ตอนที่ 301
ของขวัญชิ้นใหญ่ของมู่ชิงเกอ
ตึง ตึง ตึง!
ด้านบนของธารนํ้าแข็ง พื้นด้านล่างสั่นสะเทือนขึ้นต่อเนื่องมีชั้นนํ้าแข็งบางส่วนถูกแรงสั่นสะเทือนจนปรากฎรอยแตกที่น่าหวาดเสียวออกมา บนท้องฟ้า ยังมีเสียงสะท้อนดังมาราวกับเสียงสายฟ้า นี่ทำให้ทั้งสี่คนที่อยู่รอบกายของมู่เทียนอิน รวมตัวเข้าหากันอีกครั้ง
“ข้างหน้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” มู่เทียนอินเดินเข้ามาเอ่ยถาม
บนใบหน้าของทั้งสี่คนล้วนแต่ฉายแววมึนงง พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นเดียวกัน
“ออกไปดูสิ” มู่เทียนอินออกคำสั่ง
หนึ่งคนในนั้นพุ่งทะยานออกไปด้านหน้า แล้วก็วกกลับมาด้วยท่าทางที่ดูตื่นตระหนกอย่างรวดเร็ว เอ่ยขึ้นด้วยนํ้าเสียงที่หนักอึ้งว่า “นายน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด สัตว์ประหลาดในช่องว่างแห่งนี้ถึงได้รวมตัวอยู่ด้วยกัน และกำลังพุ่งตรงเข้ามาทางพวกเราอย่างเกรี้ยวกราด คาดว่าคงใช้เวลาไม่นานก็จะมาถึงตรงหน้าแล้ว”
คำพูดของเขาเพิ่งจะจบลง อีกสี่คนที่เหลือก็มองเห็นหมอกควันหิมะอันเย็นยะเยือกหอบหนึ่งฟุ้งโชยขึ้นมาจากพื้นดินในจุดที่ไกลที่สุดเท่าที่สามารถมองเห็นได้ มันปกคลุมท้องฟ้า ขวางกั้นสายตา
และพร้อมกันนั้นเองสัตว์ประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากหมอกหิมะหนาวเย็น ส่งเสียงคำรามพุ่งตรงมาทางพวกเขา
เงาร่างของคนทั้งห้าตรงหน้าเหมือนกับจะไปกระตุ้นความโมโหของพวกมัน ทำให้พวกมันเพิ่มความเร็วในการวิ่งขึ้นมาอีก
ฝูงสัตว์ประหลาดแน่นขนัดมองไม่เห็นปลายแถว ทำเอามู่เทียนอินและคนของเขาสีหน้าเปลี่ยนสีไปพร้อมกัน สัตว์ประหลาดเหล่านี้พุ่งเข้าพร้อมกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเผ่าเทพเช่นพวกเขาก็ยังรู้สึกว่าตึงมือ
“นายน้อย พวกเราถอยก่อนเถอะขอรับ ไม่ควรปะทะกับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ซึ่งหน้า ไม่เช่นนั้นสัตว์ประหลาดจำนวนมากมายพวกนี้อาจจะทำให้พวกเราหมดแรงจนตายได้” คนของมู่เทียนอินคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนรน
มู่เทียนอินมีสีหน้าเคร่งขรึมดูน่ากลัว ดวงตาเย็นยะเยือกคู่นั้นจ้องเขม็งไปทางเหล่าสัตว์ประหลาด พร้อมทั้งเกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้น เขาเกือบจะได้เคล็ดวิชาเทวะอยู่แล้ว แต่กลับต้องมาถูกเหล่าเดรัจฉานกลุ่มนี้ขวางทางเข้า!
ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!
เดรัจฉานน่าตายเหล่านี้ล้วนแต่สมควรฆ่าให้ตาย! ควรฆ่าให้ตายทั้งหมด!
