Skip to content

พลิกปฐพี 224

ตอนที่ 224

เมืองไหอวี่เฉิงให้เจ้าครึ่งหนึ่ง

เศษหินที่แตกกระจายหลุดออกมาจากกำแพง ก่อนจะตกลงไปบนพื้น เสียงเสียงนี้ ทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกคนตื่นขึ้นจากความตกตะลึง ภายในหัว คิดกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่…

อา ผู้ดูแลตระกูลโต้วถูกตีแล้ว?

ใช่! ทั้งยังถูกหญิงสาวที่ดูรูปร่างเพรียวบางงดงามดุจเทพธิดานางหนึ่งตี

กำปั้นนี้ตีรุนแรงเท่าไรกัน?

ใช่ หนักมาก! มองไม่เห็นหรือว่าผู้ดูแลตระกูลโต้วกลายเป็นกองดินไปแล้ว?

“เจ้า…เจ้ากล้าลงมือกับคนของตระกูลโต้ว!” หลังจากได้สติ บ่าวคนหนึ่งของตระกูลโต้วก็ชี้นิ้วมาทางมู่ชิงเกอและเสวี่ยหยา ทั้งยังมีจิงไห่และสือปัว ในนํ้าเสียงดูสั่นๆ

สิ้นเสียงของเขา บ่าวคนอื่นๆ ก็ล้อมมาข้างกายของผู้ดูแล นำเขาออกมาจากกำแพง

บนใบหน้าของเสวี่ยหยาฉายแววไม่น่าดู นางเดินไปที่ด้านหลังของมู่ชิงเกอ เอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดว่า “ขอโทษด้วยเจ้าค่ะ นายน้อย”

นางขอโทษที่นางตีผู้ดูแลตระกูลโต้วโดยพลการ

มุมปากของมู่ชิงเกอฉายแววเยียบเย็นไม่ได้สนใจนาง แต่กลับเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เอ่ยกับบ่าวตระกูลโต้วว่า “คนก็ได้ตีไปแล้ว พวกเจ้ายังจะมาถามว่ากล้าหรือ ไม่กล้าอีกรึ?”

“ไม่! ไม่ ไม่ ไม่…ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าไม่รู้จักพวกเขา! เรื่องที่พวกเขาทำไม่เกี่ยวกับข้า!” ในเวลานี้สือปัวกลับตื่นกลัวจนนั่งลงกับพื้น โบกมือไปมา

ปฏิกิริยาของเขา ทำให้จิงไห่รู้สึกผิดหวังและปวดใจขึ้นมา

อาจเป็นเพราะเขาไม่คิดเลยว่าเพื่อนที่เติบโตขึ้นมาด้วยกัน อยู่ในเวลาเช่นนี้ กลับทิ้งเขาไปเช่นนี้ อีกอย่าง เมื่อครู่เขาคิดที่จะฆ่าเขาจริงๆ!

ถ้าหากไม่มีพวกพี่มู่… ความเจ็บปวดในดวงตาของจิงไห่ลึกลํ้าขึ้นในใจของเขา ชัดเจนดี มีดเมื่อครู่ที่สือปัวแทงใส่เขา ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถ้าหากไม่มีคนหยุดยั้ง เขาก็คงจะปักมีดเข้าหน้าอกเขาจริงๆ

ความเท็จจริง ทำให้จิงไห่รู้สึกปวดใจมากขึ้น เขาเอ่ยกับมู่ชิงเกอและเสวี่ยหยาว่า “พี่มู่ พวกท่านรีบไปเถอะ!” พูดแล้วก็พยายามลุกขึ้นมา เอ่ยกับเหล่าบ่าวของตระกูลโต้วว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเพราะข้า! พวกเจ้าต้องการฆ่าคน ก็ฆ่าข้าเถอะ! มาสิ! ฆ่าข้าเลย! วันนี้หากพวกเจ้าไม่ฆ่าข้า วันหน้าข้าจะต้องล้างความอับอายในวันนี้อย่างแน่นอน!”

จิงไห่พยายามลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ในความเป็นจริง เขาแทบจะไม่ไหวแล้ว ทั้งหมดล้วนอาศัยแต่จิตใจก็เท่านั้น

เขาถึงกับพยุงร่างเดินไปด้านหน้าของมู่ชิงเกอ กางแขนขวางตรงด้านหน้าของพวกเขา

“เจ้าเด็กหน้าเหม็น เจ้าคิดว่าตัวเองยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ! พวกเขาเหล่านี้มีคนหนึ่งก็จัดการคนหนึ่ง ล้วนแต่อย่าคิดจะหนีพ้น!” บ่าวตระกูลโต้วตะคอกอย่างผยอง แต่ก็ไม่กล้าลงมือโดยพลการ เพราะว่าหมัดของเสวี่ยหยาเมื่อครู่ทำให้ยังรู้สึกตกตะลึงอยู่

“เสวี่ยหยา พยุงเขาเดิน” มู่ชิงเกอสั่งเสวี่ยหยาเบาๆ

ท่าทีของเสวี่ยหยาเยียบเย็นขึ้น ขบริมฝีปากเดินไปข้างจิงไห่ พยุงเขาจากไป

แต่จิงไห่ก็ดื้อดึง ไม่ยินยอมไป ทั้งยังเอ่ยขัดว่า “พี่สาว พวกท่านรีบไป! ตระกูลโต้วมีอำนาจมากในเมืองไหอวี่เฉิง พวกท่านอาศัยเวลาที่พวกเขายังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาอะไรรีบหนีไปเถอะ”

จากนั้น ก็เอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า “ขอโทษด้วย ล้วนแต่เป็นความผิดของข้าที่พาพวกท่านมาที่นี่ เป็นข้าสร้างความลำบากให้พวกท่าน พวกท่านรีบไป!”

เสวี่ยหยาส่ายหน้า เอ่ยกับเขาว่า “เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว มีเรื่องอะไรพี่มู่ของเจ้าจะจัดการเอง”

พูดแล้วก็พาจิงไห่เดินไปอีกทาง

เพิ่งจะหลีกออกมา ก็มีโอสถเม็ดหนึ่งถูกดีดมาในมือของเสวี่ยหยา

“ให้เขากิน” เสียงของมู่ชิงเกอดังมาจากด้านหลัง

เสวี่ยหยาพยักหน้า ไม่ได้ลังเล เอาเม็ดโอสถในมือส่งเข้าไปในปากของจิงไห่ทันที

หลังจากได้รับยาแล้ว จิงไห่ก็รู้สึกว่าร่างกายสบายขึ้นมาก เขามองไปทางมู่ชิงเกออย่างตกตะลึง

มู่ชิงเกอกลับเอ่ยว่า “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ เจ้ายอมให้พวกข้าพักค้างด้วยหนึ่งคืน เรื่องวันนี้ก็ถือว่าเป็นการตอบแทน”

พูดแล้ว นัยน์ตาของนางก็กวาดไปทางสือปัวที่อยู่บนพื้น จากนั้นก็มองคนของตระกูลโต้ว “เด็กหนุ่มนี้ข้าจะนำตัวไปด้วย หากว่าตระกูลโต้วของพวกเจ้ามีปัญหาอะไรก็ให้มาหาข้า”

พูดแล้ว นางก็หันกายจากไป เสวี่ยหยาก็พยุงจิงไห่ตามไปด้านหลัง

นางจากไปอย่างสง่าผ่าเผย ก้าวย่างก็ไม่ได้เร่งร้อน เหล่าบ่าวตระกูลโต้วไม่กล้าขัดขวาง ผ่านไปครู่หนึ่ง พวกเขาถึงได้ส่งคนตามไป คนที่เหลือส่งผู้ดูแลตระกูลโต้วกลับไปที่ตระกูลรายงานประมุขตระกูลก่อน

สือปัวถูกทิ้งเอาไว้

ในเวลานี้ไม่มีใครสนใจเขา

ตอนที่จิงไห่ถูกพยุงจากไปนั้น ก็มองมาที่เขาด้วยแววตาที่ดูซับซ้อนพร้อมกับขบริมฝีปากแน่น

