราะสองสายดังเข้ามา
มู่ชิงเกอกับอสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบหันไปมองหยวนหยวนกับเหมิงเหมิงพร้อมกัน
หยวนหยวนรีบปิดปากของตัวเองในทันที
เหมิงเหมิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเอ่ยออกมา “ไอหยา! เจ้านาย ไม่อาจโทษพวกข้าได้ เสียงของนางนั้น เสียงของนาง…เอ๋? รอเดี๋ยว เจ้าบอกว่าเจ้าถูกเรียกว่า อสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบงั้นหรือ?”
อยู่ดีๆ เหมิงเหมิงก็หยุดหัวเราะมองไปที่อสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบอย่างตกตะลึง
อสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบเดิมคิดว่าเหมิงเหมิงหัวเราะดูแคลนเสียงของตนเอง กำลังจะโมโห แต่อยู่ดีๆ กลับเห็นท่าทางที่ดูตกตะลึงอย่างกะทันหัน ของนาง ก็เอ่ยอย่างได้ใจในทันทีว่า “ไม่ผิด! ข้าก็คืออสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบ”
ใบหน้าเล็กๆ ของเหมิงเหมิงกลายเป็นเคร่งขรึม มองไปทางมู่ชิงเกอ
ดวงตาของมู่ชิงเกอเปล่งประกาย ยิ้มเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ข้าเกือบลืมไปเลยว่าเจ้าก็เป็นผู้รู้ที่รู้เรื่องทุกอย่าง”
เหมิงเหมิงกลับเม้มปาก มองมู่ชิงเกออย่างจริงจัง
มู่ชิงเกอรู้สึกแปลกประหลาด แต่อสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบกลับรบเร้านางต้องการชื่อ ไม่ง่ายเลยที่จะหลุดออกจากหางงู มู่ชิงเกอมองพิจารณารูปลักษณ์ของอสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่า อสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบกับเทพโบราณที่นางรู้จักในโลกก่อนนั้นมีลักษณะคล้ายกัน
“ต่อไปเจ้าชื่อว่าไป๋สี่เถอะ” มู่ชิงเกอเอ่ยออกไป ใช้ชื่อของเทพองค์นั้น อสรพิษเทวะไป๋สี่กับอสรพิษเทวะเถิงเสอก็เป็นผู้พิทักษ์ซ้ายขวาของเจ้าแม่หนี่ว์วา ซึ่งล้วนแต่เป็นเทพอสรพิษ
เถิงเสอเป็นชาย ไป๋สี่เป็นหญิง
“ไป๋สี่? ไป๋สี่ชื่อนี้น่าฟังนัก ต่อไปข้าชื่อว่าไป๋สี่!” อสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบ ไม่สิ ไป๋สี่ดีใจมาก หางงูสะบัดไปมา ไข่นกที่อยู่บนพื้นล้วนกระดอนกระเด็นขึ้น ฉากนี้ทำให้มู่ชิงเกอตกใจจนรีบร้องออกมา “ไข่ของข้า!”
ดีที่ไข่นกล้วนแต่ตกลงอย่างนุ่มนวล
มู่ชิงเกอโล่งอก เอ่ยเตือนไป๋สี่อย่างจริงจัง “ห้ามขโมยกินไข่นกของข้าอีก ไข่นกเหล่านี้มีความสำคัญต่อข้า!”
“ไป๋สี่รู้แล้ว” ต่อหน้ามู่ชิงเกอ สาวงามร่างงูตนนี้ก็ยังถือว่าเชื่อฟังดี
เห็นไป๋สี่เชื่อฟัง มู่ชิงเกอถึงได้สติกลับมา เอ่ยถามว่า “เจ้าพูดว่าเลือดของข้าฟักเจ้าออกมางั้นหรือ?” เหตุใด นางจึงจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยใช้เลือดฟักไข่สีรุ้งมาก่อน?
อ้า ใช่แล้ว! นานมากแล้วก่อนหน้านี้ เหมิงเหมิงเคยพูดว่าไข่สีรุ้งดูดเลือดที่ไหลออกมาของนาง
แต่ว่า เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าไม่มีปฏิกิริยามิใช่หรือ? อีกอย่างแค่เลือดนิดเดียวนั้นก็เรียกไป๋สี่ออกมาได้แล้วหรือ?
