Skip to content

พลิกปฐพี 298

ตอนที่ 298

หานชุ่นงั้นหรือ? ไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม

ราชครูเงยหน้าขึ้น มองไปที่ทุกคนแล้วก็ถอนหายใจเอ่ยว่า “แต่ทว่า ข้าออกมาจากแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารมานานเกินไป พลังที่เป็นของผู้เฝ้ามองก็ถูกกฎแห่งโลกบั่นทอนลงไม่หยุด เกรงว่าจะฝืนอยู่ไม่ได้นาน”

“พวกเรามีเวลาเท่าไหร่?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามเสียงเข้ม

“อย่างมากที่สุดก็เจ็ดวัน” ราชครูกำหนดเวลาที่ชัดเจนออกมา เขาล้วงเอาธูปหอมอันหนึ่งออกมาจากอก ยื่นให้แก่มู่ชิงเกอ “นายน้อยเวลาภายในหานชุ่นนั้นไม่เหมือนกันกับโลกแห่งยุคกลาง ธูปหอมอันนี้เพียงเข้าไปในหานชุ่นก็จะถูกจุดขึ้นเอง มันไม่มีกลิ่นและก็จะไม่มีเปลวไฟ ยิ่งจะไม่ส่งควันออกมา แต่จะลดน้อยลงตามวันเวลาที่หายไป ในตอนที่ท่านเห็นว่าเหลือเวลาเพียงเล็กน้อยนั้น ก็ต้องรีบกลับมายังตำแหน่งที่พวกท่านออกเดินทางในทันที จากนั้นก็ออกมา หากว่าพวกท่านล่าช้า เกรงว่าอาจะต้องติดอยู่ในหานชุ่นไปตลอดกาล ไม่สามารถออกมาได้อีก”

ผลลัพธ์เช่นนี้ท่าให้คนที่อยู่ในสถานการณ์นอกจากหยวนหยวนแล้วล้วนแต่ขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึม

มู่ชิงเกอเก็บธูปหอมไว้เป็นอย่างดี แล้วก็เอ่ยกับราชครูว่า “เจ้าอยู่ข้างนอกคนเดียวจะมีปัญหาอะไรหรือไม่? ต้องการให้จัดคนบางส่วนเอาไว้คุ้มครองเจ้าไหม?” ราชครูส่ายหน้า “นายน้อยไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงข้า สถานที่ที่ข้าเลือกนั้นไม่มีผู้คนอาศัยอยู่และก็จะไม่มีคนมารบกวนในที่นั้นมีช่องว่างไหลไปมาอย่างระเกะระกะ คิดว่าแต่ก่อนน่าจะเคยมีประตูมิติอันหนึ่งตั้งอยู่เพียงแต่ว่าได้ถูกทำลายลงไปแล้ว แต่ก็ถือว่าดีต่อพวกเรา ทำให้พวกเราสามารถใช้มันเชื่อมต่อกับหานชุ่นได้อย่างมั่นใจเพิ่มขึ้น

จากนั้นเขาก็เอ่ยอีกว่า “นายน้อย หลังจากท่านเข้าไป แล้ว ก็ให้อิงตามสัญลักษณ์บนแผนที่ รีบค้นหาเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลาง จากนั้นก็ไม่ต้องอยู่ต่อ รีบออกมาโดยเร็ว ถึงแม้ว่าข้าสามารถฝืนยืนได้เจ็ดวัน แต่เร็วก็ดีกว่าช้า”

“ข้าเข้าใจแล้ว” มู่ชิงเกอพยักหน้า

เดินทางมาตลอดวัน ในที่สุดก็มาถึงสถานที่ที่ราชครูพูดถึง

ที่นี่เป็นพื้นที่รกร้างจริงๆ ไม่มีคนอยู่อาศัย

บนพื้นมีหญ้าขึ้นปกคลุม มีเศษหินเศษอิฐแตกกระจาย ซึ่งร่องรอยของก้อนหินเหล่านั้นก็ยังดูออกว่าเป็นฝีมือคนสร้างขึ้น

“หากว่าพร้อมแล้ว ข้าจะเริ่มเลย” ภายใต้ท้องฟ้ายามคํ่าคืนและฉากดวงดาวที่กำลังตกลงมาจากฟากฟ้า ราชครูมองดูทุกคน