“ที่นี่แล้วกัน” มู่ชิงเกอไม่ได้เดินไปไกล หยุดลงที่โรงเตี้ยมที่ดูแล้วไม่เลวหลังหนึ่ง นางเดินเข้าไปด้านใน ตรงไปยังเถ้าแก่โรงเตี้ยมบอกต้องการห้องชั้นบนสามห้อง ตอนที่พวกนางนำจิงไห่เข้ามาในโรงเตี้ยมนั้น บ่าวของตระกูลโต้วก็ตามมาจนถึงที่นี่ใช้สายตามองส่งพวกเขาเข้าไป

ส่วนในมุมลับมุมหนึ่ง บ่าวของตระกูลลี่ก็เห็นฉากๆ นี้ รีบหันกายจากไปในทันที

พอมาถึงภายในห้อง มู่ชิงเกอก็สั่งให้บ่าวในโรงเตี้ยมเอานํ้าร้อนมาส่ง ทั้งยังสั่งชุดสะอาดให้จิงไห่ชุดหนึ่ง

หลังจากนํ้าร้อนถูกส่งมาแล้ว มู่ชิงเกอก็เอาขวดยาสีเขียวออกมาเทลงในนํ้า จากนั้นก็หันกายไปเอ่ยกับเสวี่ยหยาว่า “พยุงเขาเข้ามา”

เสวี่ยหยาพยักหน้า พยุงจิงไห่เข้ามาที่ข้างอ่างไม้ วางเขาลงไป

จิงไห่เพิ่งจะนั่งลงในอ่างไม้ สีหน้าก็ดูมึนงง แต่ว่าทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างจากภายในนํ้า ที่กำลังซึมผ่านจากผิวหนังเข้าสู่ร่างกายของเขา กำลังรักษาบาดแผลของเขา

จิงไห่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง มองมู่ชิงเกอกับเสวี่ยหยา

มู่ชิงเกอกลับไม่ได้อธิบายมากความ เพียงแต่เอ่ยกับเขาว่า “ถอดเสื้อผ้าออกเอง แล้วแช่อยู่ในนํ้าครึ่งชั่วยาม”

พูดแล้ว ก็พาเสวี่ยหยาออกไปจากห้องของจิงไห่

จนกระทั่งปิดประตูลง จิงไห่ก็ยังคงดูมึนงง

ดูเหมือนเขาจะไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาจะไปง่ายๆ เช่นนี้? คนของตระกูลโต้วจะไม่มาหาเรื่องพวกเขาหรืออย่างไร?

ออกมาจากห้องของจิงไห่ เสวี่ยหยาก็ตามด้านหลังของมู่ชิงเกอไป ขบริมฝีปากเงียบ

อยู่ดีๆ มู่ชิงเกอก็หยุดเท้าลง เอ่ยออกมาอย่างเยียบเย็นประโยคหนึ่งว่า “เพียงครั้งนี้ครั้งเดียว ครั้งหน้าอย่าได้ทำอีก”

เสวี่ยหยาชะงัก ก้มหน้าลงตํ่ากว่าเดิม เอ่ยเสียงเบาออกมา “เจ้าค่ะ”

“ตีคนนั้นไม่ผิด” มู่ชิงเกอทิ้งไว้อีกหนึ่งคำ จากนั้นก็เข้าไปในห้องของตัวเอง

เสวี่ยหยาชะงักเล็กน้อย ทบทวนถึงคำพูดของมู่ชิงเกอ

คำพูดของเขา หมายถึงที่ตัวเองทำนั้นไม่ผิด ที่ผิดก็คือ ไม่ขออนุญาติเขาก่อน!

เสวี่ยหยาถอนหายใจออกมา

“ดูท่าสถานะนี้ ยังคงต้องทำให้คุ้นเคยต่อไป” พึมพำประโยคหนึ่ง เสวี่ยหยาก็เดินไปที่ห้องของมู่ชิงเกอ

“นายน้อย คนของตระกูลโต้วน่าจะมาในอีกไม่นาน ยังมีคนของตระกูลลี่…จากนี้พวกเราจะยังอยู่เมืองไหอวี่เฉิงต่อหรือไม่?” เสวี่ยหยาเอ่ยปากถาม

มู่ชิงเกอหยิบกาชาบนโต๊ะขึ้นมา

เสวี่ยหยามองเห็นก็รีบเดินเข้ามา รับกาชาจากมือของเขา รินชาแทนเขา

มู่ชิงเกอมองนางแวบหนึ่ง ถึงได้ค่อยๆ เอ่ยว่า “ก็เพราะ เป็นเช่นนั้น การอยู่ในเมืองต่อไปถึงจะปลอดภัยที่สุด”

เสวี่ยหยาวางกาชาลง มองมู่ชิงเกออย่างไม่เข้าใจ มู่ชิงเกอกลับไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่ยกจอกชาขึ้น ลิ้มรสชา ใช่ ในความเป็นจริง ภายในโรงเตี้ยมเช่นนี้ ชาที่ ใช้รับรองแขกก็ไม่ได้ดีมากสักเท่าไหร่ และในความเป็นจริงอีกอย่าง มู่ชิงเกอก็ไม่ใช่ผู้มีความรู้เรื่องชา อย่าลืมไปว่าแต่เดิมนางเมื่อก่อนก็เป็นคนที่ไม่เอาไหนมาก่อน

ดังนั้น ชาดีหรือไม่ดีสำหรับนางนั้น ล้วนแต่เป็นอะไรที่ไม่สำคัญ เพียงมีไว้ตับกระหายเท่านั้น!

บนถนนนอกโรงเตี้ยม มีรถม้าพร้อมกับกลุ่มคนที่มุ่งมาจากคนละด้าน กำลังมุ่งเข้ามาใกล้

ในตอนที่พวกเขามาถึงด้านหน้าของโรงเตี้ยมนั้น คนของทั้งสองฝ่ายก็ล้วนแต่ชะงักไป

บรรยากาศอันแปลกประหลาดเกิดขึ้นข้างหน้าประตูของโรงเตี้ยม ทำให้บรรดาคนที่ผ่านไปมาต่างถอยหลังออกไปหลายก้าว ทำให้ด้านหน้าประตูโรงเตี้ยมดูว่างเปล่า

ผู้ที่นำขบวนของตระกูลโต้วมานั้นเป็นผู้ดูแลอีกคนหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับผู้ดูแลที่โดนเสวี่ยหยาตีแล้ว ท่าทางของเขาดูสูงส่งกว่ามากและพลังก็ดูแข็งแกร่งกว่า เมื่อมองเห็นคนตรงหน้า เขาก็ก้าวเท้ามาข้างหน้า เอ่ยด้วยท่าทางที่ดูหยิ่งผยองว่า “ตระกูลโต้วจะจัดการเรื่องราวที่นี่ คนที่ไม่เกี่ยวข้องถอยออกไป”

ท่าทางที่ดูหยิ่งผยองบ้าอำนาจนั่น ชัดเจนว่าไม่เห็นคนตรงหน้ามาอยู่ในสายตา

คนตรงหน้า ก็ทำตามที่เขาพูด แยกเป็นสองแถว

เพียงแต่ ยังไม่ทันที่รอยยิ้มผยองของเขาจะยกสูงขึ้น ก็ชะงักค้างในทันใด สองตาเบิกกว้างมองดูคนที่เดินมาจากฝั่งตรงกันข้าม

“ประมุข…ประมุขตระกูลลี่!” ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปในทันที หน้าอกที่ดูอกผายไหล่ผึ่งเปลี่ยนเป็นโค้งลงอย่างนอบน้อม แม้แต่ไรผมก็เกิดเหงื่อเย็นเยียบผุดออกมา หากว่าเป็นแค่เพียงประมุขของตระกูลลี่ เขาที่เป็นถึงผู้ดูแลระดับสูงของตระกูลโต้วแน่นอนว่าจะไม่กลัว แต่ปัญหาก็คือ นอกจากลี่หยุนเทาจะเป็นประมุขตระกูลลี่แล้ว เขาก็ยังมีอีกสถานะหนึ่งนั่นก็คือยอดฝีมืออันดับหนึ่ง แห่งเมืองไหอวี่เฉิง!

อีกฝ่ายแค่สะบัดมือครั้งเดียวก็ลบการคงอยู่ของเขาได้แล้ว แม้ว่าเขาจะใช้อำนาจของตระกูลโต้วก็ไม่กล้าผยองต่อหน้าลี่หยุนเทา

สีหน้าของผู้ดูแลตระกูลโต้วเปลี่ยนไป ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าขึ้นมา เขายิ้มและเอ่ยว่า “ท่านประมุขตระกูลลี่ มาที่นี่ได้อย่างไร?”

