ตอนที่ 272
พระจันทร์ส่องเทือกเขา มีโฉมงามเคียงคู่!
โบร๋ววว!
เสียงหอนของราชาจิ้งจอกพิษสามเขาดังก้องสะท้อนไปทั่วป่า
จิงไห่สะดุ้งตัวขึ้น ระแวดระวัง สองตาเปล่งประกายจ้องมองราชาจิ้งจอกพิษสามเขา ไม่ได้หลุดกลัวสับสนวุ่นวายเพราะความแตกต่างของพลัง
ความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้าต่อศัตรูเช่นนี้ มู่ชิงเกอพึงพอใจเป็นอย่างมาก
นางอยู่ในอ้อมกอดของซือมั่ว พยักหน้าอยู่หลายที รอคอยท่าทีต่อไปของจิงไห่
การเคี่ยวกรำฝึกฝนระหว่างความเป็นและความตาย สำหรับใครก็แล้วแต่ ก็ล้วนแต่เป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนา จิงไห่ก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มู่ชิงเกอมีความมั่นใจว่าในระหว่างความเป็นความตายนี้หากจิงไห่มีอันตรายถึงชีวิต ก็จะสามารถช่วยเขาออกมาจากความตายได้ทัน
หยดพิษบนเขี้ยวของราชาจิ้งจอกพิษสามเขา หยดย้อยลงบนพื้น เกิดกลิ่นเหม็นกระจายออกมา กัดกร่อนพืชที่อยู่บนพื้น หากเทียบกับพิษของโห่วแล้ว พิษของราชาจิ้งจอกพิษสามเขาก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร แต่สำหรับจิงไห่แล้ว พิษของราชาจิ้งจอกพิษสามเขานี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเอาชีวิตของเขา
ราชาจิ้งจอกพิษสามเขาพุ่งตัวเข้าไปหาจิงไห่ เงาร่างของมันปราดเปรียว เร็วดุจดั่งสายฟ้า พริบตาเดียวก็พุ่งไปจนถึงตำแหน่งที่จิงไห่อยู่
ส่วนการเคลื่อนไหวของจิงไห่ก็ไม่ได้ช้า ในพริบตาที่ราชาจิ้งจอกพิษสามเขาพุ่งมาที่เขานั้น เขาก็เคลื่อนตัวไปทางซ้าย
เงาร่างของทั้งคนทั้งจิ้งจอก พัวพันกันอยู่ในอากาศ นัยน์ตาของจิงไห่สะท้อนภาพดวงตาที่ป่าเถื่อนอำมหิตของราชาจิ้งจอกพิษสามเขา
ราชาจิ้งจอกพิษสามเขาคว้าได้ความว่างเปล่า หลังจากตกลงสู่พื้นแล้วก็รีบจัดองศาใหม่ในทันที แล้วก็ไล่ตามจิงไห่ไป
จิงไห่กลิ้งไปบนพื้นสองรอบอย่างต่อเนื่องรีบคลานขึ้นมา ตวัดมีดสั้นติดตัวออกไป มีดสั้นนี้เป็นอาวุธที่มู่ชิงเกอดัดแปลงมาจากมีดทหาร เหมาะแก่การต่อสู้ประชิดตัวเป็นอย่างมาก
บนใบมีดแหลมคม ยังมีรอยเลือดสลักอยู่ เพียงมีดเดียวก็สามารถกรีดผิวหนังและทำให้เลือดไหลออกมาได้อย่างรวดเร็ว
จิงไห่ถือมีดสั้นไว้ตรงด้านหน้าหน้าอก นัยน์ตาเย็นชาทั้งคู่จ้องไปยังราชาจิ้งจอกพิษสามเขาที่พุ่งเข้ามากลางอากาศอย่างไม่วางตา
ราชาจิ้งจอกพิษสามเขาหอนออกมาแล้วก็พุ่งไปหาจิงไห่อีกครั้ง กรงเล็บอันแหลมคมของมันสะบัดออกมาพร้อมกับแสงสีเทาอ่อน ที่แสดงระดับพลังของมันออกมา
จิงไหรีบเคลื่อนตัวหลบอย่างรวดเร็ว แสงวูบผ่านด้านหน้าหน้าอกของเขาไป ฉีกเสื้อตรงหน้าหน้าอกของเขาจนขาด ทิ้งไว้เพียงรอยขาดเป็นทางยาว
ส่วนในตอนนี้เอง มีดสั้นของจิงไห่ก็ได้ไปถึงตรงหน้าคอของราชาจิ้งจอกพิษสามเขาแล้ว เพียงแค่เขาสะบัดข้อมือ ยื่นมีดสั้นไปด้านหน้าเล็กน้อย ปลายมีดสั้นอันคมกริบก็จะแทงตรงทะลุผิวหนังคอของราชาจิงจอกพิษสามเขาในทันที
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหรี่เล็กลง เผยแววชื่นชม “กระบวนท่านี้ใช้ออกมาได้ไม่เลว เด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ดูแล้วการฝึกฝนในวันที่ผ่านๆ มาไม่ได้สูญเปล่า”
“แต่กลัวว่าคงจะไร้ผล” เสียงของซือมั่วเพิ่งจะหลุดออกไป ดวงไฟดวงหนึ่งก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของพวกเขาสองคน
มีดสั้นของจิงไห่สะบัดผ่านคอของราชาจิ้งจอกพิษสามเขา แต่ว่ากลับไม่ได้ทะลุผิวหนังเข้าไป แต่กลับเกิดเป็นชั้นสีเพลิงขึ้น
การโจมตีของเขาไม่สามารถทะลุการป้องกันของราชาจิ้งจอกพิษสามเขาได้เลย!
ถ้าหากว่าเป็นคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน หากโดนการโจมตีนี้ของจิงไห่แล้ว แม้จะไม่ตกตายแต่ก็ต้องเสียเลือดแน่ แต่ว่าการป้องกันของเผ่าสัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งกว่าเผ่ามนุษย์ ผิวหนังและขนของพวกมันก็ล้วนแต่มีความสามารถในการป้องกัน ดุจดั่งกำลังสวมชุดเกราะอยู่
ดังนั้น พลังของจิงไห่ รวมถึงอาวุธของเขาจึงไม่อาจจะทะลุการป้องกันโดยธรรมชาติของราชาจิ้งจอกพิษสามเขาได้
กลับกัน กระบวนท่านี้ของเขาได้ไปกระตุ้นราชาจิ้งจอกพิษสามเขา ทำให้นัยน์ตาของมันเปลี่ยนเป็นอำมหิตยิ่งขึ้น ดวงตาแดงฉาน
“ดูท่าต้องหาเวลาพัฒนาอาวุธเสียแล้ว” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น บ่นกับตัวเอง
ในหลินชวน ศัตรูของเขี้ยวมังกร ส่วนมากก็คือเผ่ามนุษย์ ยุทธภัณฑ์เหล่านี้ก็นับว่าเพียงพอ แต่เมื่อมาถึงโลกแห่งยุคกลาง สถานะของเขี้ยวมังกรก็คือหลิวเค่อ ที่นอกจากจะต้องต่อกรกับเผ่ามนุษย์ด้วยกันแล้ว เวลาส่วนมากก็ต้องต่อกรกับเผ่าสัตว์อสูร ถ้าหากว่าในมือไม่มีอาวุธที่แหลมคม เกรงว่าอาจจะต้องมีการสูญเสียในการศึก
เป็นถึงครูฝึกหลัก แน่นอนว่านางไม่สามารถให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับเขี้ยวมังกรได้ คนที่ฉลาดจะต้องลับคมอาวุธของพวกเขาก่อน!
ราชาจิ้งจอกพิษสามเขาพุ่งเข้าไปหาจิงไห่ด้วยความโมโห ท่าทีเช่นนั้นดูเหมือนกับอยากจะกลืนจิงไห่ลงไปในท้อง ความเร็วของมันเร็วมาก ความเร็วเพียงเล็กน้อยของจิงไห่แทบไม่มีคุณค่าให้พูดถึงเลยเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน จิงไห่ถูกราชาจิ้งจอกพิษสามเขาพุ่งเข้ากดตัวลงไว้กับพื้นอย่างง่ายดาย กรงเล็บหน้าที่แหลมคมกดไว้ที่หัวไหล่ ของเขา ขวางไม่ให้เขาขยับตัวได้
โฮก!