ไอสังหาร เอ่อล้นขึ้นมาในหัวของเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าสติของเขากลับบอกว่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ไม่เช่นนั้น เขาก็จะมีจุดจบเหมือนกับที่บอก ถูกเดรัจฉานกลุ่มนี้ทำให้ต้องใช้พลังหมดจนตาย รอจนถึงตอนที่เขาต้องเผชิญกับศัตรูตัวจริงแล้วจะจัดการสังหารมันได้อย่างไร นัยน์ตาฉายแววเคร่งขรึม ในที่สุดมู่เทียนอินก็ออกคำสั่งถอย “พวกเราไป”
ทั้งสี่รีบคุ้มกันมู่เทียนอินถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
และพอพวกเขาจากไปก็ยิ่งเป็นการยั่วยุบรรดาสัตว์ประหลาดเหล่านั้นขึ้นไปอีก ส่งผลให้พวกมันพุ่งตรงไปทางพวกเขาอย่างสุดแรง
มู่ชิงเกอหลับตาทั้งสองข้างลง ยืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง ข้างกายของนางมีคนทั้งสี่คนที่จากไปทำภารกิจและก็ได้กลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้งยืนอยู่ พวกเขารอมู่ชิงเกอลืมตาทั้งสองข้างขึ้นด้วยอาการร้อนใจ อยากรู้ผลลัพธ์หลังจากดำเนินแผนการ
ชั่วครู่หนึ่ง
มู่ชิงเกอก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ยกมุมปากขึ้นสูงโดยไม่รู้ตัว “พวกเขาจากไปแล้ว” คำพูดประโยคนี้ทำให้นัยน์ตาของทุกคนฉายแววยินดี
มู่เฉินถอนหายใจพลางประสานมือคำนับไปให้มู่ชิงเกอ “นายน้อยมีสติปัญญาเป็นเลิศ มู่เฉินรู้สึกนับถือทั้งกายและใจ!”
มู่ชิงเกอยิ้มออกมา ไพล่มือไว้ด้านหลัง เอ่ยกับเขาว่า “ที่ต้องใช้สติปัญญาก็เป็นเพราะว่ามีกำลังไม่เพียงพอ ถ้าหากวันนี้ พลังของข้าเหนือกว่าพวกเขา ไหนเลยจะต้องเปลืองสมองอีก พุ่งเข้าไปสังหารตรงๆ เลยก็จบเรื่องแล้ว”
พอมู่เฉินและมู่เผิงได้ฟังแล้วก็ล้วนแต่พยักหน้าเห็นด้วย
ยิ่งได้ใกล้ชิดมู่ชิงเกอ พวกเขายิ่งรู้สึกเลื่อมใสและเคารพ มู่ชิงเกอเก่งกาจราวปีศาจยังไม่พอ แต่เขายังรู้จักประมาณตนเอง มองเรื่องราวได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่ว่าเวลา ไหนก็ล้วนแต่รู้ถึงข้อดีและข้อด้อยของตัวเอง
ถ้าหากคนเช่นนี้ไม่สามารถครอบครองตำแหน่งนายน้อยได้แล้ว พวกเขาก็คงเป็นคนแรกๆ ที่ไม่ยินยอม!
“เอาละ ในตอนนี้พวกเขาก็ได้ถูกสัตว์ประหลาดพวกนั้นไล่ตามจนหนีไปไกลแล้ว ตอนนี้พวกเราก็ไปกันเถอะ ใช้เวลาให้คุ้มค่า หาเคล็ดวิชาเทวะให้เจอ” มู่ชิงเกอสะบัดแขนเสื้อแล้วเอ่ยขึ้นกับทุกคน
กลุ่มของมู่เทียนอินถูกสัตว์ประหลาดไล่ตามไปจนเริ่มออกห่างจากตำแหน่งของเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางบนแผนที่ขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนกลุ่มของมู่ชิงเกอ พวกเขาก็ได้เดินตามตำแหน่งของแผนที่ เข้าไปใกล้ตำแหน่งของเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนที่พวกเขาถึงจุดที่พวกมู่เทียนอินอยู่เมื่อก่อนหน้านี้นั้น ที่นี่ก็ได้กลับเข้าสู่ความเงียบสงบแล้ว เหลือแค่เพียงร่องรอยปริแตกบนธารนํ้าแข็งจำนวนหนึ่ง
“ชิงเกอ ตอนนี้คนกลุ่มนั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” เจียงหลีเอ่ยถาม