มุมปากของลี่หยุนเทาฉายแววเยียบเย็น มองผู้ดูแลตระกูลโต้วอย่างดูแคลนเอ่ยว่า “ข้าจะไปไหน จำเป็นต้องรายงานตระกูลโต้วของพวกเจ้าด้วยงั้นหรือ?”

ผู้ดูแลตระกูลโต้วมีไหวพริบดีรีบเอ่ยขึ้น “มิ มิกล้า!”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายิ่งดูไม่น่าดูขึ้นเรื่อยๆ มุมปากกระตุก เขามีภารกิจอยู่กับตัว ได้รับคำสั่งให้มาลากตัวคนที่กล้าลบหลู่ตระกูลโต้วกลางถนนกลับไป ตอนนี้ มาถึงสถานที่ที่เจ้าคนกล้าดีคนนั้นอยู่ กลับพบกับตระกูลลี่ที่ขวางทาง ทั้งยังเป็นลี่หยุนเทาอีก นี่จะทำอย่างไรดี?

ความคิดในใจลอยไปอย่างไร้เสียง ผู้ดูแลตระกูลโต้วทำได้เพียงแต่เอ่ยถามว่า “ประมุขตระกูลลี่ ตระกูลโต้วของพวกข้าต้องจัดการเรื่องราว ท่าน…”

ช่วยให้ความสะดวกหน่อยได้ไหม?

“อ้า? ช่างบังเอิญจริงๆ ตระกูลลี่ของข้าก็ต้องจัดการเรื่องราว” ลี่หยุนเทายิ้มเย็นเอ่ยขัดคำพูดของผู้ดูแลตระกูลโต้ว

รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้ดูแลตระกูลโต้วแข็งค้าง รอยยิ้มชะงักอยู่ที่มุมปาก กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกจนเริ่มสั่นขึ้นมา

จากที่เขาดู ลี่หยุนเทาจงใจสร้างความลำบาก

พวกเขาตระกูลโต้วจะจัดการเรื่องราว เขาก็จะจัดการเรื่องราวอย่างนั้นหรือ? บังเอิญถึงขนาดนี้เชียวหรือ?

ผู้ดูแลตระกูลโต้วไม่รู้เลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ! อีกอย่างไม่ใช่เพียงแต่พวกเขาอยากจะจัดการเรื่องราวที่เดียวกัน คนที่ต้องหาก็ยังเป็นคนเดียวกันอีก!

ดวงตาของผู้ดูแลตระกูลโต้ววาววาบดูเหมือนกำลังคิดหาวิธี

ครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยกับลี่หยุนเทาว่า “เช่นนี้ไม่สู้พวกเราสองตระกูลทำเรื่องราวของใครของมัน?”

ลี่หยุนเทายิ้มเย็น นัยน์ตาหรี่ลงอย่างแข็งกร้าว ท่าทีดูแคลนคมดุจดังมีดแหลมคมมองไปทางผู้ดูแลตระกูลโต้ว ทำให้คนที่ถูกมองรู้สึกขนลุก เพียงแต่คิดที่อยากจะ

จากไปจากตรงนี้โดยเร็ว!

ผู้ดูแลตระกูลโต้วปรับเปลี่ยนแผนอย่างรวดเร็วรีบเอ่ยว่า “เช่นนั้นขอเชิญประมุขตระกูลลี่ทำเรื่องราวเสร็จแล้ว พวกเราค่อยทำ”

นิสัยของคนตระกูลลี่ อยู่ในเมืองไหอวี่เฉิงก็ขึ้นชื่อเรื่องหยิ่งผยองเผด็จการและไร้เหตุผล เขาไม่คิดที่จะเผชิญหน้ากับความร้ายกาจของลี่หยุนเทา!

ลี่หยุนเทากวาดตามองเขาอย่างดูแคลน เอ่ยสั่งกับคนที่นำมาว่า “ดูดีๆ ใครก็ไม่อนุญาตให้เข้ามาได้!”

พูดแล้ว เขาก็ก้าวเข้าไปในโรงเตี้ยม

คนของตระกูลลี่รีบล้อมเข้ามาในทันที แหวกคนของตระกูลโต้วไปรวมไว้อีกทาง เฝ้าทางเข้าทางเดียวของโรงเตี้ยมเอาไว้ ล้อมรอบโรงเตี้ยมจนไร้ทางเข้า

กลุ่มคนที่มุงดู มองฉากละครนี้แล้วก็ล้วนแต่พากันคาดเดาถึงเหตุผลที่ประมุขตระกูลลี่มาที่นี่ด้วยตนเอง บางช่วง ก็มีคนวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับตระกูลโต้วว่าพวกเขาถึงจะเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองไหอวี่เฉิง แต่ในความจริงแล้วตอนนี้กลับถูกตระกูลลี่กดเอาไว้ขั้นหนึ่ง

การวิเคราะห์ต่างๆ นานา ถูกรํ่าลือไปในหมู่คน

ส่วนตอนนี้ ลี่หยุนเทาก็ได้ยืนต่อหน้าของเถ้าแก่โรงเตี้ยมเรียบร้อยแล้ว

“ประ ประมุขลี่…” เถ้าแก่โรงเตี้ยมยืนต่อหน้าลี่หยุนเทาอย่างสั่นๆ ไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงได้ทำให้บุคคลใหญ่โตผู้นี้ปรากฏตัวได้ หลังจากเถ้าแก่โรงเตี้ยมควบคุมสติแล้ว ก็ยิ้มถามออกมา “ไม่ทราบว่าประมุขลี่ที่มาเป็นเพราะมีเรื่องอะไร?”

ลี่หยุนเทากวาดตามองเขา เอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า “ข้าถามเจ้า โรงเตี้ยมของเจ้ามีหญิงคนหนึ่งที่ดูงดงามดุจเทพธิดา กับคุณชายที่ดูโดดเด่นสวมชุดสีแดงเข้ามาพัก

หรือไม่?”

เถ้าแก่โรงเตี้ยมชะงัก ลักษณะของมู่ชิงเกอปรากฏอยู่ในหัวของเขาในทันที

เขาพยักหน้าอย่างไม่ลังเล และเอ่ยอย่างเอาใจว่า “มี มี มี ที่ตามเขามาก็ยังมีหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูงดงามดุจเทพธิดากับเด็กหนุ่มอีกคนที่ใบหน้าหล่อเหลา”

หยุดหายใจไปครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยอีกว่า “แต่ทว่า เด็กหนุ่มคนนั้นก็ดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บหนัก”

“เอาละ บอกข้าว่าเขาพักอยู่ห้องไหน” ลี่หยุนเทาหมดความอดทนขัดคำพูดของเถ้าแก่โรงเตี้ยมขึ้น

คนอื่นๆ เขาไม่สนใจ เพียงแต่เขาหาคนที่เขาตามหาพบก็เพียงพอแล้ว

“ขอรับ ขอรับ ขอรับ…ประมุขลี่เชิญตามข้าน้อยมาขอรับ” เถ้าแก่โรงเตี้ยมเช็ดศีรษะที่เต็มไปด้วยเหงื่อรีบนำทางไป

มู่ชิงเกออยู่ในห้อง ในมือมีแผ่นป้ายที่ใช้สื่อสารกับองครักษ์เขี้ยวมังกร เคาะไปบนนั้นหลายครั้ง

หลังจากเคาะเสร็จแล้ว นางก็เก็บป้ายหยกไว้

ข่าวที่นางมอบให้แก่องครักษ์เขี้ยวมังกรก็คือ ‘หลิวเค่อ’ แต่ว่าก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาในโลกแห่งยุคกลางนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะมีกลุ่มองค์กรนี้อยู่ ในตอนนั้นตอนที่เขียนบนสมุดรหัส ก็ไม่ได้เขียนคำนี้ไว้ ดังนั้นมู่ชิงเกอจึงได้แต่ใช้การเลียนเสียงแทน

“หวังว่าพวกเขาจะสามารถเข้าใจได้ถึงความหมาย” มู่ชิงเกอเอ่ยกับตัวเอง

ตลอดเส้นทางมาโลกแห่งยุคกลาง นางก็เคยคิดว่าหลังจากมาโลกแห่งยุคกลางแล้ว จะจัดการกับปัญหาการวางรากฐานได้อย่างไร โลกแห่งยุคกลางเป็นที่ที่มีความลึกลับมากมายสำหรับนาง และก็เป็นสถานที่แปลกใหม่ ดังนั้นนางจำเป็นต้องอาศัยกำลังของตนเอง สร้างรากฐานของตนเองในโลกแห่งยุคกลาง

หลิวเค่อเป็นองค์กรที่พิเศษ มอบแรงบันดาลใจที่ดีให้แก่นาง

ในตอนที่ได้สัมผัสนั้น นางก็ยิ่งเข้าใจเกี่ยวกับมัน ยิ่งนางเข้าใจมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกว่าองค์กรนี้เหมาะสำหรับองครักษ์เขี้ยวมังกร

ก๊อก ก๊อก—–!