ทั้งห้าคนยืนล้อมตัวมู่ชิงเกอ ราชครูเน้นยํ้ากับคนอื่นๆ อีกสี่คนว่า “พวกเจ้าจะต้องคุ้มครองนายน้อยให้ดี”

จากนั้นเขาก็มองไปทางเจียงหลีแล้วเอ่ยออกไปว่า “แม่นางเจียง ข้ารู้ว่าท่านมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับนายน้อยมาก แต่ข้าก็ยังขอพูดสักประโยค ความปลอดภัยของนายน้อยนั้นสำคัญมาก ขอให้ท่านได้โปรดดูแลเขาด้วย”

“เอาละ ข้าจะดูแลความปลอดภัยของตนเองเอง ทุกคนอย่าได้เป็นกังวลเกินไป” มู่ชิงเกอขัดคำพูดของราชครู

เจียงหลีมองนางแวบหนึ่ง แล้วก็รับประกันกับราชครูว่า “เจ้าวางใจได้ แม้ว่าข้าจะตายก็จะไม่ยอมให้เขาเป็นอะไรไปอย่างแน่นอน”

“เจียงหลี!” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว นางไม่คาดหวังที่จะได้ยินเจียงหลีพูดเช่นนี้ในช่วงเวลาก่อนเดินทาง

“ลูกพี่ ข้าก็จะปกป้องท่าน!” หยวนหยวนก็รับรองอยู่ด้านข้าง บนใบหน้าที่สดใสงดงามของเขาฉายแววเคร่งขรึมดูเหมือนว่าจากชายหนุ่มได้กลายเป็นผู้ใหญ่ในชั่ว พริบตา จุดชาดแดงบนหว่างคิ้วของเขาเป็นประกายแสบตาดูเหมือนว่าจะแสดงถึงความตั้งใจที่แน่วแน่ของเขา

“มู่เฉิน มู่เผิง พวกเจ้าสองคนตามข้ามานี่หน่อย” ทันใดนั้นราชครูก็เรียกพวกมู่เฉินสองคนไปอีกทาง

มู่เฉินและมู่เผิงตามเขาเดินไกลออกไปแล้วจึงพูดกับเขา ว่า “ผู้เฝ้ามองมีอะไรจะสั่งงั้นหรือ?”

ราชครูขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าคำนวณออกมาได้ ว่านายน้อยจะมีเคราะห์ใหญ่อันหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย ข้ามีความรู้สึกว่าเคราะห์ใหญ่ครั้งนี้ น่าจะเกี่ยวกับการเดินทางในครั้งนี้เป็นแน่ ที่ข้าคิดอยากจะบอกทั้งสองท่านก็คือตลอดเส้นทางจะต้องระมัดระวังให้ดี หากว่ามีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางก็ต้องคุ้มครองนายน้อยให้กลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้”

“เคราะห์ใหญ่!”

มู่เฉินและมู่เผิงเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ พวกเขาเพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก

ราชครูพยักหน้า “เรื่องนี้นายน้อยก็รู้แล้ว เพียงแต่ว่าอิงตามนิสัยของนายน้อย เกรงว่าถึงแม้จะรู้อยู่ว่ามีอันตราย ก็จะไม่ยอมปล่อยไปอย่างง่ายๆ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาก็ต้องอาศัยพวกเจ้าทั้งสองแล้ว”

คำขอร้องนี้ทำให้มู่เฉินและมู่เผิงสบตากันยิ้มอย่างขมขื่น มู่เฉินเอ่ยว่า “ด้วยนิสัยของนายน้อยแล้ว หากว่าจะเกิดขึ้นเรื่องจริงๆ แล้วเขาจะยอมฟังตามสิ่งที่พวกเราวางแผนจัดการได้อย่างไร แต่ทว่าผู้เฝ้ามองวางใจเถอะพวกเราสองคนถึงแม้ว่าจะต้องสละชีวิตก็จะต้องคุ้มครองให้นายน้อยปลอดภัยให้ได้”

“ดี! มีคำนี้ของทั้งสองข้าก็วางใจขึ้นมากแล้ว”