ราชาจิ้งจอกพิษสามเขาส่งเสียงคำรามออกมา
สองตาแดงฉานที่จ้องมองจิงไห่ฉายไอสังหาร มันยกกรงเล็บซ้ายขึ้นแล้วกดลงบนข้อศอกขวาของจิงไห่
กรอบ!
เสียงกระดูกหักดังออกมา
เจ็บปวดจนทำเอาสีหน้าของจิงไห่ซีดขาว มือที่กำมีดสั้นอยู่คลายออก มีดสั้นหล่นลงไปอีกทาง
แต่ไม่ว่าจะเจ็บอย่างไร จิงไห่ก็ไม่ร้องออกมาแม้แต่น้อย
ความดื้อดึงในดวงตาของเขาดุจดั่งมีดคมแทงไปยังราชาจิ้งจอกพิษสามเขา เพียงแต่ว่าสายตาของเขาในมุมมองของราชาจิ้งจอกพิษสามเขากลับเพียงแค่การยิ้มเยาะ
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น นัยน์ตาฉายแววเยียบเย็นอำมหิต
“อย่าเพิ่งรีบร้อนไป รอก่อน” ซือมั่วกระซิบเบาๆ ข้างหูของนาง
ภายในนัยน์ตาสดใสของมู่ชิงเกอ ฉายแวววาววาบ แน่นอนว่านางเข้าใจในเหตุผลที่ว่าเมื่อเผชิญกับความทุกข์ยากแล้วจะเผยศักยภาพที่ดีออกมา ที่ซือมั่วทิ้งจิงไห่เข้ามาในหุบเขาซางหลาน เป้าหมายก็คือสิ่งนี้
นางจึงเก็บไอสังหารในใจกลับ รอคอยต่อไปอย่างอดทน
หยดพิษบนเขี้ยวของราชาจิ้งจอกพิษสามเขาหยดลงมา ตามปลายฟันของมัน จึงไห่หันหน้าพลิกหลบหลีกเลี่ยง ไม่ให้หยดพิษหยดลงบนใบหน้าของเขาได้
การเคลื่อนไหวนี้ดูเหมือนว่าได้ไปท้าทายราชาจิ้งจอกพิษสามเขาแล้ว
ภายในนัยน์ตาแดงฉายของมันฉายแววเยาะเย้ยออกมาสายหนึ่ง กรงเล็บที่กดลงบนไหล่ซ้ายของจิงไห่ ค่อยๆ เพิ่มแรงขึ้นกดแน่นขึ้น
แครก แครก!
“อ้า!” กระดูกบนหัวไหล่ดูเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ กรงเล็บอันแหลมคมก็แทงลึกเข้าไปในผิวหนัง เข้าไปในเนื้อ
กลิ่นเลือดลอยออกมาจากบาดแผลของจิงไห่ ความเจ็บปวดเช่นนี้บีบจนเขาอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา
เหงื่อเย็นไหลซึมจนเส้นผมของจิงไห่เปียกโชก
ไหล่ซ้ายของเขาทั้งไหล่ วางราบอยู่กับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง กลายเป็นไร้เรี่ยวแรงไม่สามารถใช้งานได้
เมื่อเป้าหมายสำเร็จ ราชาจิ้งจอกพิษสามเขากลับไม่ได้คิดจะปล่อยเขาไป แต่กลับค่อยๆ ยกกรงเล็บหน้าขวาขึ้นกดลงไปบนหัวของจิงไห่ ทำให้เขาไม่อาจจะขยับได้
ราชาจิ้งจอกพิษสามเขาอ้าปากกว้าง หยดพิษค่อยๆ หยดไหลลงมาจากฟันแหลมอีกครั้ง
จิงไห่ไม่สามารถขยับหัวได้ทำได้เพียงแต่มองลอดกรงเล็บของราชาจิ้งจอกพิษสามเขาไปเห็นหยดพิษสีเขียว สดที่กำลังหยดลงมาจากปลายฟันแหลมคม กำลังไหลหยดลงมาใส่ตนเอง
พิษหยดนั้นมีสีเขียวสดใส ดูงดงามยิ่งนัก แต่กลับมีกลิ่นที่เหม็น ตกลงมาราวกับดอกไม้สีเขียวเล็กๆ ดอกหนึ่งบนแก้มซ้ายของจิงไห่
“อ้า! อ้า!”
จิงไห่เจ็บปวดจนร้องเสียงดังออกมา เขาพยายามฝืนแล้วแต่ไร้ประโยชน์
หยดพิษกัดกร่อนผิวแก้มข้างซ้ายของเขา ทำให้บาดแผลกว้างขึ้นเรื่อยๆ มันกัดกร่อนผิวและเลือดเนื้อของเขาจนเผยให้เห็นกระดูกสีขาว
ความเจ็บปวดที่ไม่เคยมีมาก่อนเข้าทิ่มแทงจิงไห่ไม่หยุด แต่ราชาจิ้งจอกพิษสามเขากลับชอบที่จะทรมานเขา ไม่ได้รีบร้อนจะเอาชีวิตเขา เพียงแต่ทำเหมือนเขาเป็นของเล่น จิงไห่ร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดสะท้อนดังไปในป่า
เขาไม่รู้เลยว่า ห่างจากเขาไปไม่ไกลนั้น คนที่เขานับถือที่สุด ครูฝึก(อาจารย์)ของเขากำลังมองดูเขาอยู่
นัยน์ตาของเขาฉายแววไม่ยินยอม ดวงตาบริสุทธิ์ของเขาฉายแววแค้นเคืองและไอสังหารพุ่งโชยออกไป เขาจ้องราชาจิ้งจอกพิษสามเขา ดูเหมือนว่าจะแค้นจนคิดอยากใช้สายตาสังหารมัน!
ซือมั่วมองไปยังมู่ชิงเกอ ความสงบของคนในอ้อมอกทำให้เขารู้สึกเป็นห่วง
มู่ชิงเกอกลับค่อยๆ ยกมุมปากกระตุกขึ้น “เด็กผู้ชาย ได้รับบาดเจ็บหน่อยก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร ขอเพียงแค่เขายังมีลมหายใจอยู่ ข้าก็สามารถช่วยเขากลับมาได้”
ถึงแม้ว่านางจะพูดเช่นนี้ แต่นัยน์ตากระจ่างก็เอาแต่จ้องไปยังท่าทางที่กำลังร้องอย่างเจ็บปวดและบาดแผลอันน่ากลัวบนแก้มซ้ายของจิงไห่ไม่วางตา ภายในเลือดเนี้อ นันมองเห็นกระดูกสีขาวซึ่งนั่นทำให้ลมหายใจของนางเย็นเฉียบขึ้นหลายส่วน
ซือมั่วกุมมือของนางไว้แน่น ไม่ได้พูดอะไร
การทรมานจิงไห่ ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นการละเล่นที่น่าสนใจของราชาจิ้งจอกพิษสามเขา
มันค่อยๆ ตะปบทำลายกระดูกของจิงไห่จนละเอียดทีละน้อย ดูเหมือนว่าจะทำให้กระดูกในร่างของเขาไม่มีชิ้นดี ในเวลานี้ ถึงแม้ว่ามันจะจากไป จิงไห่ก็ไม่อาจจะขยับได้แม้แต่นิดเดียว
ในที่สุด มันก็ดูเหมือนว่าจะเหนื่อยกับการละเล่นนี้แล้ว มันหอนยาวๆ ออกมาเสียงหนึ่ง อ้าปากกว้าง เล็งไปที่คอของจิงไห่
เส้นเลือดที่กำลังสูบฉีดนั้น ดูเหมือนว่ากำลังดึงดูดใจมัน สายเลือดที่ไหลอยู่นั้นเป็นรางวัลที่ดีที่สุดสำหรับมัน!