เสียงเคาะประตูอยู่ดีๆ ก็ดังขึ้นมา ขัดจังหวะความคิดของมู่ชิงเกอ

มีรายละเอียดมากมายที่ต้องพูดคุยกับพวกมั่วหยางต่อหน้า เพื่ออธิบายให้พวกเขาเข้าใจถึงความหมายของ ‘หลิวเค่อ’ และก็หวังว่าพวกเขาจะสามารถเข้าใจความ คิดของนางได้ในตอนที่พบกัน

“เข้ามา” มู่ชิงเกอสำรวมขึ้น

ประตูห้องถูกผลักเข้ามา คนที่เข้ามาคือเสวี่ยหยา ท่าทางของนางดูสุขุมเย็นชา เดินมาถึงตรงหน้าของมู่ชิงเกอ เอ่ยเสียงเบาว่า “นายน้อย ประมุขตระกูลลี่รออยู่ด้านนอกเจ้าค่ะ”

ดวงตาของมู่ชิงเกอฉายแวววาบวาบ มุมปากเกิดรอยยิ้มบางๆ “ถึงเวลาที่ควรมาพอดี”

“นายน้อยท่านรู้อยู่นานแล้วว่าคนของตระกูลลี่จะมาหางั้นหรือ?” เสวี่ยหยาได้ยินถึงประโยคนี้ของมู่ชิงเกอ เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ

มู่ชิงเกอกลับยิ้มไม่พูดจา เพียงแค่เอ่ยสั่งกับนางว่า “เสี่ยวไห่ก็น่าจะดีขึ้นมากแล้ว เจ้าไปดูเขาไป”

“เจ้าค่ะ” เสวี่ยหยาไม่ได้พูดมาก เพียงแต่หลังจากมองมู่ชิงเกอแวบหนึ่งแล้ว ก็ถอยออกไป

เพียงนางจากไป ลี่หยุนเทาก็ปรากฏตัวอยู่นอกประตูห้องของมู่ชิงเกอ

“ประมุขลี่เชิญ” มู่ชิงเกอหยิบถ้วยชาสะอาดออกมาจากถาด วางลงฝั่งตรงกันข้ามกับถ้วยชาของตนเอง หยิบกาชาออกมารินชาลงไป

ลิ่หยุนเทายืนอยู่นอกประตู มองพิจารณามู่ชิงเกอแวบหนึ่ง

ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็หดตัวลง ตะโกนขึ้นในใจ! เขากลับมองไม่ทะลุถึงพลังฝึกปรือของชายที่สวมชุดสีแดงตรงหน้า…

สถานการณ์เช่นนี้มีสองเหตุผล หนึ่งคือคนๆ นี้ ใช้วิชาลับ สามารถเก็บซ่อนพลังของตนเองไว้อย่างสมบูรณ์ อีกอย่างคือพลังของเขาเหนือลํ้าไปกว่าตนเอง ดังนั้นเขาจึงสัมผัสไม่ถึง

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรก หรืออย่างหลัง แบบไหนสำหรับลี่หยุนเทาแล้วก็ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะว่าหากเขามีวิชาลับให้ใช้ เช่นนั้นก็หมายความว่า ที่มาของเขานั้นไม่ธรรมดา เพราะว่าวิชาลับเช่นนี้ภายในตระกูลธรรมดาทั่วไปนั้นไม่มี ถ้าหากว่าเป็นอีกอย่างหนึ่ง เช่นนั้นก็ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ ชายหนุ่มที่ดูมีอายุไม่มาก พลังฝึกปรือกลับข้ามผ่านเขาผู้ที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งเมืองไหอวี่เฉิง นี่ มันเรื่องอะไรกัน?

เพียงแค่ไม่กี่พริบตา ลี่หยุนเทาก็ครุ่นคิดกลับไปมาเกิดเป็นการคาดเดานับไม่ถ้วน

เขากลับคืนสภาพปกติ ก้าวเท้าเข้าไปในห้องของมู่ชิงเกอ นั่งลงตรงข้ามกับเขาหลังจากเข้าไปพิจารณาใกล้ๆ แล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกตื่นตะลึง ลมหายใจของมู่ชิงเกอดูหนักแน่นมาก นี่แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าระดับพลังของเขาไม่ธรรมดา

เพิ่มเติมกับรูปลักษณ์ที่ดูโดดเด่นใบหน้างดงามองอาจ ยิ่งทำให้ลี่หยุนเทาร้องตะโกนขึ้นในใจ ‘มิน่าลูกสาวที่เย่อหยิ่งของเขา หลังจากโดนรังแกแล้ว ก็พูดว่าไม่ต้องการชีวิตอีกฝ่าย แต่เป็นตัวของอีกฝ่าย!’

คำพูดที่ว่าใบหน้างดงามดึงดูดเรื่องราวลอยแวบขึ้นในหัวของลี่หยุนเทา

“ขอถามชื่อเสียงเรียงนามของคุณชาย” หลังจากนั่งลงแล้ว ลี่หยุนเทาก็เอ่ยปากออกมา

“มู่ชิงเกอ” มู่ชิงเกอหยิบถ้วยชาของตนเองขึ้นมา เอ่ยกับลี่หยุนเทาถือเป็นการคำนับ

‘มู่ชิงเกอ? แซ่มู่?’ หลังจากได้ยินแล้วลี่หยุนเทาก็ขมวดคิ้วขึ้น ในความทรงจำของเขา ในรายนามของตระกูลต่างๆ ในเขตภาคใต้ไม่มีตระกูลมู่ มู่ชิงเกอมองเห็นท่าทีของเขา ก็ค่อยๆ ยิ้มขึ้น เอ่ยว่า “ประมุขลี่ไม่ต้องคิดมากไป ข้ามาจากตระกูลเล็กๆ ไม่มีชื่อเสียง”

ลื่หยุนเทาชะงัก พิจารณาอย่างไม่ค่อยเชื่อเขาเท่าใดนัก ใบหน้าเช่นนี้ ท่าทีเช่นนี้ จะมาจากตระกูลเล็กๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงได้อย่างไร?

ศิษย์จากตระกูลเล็กๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงจะสามารถรักษาความสงบเช่นนี้ตอนอยู่ต่อหน้าของตนเองได้อย่างนั้นหรือ? อีกอย่าง นับตั้งแต่ตอนแรกสุดจนถึงตอนนี้ตนเองก็ยังมองไม่ทะลุ

“ถ้าหากคุณชายมู่ไม่สะดวกที่จะพูด ข้าก็จะไม่ฝืนถามต่อ” จากนั้น ลี่หยุนเทาก็เอ่ยด้วยท่าทางที่ดู ‘เข้าใจเรื่องราว’

มู่ชิงเกอยิ้มๆ และก็ขี้เกียจจะไปอธิบาย เพียงแต่บ่นในใจว่า ‘อา พูดความจริงกลับไม่มีใครเชื่อ ความเชื่อใจระหว่างคนอยู่ไหนกัน?’