เมื่อทั้งสามคนพูดคุยกันเสร็จแล้วก็เดินกลับมา

มู่ชิงเกอดูจากสีหน้าบนใบหน้าของพวกเขาก็เดาออกได้ พวกเขาพูดคุยกันเรื่องอะไร จึงเม้มปาก นางไม่ได้พูดอะไรในเวลานี้ เพราะถึงนางไปพูดอะไรในเชิงว่าไม่ต้องเป็นห่วง ก็ดูเหมือนว่าก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเกิดขึ้น

ความกังวลในใจของราชครู ก็เป็นเคราะห์ใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายนั่นมิใช่หรอกหรือ?

เมื่อต้องมาถึงก็หลบไม่พ้นหรอก ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็แอ่นอกเข้าไปรับ! ความตายงั้นหรือ? ชิ นางก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยตายมาก่อน

“ข้าจะเริ่มแล้ว” ราชครูเอ่ยเสียงเข้ม

ทั้งห้าคนก้าวถอยไปด้านหลัง ให้ราชครูมีช่องว่าง

ราชครูนั่งสมาธิอยู่บนก้อนหินที่แตกหักก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง จากนั้นก็พึมพำสวดออกมา จากนั้นก็ค่อยๆ เกิด แสงสีเงินออกมาพันรอบนิ้วของเขา พลังนี้ดูเหมือนกับว่าจะมาจากแสงดวงดาวกลางอากาศ ดึงดูดพลังจากแสงดาวลงมารวมไว้ในมือของเขา

ไม่นาน แสงในมือของราชครูก็ยิ่งสว่างจ้าขึ้น จนดูเหมือนมีดวงอาทิตย์ดวงน้อยอยู่ในมือ คำโบราณที่เขาสวดออกมา ยากที่จะทำความเข้าใจได้ อีกทั้งยังเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้น หยกชิ้นหนึ่งที่เป็นเหมือนเข็มทิศก็ลอยออกมาจากอ้อมอกของเขา ปรากฎอยู่ข้างหน้าของพวกเขา

“นั้นคืออะไร?” มู่เผิงเอ่ยถามอย่างสงสัย

มู่เฉินกระซิบบอกว่า “เมื่อวานข้าได้ยินราชครูพูดขึ้นว่า เขาคำนวนหาวิธีลึกลับเพื่อทำเข็มทิศดวงดาวจากแผนที่หานชุนออกมาได้ไม่รู้ว่าใช่ของสิ่งนี้หรือไม่”

เข็มทิศดวงดาว?

คำศัพท์นี้ มู่เผิงไม่เคยได้ยินมาก่อน ทันใดนั้น แสงดาวที่รวมตัวกันอยู่ในมือของราชครูรวมตัวกันเหมือนรูปดาบแล้วมันถูกยิงไปที่เข็มทิศดวงดาวที่อยู่กลางอากาศ เข็มทิศถูกแสงดาวกระตุ้น ทำให้สั่นสะเทือนอย่างกะทันหัน

เข็มทิศยิงแสงขึ้นไปกลางอากาศ เมื่อแสงกระจายไป ก็ปรากฎเป็นอักษรลึกลับโบราณ อักษรเหล่านี้รวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นเข็มทิศขนาดใหญ่ มีอักษรหมุนวน

รอบๆ

ฉากนี้ตกเข้าไปอยู่ในสายตาของมู่ชิงเกอ เหมือนกับได้ เห็นรหัสเครื่องกลที่คุ้นเคยในโลกก่อนอีกครั้ง

อักษรที่เป็นชั้นๆ นี้ ต้องหมุนไปถึงตำแหน่งที่ถูกต้องถึงจะปลดล็อคได้

แครก!