แต่ในตอนที่มันกำลังจะกัดเส้นเลือดของจิงไห่ในคำเดียวนั้น อยู่ดีๆ จิงไห่กลับมองมัน นัยน์ตาที่บริสุทธิ์นั้นมีเงาแสงที่ดูงดงามปรากฎอยู่
สายตาของเขาดูเหมือนว่าจะต่างจากเมื่อก่อน ดูเหมือนว่าเปลี่ยนไปเป็นอีกคน
ราชาจิ้งจอกพิษสามเขาชะงัก
ในพริบตาที่มันชะงักนั้น สติของมันก็ดูคล้ายกับว่าถูกคนควบคุม สายตาที่ดูดุร้ายเปลี่ยนเป็นเชื่องอบอุ่นขึ้นมาในพริบตา
“ถอยออกไป” ปากของจิงไห่ที่เต็มไปด้วยเลือดออกคำสั่งกับราชาจิ้งจอกพิษสามเขา
คำสั่งนี้ดูตลกมาก หากว่ามีคนอื่นอยู่ด้วยแล้วมองเห็นจิงไห่ที่ทุลักทุเลขนาดนี้เอ่ยคำสั่งเช่นนี้กับราชาจิ้งจอกพิษสามเขาที่ดุร้าย ก็คงจะต้องหัวเราะดังลั่น
แต่ราชาจิ้งจอกพิษสามเขากลับเงยหัวตัวเองขึ้นและค่อยๆ ถอยออกไปภายใต้คำสั่งนี้ ปล่อยร่างกายของจิงไห่ออก
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น ยืดตัวออกมาจากอ้อมอกของซือมั่ว สองมือที่กอดไว้ด้านหน้าหน้าอกก็คลายออก มองจิงไห่ด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม
แม้ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของราชาจิ้งจอกพิษสามเขา แต่กระดูกที่แตกของจิงไห่ก็ขยับไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เขานอนอยู่บนพื้นออกคำสั่งต่อไป “ออกไปจากที่นี่” นัยน์ตาของราชาจิ้งจอกพิษสามเขาฉายแววขัดขืนอยู่แวบหนึ่ง แต่สุดท้ายการต่อต้านนั้นก็สลายหายไป ดูเหมือนว่ามันไม่อาจจะฝืนคำสั่งของจิงไห่ได้
“ช่างน่าแปลกใจจริงๆ!” ทันใดนั้นเสียงของซือมั่วก็ดังออกมา
มู่ชิงเกอหันมองเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยคำถาม
ซือมั่วมองมู่ชิงเกอ นัยน์ตาฉายแววขบขัน “เสี่ยวเกอเอ๋อร์เข้าใจในเรื่องสายเลือดของตระกูลจิงหรือไม่?”
มู่ชิงเกอคิดครู่หนึ่ง เอ่ยตอบว่า “ไม่ใช่ว่าใกล้ชิดกับเผ่าสัตว์อสูรสามารถทำให้สัตว์อสูรเชื่องได้หรอกรึ?”
ซือมั่วพยักหน้า เพิ่มเติมอีกว่า “หากจะพูดตามจริงแล้ว จุดกำเนิดของสายเลือดตระกูลจิงก็มาจากสัตว์อสูรเทวะตนหนึ่ง ดังนั้นในสายเลือดของพวกเขาจึงมีอำนาจที่จะสั่งการสัตว์อสูร ลดอันตรายที่จะมาจากสัตว์อสูร ยิ่งรวมกับบทพันธสัญญาที่สืบทอดมาของพวกเขา พวกเขาเลยสามารถทำให้เผ่าสัตว์อสูรเชื่องได้ แต่ว่า ศิษย์น้อยของเจ้าคนนี้กลับเป็นพวกผ่าเหล่า”
“พวกผ่าเหล่า!” ดวงตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง เอ่ยอย่างประหลาดใจ
ซือมั่วพยักหน้า “นี่ก็เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของข้าเช่นเดียวกัน ภายในสายเลือดของเขายังมีความสามารถอีกอย่าง นั่นก็คือการควบคุม! เขาสามารถควบคุมสัตว์อสูรที่ไม่ได้อยู่ในสภาวะที่จะถูกทำให้เชื่องได้ เมื่อความสามารถนี้ของเขาได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ตามการพัฒนาของระดับพลังของเขา มันจะเป็นความสามารถที่น่าเกรงกลัวได้ขนาดไหนกัน?”
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอค่อยๆ เบิกกว้างขึ้นภายใต้คำพูดของซือมั่ว
ภาพตรงหน้าของนางดูเหมือนว่าจะกลายเป็นภาพจิงไห่ กำลังควบคุมกองทัพของเหล่าสัตว์อสูรที่ดุร้าย
ความสามารถในการควบคุมของเขานี้ดูเหมือนจะดูคล้ายกันกับความสามารถของขลุ่ยอสูร เพียงแต่ว่าขลุ่ อสูรนั้นเป็นของภายนอก ส่วนเขานั้นอาศัยตัวเขาเอง
“เช่นนั้นสายเลือดของเขาถือว่าได้ตื่นขึ้นหรือยัง?” ความตกตะลึงในใจไม่ได้ทำให้มู่ชิงเกอลืมจุดมุ่งหมายที่จิงไห่ถูกทิ้งไว้ที่นี่
ซือมั่วพยักหน้า “ถือว่าตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ก็เป็นเพียงแค่การตอบสนองเพื่อปกป้องตนเองโดยไม่รู้สึกตัวเท่านั้น หากเขาต้องการควบคุมความสามารถนี้ก็ยังต้องการ เวลาอีกยาวนานในการฝึกฝนต่อ”
พูดแล้ว เขาก็หยุดครู่หนึ่งแล้วก็เอ่ยเสริมว่า “เมื่อเขาสามารถควบคุมความสามารถนี้ได้เต็มที่แล้ว ก็จะสามารถกลายเป็นราชาที่แท้จริงของเผ่าสัตว์อสูร การควบคุมของเขาต่อสู้ตว์อสูรจะกลายเป็นนิรันดร์’
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววอัศจรรย์ใจ นางสูดหายใจเข้าลึกๆ หันไปมองจิงไห่
ราชาจิ้งจอกพิษสามเขาที่อยู่ภายใต้คำสั่งของจิงไห่ ได้หันกายกลับแล้ว เตรียมจะไปจากที่นี่
เพียงแต่ว่า มู่ชิงเกอจะให้มันจากไปอย่างนี้ได้อย่างไร?
ร่างของนางหายวับไป ออกไปจากข้างกายของซือมั่ว ในตอนที่ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งก็ได้ไปยืนอยู่ตรงหน้าของ ราชาจิ้งจอกพิษสามเขาแล้ว ขวางทางไปของมัน
สีแดงที่ดูคุ้นตา แวบผ่านตรงหน้า ทำให้แววตาที่ดูเย็นชาของจิงไห่ฉายแววมึนงง เอ่ยออกมาว่า “ครูฝึก!”
เสียงพึมพำของเขานี้ทำให้มู่ชิงเกอมองไปทางเขา นํ้าเสียงที่ดูเข้มงวดดังออกมาจากปากของนางว่า “ในเมื่อเจ้ามีความสามารถในการฆ่ามันแล้ว เหตุใดจึงต้อง ปล่อยมันไปอีก?”
“ข้า…” จึงไห่เงียบ
“ความใจอ่อนจะทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย” มู่ชิงเกอพูดจบ ในมือก็ปรากฎแส้ยาวที่เต็มไปด้วยหนามเส้นหนึ่ง
นางยกแส้ยาวขึ้น ภายในอากาศเกิดเสียงแส้ฟาดลงไปบนตัวของราชาจิ้งจอกพิษสามเขา
โบร๋ว!
หลังของราชาจงจอกพิษสามเขาเกิดเป็นรอยแผลลึกจนเห็นกระดูกขึ้นในทันที หนามแหลมบนแส้ทิ่มแทงไปบนผิวเนื้อของมัน เจ็บปวดจนมันส่งเสียงหอนออกมา
เพียะ!
แส้ยาวตกลงไปอีกครั้ง ทำให้บนร่างของราชาจิ้งจอกพิษสามเขาเกิดรอยแส้ขึ้นอีกครั้ง
เพียะ เพียะ!