ไม่รู้ว่าความ ‘ลึกลับ’ จากรอยยิ้มของนางนี้จะยิ่งทำให้ลี่หยุนเทาคิดว่าการคาดเดาของตัวเองนั้นถูกต้อง

มู่ชิงเกอน่าจะแค่เปลี่ยนชื่อ ที่อยู่เบื้องหน้านี้น่าจะเป็นศิษย์ที่ตระกูลชั้นสูงส่งออกมาหาประสบการณ์ภายนอก หรือไม่ก็มีภารกิจติดตัว หรือไม่ก็เป็นกฎของตระกูล ดังนั้นอยู่ในระหว่างการเดินทางภายนอกจึงสามารถใช้ได้แต่ชื่อปลอม

“ที่ประมุขลี่มาในวันนี้ ก็เพื่อเรื่องของลูกสาวครั้งก่อนใช่หรือไม่?” มู่ชิงเกอเล่นถ้วยชาในมือ ยิ้มออกมาอย่างขี้เล่น

เข้ามาถึงเรื่องหลัก ลี่หยุนเทาก็เก็บความคิดกลับมา เขามองมู่ชิงเกออย่างจริงจัง เอ่ยปากว่า “ลูกสาวของข้า จากเล็กจนโตก็ถูกตามใจมาโดยตลอด ตอนนี้ได้รับการสั่งสอนเสียบ้างก็เป็นเรื่องดี”

“อา?” ท่าทางที่ดูขี้เล่นของมู่ชิงเกอยิ่งลํ้าลึกขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าประมุขลี่ไม่ใช่คนที่จะมีเหตุผลมีหลักการเช่นนี้!”

ใบหน้าของลี่หยุนเทาฉายแววกระดากใจ แล้วก็ถอนหายใจเอ่ยออกมา เอ่ยอย่างหมดหนทางว่า “นั่นเป็นเพียงแค่ฉากหน้าของตระกูลลี่ของข้าในเมืองไหอวี่เฉิง เท่านั้น”

‘เริ่มแล้ว…’ มู่ชิงเกอค่อยๆ หลุบตาลง มุมปากเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา

“คุณชายมู่เพิ่งจะมาถึงเมืองไหอวี่เฉิงวันนี้วันแรก ก็น่าจะได้ยินถึงสถานการณ์ของเมืองไหอวี่เฉิง ในเมืองไหอวี่เฉิงนั้น ตระกูลโต้วเก่าแก่ที่สุด ดังนั้นจึงมีชื่อเสียงมากกว่า ตระกูลไป๋เป็นที่สอง มีเพียงตระกูลลี่ของข้าที่เป็นตระกูลใหม่ ในก่อนที่ข้าจะมีชื่อเสียงนั้น ตระกูลลี่ในเมืองไหอวี่เฉิงก็เป็นเพียงแค่ตระกูลชั้นสองกับตระกูลชั้นสาม หลังจากนั้น เป็นเพราะพลังฝึกปรือของข้าข้ามผ่านระดับ กลายเป็นอันดับหนึ่งในเมือง ถึงได้ทำให้ทั้งตระกูลเลื่อนระดับชั้นขึ้นมาได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว จนมาเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ชั้นหนึ่งทั้งสามตระกูล แต่ ฐานรากของตระกูลลี่ของข้ากลับอ่อนแอที่สุด ไม่อาจเทียบได้กับอีกสองตระกูล…”

ลี่หยุนเทาเริ่มบอกความในใจกับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอก็ไม่ได้ขัด เพียงแต่เงียบฟังต่อ

“…ภายในเมืองไหอวี่เฉิง ถ้าหากว่าตระกูลลี่เป็นตระกูลที่ดูมีศักยภาพ เป็นตระกูลที่กำลังพัฒนาตระกูลหนึ่ง เกรงว่าวันนี้ที่คุณชายมู่มาถึง ก็คงจะได้ยินเพียงแค่เรื่อง เล่าขานเกี่ยวกับตระกูลลี่แล้ว”

ลี่หยุนเทายิ้มอย่างขมขื่น “ตระกูลลี่เป็นตระกูลใหม่ ตระกูลโต้วกับตระกูลไป๋ โดยเฉพาะตระกูลโต้วก็คงจะไม่ยอมให้พัฒนาต่อไปอย่างแน่นอน! หากว่าตระกูลลี่ไม่ทำตัวเป็นหยิ่งผยองไร้เหตุผล เกรงว่าคงถูกอีกสองตระกูลร่วมมือกันล้างตระกูลไปนานแล้ว! ”

พูดถึงตรงนี้ มือของลี่หยุนเทาที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็กำขึ้นอย่างอดไม่ได้

“มีเพียงแต่ทำให้ตระกูลโต้วและตระกูลไป๋สองตระกูล คิดว่าตระกูลลี่เป็นแค่พวกชอบใช้อารมณ์ ตระกูลลี่ของข้าถึงจะมีโอกาสได้ช่วงในการพัฒนา สามสิบปี ตระกูลลี่ของข้าใช้เวลาสามสิบปีทำให้คนในเมืองไหอวี่เฉิงล้วนแต่คิดว่ารุ่นสองของตระกูลลี่มีแต่พวกใช้อารมณ์แม้ว่า จะมีอัจฉริยะก็เป็นพวกใช้แต่อารมณ์ไร้สมอง ไม่สามารถทำเรื่องราวใหญ่โตอะไรได้”

ลี่หยุนเทาเอ่ยไป กัดฟัน นํ้าเสียงก็ทำให้คนที่ฟังรู้สึกได้ถึงความอดสู เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นถึงยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองไหอวี่เฉิงแล้ว แต่ก็ยังต้องสวมหน้ากาก ไม่เพียงแต่เขา ยังรวมถึงทั้งตระกูลของเขาด้วย

ทันใดนั้น นัยน์ตาของมู่ชิงเกอก็ดูมืดมนลง

ตระกูลลี่ก็เหมือนกับตระกูลมู่อีกตระกูลหนึ่ง

ตระกูลมู่ในตอนแรก ก็ไม่ใช่ว่าเป็นเช่นนี้ค่อยๆ ก้าวขึ้นมา? เพื่อที่จะไม่ให้ฮ่องเต้ผู้นั้นเกิดความระแวง มู่ซงถึงได้ต้องยอมอดทนมาโดยตลอด ส่วนนางก็ไม่อาจไม่ทำตัวเป็นคุณชายที่ไม่เอาไหนได้

ที่แตกต่างก็คือ มู่ซงนั้นมีหัวใจที่จงรักภักดี ไม่อาจทำเรื่องเช่นการทรยศฮ่องเต้และแคว้นได้ ดังนั้นนางถึงได้ต้องทำแทน แต่ความต้องการของลี่หยุนเทาไม่ได้เป็นเพื่อรักษาความสงบ เขามีความทะเยอทะยาน!

หลังจากนิ่งเงียบไป มู่ชิงเกอมองเห็นความทะเยอทะยานที่ซ่อนอยู่ของลี่หยุนเทาออกได้

ดูเหมือนว่าเขาจะแฝงอยู่ในความมืดรอคอยเวลาที่ดีที่สุดที่จะโจมตี ดุจดั่งหมาป่าหิวโหยกำลังจะตะครุบเหยื่อ หลังจากที่หมอบเฝ้าดูมาอย่างยาวนานจนไม่อาจจะ ระงับความทะเยอทะยานในใจไว้ได้อีก เขาไม่ยินยอมจะทำเช่นนี้อีกต่อไป เขาคิดอยากจะยืนอยู่บนตำแหน่งที่สูงที่สุดในเมืองไหอวี่เฉิง!

“ระหว่างตระกูลต่างๆ ก็ไม่ใช่ว่ามีการแข่งขันจัดลำดับ?” อยู่ดีๆ มู่ชิงเกอก็เอ่ยปากขึ้นมา ขัดความรู้สึกไม่ยุติธรรมของลี่หยุนเทา การแข่งขันจัดลำดับนี้ก็เป็นตอนที่นางสอบถาม ‘ใต้เท้า’ ของตระกูลเล่อผู้นั้นถึงได้ข้อมูลมา ดูเหมือนว่าตระกูล ต่างๆ ในโลกแห่งยุคกลางจะมีการแบ่งระดับอย่างเข้มงวด

ระดับแตกต่างกัน ก็จะได้รับผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน

ดังนั้น ทุกครั้งที่มีการแข่งขันจัดลำดับของตระกูล ทุกๆ ตระกูลก็จะให้ความสำคัญมาก

ในตอนแรกเริ่มผู้ที่มีความสามารถของตระกูลเล่อที่สามารถหา ‘สมบัติสวรรค์’พบ แอบลอบเข้าไปในหลินชวน ทำให้ฝูงสัตว์อสูรของเทือกเขาฉินเกิดคลุ้มคลั่งขึ้น ทำให้กองทหารตระกูลมู่ต้องออกไปขัดขวาง สุดท้ายก็ถูกซือมั่วใช้ฝ่ามือเดียวตบจนร่างเละ จากนั้นตระกูลเล่อ ก็ส่งคนมาหาอีก แล้วถูกมู่ชิงเกอกับกูหยาฆ่าตายนอกเทือกเขาฉิน ดึงดูดให้คนตระกูลเล่อมาอีกสามคน เกือบจะพลิกทั้งเทียนตูของแคว้นฉินแล้ว นี่ทำให้มู่ชิงเกอตัดสินใจที่อยากจะกำจัดตระกูลเล่อให้สิ้นซาก!