ภาพอักษรกลางอากาศหมุนไปจนเกิดเสียงขึ้นมาเสียงหนึ่ง ดูเหมือนว่าในที่สุดก็หาตำแหน่งที่ถูกต้องเจอ ประตูวงกลมตรงกลางที่ปิดสนิทค่อยๆ ถูกเปิดออกมา เผยให้

เห็นเส้นทางที่ดูลึกลับ เส้นทางสายนี้ เผยให้เห็นบรรยากาศที่ดูโบราณ แสงดาว เข้าไปด้านในสร้างเส้นทางที่ไม่รู้จักออกมา

“เร็ว! ตอนนี้ เดินตามทางเส้นนี้ไปก็จะสามารถเข้าไปในหานชุ่นได้!” ราชครูรีบตะโกน

มู่ชิงเกอหันมองเขา เห็นสีหน้าของเขาซีดขาว ทั้งหน้าผากก็ยังปูดโปนเหมือนจะระเบิด

“พวกเราไปกัน” ไม่อาจเลียเวลาอีกต่อไป มู่ชิงเกอกระโดดเข้าไปกลางอากาศก่อน เท้าข้างหนึ่งก้าวเข้าไปในประตูดวงดาวที่เปิดออกแล้วเหยียบลงบนถนนที่เกิดจากดวงดาว

เพียงนางเคลื่อนไหว คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ชักช้า กระโดดขึ้นตาม ตกลงไปบนถนนดวงดาว

เงาร่างคนห้าคนค่อยๆ พุ่งเข้าไปด้านใน แล้วก็หายไปจากตรงหน้าของราชครู

เขาโล่งใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย

เขาจำเป็นต้องพยายามฝืนยืนอยู่ที่นี่ถึงเจ็ดวัน เพื่อสร้างเวลาให้แก่พวกมู่ชิงเกอ

ดูเหมือนว่ากำลังลอยตัวอยู่บนท่ามกลางดวงดาว สองข้างที่ผ่านไปเต็มไปด้วยดวงดาวที่ไร้ขอบเขต มู่ชิงเกอและคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเส้นทางดวงดาวจะต้องเดินทางไปอีกนานแค่ไหน ทันใดนั้น ตรงหน้าของพวกเขาก็ปรากฎแสงสีขาววาบผ่านคลุมร่างของพวกเขา

ชั่วขณะนั้นพลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่งก็ลากดึงเท้าของพวกเขาลงมา

ความรู้สึกไร้นํ้าหนักทำให้ทุกคนตื่นตกใจ

ส่วนกลางท้องฟ้าของช่องว่างหนึ่ง ก็เกิดปากทางที่ดำมืด เมื่อเงาร่างของคนทั้งห้าพากันทยอยตกลงมาแล้ว มันถึงได้ค่อยๆ ปิดตัวลง

“ไอ้หยา!” เมื่อตกลงบนพื้นอย่างทุลักทุเล เจียงหลีก็ลูบก้นที่เจ็บของตัวเองไปมา

ทางฝั่งของมู่ชิงเกอ ได้อาศัยช่วงเวลาขณะตกลงมายืมแรงของกิ่งไม้ จัดการมุมในการตก ทำให้พลิ้วลอยลงมาข้างกายของตนเองอย่างนิ่มนวล

“ไม่เป็นไรใช่ไหม” มู่ชิงเกอยื่นมือไปทางเจียงหลี

เจียงหลียื่นมือไปวางบนมือของนาง ปล่อยให้มู่ชิงเกอดึงตัวเองขึ้นไป ส่ายๆ หน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่เป็นอะไร เพียง แค่ต้องนวดก้นเล็กน้อย”

มู่ชิงเกอพยักหน้า มองไปรอบด้าน ก็พบว่ามู่เฉินและมู่ เผิงแล้วก็ยังมีหยวนหยวนล้วนแต่ตกลงไม่ไกล

หลังจากทั้งห้ารวมตัวกันอย่างรวดเร็วแล้ว พวกเขาก็ถึงได้สังเกตสถานที่ที่ตนเองอยู่

“ต้นไม้ที่นี่ดูหนาแน่นมาก!” มู่เผิงมองไปรอบหนึ่งแล้วก็เอ่ยอย่างตกใจ

มู่ชิงเกอเห็นด้วยอยู่ในใจ ป่าแห่งนี้ดูเหมือนว่าไม่เคยมีใครก้าวย่างเข้ามามาก่อน ดูหนาแน่นมากเหมือนกับป่าดงดิบในเขตร้อนชื้นที่นางเคยไป

“ราชครูบอกว่าพวกเราต้องจำเส้นทางไปจุดหมายไว้ เพราะว่าตอนกลับมาก็ต้องใช้เส้นทางนี้ในการกลับเช่นเดียวกัน” มู่เฉินพูดเสียงเบาบอกกับมู่ชิงเกอว่า “นาย น้อยพวกเราต้องทำสัญลักษณ์ไว้ที่นี่หรือไม่ เพื่อจะได้ห เจอเมื่อกลับมา?”