“ใช่แล้ว! ไม่นานมากก่อนหน้านี้ เลือดของท่านแม่…”
“เจ้านาย! ท่านตามข้ามา ข้ามีเรื่องจะพูด” ในตอนที่มู่ชิงเกอกำลังงุนงง อยู่ดีๆ เหมึงเหมิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง ตัดบทคำพูดของไป๋สี่
ยากมากที่จะเห็นท่าทีที่ดูเคร่งขรึมของเหมิงเหมิง มู่ชิงเกอพยักหน้า เดินตามนางไป
เหมิงเหมิงพามู่ชิงเกอเดินมาถึงที่ที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง ใบหน้าจิ้มลิ้มเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
“เป็นอะไรไป?” มู่ชิงเกอมองนางอย่างมึนงง
เหมิงเหมึงขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เรื่องนี้ เดิมข้าไม่อยากบอกเจ้านาย แต่ว่า ตอนนี้ข้าไม่อาจไม่พูดได้ อีกอย่าง ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้าจะไม่พูด ท่านก็จะได้รู้จากปากของสาว งามร่างงูตนนั้นอยู่ดี ถึงเวลาแล้วก็ยังต้องมาถามข้า”
พอพูดถึงไป๋สี่ อยู่ดีๆ มู่ชิงเกอก็เอ่ยขึ้นว่า “ใช่แล้ว เมื่อครู่ที่เจ้าได้ยินถึงอสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบ เหตุใดจึงตกใจถึงขนาดนั้น?”
เหมิงเหมิงขบริมฝีปาก เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “เรื่องนี้ สามารถรอก่อนเอาไว้พูดทีหลังได้”
นางมองไปที่มู่ชิงเกอ เอ่ยกับนางว่า “เจ้านาย ที่จริงข้าก็ไม่อยากให้ท่านกับจอมปีศาจตนนั้นมีความสัมพันธ์อันใดต่อกัน แต่ว่า…”
“จอมปีศาจ?” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเอ่ย
มองดวงตาสีขาวดำชัดเจนของเหมิงเหมิงแล้ว อยู่ดีๆ มู่ชิงเกอก็เข้าใจ เอ่ยว่า “เจ้าพูดถึงคือซือมั่ว?”
“เจ้านายไม่ใช่ว่าสงสัยมากมิใช่หรือว่าเหตุใดสาวงามร่างงูถึงได้ฟักตัวเพราะเลือดของท่าน?” อยู่ดีๆ เหมิงเหมิงก็เอ่ย
ท่าทางของมู่ชิงเกอดูเคร่งขรึมขึ้นมา
ในใจของนางเกิดความรู้สึกว่าคำพูดต่อไปของเหมิงเหมิงนั้นสำคัญมาก
“นั้นเป็นเพราะว่าเจ้านายเกือบจะเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง เลือดของท่านที่ไหลออกมา ปกคลุมไปทั่วช่องว่าง ร่างกายของท่านเสียหายจนถึงจุดที่ไม่อาจใช้พลังจิตฟื้นฟูได้อีก และก็ยากที่จะฟื้นฟูได้ดุจเดิม หากไม่ใช่ว่า จอมปีศาจนั้นมาได้ทันเวลา ทั้งยังใช้วิชาต้องห้ามหวนคืน ย้อนเวลากลับไปยังช่วงก่อนตอนที่ท่านยังไม่เป็นอันตรายแล้วล่ะก็ เกรงว่า… แต่ถึงด้านนอกนั้นจะเวลาย้อนกลับ แต่ช่องว่างนี้กลับไม่ได้อยู่ในการควบคุม ดังนั้นเลือดที่ไหลออกของท่านจึงยังคงอยู่ ถูกอสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบดูดกลืนจนทำให้นางฟักตัวออกมาจากเปลือกได้”
“รอเดี๋ยว เจ้าพูดว่าอะไร? อะไรคือวิชาต้องห้ามหวนคืน อะไรคือเวลาย้อนกลับ?” มู่ชิงเกอถูกคำพูดของเหมิงเหมิงทำให้ตกใจ
เหมิงเหมิงมองนางแวบหนึ่งถึงได้เอ่ยว่า “วิชาต้องห้ามหวนคืนเป็นหนึ่งในวิชาต้องห้ามที่ร้ายกาจที่สุดในโลก คนที่สามารถใช้มันได้ก็ถือว่ามีอยู่ไม่กี่คน แต่ว่าเมื่อวิชาทำงานแล้ว คนที่ใช้วิชาจะต้องถูกลดพลังฝึกปรือไปหมื่นปี ร่างกายก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ที่สำคัญที่สุดก็คือ เพราะว่าวิชานี้ฝืนชะตาฟ้ามาก สามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนมากมาย ด้งนั้นตามกฎฟ้าแล้ว ผู้ใช้วิชาจะต้องเผชิญกับเคราะห์กรรมและความยากลำบากในอนาคต ส่วนจะยากง่ายแค่ไหน ก็จะอิงตามจำนวนคนที่ถูกเปลี่ยนชะตามาตัดสิน ส่งผลกระทบต่อคนน้อย ความยากลำบากก็น้อย ส่งผลกระทบต่อคนมาก ความยากลำบากก็จะยิ่งหนักหนาสาหัสขึ้น”
หา—–
มู่ชิงเกอชะงัก
นางคิดว่า ซือมั่วเพียงแต่กลับมาได้ทันเวลา ไม่คิดว่า ในนี้ยังมีความทรงจำช่วงหนึ่งที่ถูกบิดเบือน เขากลับทำเพื่อนางถึงขนาดนี้’? มู่ชิงเกอดุจดั่งถูกสายฟ้าฟาด นี่เดิมทีเป็นสิ่งที่ไม่สมควรลืมมากที่สุด แต่นางกลับลืม ทำให้เขาต้องรับความยากลำบากเพียงคนเดียว
ในใจของมู่ชิงเกอสับสนวุ่นวาย ใจสับสนเป็นครั้งแรก
นางไม่รู้ว่าการปะทะกันเช่นนั้นจะมีบทสรุปทุกข์ทรมานเยี่ยงนี้ แต่ว่า นางก็ยังคิดได้ว่า ถ้าหากว่าไม่ถึงที่สุดแห่งความสิ้นหวังจริงๆ ซือมั่วก็จะไม่ทำเช่นนี้ เขาไม่สนใจอะไร ทิ้งพลังฝึกปรือหมื่นปีของตนเอง ไม่สนเคราะห์กรรมและความยากลำบากในอนาคต เพื่อแลกนางกลับมา!