ส่วนที่ตระกูลเล่อมีความพยายามอย่างมากเนื่องจากการแข่งขันจัดลำดับตระกูลกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ตระกูลเล่อต้องการอัจฉริยะ ‘ผู้มีความสามารถ’ ที่สามารถช่วย เหลือตระกูลเล่อในช่วงเวลาสุดท้าย ให้ได้รับผลประโยชน์ที่มากขึ้นและดีขึ้น

ในเมื่อมีการแข่งขันเช่นนี้ลี่หยุนเทาหากคิดอยากจะเป็น ‘จ้าว’ แห่งเมืองไหอวี่เฉิง ทำไมจะต้องโกหกมาตลอดสามสิบปีด้วย?

คำพูดของมู่ชิงเกอแฝงไว้ด้วยความสงสัย แต่ก็ยิ่งทำให้ลี่หยุนเทามั่นใจในการคาดเดาของตนเอง มู่ชิงเกอจะต้องเป็นศิษย์ของตระกูลใหญ่ที่เพิ่งออกมาสู่โลกภายนอก รู้เรื่องราวและธรรมเนียมต่างๆ ระหว่างตระกูล แต่ไม่รู้ละเอียดมาก

“มีการแข่งขันจัดลำดับจริงๆ แต่ว่าของเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ของเบื้องหน้า มันล่องลอยเกินไป” ลี่หยุนเทายิ้มเย็นออกมา ในนํ้าเสียงฉายแววดูแคลน

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว

“ตระกูลโต้วมีรากฐานหยั่งลึก ตระกูลไป๋ก็ห่างกันไม่มาก การแข่งขันจัดลำดับตระกูล เป็นการแย่งชิงอำนาจกันภายในแต่ละเมือง ทุกครั้งที่จัดจะมีใต้เท้าจากจวนว่าการประจำภาคมาดูการแข่งขัน พูดว่าเพื่อความเท่าเทียมกัน แต่ในความเป็นจริงที่แข็งขันก็คือทรัพย์สมบัติของตระกูล แล้วก็ยังมีการส่งส่วยมากเท่าไหร่?” ลี่หยุนเทาเอ่ยอย่างไม่พอใจ

มู่ชิงเกอลอบเข้าใจจากคำพูดของเขา การแข่งขันที่ดูเหมือนจะยุติธรรมถึงจะเป็นสิ่งที่ดำมืดที่สุด และก็ง่ายที่จะทำให้คนต่อต้านมากที่สุด

“คิดจะเปลี่ยนสถานะของตระกูล นอกจากการแข่งขันจัดลำดับแล้ว ก็มีเพียงทางเดียว” นัยน์ตาของลี่หยุนเทาฉายแววอำมหิต

เขามองมู่ชิงเกอ เอ่ยขึ้นในทันใดว่า “ข้ามีใจอยากจะร่วมมือกับคุณชายมู่ หลังจากงานเสร็จ ข้าให้สัญญาว่าเมืองไหอวี่เฉิงนี้ข้ากับท่านจะปกครองร่วมกัน!”

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอวาววาบ มุมปากฉีกกว้าง “ข้าจะอาศัยอะไรไปเชื่อใจท่าน? ประมุขลี่เผยความในใจเช่นนี้ ต่อหน้าคนที่เพิ่งเคยพบกันครั้งแรก ไม่กลัวหรืออย่างไร?”

มุมปากของลี่หยุนเทากระตุกเป็นรอยยิ้ม แสงวาววาบในดวงตาเปลี่ยนเป็นจริงจังยิ่งขึ้น เก็บอารมณ์ทุกอย่างกลับ เหลือไว้แต่ความเย็นเยียบในดวงตา ดูเหมือนไม่ใช่คนๆ เดียวกันกับคนที่พูดความในใจกับมู่ชิงเกอเมื่อครู่

“คุณชายมู่จงใจพูดคำพูดรุนแรงเช่นนั้นต่อหน้าลูกสาวข้า เกรงว่าคงรู้มาก่อนแล้วว่าข้าจะต้องมา ระดับพลังของคุณชายมู่ข้าดูได้ไม่ชัดเจน คิดว่าคงไม่ตํ่าต้อย ข้า คนเดียวคิดจะล้างสองตระกูล เกรงว่าจะมีความลำบากอยู่บ้าง แต่หากเพิ่มคุณชายมู่เข้าไป ก็จะเพิ่มโอกาสชนะขึ้นไปอีก”

ลี่หยุนเทาพูดสาเหตุที่มาหามู่ชิงเกอออกมา แต่กลับไม่ได้พูดว่าถ้าหากมู่ชิงเกอปฏิเสธแล้วจะเป็นอย่างไร

มู่ชิงเกอเอ่ยถามอย่างขี้เล่น “หากว่าข้าปฏิเสธล่ะ?”

ลี่หยุนเทาเย็นชาขึ้น “คุณชายมู่รู้เรื่องที่ไม่สมควรมากมาย ถ้าหากว่าปฏิเสธที่จะร่วมมือ เช่นนั้นสามารถทำได้เพียงขอเชิญคุณชายมู่ไปพักที่ตระกูลลี่ชั่วคราว ก่อนที่ฝุ่นจะตกตะกอนลง ลูกสาวของข้านั้นพึงพอใจในตัวคุณชายมู่ คิดว่าคงไม่ทำให้คุณชายมู่รู้สึกไม่เป็นธรรม”

คิดจะกักบริเวณข้างั้นหรือ?

มู่ชิงเกอหัวเราะในใจ

นางรู้สึกนับถือลี่หยุนเทาขึ้นมาเล็กน้อย

ความกล้าและความทะเยอทะยานของคนผู้นี้มีพอๆ กัน เพื่อที่จะชักชวนตัวเอง กล้าพูดความในใจกับคนแปลกหน้า และก็คิดดีแล้วถ้าหากว่าตนเองปฏิเสธ จะทำอย่างไร ทั้งสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่แค่เพียงตระกูลโต้วตระกูลเดียวหรือตระกูลไป๋ตระกูลเดียว แต่เป็นต้องการให้เมืองไหอวี่เฉิงเหลือเพียงแค่ตระกูลลี่ที่ใหญ่ที่สุด! กวาดล้างตระกูลโต้วและตระกูลไป๋ให้สิ้นซาก!

คนเช่นนี้ เป็นคนที่เกิดมามีอุดมการณ์ยืดได้หดได้ ตอนที่สมควรต้องลงมือก็จะไม่มีความลังเล

โหดเหี้ยมพอ!

และก็ฉลาดพอ!

เข้าใจสถานการณ์

มู่ชิงเกอลอบวางแผนในใจ เมืองไหอวี่เฉิงนี้ใกล้กับทะเลแห่งทุกข์ไม่ว่าจะเป็นเกาะตูเล่อของเผ่าอี๋ หรือว่าไกลออกไปสุดทะเลแห่งทุกข์อย่างหลินชวน ที่นี่ก็ถือว่าเป็น จุดยุทธศาสตร์ที่ดี ถ้าหากนางยินยอมตกลงร่วมมือกับลี่หยุนเทา แสดง กำลังของตนเอง ทำให้ลี่หยุนเทาเกรงกลัว เช่นนั้นก็จะเท่ากันกับว่าตนเองได้หยั่งรากหนึ่งลงในเมืองไหอวี่เฉิงแล้ว

ไม่แน่ อาจจะมีประโยชน์สำหรับนางในการเดินทางไปมาในโลกแห่งยุคกลางในภายหน้าก็ได้

อีกอย่าง ตอนนี้นางก็ยังมีความขัดแย้งกับตระกูลโต้วในเมืองไหอวี่เฉิง เกรงว่าตระกูลโต้วก็คงจะไม่ใจกว้างยินยอมปล่อยนางไปง่ายๆ

“ตอนที่ประมุขลี่มา ได้พบกับคนของตระกูลโต้วหรือไม่?” อยู่ดีๆ มู่ชิงเกอก็เอ่ยขึ้นมา

ลี่หยุนเทาเข้าใจในความหมายของมู่ชิงเกอในทันที ค่อยๆ ยิ้มและเอ่ยว่า “แน่นอนว่าพบแล้ว เพียงแต่สามารถบอกได้ว่า คนของพวกตระกูลโต้วพวกที่ไม่ดูตาม้าตาเรือนั่น เพิ่มโอกาสให้ตระกูลโต้วล่มสลายได้ไม่น้อย”

นัยน์ตาของทั้งสองคนปะทะกัน มีแผนการในใจเรียบร้อย

มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นอีกว่า “ประมุขตระกูลลี่เชื่อในข้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ?”