“ดี” มู่ชิงเกอพยักหน้า

มู่เฉินและมู่เผิงกำลังคิดจะลงมือ หยวนหยวนก็เอ่ยขึ้นว่า

“ไม่ต้องลำบากถึงขนาดนั้น ดูข้า” พูดจบแล้วเขาก็ใช้พญาเพลิงปาฮวงซูคงวาดเป็นวงกลม

เปลวไฟที่โปร่งแสงเผาไหม้จนเกิดหลุมขนาดใหญ่บนพื้นขึ้นในทันที

หลุมขนาดใหญ่ที่ปรากฎออกมา ดูเห็นได้อย่างชัดเจนมาก เกรงว่าถึงแม้จะยืนอยู่ในที่ที่ไกลออกไป เพียงแต่ มองเห็นหลุมอันนี้ก็สามารถหาที่นี่ได้แล้ว

“พวกเราออกเดินทางกันเถอะ” เจียงหลีเอ่ย

“รอเดี๋ยวก่อน” มู่ชิงเกอพูดจบแล้วก็หลับตาลง ภายในหัวของนางปรากฎแผนที่ของหานชุ่นออกมา บนนั้นแสดงสถานที่ที่เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางอยู่

ทันใดนั้น นางก็เบิกตากว้างขึ้น เอ่ยกับทุกคนว่า “มีบางอย่างแปลกๆ”

“เป็นอะไร?” เจียงหลีเอ่ยถาม

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้นแล้วก็หลับตาลงใหม่ “รออีกเดี๋ยว”

นางดูแผนที่อีกครั้งก็พบว่าบนแผนที่มีจุดเพิ่มขึ้นมาจากแต่ก่อนหลายจุด

นางลืมตาขึ้นมา เอ่ยกัปมู่เฉินว่า “เจ้าเดินไปทางทิศเหนือสิบลี้”

มู่เฉินไม่เข้าใจ แต่ก็ยังทำตามที่นางสั่ง ไปทางทิศเหนือสิบลี้อย่างรวดเร็ว

มู่ชิงเกอหลับตาลงอีกครั้ง และแล้วก็พบว่า จุดหลายจุดบนแผนที่นั้น มีจุดหนึ่งในนั้นขยับไปทางทิศเหนือเล็กน้อย

“ข้าเข้าใจแล้ว!” มู่ชิงเกอเบิกตากว้าง นัยน์ตาฉายแวววาววาบ

“เจ้าเข้าใจอะไร?” เจียงหลีขมวดคิ้วเอ่ยถาม

มู่ชิงเกอยิ้มออกมา พอดีกับที่มู่เฉินย้อนกลับมา แล้วก็พูดกับทุกคนว่า “ข้าพบว่าหลังจากเข้ามาในหานชุ่นแล้ว พวกเราไม่กี่คนนี้ก็ปรากฎอยู่บนแผนที่ อีกอย่าง จุดสีดำบนแผนที่ยังเคลื่อนไหวไปตามการเคลื่อนไหวของพวกเราอีก”

“พูดเช่นนี้ เจ้าก็สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของพวกเราได้ตลอดใช่หรือไม่? ถึงแม้จะหลงทางกันก็ไม่ต้องเป็นกังวล” นัยน์ตาของเจียงหลีฉายแวววาววาบ ตอบสนอง ในทันที

“ไม่ผิด” มู่ชิงเกอพยักหน้า “เป็นเช่นนี้แล้ว พวกเราก็จะหาเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางได้ง่ายขึ้น”

“นายน้อย เช่นนั้นตอนนี้พวกเราอยู่ห่างกับจุดที่เคล็ดวิชาเทวะซ่อนอยู่ไกลแค่ไหน?” มู่เผิงเอ่ยถาม