มู่ชิงเกอฟาดแส้ขึ้นลงแรงขึ้นเรื่อยๆ
ใบหน้าอันงดงามของนางดูเย็นชาเหมือนฉาบไว้ด้วยชั้นนํ้าแข็ง
จิงไห่ทำได้เพียงนอนอยู่บนพื้น เงยหน้ามองนาง ภายในนัยน์ตาที่เปลี่ยนเป็นงดงามแต่เย็นยะเยือกของเขา เกิดเป็นระลอกคลื่น ดูเหมือนว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงความโกรธของครูฝึก
แต่ว่า เขากลับแยกไม่ออกว่าอาจารย์กำลังโกรธเขาหรือว่าราชาจิ้งจอกพิษสามเขากันแน่
‘ข้าทำให้อาจารย์ผิดหวังแล้ว!’ จิงไห่เอ่ยในใจ
เงาแส้ตกลงไปบนร่างของราชาจงจอกพิษสามเขาไม่หยุด มันไร้แรงที่จะขัดขืน ไม่นาน เนื้อบนร่างก็แทบจะไม่มีชิ้นดี มีบางรอยแส้ที่ฟาดจนทำให้กระดูกของมันแตก
ถึงแมัว่าแส้ในมือของมู่ชิงเกอจะไม่ใช่อาวุธที่ร้ายกาจอะไร แต่นางกลับใส่พลังจิตของตนเองลงในทุกแส้ที่ฟาดลง
พลังจิตระดับสีเงินขั้นสาม ไม่ใช่สิ่งที่ราชาจิ้งจอกพิษสามเขาจะต้านทานได้
“โบร๋ว!”
“โบร๋ว!”
เพียะ!
เพียะ เพียะ!
เพียะ!
บนแส้มีเนื้อของราชาจิ้งจอกพิษสามเขาติดอยู่เต็มไปหมด
ทันใดนั้น แส้ยาวก็ม้วนเข้าไปรัดคอของราชาจิ้งจอกพิษสามเขา โยนมันไปข้างกายของจิงไห่อย่างรุนแรง
ปัง!
ร่างกายอันใหญ่โตของราชาจิ้งจอกพิษสามเขา ตกลงอย่างรุนแรง บาดแผลที่ดูน่ากลัวนั้นดูชัดเจนในสายตาของจิงไห่ ทำให้นัยน์ตาของเขาหดตัวลง
“ศิษยของข้า เจ้าก็สามารถทำร้ายได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ?” เสียงอันเย็นชาของมู่ชิงเกอดังเข้ามา
ร่างของจิงไห่สั่นสะท้าน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตะลึง มองไปทางมู่ชิงเกอ
‘ที่แท้อาจารย์ก็โกรธเพราะว่าตนเองได้รับบาดเจ็บ!’ ทันใดนั้นจิงไห่ก็เข้าใจ พริบตานั้นนัยน์ตาก็เปียกชื้นขึ้น
“ฆ่ามัน ใช้พลังของเจ้าฆ่ามัน แค้นของตนเอง ตนเองต้องแก้เอง!” มู่ชิงเกอเอ่ยปากอีกครั้ง สั่งการจิงไห่
คำสั่งของมู่ชิงเกอไม่อาจขัดขืนได้!
นี่เป็นเรื่องที่จิงไห่ชัดเจนในใจ เขากัดฟันมองไปทางราชาจิ้งจอกพิษสามเขา ท่าทางที่ดูเหมือนกำลังจะตายของมัน ทำให้เขาสงสัยว่ามันจะยังมีแรงที่จะทำตามคำสั่งของเขาได้หรือไม่
แต่เขาก็ทำตามคำสั่งของมู่ชิงเกอ!
“ฆ่าตนเองซะ!” จิงไห่เอ่ยกับราชาจิ้งจอกพิษสามเขา
ราชาจิ้งจอกพิษสามเขาหอนออกมาหนึ่งคำ ภายในการรอคอยของจิงไห่ ในที่สุดมันก็ใช้กรงเล็บหน้าของตนเอง ตัดหลอดลมของตัวเอง
เลือดสาดกระจายบนพื้น จิงไห่ที่ไม่สามารถขยับได้ถูกเลือดสาดเข้าใส่
แต่เขากลับเผยรอยยิ้มดีใจแก่มู่ชิงเกอ เอ่ยอย่างอ่อนแรงว่า “ครูฝึก ข้าทำได้แล้ว ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง…”
พูดจบแล้วเขาก็สลบไป
มู่ชิงเกอยืนอยู่ที่เดิม ยกมือขึ้นไปทางจิงไห่ ร่างของจิงไห่ลอยขึ้นมาจากพื้น ค่อยๆ ตกลงมาที่ข้างเท้าของนาง การสลบของจิงไห่อยู่ภายในเรื่องที่คาดการณ์เอาไว้ มู่ชิงเกอไม่ได้ตกใจ เพียงแต่ย่อตัวลง เม้มปากแน่น จัดการบาดแผลให้เขา
สายตาของซือมั่วจ้องมองไปที่ร่างของราชาจิ้งจอกพิษสามเขาแวบหนึ่ง ยกมือขึ้น แก่นอสูรที่ซ่อนอยู่ในกะโหลกของมันลอยออกมา ตกลงในมือของซือมั่ว
เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาชอบของเหล่านี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องช่วยนางเก็บกลับไป
เขาหันมองไปเห็นมู่ชิงเกอกำลังจัดการบาดแผลให้จิงไห่อยู่ ซือมั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็โอบ ‘กระต่าย’ จากไป เขาไม่ได้ไปไกล เพียงแต่ไปถึงยังพื้นที่ว่างที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่ง
ซือมั่วลูบขนของโห่วที่อยู่ในอ้อมแขน มุมปากเหมือนจะมีรอยยิ้ม
รอยยิ้มนั้นทำให้ทำให้โห่วที่อยู่ในอ้อมแขนของเขารู้สึกขนลุกขึ้น
ทันใดนั้น เขาก็ตบลงไปที่โห่วสองครั้ง เอ่ยด้วยนํ้าเสียงที่ราบเรียบว่า “ทำงาน”
ขนนุ่มๆ หลังคอของโห่วลุกตั้งขึ้น เขากัดฟันจ้องมองซือมั่วแวบหนึ่ง แต่ก็ยังยินยอมทำตาม อาศัยอำนาจกดดันของสายเลือดของอสูรร้าย บีบให้เหล่าสัตว์อสูรรอบด้าน ปรากฎตัวออกมา…
จากนั้นรอบด้านของซือมั่วค่อยๆ มีสัตว์อสูรปรากฎตัวออกมาล้อมรอบมากขึ้นเรื่อยๆ
สัตว์อสูรเหล่านี้ ระดับพลังที่อยู่เหนือกว่าระดับสีเงินขั้นหนึ่งขึ้นไปมีเกือบพันตัว มีหลากหลายชนิด ท่าทางดูดุร้าย ภายในนั้นมีเกือบร้อยที่เข้าสู่ระดับสีทองแล้ว แต่ตอนนี้กลับถูกกลิ่นอายของโห่วเรียกออกมา ไม่สามารถขัดขืนได้
“พอแล้ว” ซือมั่วเอ่ยกับโห่วในอ้อมแขม แล้วก็พึมพำกับตัวเองว่า “หากว่าเรียกเอาสัตว์อสูรทั้งหุบเขามา เสี่ยวเกอเอ๋อร์คงจะว่าว่าข้าโหดร้ายเป็นแน่”
พูดจบมุมปากของเขาก็กระตุกขึ้น
ปัง ปัง ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องรอบกายของเขา หัวของสัตว์อสูรนับพันระเบิดขึ้นเป็นดอกไม้เลือด แก่นอสูรหลากสีของสัตว์อสูรต่างๆ ลอยออกมาจากหัวของพวกมัน พุ่งมาทางซือมั่ว ล้อมรอบกายเขาเป็นชั้นๆ
สัตว์อสูรนับพันไร้หัวตกลงกองกับพื้น ซือมั่วมองบรรดาแก่นอสูรของสัตว์อสูรที่ลอยล้อมรอบตัวเอง แล้วก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา เพียงสะบัดมือ แก่นอสูรของสัตว์อสูรนับพันก็ถูกเขาเก็บไป
ในเวลานี้ เขาถึงได้มีเวลาว่างหันไปมองร่างของสัตว์อสูรเหล่านั้น
มองร่างของสัตว์อสูรเหล่านั้น นัยน์ตาสีอำพันของเขา นอกจากจะดูว่างเปล่าสงบนิ่งแล้ว ที่เหลือก็คือความเย็นชาไร้ความรู้สึก ชีวิตนับพันเหล่านี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่มีค่าอะไร
“ไม่อาจสิ้นเปลืองได้” เขาพึมพำออกมาอีกประโยค
ในตอนที่เสียงของเขาหลุดออกไป วิญญาณของเหล่าสัตว์อสูรนับพันก็หลุดออกจากร่าง กลายเป็นดวงไฟโปร่งแสงหลากสีกลางอากาศ ค่อยๆ รวมตัวเป็นก้อน ตกลงมาในมือของซือมั่ว
ร่างที่ไร้จิตวิญญาณ แห้งลงไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ซือมั่วหัวเราะเดินหายไปจากที่เดิม
เขากำลูกบอลวิญญาณในมือ นัยน์ตาสีอำพันฉายแวววาววาบ
เมื่อเก็บลูกบอลวิญญาณไว้ดีแล้ว เขาถึงได้นำโห่วกลับไปหามู่ชิงเกอ
“เจ้าดูเหมือนอสูรร้ายยิ่งกว่าข้าเสียอีก” ในระหว่างทาง โห่วก็วิจารณ์เขาออกมาหนึ่งประโยค ถึงแม้ว่าเขาจะฆ่า แต่ก็ไม่ได้ฆ่าล้างใหญ่โตเหมือนดั่งที่ซือมั่วทำ
สัตว์อสูรนับพันตายไปอย่างหมดจดภายในพริบตาเดียว ไม่เหลือแม้แต่ซาก
ส่วนเหตุผลที่ชายผู้น่ากลัวคนนี้ทำเช่นนี้ก็เพียงเพราะว่าผู้หญิงของเขาชอบเก็บสะสมแก่นอสูรของสัตว์อสูร!