‘ข้า’ นี่หมายถึงกำลังของนาง

ลี่หยุนเทาพูดอย่างไม่อ้อมค้อม “ถึงแม้ว่าลี่ฝูจะไม่ได้มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากสักเท่าไหร่ แต่ก็เป็นระดับสีเทาชั้นหนึ่งอย่างแท้จริง กลับถูกหญิงสาวข้างกายของคุณชายมู่คนนั้นใช้กระบวนท่าเดียวทำให้พ่ายแพ้ พูดได้เพียงแต่ว่าพลังของหญิงสาวคนนั้นอยู่สูงกว่าลี่ฝู อย่างน้อยก็ต้องอยู่ระดับสีเทาชั้นสอง สามารถมีหญิงสาวที่มีพลังระดับสีเทาชั้นสองคอยอยู่ข้างกาย ทั้งยังสามารถทำให้นางรับคำสั่งจากคุณชายได้จุดๆ นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคุณชายไม่ธรรมดา”

ต่อให้เขาจะคำนวณผิด มู่ชิงเกอเพียงแต่เข้าใจวิชาซ่อนพลัง มีพลังไม่สูง แต่หญิงสาวข้างกายของเขาคนนั้นก็เป็นกำลังรบที่หาได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีตระกูลที่อยู่เบื้องหลังของมู่ชิงเกอ สำหรับตระกูลลี่แล้วก็เหมือนเป็นการเกราะกำบังใหญ่ที่เขาเกาะได้แล้ว สัญญาที่จะแบ่งปันเมืองไหอวี่เฉิง ลี่หยุนเทาก็คิดดีแล้ว มู่ชิงเกอไม่สามารถอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ได้ตลอด รอเขาจากไปแล้ว ทั้งเมืองไหอวี่เฉิงจะไม่เป็นของเขาคนเดียวอีกหรือ?

ในระหว่างที่ทั้งตอบทั้งหัวเราะ ลี่หยุนเทาลอบวางแผนในใจไปอย่างหลากหลาย

ในใจของมู่ชิงเกอก็มีหลากหลายความคิดผุดออกมา นางหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย “มีคำพูดพูดไว้ว่าศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน ข้ากับประมุขลี่อาจจะไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ แต่ก็มีศัตรูร่วมกัน ดูแล้วเพื่อนในครั้งนี้ก็ได้กำหนดไว้แล้ว”

ประโยคนี้ทำให้ลี่หยุนเทารู้สึกยินดี

แต่ว่ามู่ชิงเกอกลับเปลี่ยนนํ้าเสียง เอ่ยกับลี่หยุนเทาว่า “เมืองไหอวี่เฉิงนั้นข้าไม่ต้องการ เรื่องร้านค้ากิจการในเมืองจะจัดการอย่างไรนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องของตระกูลลี่ แต่ว่าข้าต้องการภาษีครึ่งหนึ่งของเมืองไหอวี่เฉิงทุกปี ยังมี ข้าได้ยินมาว่านอกเมืองไหอวี่เฉิงมีสายแร่ศิลาวิญญาณ ถูกดูแลโดยพวกเจ้าสามตระกูลมาตลอด ตระกูลโต้วแน่นอนว่าได้มากที่สุด ตระกูลไป๋เป็นรอง ตระกูลลี่ได้ตํ่าสุด หลังจากเรื่องสำเร็จแล้ว ของที่ได้จากสายแร่ศิลาวิญญาณในทุกปีข้าก็ต้องการครึ่งหนึ่ง ถึงแม้จะบอกว่าข้าแบ่งไปครึ่งหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงตระกูลลี่ก็ได้ประโยชน์มากที่สุดอยู่ดี”

ภาษีกับสายแร่ศิลาวิญญาณของเมืองไหอวี่เฉิงล้วนต้องการครึ่งหนึ่ง!

ลี่หยุนเทาลอบก่นด่าในใจประโยคหนึ่ง ‘โหดเหี้ยมมาก!’ ของเหล่านี้ เพียงแค่ได้ยินเฉยๆ ก็ยังทำให้เขาปวดใจได้

เขาสงสัยว่ามู่ชิงเกอมาเมืองไหอวี่เฉิงครั้งแรกจริงหรือ มาถึงเมืองไหอวี่เฉิงวันแรกเหตุใดจึงรู้อย่างละเอียดถึงขนาดนี้? เรื่องของสายแร่ศิลาวิญญาณ มู่ชิงเกอก็ได้ยินมาจากกลุ่มของพวกหลิวเค่อ ส่วนเรื่องภาษี…อย่าลืมว่าเขาเป็นนายน้อยตระกูลชั้นสูง เหตุใดจึงจะไม่รู้เรื่องราวโค้งๆ อ้อมๆ เหล่านี้ได้?

คิดจะอาศัยในเมืองไหอวี่เฉิง หรือจะทำกิจการ หากไม่จ่ายส่วย ตระกูลเหล่านี้จะยอมให้เจ้าอยู่ได้อย่างไร?

สีหน้าที่เปลี่ยนสีของลี่หยุนเทา ทำให้มู่ชิงเกอเยาะเย้ยขึ้นมา “หรือว่าที่ประมุขตระกูลลี่พูดว่าแบ่งเมืองไหอวี่เฉิงนั้นเป็นเพียงคำพูดลอยๆ เท่านั้นหรือ? หรือว่าคิดว่าข้าอายุยังน้อยแล้วคิดจะหลอกข้า? ข้าได้ถอยออกจากอำนาจการจัดการเมืองไหอวี่เฉิงให้แล้ว ต้องการเพียงของรางวัล ประมุขตระกูลลี่ยอมไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ?”

คำพูดของนาง ทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าของลี่หยุนเทากระตุก เขามองมู่ชิงเกอ เก็บคำวิเคราะห์ประโยคหนึ่งเมื่อก่อนกลับไป ‘นี่ไหนเลยจะเป็นศิษย์ตระกูลใหญ่ที่เพิ่งเคยออกสู่โลกภายนอก เห็นชัดๆ ว่าเป็นจิ้งจอกดูดเลือดคน!’

ถึงแม้ว่ามู่ชิงเกอจะพูดได้ไม่ผิดขอเพียงแค่เรื่องราวสำเร็จ แม้จะแบ่งสมบัติครึ่งหนึ่งให้แก่เขา ครึ่งหนึ่งที่ตระกูลลี่ของเขาได้รับก็เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าอยู่ดี

แต่ว่า เมื่อมาถึงริมฝีปาก ถูกแบ่งไปอย่างนี้ครึ่งหนึ่ง ก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจนัก!

ลี่หยุนเทานิ่งเงียบไป ในใจวางแผน…

แผนการสามสิบปี ตอนนี้ได้มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ถ้าหากว่าไม่มีมู่ชิงเกอเข้าร่วม เขาก็สามารถชนะได้ แต่ก็ต้องสูญเสียหนักหน่อย ไม่ดีต่อการพัฒนาในอนาคต ของตระกูล และอาจจะทำให้เกิดช่องโอกาส ทำให้ตระกูลเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นลุกขึ้นมาแบ่งประโยชน์ได้ ถ้าหากว่ามีมู่ชิงเกอเข้าร่วม ความสูญเสียของตระกูลลี่ก็จะน้อยลง

รอจนทุกอย่างสงบลงแล้ว ตระกูลลี่ก็สามารถครอบครองทั้งเมืองไหอวี่เฉิง ไม่มอบโอกาสให้ใครต่อต้านได้

ถึงตอนนั้น…

นัยน์ตาส่วนลึกของลี่หยุนเทาทอวาบด้วยไอสังหารออกมา

รอเขาจัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว ค่อยจัดการเจ้าเด็กที่ทะเยอทะยานนี่!