มู่ชิงเกอส่ายๆ หน้า “บนแผนที่ไม่มีระยะกำหนด แต่ทว่า ข้ารู้แล้วว่าตอนนี้ตำแหน่งของเคล็ดวิชาเทวะอยู่ทางทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือของพวกเรา”

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเรายังจะรออะไรอีก!” มู่เฉินก็ตื่นเต้นขึ้นมา

หาเคล็ดวิชาเทวะได้เร็วขึ้นรีบออกไปจากที่นี่ มู่ชิงเกอก็จะปลอดภัยขึ้นหน่อย

“พวกเราไปกันเถอะ” มู่ชิงเกอพยักหน้า พาคนทั้งห้ามุ่งไปยังตำแหน่งที่เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางปรากฎบนแผนที่ และเพื่อลดระยะเวลาพวกเขาจึงลอยไปในอากาศ ข้ามผ่านป่าไม้ที่หนาแน่นนั้นไป

หยวนหยวนทั้งลอยตัวและบ่นไปว่า “ในเมื่อลูกพี่ สามารถมองเห็นตำแหน่งที่พวกเราอยู่ได้ เช่นนั้นสัญลักษณ์ที่ข้าสร้างไว้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วหรือ?”

“ก็ไม่ถือว่าไม่มีประโยชน์เลยซะทีเดียว ป่าผืนนี้กว้างถึงขนาดนี้ถึงแมู่ชิงเกอจะมีแผนที่ก็ไม่สามารถที่จะแน่ใจจุดที่พวกเราตกลงได้อย่างแน่ชัด มีหลุมลึกที่เจ้าสร้างเอาไว้อันนั้นพวกเราก็จะสามารถหาได้ง่ายขึ้น” เจียงหลียิ้มแล้วพูดขึ้นข้างกายเขา

ทั้งหกคนลอยบินไปทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือครึ่งวันมองเห็นเพียงว่าไกลออกไปปรากฎพื้นที่หิมะขนาดใหญ่ไร้ขอบเขต เป็นธารนํ้าแข็ง บนธารนํ้าแข็งมีสัตว์ประหลาดชนิดต่างๆ เดินไปเดินมาอยู่

แม้แต่บนอากาศก็ก็มีนกบินผ่านเป็นครั้งคราว

ทันใดนั้นคนทั้งห้าคนก็ร่อนลงจากอากาศและซ่อนร่างไว้ในป่า

“สัตว์อสูรวิญญาณเหล่านี้คืออะไรกัน? เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นมาก่อน?” มู่เผิงเอ่ยเสียงเบา นํ้าเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ในใจของมู่ชิงเกอยิ่งตกตะลึงกว่าเขา เพราะว่าสัตว์อสูรวิญญาณเหล่านี้นั้นนางรู้จัก…

‘เทอโรซอร์เพลสิโอซอรัไทรันโนซอรัส มังกรสามเขา สเตโกซอรัส…’ ยิ่งรับรู้ถึงตัวตนของสัตว์อสูรมากเท่าไหร่ มู่ชิงเกอก็ยิ่งเบิกตากว้างขึ้นเท่านั้น

ในใจของนางอดไม่ได้ที่จะด่าออกมา ‘ให้ตายเถอะ! นี่เป็นยุคจูราสสิคหรือว่าช่องว่างหานชุ่นกันแน่?’ ที่ผิดปกติที่สุดก็คือไดโนเสาร์มีชีวิตรอดอยู่บนธารนํ้าแข็งได้อย่างไร?

‘ไดโนเสาร์หายไปจากโลกนานกว่าหกสิบล้านปี พวกมันมาที่นี่ทั้งหมดเลยหรือเปล่า?’ มู่ชิงเกออดไม่ได้ที่จะบ่นอยู่ในใจ ทันใดนั้น นางก็รู้สึกใจสั่นไหว หลับตาลง แผนที่ของหานชุ่นปรากฎขึ้นบนหัวของนางในทันที บริเวณมุมตรงกันข้ามกับที่พวกเขาอยู่ ปรากฎจุดขึ้นมาเพิ่มอีกห้าจุด ส่วนตำแหน่งของพวกเขาก็อยู่ห่างจากตำแหน่งที่เคล็ดวิชาเทวะใกล้ยิ่งกว่า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version