“ขอบคุณที่ชม” ซือมั่วยิ้มๆ ไม่สนใจกับคำประชดประชันของโห่ว ตอนนี้เขาเพียงคิดที่กลับไปหาเสี่ยวเกอเอ๋อร์ เอาแก่นอสูรของสัตว์อสูรไปให้นาง ทำให้นางยิ้ม!
ในตอนที่ซือมั่วกลับไปถึงที่ๆ นางอยู่ บาดแผลของจิงไห่ก็ได้ถูกมู่ชิงเกอจัดการจนเสร็จแล้ว แม้แต่บาดแผลบนแก้มก็ถูกพันไว้อย่างดี มองไม่ออกถึงความน่ากลัวของบาดแผลเมื่อตอนก่อนหน้า
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์” ซือมั่วเรียกเบาๆ
มู่ชิงเกอเงยหน้ามองเขา เอ่ยกับเขาว่า “กระดูกผสานกัน รวมทั้งใช้ยาแล้ว เพียงแค่ช่วงนี้ไม่อาจจะขยับตัวรุนแรงได้จำเป็นต้องพักผ่อนไปสักระยะ แต่ว่าบนใบหน้าจะมีรอยบากเหลือไว้รอยหนึ่ง”
ซือมั่วเดินไปข้างกายนาง หัวเราะเอ่ยกับนางว่า “เจ้าจงใจงั้นหรือ?”
มู่ชิงเกอจ้องเขาแวบหนึ่ง แล้วก็หันไปมองแก้มซ้ายของจิงไห่ แผลอยู่ตรงใต้ดวงตา หลังการรักษาจะมีรอยแผลเป็นขนาดเล็ก หากไม่ได้สังเกตดีๆ ก็แทบจะมองไม่เห็นเลย
จงใจเหลือรอยบากเอาไว้งั้นหรือ?
ซือมั่วพูดไม่ผิด นางจงใจจริงๆ
ในมือของนางมียาดีมากกว่าสิบชนิดที่สามารถลบรอยบากได้ แต่นางกลับไม่ใช้
“จิงไห่มีนิสัยอ่อนโยน ทิ้งรอยบากไว้ให้เขาจะทำให้เขาได้เตือนใจตัวเองอยู่ตลอดถึงคำพูดที่ข้าพูดกับเขา” มู่ชิงเกออธิบาย
ซือมั่วมองนาง ค่อยๆ เลิกคิ้วขึ้น
“ตัดรากไม่ถอนโคน หากลมพัดมาก็จะเกิดใหม่ได้” มู่ชิงเกอหรี่ตาเล็กลงเอ่ยออกมา
ซือมั่วยิ้ม
ตัดรากถอนโคน จุดๆ นี้ ความคิดของเขากับมู่ชิงเกอนั้นเหมือนกัน
เขาเอาแก่นอสูรของสัตว์อสูรนับพันที่เพิ่งจะ ‘รวบรวม’ มาส่งไปตรงหน้าของมู่ชิงเกอ “ให้เจ้า”
มู่ชิงเกอรับกระเป๋าจัดเก็บ จากนั้นใช้ปัญญาแห่งการหยั่งรู้สำรวจ ก็มองเห็นแก่นอสูรของสัตว์อสูรนับพันในทันที
มู่ชิงเกอมองซือมั่วอย่างแปลกใจ เอ่ยอย่างตะลึงว่า “เจ้ามีแก่นอสูรของสัตว์อสูรเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ชอบ ข้าจึงช่วยเจ้าเก็บมา” ซือมั่วเอ่ยออกมาอย่างสบายๆ ดุจดั่งว่าแก่นอสูรของสัตว์อสูรเหล่านี้เป็นผลไม้ที่สามารถเก็บลงมาจากต้นไม้ได้
มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึกๆ ผู้ชายคนนี้ไปเพียงไม่นาน แต่กลับสามารถนำแก่นอสูรของสัตว์อสูรมาได้เยอะขนาดนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ชอบหรือไม่?” ซือมั่วเอ่ยถามเอาใจ ดู เหมือนกับเด็กน้อยกำลังพูด ต้องการรางวัลจากผู้ใหญ่ก็ไม่ปาน
มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างมึนงง
แก่นอสูรของสัตว์อสูรเหล่านี้เกรงว่าจะมากกว่าที่เขี้ยวมังกรเก็บรวบรวมมาได้ทั้งเดือนอีก นางจะไม่ชอบได้อย่างไร?
“เช่นนั้นมีรางวัลหรือไม่?” ซือมั่วเอนกายลงไป เลียริมฝีปากของเขาต่อหน้ามู่ชิงเกอ
มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก กวาดตาไปมองจิงไห่ที่ยังสลบอยู่ จากนั้นก็เขย่งเท้า มือหนึ่งจับยึดชายเสื้อของซือมั่ว ยื่นริมฝีปากของตนเองออกไป
นางจูบที่ริมฝีปากสีแดงเย็นเฉียบของซือมั่วเบาๆ จากนั้นก็รีบปล่อยในทันที ยิ้มเอ่ยกับเขาว่า “ทำได้ไม่เลว ข้ามีรางวัลให้แน่นอน”
ประโยคนี้ทำให้ซือมั่วดีใจมาก นัยน์ตาสีอำพันเกิดเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาในทันที นัยน์ตาที่ฉายแววดุดันนั้น ทำให้ในใจของมู่ชิงเกอดัง ‘ตึกตัก’ ขึ้นมา
แต่ชายคนนี้กลับทำตัวเหนือความคาดหมาย ไม่ได้ ได้คืบจะเอาศอก เพียงแต่ยื่นลิ้นออกมา เลียริมฝีปากที่ถูกมู่ชิงเกอสัมผัสเล็กน้อย แล้วก็ค่อยๆ เอ่ยออกมาว่า “หวานมาก”
สองแก้มของมู่ชิงเกอแดงซ่านขึ้น แต่แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง เอ่ยว่า “อืม รสชาติของเจ้าก็ไม่เลวเช่นเดียวกัน!”