ร่วมมือกับเขาเป็นเพราะสนใจในพลังของเขา แล้วก็ยังมีขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังเขา เมื่อจบการร่วมมือแล้วเจ้าเด็กโลภมากคนนี้เขาก็จะจัดการให้ลับและเงียบหน่อย เพื่อจะได้ไม่เป็นภัยแก่ตระกูล!

การประเมินที่มู่ชิงเกอมีต่อลี่หยุนเทา อันดับแรกคือเป็นคนกล้า จุดนี้ไม่เลว เพียงแต่ในพริบตา เขาก็คิดเรื่องการฆ่าหลังเสร็จงานออกมาได้อย่างเสร็จสรรพ

ความคิดเช่นนี้ทำให้ความเจ็บปวดในใจของลี่หยุนเทาลดลงไปบ้าง

เขาเผยความรู้สึกเจ็บปวดออกมาต่อหน้ามู่ชิงเกอ “ภาษี และสายแร่ศิลาวิญญาณครึ่งหนึ่งนี้ช่าง…” เผยอาการขัดขืนชั่วครู่ เขาถึงได้ทำเป็น ‘อดสู’ อย่างหมดหนทาง “เอาเถอะ ถือว่าข้าถือคุณชายมู่เป็นเพื่อนแล้ว!”

มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ เอ่ยกับเขาว่า “ขอให้ร่วมมือกันอย่างราบรื่น”

จุดหมายสำเร็จ ลี่หยุนเทาก็ลุกขึ้นกล่าวลา เพื่อที่จะให้ความร่วมมือมีความจริงใจ เขาก็เสนอตัวช่วยให้มู่ชิงเกอให้พักผ่อนได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องว่าตระกูลโต้วจะมาหาเรื่องอีก

เมื่อส่งลี่หยุนเทาไปแล้ว รอยยิ้มที่มุมปากของมู่ชิงเกอก็ค่อยๆ หายไป นัยน์ตากระจ่างฉายแววดูแคลนและเย็นชา

ความคิดในใจของลี่หยุนเทา ถ้าหากนางเดาไม่ออก ก็สมควรจะหาชิ้นเต้าหู้มาทุบตัวเองให้ตายจริงๆ

ลิ่หยุนเทาเดินออกมาจากในโรงเตี้ยมแล้วก็มองตรงไปยังผู้ดูแลตระกูลโต้วที่ยืนอยู่อีกทาง

เห็นสายตาของลี่หยุนเทามองมา ผู้ดูแลตระกูลโต้วก็รีบยิ้มออกมาในทันที ลี่หยุนเทายิ้มเย็นในใจเล็กน้อย ชี้นิ้วกวักๆ ไปทางเขา ท่าทีเช่นนี้ ดูหยิ่งผยองเสียยิ่งกว่าที่ผู้ดูแลตระกูลโต้วทำเมื่อครู่นี้อีก

ผู้ดูแลตระกูลโต้วชะงัก ภายใต้สายตาดูแคลนของลี่หยุนเทา ทำได้เพียงแค่วิ่งเล็กน้อย โค้งกายต่อหน้าเขาและเอ่ยว่า “ประมุขลี่มีอะไรจะสั่ง?”

ลี่หยุนเทากวาดตามองเขา เอ่ยถามอย่างหยิ่งผยอง “เจ้า มาก็เพื่อหาคุณชายชุดแดงผู้หนึ่งใช่หรือไม่?”

ผู้ดูแลตระกูลโต้วเยียบเย็นขึ้น ลอบสำรวจท่าทางของลี่หยุนเทา มุมปากกระตุกอย่างแค้นเคือง

เป็นถึงผู้ดูแลตระกูลโต้ว ความคิดเดิมของเขาคือการปฏิเสธการถามของลี่หยุนเทา! แต่ว่าภายใต้การกดดันจากสายตาของลี่หยุนเทา ในที่สุดเขาก็ยังคงต้องโอน อ่อนยอมไป

“ใช่…ใช่…” ผู้ดูแลตระกูลโต้วเอ่ยออกมาสั่นๆ ในใจคิดลอยออกไปว่าคนที่พวกเขาต้องการหานั้นมีความสัมพันธ์ใดกับลี่หยุนเทา

ลี่หยุนเทากลับยิ้มอย่างดูแคลนออกมา เอ่ยอย่างหยิ่งยโสกับผู้ดูแลตระกูลโต้วว่า “ไสหัวไป บอกตระกูลของพวกเจ้า คุณชายผู้นั้นเป็นแขกของตระกูลลี่ของข้า หากว่าคิดจะหาเรื่องเขา ก็คือคิดจะหาเรื่องกับข้าลี่หยุนเทา และก็ยิ่งเป็นการหาเรื่องตระกูลลี่!”

ผู้ดูแลตระกูลโต้วตกตะลึงเหมือนถูกสายฟ้าฟาด!

เขามองลี่หยุนเทาตาค้าง ดูเหมือนยังไม่สามารถวิเคราะห์คำพูดของเขาได้ทั้งหมด

เด็กที่เพิ่งมาจากด้านนอกหนึ่งคน เหตุใดจึงมีความสัมพันธ์กับลี่หยุนเทาได้? แล้วยังพูดคำพูดปกป้องเขาเช่นนี้ออกมา!

ความคิดสงสัยเช่นนี้พอเกิดขึ้นในใจ ผู้ดูแลตระกูลโต้วจึงเอ่ยถามว่า “ประมุขลี่คงไม่ทราบว่า คนๆ นั้นทุบตีผู้ดูแลตระกูลโต้ว ข้าได้รับคำสั่งจากท่านประมุขให้มานำคนผู้นั้นไป เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิด”

“ไม่ได้!” ลี่หยุนเทาตะคอกออกมา นัยน์ตาฉายแววสังหารไปที่ผู้ดูแลตระกูลโต้ว “นอกเสียจากว่าคุณชายมู่ จะยินยอมไปเอง หากพวกเจ้าใครบังคับเขา ก็รอการ ตอบโต้จากตระกูลลี่ของข้าก็แล้วกัน”

พูดแล้ว เขาก็สะบัดเสื้อ พลังกดดันนั้นทำให้ผู้ดูแลตระกูลโต้วล้มลงไปกองกับพื้น เขาก็ไม่แม้แต่จะมองพาคนจากไปในทันที

คนของตระกูลโต้วมองตากัน

พวกเขามาหาเรื่องคน เรื่องยังไม่ทันได้หาเลย หรือว่าต้องกลับไปมือเปล่าเช่นนี้งั้นหรือ?

นี่ดูไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ของตระกูลโต้วเลยสักนิด!

แต่ว่า พวกเขาก็รู้ดีว่าลี่หยุนเทาไม่ใช่คนที่พวกเขาจะไปล่วงเกินได้

พริบตาเดียว ทุกคนก็มองไปยังผู้ดูแลที่นั่งกองอยู่บนพื้น เขาถูกทุกคนมองมา ก็หลุบตาลง ลุกยืนขึ้นมาจากพื้น ตะโกนว่า “มองอะไร? กลับตระกูลโต้วกับข้าเข้าพบท่านประมุข!”

เขาตัดสินใจแล้ว เรื่องเช่นนี้โยนไปให้ท่านประมุขดีแล้ว คนเล็กๆ เช่นเขาอย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า

คนของตระกูลโต้วมาอย่างห้าวหาญ และก็กลับไปอย่างอเนจอนาถ

ภาพเช่นนี้ทำให้กลุ่มคนที่แทะเม็ดแตงโมมุงดูอยู่เงียบๆ รอบด้านเกิดความสงสัยว่าภายในโรงเตี้ยมนั้นมีบุคคลใหญ่โตจากไหนพักอยู่กันแน่!

ส่วนตอนที่ทุกอย่างเกิดขึ้น มู่ชิงเกอก็ได้เดินเข้าไปในห้องของจิงไห่แล้ว…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version