ผลกระทบยิ่งมากมายเพียงไร เคราะห์กรรมและความยากลำบากก็ยิ่งหนักหนาเพียงนั้น?
ร่างของนางเหมือนจะซวนเซไป
“เจ้านาย!” เหมิงเหมิงมองดูนางอย่างเป็นกังวล
รอยยิ้มของมู่ชิงเกอดูไร้เรี่ยวแรง แต่ในใจกลับมีความโมโหขึ้นมา ชายคนนี้ อะไรก็ไม่พูด ลอบรับผิดชอบทุกอย่าง?
บทสรุปเดิมเกรงว่าคงเป็นบาดเจ็บพ่ายแพ้
ตอนนั้นนางกลับเปลี่ยนเป็นชนะ ล้างแค้น ฆ่าคนนับไม่ถ้วน
โชคชะตาที่ถูกผลกระทบเหล่านี้จะนำพาเคราะห์กรรมและความยากลำบากเช่นไรมาให้แก่ซือมั่ว?
ยิ่งคิดมู่ชิงเกอก็ยิ่งยากจะสงบใจ
นางหันกาย ออกจากช่องว่าง กลับไปที่ตำหนักหลีกง
ออกจากห้อง มู่ชิงเกอไปหากู่หยาและกู่เย่จนพบ
กู่หยาและกู่เย่ พอมองเห็นใบหน้าของมู่ชิงเกอดูเย็นชา รอบกายแผ่รังสีอำมหิตออกมา ยืนอยู่ตรงหน้าของตนเอง ทั้งสองล้วนแต่ชะงัก
ทั้งสองลอบส่งสายตาหากัน ล้วนแต่รักษาความเงียบ
“พวกเจ้าทั้งสองคิดจะช่วยเขาปิดบังข้าไปจนถึงเมื่อไหร่?” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม
ซือมั่วเลือกที่จะเก็บตัวฝึกฝน ก็คงเป็นเพราะร่างกายถึงขีดจำกัดแล้ว
นางไม่อยากจะไปรบกวนเขา จึงทำได้เพียงลงมือกับสองคนนี้
ใครใช้ให้พวกเขาคอยติดตามซือมั่วตลอดไม่ห่างกาย
กู่เย่หลุบตาลง
กู่หยาเอ่ยว่า “คุณชายหมายความว่าอย่างไร พวกเราไม่เข้าใจ”
มู่ชิงเกอหรี่ตาเล็กลง สองมือกำแน่น กัดฟันเน้นยํ้าเป็นคำๆ “ยังจะให้ข้าพูดให้ชัดเจนกว่านี้อีกหรือ? วิ-ชา-ต้อง-ห้าม-หวน-คืน!”
วิชาต้องห้ามหวนคืนหลุดออกมา ดวงตาของกู่หยาและกู่เย่หดตัวลงพร้อมกัน มองไปที่มู่ชิงเกอ
ในดวงตาของพวกเขาแสดงความหมายให้เห็นได้ชัด
มู่ชิงเกอยิ้มเย็น “สงสัยว่าเหตุใดข้าถึงรู้อย่างนั้นหรือ? แต่ว่าข้าก็จะไม่พูด”
นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เข้าไปใกล้กับทั้งสองคน ใช้นํ้าเสียงที่เย็นชาเอ่ยถามว่า “บอกข้ามาทั้งหมด!”