ให้ตายเถอะ! เผลอพูดอะไรออกไปกัน?
เมื่อพูดออกมาแล้ว มู่ชิงเกอก็รู้สึกอับอายยิ่งนัก
ข้างหูมีเสียงหัวเราะเบาๆ ของซือมั่วดังเข้ามา
นางแกล้งกระแอมสองคำ หลบสายตา เอ่ยกับซือมั่วว่า “พาจิงไห่ไปรวมตัวกับพวกมั่วหยางก่อนเถอะ”
แก่นอสูรของสัตว์อสูรนับพัน ก็แสดงว่าได้ฆ่าสัตว์อสูรไปนับพัน
จุดนี้ มู่ชิงเกอรู้ดี ดังนั้นจึงไม่ได้ไปถามถึงว่าแก่นอสูรของสัตว์อสูรเหล่านี้ได้มาอย่างไร และนางก็ไม่ได้คิดว่าโหดร้ายทารุณ นี่เป็นยุคที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ หากต้องการอยู่รอด ความเห็นอกเห็นใจเป็นสิ่งที่ไร้ค่า ไม่มีประโยชน์ สงครามของเผ่ามนุษย์และเผ่าสัตว์อสูรในงานล่าสัตว์ครั้งใหญ่ก็ไม่ใช่ว่าโหดร้ายทารุณเช่นเดียวกันหรือ?
เผ่าสัตว์อสูรอยู่ดีๆ ในเทือกเขาซางหลาน ก็ยังหลบเลี่ยงการฆ่าล้างไม่ได้ ก็เหมือนกับคนที่เดินทางอยู่ในป่าเขา ก็อาจจะถูกเอาชีวิตโดยสัตว์อสูรได้ เมืองอี้ที่หลินชวน กองทัพตระกูลมู่ที่ปกป้องเมืองอยู่ดีๆ ก็ต้องรับมือกองทัพสัตว์อสูรอยู่เรื่อยๆ เช่นเดียวกัน ล้มตายนับไม่ถ้วน
โลกนี้ เดิมก็ไม่มีอะไรถูกอะไรผิด มีแต่ความแข็งแกร่งและอ่อนแอเท่านั้น!
กฎเกณฑ์นี้ มู่ชิงเกอเข้าใจตั้งแต่ตอนที่เพิ่งข้ามมิติมาแล้ว
ดังนั้น…อาศัยอะไรมาบอกว่าซือมั่วของนางโหดร้ายทารุณ?
ในตอนที่พาจิงไห่ไปรวมตัวกับพวกมั่วหยางนั้นก็ถึงช่วงเย็นแล้ว
มั่วหยางพาองครักษ์เขี้ยวมังกรเลือกสถานที่เหมาะเพื่อตั้งค่าย ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อมองเห็นมู่ชิงเกอกลับมาแล้ว มั่วหยางก็รีบออกมารับจิงไห่
“คุณชาย จิงไห่เขา…” มั่วหยางเอ่ยถาม มู่ชิงเกออธิบายอย่างง่ายๆ ว่า “ในการต่อสู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หลังฟื้นแล้วให้มาบอกข้า”
มั่วหยางพยักหน้าก่อนจะถอยออกไป
ส่วนมู่ชิงเกอก็เดินไปยังกระโจมของตนเองกับซือมั่ว
จุดที่องครักษ์เขี้ยวมังกรเลือกตั้งค่าย เป็นที่ราบสูงใกล้กับแหล่งนํ้า รูปแบบดูด้อยกว่าค่ายบนทุ่งหญ้า เพียงแต่เป็นที่พักชั่วคราว ดังนั้นทุกอย่างจึงดูเรียบง่าย
แม้แต่กระโจมหลักของมู่ชิงเกอ ก็ไม่ได้ดูแตกต่าง เพียงแต่ด้านในดูสะดวกสบายกว่ากระโจมอื่นๆ ก็เท่านั้น
“ลูกพี่ ท่านกลับมาแล้ว!” เพิ่งจะเดินมาถึงนอกกระโจม ด้านหลังของมู่ชิงเกอก็มีเสียงของซางอี้เฉินดังขึ้นมา
มู่ชิงเกอมองซือมั่วแวบหนึ่ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าไปในกระโจม
หันหลังไป มู่ชิงเกอก็มองเห็นพวกเขาวิ่งเข้ามาหานาง ซางอี้เฉินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูตื่นเต้น ส่วนด้านหลังของเขาก็คือซางเสวี่ยอู่
ทั้งสองคนมาถึงด้านหน้าของมู่ชิงเกอ ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก มู่ชิงเกอก็พูดขึ้นก่อนว่า “ไปเดินข้างลำธารกัน”
นางเอ่ยปากแล้ว ซางเสวี่ยอู่กับซางอี้เฉินจะปฏิเสธได้อย่างไร? นัยน์ตาของทั้งสองคนฉายแววดีใจ ตามมู่ชิงเกอเดินไปข้างลำธาร
พูดตามจริงมู่ชิงเกอก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับความสัมพันธ์กับสองพี่น้องนี้อย่างไรดี
ทางฝั่งตระกูลมู่นั้น มู่ซงคงได้รับข่าวสารจากตนเองนานแล้ว เพียงแต่ยังต้องรอคนที่ซือมั่วส่งไปมอบยันต์ส่งสาร ถึงจะสามารถส่งข่าวกลับมาได้
มาถึงข้างสายนํ้า ทิ้งระยะระหว่างพวกเขาสามคนกับองครักษ์เขี้ยวมังกร สร้างช่องว่างในการพูดคุยแก่พวกเขา
“พวกเจ้าเติบโตขึ้นมาในตระกูลซาง แต่กลับยังจดจำตระกูลมู่ได้จุดนี้ดูแล้วซางหลันรั่วทำได้ไม่เลว” มู่ชิงเกอมองไปยังสายนํ้าไกลออกไป เอ่ยออกมา
มู่ชิงเกอพูดออกมา ทำให้ซางเสวี่ยอู่และซางอี้เฉินอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจและประหม่าขึ้น เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่ามู่ชิงเกอคิดจะพูดอะไร
ทั้งสองคนเงียบและสบตากัน เลือกที่จะเงียบ
ส่วนมู่ชิงเกอก็ไม่ได้ต้องการคำตอบจากพวกเขา พูดต่อว่า “กลับไปบอกซางหลันรั่วว่า ข้าจะไปตระกูลซางแน่นอน ถ้าหากว่านางไม่มีวิธีช่วยมู่เหลียนเฉิง ข้าก็จะพาเขาไป”
ประโยคนี้ทำให้ซางเสวี่ยอู่และซางอี้เฉินตกใจจนเบิกตากว้าง
“ลูกพี่ ท่านไม่สามารถทำเช่นนั้นได้!” ซางอี้เฉินพูดตรงๆ
ไม่สามารถงั้นหรือ?