มู่ชิงเกอหลับตาลง มองหาไปบนแผนที่ ดูเหมือนว่าบนแผนที่จะสามารถบอกได้เพียงร่องรอยของพวกเขาผู้ที่เข้ามาจากภายนอก สัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่ สามารถมองเห็นได้
เมื่อลืมตาทั้งสองข้างขึ้น นางก็เอ่ยกับทั้งสี่คนว่า “ตอนนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหยุดลงที่ทางทิศเหนือ แต่ไม่รู้ว่าสลัดพ้นการไล่โจมตีของเหล่าสัตว์ประหลาดหรือเข้าสู่การต่อสู้กันแน่”
“ง่ายมาก รออีกครู่แล้วค่อยดู ถ้าหากพวกเขายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าถูกตามทันแล้ว ถ้าหากพวกเขาขยับหนีต่อไปนั่นก็แสดงว่ายังคงถูกสัตว์ประหลาดตามกัดไม่ปล่อย ส่วนถ้าพวกเขาวกกลับมาทางนี้ก็บ่งบอกว่าพวกเขาสลัดหลุดจากเหล่าสัตว์ประหลาดแล้ว” เจียงหลีเอ่ย
มู่ชิงเกอพยักหน้า “ใช่ ไม่ผิด ดังนั้นเวลาของพวกเราก็มีไม่มาก ทุกคนเร่งเข้าเถอะ”
เทียบนางกับมู่เทียนอินแล้วนางได้เปรียบมากกว่า ก็เพราะนางมีแผนที่ สามารถมองดูภาพรวม รู้ถึงความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ อีกทั้งบนแผนที่ยังมีตำแหน่ง บอกเอาไว้อย่างชัดเจน สามารถบอกพวกนางได้ว่าจะต้องไปหาเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางที่ตำแหน่งไหน ไม่จำเป็นต้องงมเข็มในมหาสมุทร
ตรงจุดนี้ เกรงว่าก็จะไม่ใช่แค่เพียงมู่เทียนอิน แม้แต่ผู้ เฝ้ามองก็คงจะคาดไม่ถึงเช่นเดียวกัน
ในตอนที่พวกมู่ชิงเกอกำลังมุ่งตรงไปยังจุดที่ซ่อนเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางตามตำแหน่งบนแผนที่ ทางฝั่งมู่เทียนอินก็ได้ตกเข้าสู่ภาวะการต่อสู้ที่ยากลำบาก
สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ถูกสัตว์ประหลาดไล่ตามมาทัน ไม่ใช่เป็นเพราะระดับพลังของพวกเขาไม่สูงพอ แต่เป็นเพราะในขณะที่กำลังหลบหนี ไม่รู้ว่ามีสัตว์อสูรโผล่มาจากที่ไหน ใช้พลังโจมตีพวกเขามาจากบนท้องฟ้า ทำให้พวกเขาหยุดชะงัก
“น่าตายยิ่งนัก! เดรัจฉานเหล่านี้โผล่มาจากที่ไหนกัน” คนของมู่เทียนอินคนหนึ่งสังหารสัตว์ประหลาดไปตัวหนึ่งแล้ว บนใบหน้าถูกเลือดย้อมเปรอะเปื้อน เขายกมือขึ้นเช็ดบนใบหน้า แล้วเอ่ยขึ้นอย่างแค้นเคือง
ก่อนหน้า สัตว์ประหลาดที่ไล่ตามพวกเขากลุ่มนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่มีพวกที่สามารถบินได้!
“เกรงว่าอาจจะเป็นเดรัจฉานที่ตามพวกเราอยู่บนพื้นเรียกมา” อีกคนหนึ่งเข้ามาใกล้เขา เอ่ยการคาดการณ์ของตนเองออกไปด้วยเสียงเข้ม
การพูดคุยอย่างสั้นๆ ถูกการโจมตีของสัตว์ประหลาดขัดจังหวะ
พวกเขาทั้งสองตกเข้าสู่วงล้อมของฝูงสัตว์ประหลาด ทำได้เพียงออกแรงโต้กลับ
และการโจมตีที่พวกเขาต้องเผชิญก็ไม่ใช่แค่มาจากภาคพื้น ยังมีการลอบโจมตีจากทางอากาศอีกด้วย
“อ๊าก!” ทันใดนั้นก็มีเสียงแสบแก้วหูดังขึ้น
มู่เทียนอินเงยหน้ามองไป ก่อนจะมองเห็นคนของตนเองคนหนึ่งถูกสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์จากบนฟ้าจิกเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้าง ดึงเขาขึ้นไปบนฟ้า ถ้าหากเป็นที่อื่นก็คงไม่มีอันใด แต่ว่าอยู่ในช่องว่างประหลาดแห่งนี้พวกเขา ได้สูญเสียความสามารถในการเหาะเหินเดินอากาศ หากถูกโยนลงมาจากท้องฟ้าแล้ว เกรงว่าจุดจบของคนผู้นั้น..