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววแข็งกร้าวขึ้น หันมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่ดูดุดัน
ความมืดปกคลุมร่างของพวกเขาทั้งสาม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดวงอาทิตย์ตกหรือเป็นเพราะไอเย็นจากผิวนํ้า ทำให้บรรยากาศรอบด้านอุณภูมิลดลง
“มู่เหลียนเฉิงแซ่มู่ ตระกูลมู่ถึงเป็นที่ที่เขาควรอยู่” เสียงของมู่ชิงเกอเย็นชาขึ้นมา
นี่ก็เพื่อมู่ซง เพื่อมู่เหลียนหรง เพื่อกองทัพตระกูลมู่
มู่เหลียนเฉิงเป็นบุตรของมู่ซง เป็นพี่ชายของมู่เหลียนหรง เป็นแม่ทัพน้อยแห่งกองทัพตระกูลมู่ บ้านเกิดของเขาอยู่ที่ตระกูลมู่หลินชวน ไม่ใช่ตระกูลซางในโลกแห่งยุคกลาง
“ลูกพี่ พวกเราไม่ได้หมายความเช่นนั้น ท่านไม่รู้ว่าสิบกว่าปีมานี้ เพื่อเรื่องของท่านพ่อ ท่านแม่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจจนหมด ตอนนี้การทำให้ท่านพ่อฟื้นคืนชีพ เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้นางมีชีวิตอยู่ต่อได้ ถ้าหากว่าท่านดื้อดึงจะพาท่านพ่อไป นางคงจะรับไม่ไหว” ซางเสวี่ยอูรีบพูด
“นั้นเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?” มู่ชิงเกอพูดออกไปโดยไม่ต้องคิด
นํ้าเสียงที่เย็นชาและคำพูดที่ไม่แยแส ทำให้ในใจของซางเสวี่ยอู่และซางอี้เฉินรู้สึกเยียบเย็นขึ้น
เดิมพวกเขาควรโต้แย้งกลับไป แต่ว่าต่อหน้าของมู่ชิงเกอ พวกเขากลับพูดไม่ออกสักคำ
ระหว่างคนสามคนเกิดความเงียบเข้าปกคลุม เหลือเพียงเสียงนํ้าไหล
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซางเสวี่ยอู่ก็ขยับเข้ามาใกล้มู่ชิงเกอขึ้น กดเสียงเบา เอ่ยด้วยนํ้าเสียงแฝงแววขอร้องว่า “ลูกพี่ พวกเรารู้ดีว่าท่านได้รับความลำบากมามาก เป็นพวกเราผิดต่อท่าน แต่ท่านก็ไม่อาจจะโกรธท่านแม่ ไม่สนใจนาง และไม่คิดถึงความลำบากของนางได้”
“พวกเจ้าผิดแล้ว ระหว่างข้ากับซางหลันรั่ว ไม่มีใครติดค้างใคร สำหรับข้าแล้ว พ่อแม่ของข้าได้ตายไปตั้งแต่สิบเก้าปีก่อนแล้ว ไม่มีแม้แต่กระดูก นางสำหรับข้าแล้วเป็นแต่เพียงคนแปลกหน้า ที่ต้องนำตัวมู่เหลียนเฉิงกลับไปก็ เพื่อท่านปู่ของข้า” มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างเย็นชา
นํ้าเสียงของนางดูสงบนิ่งจนน่ากลัว ยิ่งสงบนิ่งเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้จิตใจของซางเสวี่ยอู่และซางอี้เฉินสับสนวุ่นวายมากยิ่งขึ้น พวกเขาสามคนพี่น้อง เห็นได้ชัดว่ายืนอยู่ต่อหน้ากัน แต่ระหว่างกันกลับเหมือนมีกำแพงสูงขวางกั้นอยู่
กำแพงนี้สร้างขึ้นอย่างไม่รู้สึกตัวตั้งแต่สิบเก้าปีก่อน และก็ไม่อาจทำลายให้แตกได้ในพริบตา
กวาดตามองทั้งสองคนแวบหนึ่ง จากนั้นมู่ชิงเกอก็ก้าวเท้าจากไป เดินไปทางกระโจม
รอนางเดินไปไกลแล้ว ซางอี้เฉินถึงได้ถามซางเสวี่ยอู่ ด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ว่า “พวกเราควรจะทำอย่างไรดี? ลูกพี่โกรธท่านแม่มาก”
ซางเสวี่ยอู่ถอนหายใจ เอ่ยเสียงเบาว่า “ใครผูกคนนั้นก็ต้องแก้ หวังว่าหลังจากที่ลูกพี่เจอท่านแม่แล้ว จะสามารถเข้าใจความลำบากที่นางผ่านมา และผสานความเข้าใจกันได้”
ซางอี้เฉินถอนหายใจหนักออกมา ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี คำพูดของซางเสวี่ยอู่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงวิธีเดียว
มู่ชิงเกอเปิดเข้าไปในกระโจมของตัวเอง ใบหน้าของนางที่เหมือนมีไอนํ้าแข็งฉาบอยู่ เมื่อซือมั่วเห็นเข้า จึงเอ่ยถามว่า “ใครทำให้เจ้าโมโหกัน?”
คำถามที่ดูเหมือนปกติแฝงไว้ด้วยไอสังหาร
มู่ชิงเกอค่อยๆ ส่ายหน้า เดินไปนั่งลงข้างกายของเขา ถอดต่างหูสีม่วงออก เอนลงบนตักของซือมั่ว ท่าทางที่ดูเป็นผู้หญิงเช่นนี้ของมู่ชิงเกอ ซือมั่วไม่เคยพบเห็นมา ก่อน
นัยน์ตาของเขาฉายแววแปลกใจ นิ้วเรียวยาวเกี่ยวเล่นไปตามเส้นผมของนาง
ผ่านไปครู่หนึ่ง มู่ชิงเกอถึงได้ถอนหายใจออกมา นั่งตรงขึ้น ส่ายหน้าเอ่ยกับซือมั่วว่า “ข้าไม่เป็นไรแล้ว”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ซือมั่วยิ้ม
มีเรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องซักไซ้ถาม ขอเพียงไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว
“เจ้าว่า คนสามารถตายแล้วฟื้นคืนชีพได้หรือไม่? ที่ข้าหมายถึงก็คือคนที่ตายไปนานเป็นสิบกว่าปีแล้ว” มู่ชิงเกอคิ้วขมวดเป็นปม มองไปยังซือมั่วแล้วเอ่ยถาม ซือมั่วนิ่งคิด แล้วก็พยักหน้าเอ่ยว่า “นั่นก็ต้องดูว่าอยู่ภายใต้สถานการณ์อะไร” นัยน์ตาของเขาเหมือนมีความหมายลึกลํ้าอยู่ เอ่ยถามอีกว่า “ที่เจ้าถามถึงก็คือบิดา ของเจ้างั้นรึ?”
บิดา!
คำที่ดูไม่คุ้นเคยนี้ไม่ว่าจะเป็นสำหรับนางหรือว่าสำหรับมู่ชิงเกอตัวจริงแล้วก็ล้วนแต่เป็นเพียงคำในความทรงจำเท่านั้น
มู่ชิงเกอเงียบเล็กน้อย พยักหน้าเอ่ยว่า “มู่เหลียนเฉิงตายในสนามรบ ร่างถูกซางหลันรั่วนำกลับตระกูลซางในโลกแห่งยุคกลาง ถ้าหากว่าสามารถทำให้ฟื้นคืนชีพได้ สำหรับท่านปู่และท่านอาแล้วก็เป็นสิ่งที่ดี”
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ อย่าได้กดดันตัวเองมากจนเกินไป” ซือมั่วลูบหัวของนางอย่างปวดใจ เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาเป็นอย่างนี้ตลอด ปากแข็งใจอ่อน พูดชัดเจนแล้วว่าไม่สนใจ แต่ก็ยังคงคิดถึงวิธีแก้ไขปัญหาทั้งหมดอยู่ดี
“ข้าไม่ได้ทำเพื่อซางหลันรั่ว” มู่ชิงเกออธิบาย
ซือมั่วพยักหน้า “ข้ารู้ เจ้าทำเพื่อตระกูลมู่”
มู่ชิงเกอพยักหน้า
ซือมั่วดึงมู่ชิงเกอที่ทำให้คนสงสารเช่นนี้โอบเข้ามาในอก ซือมั่วเกยคางไว้อยู่บนหัวของนาง เอ่ยเสียงทุ้มออกมาว่า “ถ้าหากว่าร่างกายยังไม่เน่าเปื่อยก็แสดงว่าวิญญาณของเขาในตอนนั้นถูกผนึกไว้ในร่าง สิบกว่าปีมานี้ ตระกูลซางใช้วัตถุวิญญาณประคองวิญญาณเอาไว้ถึงสามารถรักษาให้อยู่ในสภาพนี้ได้คิดอยากจะฟื้นกลับคืนมา ก็ต้องหาดอกไหมโลหิต หญ้าซือฉง เห็ดหลินจือขนไฟ แล้วก็ยังมีหยดเลือดของเทพมารหนึ่งหยด หลอมออกมาเป็นโอสถระดับมหาเทพ ให้เขาใช้อาจจะทำให้ฟื้นขึ้นมาได้”
หลอมโอสถ!
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแวววาววาบ
โอสถระดับมหาเทพแต่เดิมก็เป็นระดับที่นางตั้งเป้า
หมายไว้
แต่ของเหล่านั้นที่ซือมั่วพูดออกมา นางไม่เคยได้ยินมาก่อน คิดว่าคงจะหาได้ยากมาก ยิ่งไม่ต้องพูดไปถึงเลือดเทพมาร
“เลือดเทพมาร เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล สมุนไพรอีกสามชนิดเป็นของหายาก ข้าก็จะช่วยเจ้าสืบหา การทำให้ฟื้นขึ้นจากความตายแต่เดิมก็เป็นการฝืนลิขิตสวรรค์ เสี่ยวเกอเอ๋อร์ไม่ต้องทำให้ตัวเองลำบากจนเกินไป” ซือมั่วเอ่ยปลอบ
มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยกับซือมั่วว่า “ขอบคุณเจ้า อามั่ว แต่ยังคงขอให้เจ้าช่วยบอกลักษณะของดอกไหมโลหิต หญ้าซือฉง และเห็ดหลินจือขนไฟให้ข้าที”
ซือมั่วส่ายหน้าอย่างหมดทางเลือก แต่ก็ยังคงทำตามที่นางขอ ยื่นนิ้วเรียวยาวออกมา จิ้มไปบนหว่างคิ้วของนาง
พริบตานั้น ในหัวของมู่ชิงเกอก็เกิดภาพขึ้นสามภาพ บนนั้นมีภาพวาดของสมุนไพรสามชนิด ทำให้นางจดจำได้
“คุณชาย จิงไห่ขึ้นแล้วขอรับ” นอกกระโจม มีเสียงขององครักษ์เขี้ยวมังกรดังเข้ามา
มู่ชิงเกอสำรวมขึ้น สวมต่างหูกลายเป็นคุณชายที่หล่อเหลาคมคายเดินออกไปนอกกระโจม
เข้าไปในกระโจมของจิงไห่ เมื่อพบมู่ชิงเกอแล้วจิงไห่ก็ลงมาจากเตียงคำนับ
“ไม่ต้องลุก” มู่ชิงเกอห้ามเขา เอ่ยกับเขาว่า “ตอนนี้ยังมีตรงไหนไม่สบายอีกหรือไม่?”
จิงไห่ส่ายหน้าเอ่ยว่า “สบายดีแล้วขอรับ”
สายตาของมู่ชิงเกอกวาดมองไปยังแก้มซ้ายของเขา เอ่ยว่า “บางทีแก้มซ้ายของเจ้าอาจจะมีรอยบากหลงเหลือ อยู่หากเจ้าไม่ชอบข้าก็สามารถช่วยเจ้าลบรอยบากนี้ ออกได้”
จิงไห่ชะงัก เผยรอยยิ้มออกมาในทันใด “ไม่เป็นไรขอรับ ข้าเป็นผู้ชาย บนใบหน้ามีรอยบากก็ไม่มีอะไรมาก ข้ายังคิดว่าตนเองดูหน้าตาอ่อนแอเกินไป มีรอยบากพอดีจะได้ทำให้ดูน่ากลัวมากขึ้น”
ความโล่งใจของเขาทำให้มู่ชิงเกอพยักหน้า แต่ก็เอ่ยตักเตือนว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ลืมความเป็นมาของรอยบากนี้ว่ามาจากไหน”
จิงไห่กลั้นลมหายใจ ท่าทางดูจริงจังขึ้น พยักหน้าเอ่ยรับรองกับมู่ชิงเกอว่า “ครูฝึก ข้าจะจดจำไว้”
“ยังมีความสามารถนั้นของเจ้า…” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม
จิงไห่ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในตอนที่ตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต ก็มีเสียงเกิดขึ้นในใจของข้า บอกว่าข้าควรทำอย่างไร ทำให้ราชาจิ้งจอกพิษสามเขา ทิ้งความคิดที่จะฆ่าข้า”
มู่ชิงเกอไม่ถามมาก ลุกขึ้นตัดสินใจจะไป เพียงแต่สั่งการไปหนึ่งประโยคว่า “ในเมื่อมีความสามารถเช่นนั้นก็ต้องลองใช้งานอย่าให้เสียของ”
“ขอรับ ครูฝึก” จิงไห่รับปากอย่างแข็งขัน
มู่ชิงเกอไม่ได้บอกเขาเรื่องสายเลือดของเขา การเติบโตของจิงไห่ นางก็จะไม่เข้าไปยุ่ง เพียงแต่ตัวเขาเองขยันหมั่นเพียรก็พอ หากมีสักวันที่เขาคิดอยากจะไปตระกูลจิงเพื่อหาบรรพบุรุษ นางก็จะไม่ห้ามปราม
ออกมาจากที่พักของจิงไห่แล้ว มู่ชิงเกอก็เอ่ยสั่งการมั่วหยางว่า “นับจากพรุ่งนี้ไปก็ให้เริ่มต้นล่าได้ จัดแบ่งตามกลุ่ม เข้าไปค้นหาในเทือกเขาซางหลาน อย่าลืมส่งคนเข้าไปสำรวจก่อน”
มั่วหยางพยักหน้า ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ถามว่า “พี่น้องตระกูลซาง…”
มู่ชิงเกอขบริมฝีปาก เอ่ยว่า “พวกเขาไปกับข้า”
เมื่อเข้าใจการตัดสินใจของมู่ชิงเกอ มั่วหยางก็รีบไปจัดการทั้งหมดในทันที
หลังจากลาดตระเวนรอบค่ายหนึ่งรอบแล้ว มู่ชิงเกอถึงได้กลับไปยังกระโจมของตนเอง เพียงแค่เข้าไปนางก็ถูกพลังสายหนึ่งดึงดูดเข้าไป ลากขึ้นไปบนเตียง
กลางกระโจม
มู่ชิงเกอตกลงไปบนอ้อมอกของซือมั่ว นางขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
ซือมั่วกลับถอดต่างหูของนางออก ยิ้มอย่างอ่อนโยนเอ่ยว่า “เจ้าพูดว่าข้าคิดจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ? เสี่ยวเกอเอ๋อร์ คํ่าคืนยาวนาน พวกเรามาทำอะไรที่มีความ หมายกันดีหรือไม่?”
มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก มองไปยังเงาคนที่เดินลาดตระเวนไปมาอยู่รอบกระโจม เอ่ยเตือนเขาว่า “ที่นี่อยู่ในป่า เจ้าอยากจะให้คนมามุงดูงั้นหรือ?”
น่าตายนัก! ชายคนนี้อารมณ์ขึ้นแล้วก็ไม่สนใจสถานที่เลยหรืออย่างไร?
“กลัวอะไร?” ซือมั่วพลิกร่างกลับ กดมู่ชิงเกอไว้ใต้ร่าง นิ้วมือเรียวยาวของเขาเกี่ยวผมของมู่ชิงเกอเล่น ยิ้มให้นางอย่างยั่วยวน หมอกดำออกมาจากตัวเขาคลุมไปทั่วทั้งกระโจม เหมือนกับสร้างขึ้นเป็นเขตแดนหนึ่ง
“เช่นนี้ก็ไม่มีใครสามารถรบกวนพวกเราได้แล้ว” ซือมั่วยิ้ม
มู่ชิงเกอกวาดตามองรอบทิศ ดูเหมือนว่าจะเงียบสงบขึ้นจริงๆ
ซือมั่วไม่หลอกนาง ความแน่ใจนี้ทำให้นางเผยรอยยิ้มออกมา
นางออกแรงพลิกซือมั่วกดลงไปอยู่ใต้ร่าง ปลายนิ้วของนางพาดผ่านหน้าอกของเขา เปิดชายเสื้อของเขาออก เอ่ยพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ว่า “คืนนี้คุณชายเช่นข้า อารมณ์ไม่ดีพอดี มีโฉมงามอยู่เคียงข้าง จะปฏิเสธได้อย่างไร?”
พูดแล้วนางก็โน้มกายลงจูบลงไปบนริมฝีปากของซือมั่วอย่างรวดเร็วออกแรงเปิดแนวฟันของเขาอย่างรุนแรงดุเดือด…