ความคิดในใจของเขายังไม่ทันจบ ก็มองเห็นคนที่ถูกพาขึ้นไปบนท้องท้องฟ้าสูง ถูกสัตว์ประหลาดบินได้ตัวนั้นโยนทิ้งลงมา
“อ๊าก! นายน้อยช่วยข้าด้วย!” คนผู้นั้นร่วงตกลงมาจากท้องฟ้าสูง อ้าปากร้องออกมาด้วยนํ้าเสียงที่หวาดกลัว
เขามองไปยังพื้นที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อย่างหวาดกลัว ถ้าหากตกลงไปบนนั้น เกรงว่าคงหนีไม่พ้นจุดจบอันน่าอนาถอย่างเช่นการถูกสัตว์ประหลาดเหยียบกระทืบจนตาย ฝูงสัตว์ประหลาดเรือนแสนก็ไม่ใช่สิ่งที่ความห่างชั้นของระดับพลังจะสามารถทำให้ได้เปรียบได้
มู่เทียนอินมองดูด้วยแววตาเกรี้ยวกราดเจ็บแค้น เขาเข้าใจแล้วว่าอะไรเรียกว่า ‘มดกัดช้างจนตาย’
เขามองไปรอบด้านอีกครั้ง อีกสามคนที่เหลือก็ตกอยู่ในการต่อสู้ที่ตึงมือ ถ้าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าพวกเขาคงจะต้องถูกสัตว์อสูรพวกนี้ทำให้เหนื่อยจนตายเป็นแน่
เขาขบเขี้ยวกัดฟัน ประกายความชิงชังในแววตาของเขาก็กลายเป็นดุดันขึ้นหลายส่วน เขาตวาดคำรามไปทางคนที่กำลังตกจากฟ้า “ตอนนี้ยังไม่รีบระเบิดตัวเองเพื่อรักษาชีวิตของเจ้านายอีกจะต้องให้รอถึงเมื่อไรกัน”
เสียงตะโกนของเขา ทำให้คนที่อยู่ในอาการสิ้นหวังชะงักไปครู่หนึ่ง ในใจยิ่งเพิ่มความสิ้นหวังและไม่ยินยอม
ส่วนอีกสามคนที่เหลือเมื่อได้ยินแล้ว ต่างก็พากันนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา
หมดทางเลือก คนที่สิ้นหวังผู้นั้นทำได้เพียงร้องคำรามขึ้นอย่างเจ็บปวดใจ ในตอนที่ร่วงตกลงไปในฝูงสัตว์ประหลาด ก็ระเบิดตัวเองขึ้น
ตูม!
สัตว์ประหลาดกลุ่มใหญ่ถูกระเบิดโจมตีใส่จนร่างกลายเป็นเศษเนื้อ แรงระเบิดสั่นสะเทือนไปทั่วฟ้า หมอกควันคลุมไปทั่วธารนํ้าแข็ง
มู่เทียนอินอาศัยจังหวะนั้นพาคนที่เหลือสามคนพุ่งทะยานไกลออกไป ตอนนี้ที่ด้านหลังของพวกเขาเหลือเพียงสัตว์ประหลาดไม่ถึงสามหมื่นตัวที่ยังคงไล่ตามอยู่อย่างกัดไม่ปล่อย บนท้องฟ้าสัตว์ประหลาดบินได้ที่บินวนอยู่ด้านบนก็ได้รับลูกหลงจากแรงระเบิด ได้รับบาดแผลไม่น้อย พากันแยกย้ายกลับไปรักษาตัวที่รังของตน
“เสียงดังมาก!”
เสียงระเบิดตัวเองดังเข้ามาจากที่ไกลๆ ทั่วทั้งช่องว่างราวกับจะสั่นไหวไปด้วย ในจุดที่ไกลออกไปก็มีแผ่นนํ้าแข็งไม่น้อยแตกร้าว มีเสียงดังสะท้อนมาไม่หยุด
มู่ชิงเกอดึงสายตากลับ มองไปยังไอหมอกสีขาวเย็นยะเยือกตรงเส้นขอบฟ้าไกล เผยอปากขึ้น
เจียงหลียิ้มขึ้นอย่างสะใจพลางเอ่ยว่า “ตอนนี้ไม่ต้องรอให้เจ้าพูด ข้าก็รู้ว่าพวกเขาถูกตามทันแล้ว อีกทั้งการปะทะยังรุนแรงมากอีกด้วย”
“คงไม่เพียงแค่ดุเดือดรุนแรงธรรมดาๆ สามารถบีบให้ยอดฝีมือระดับสีทองระเบิดตัวเองได้ ดูท่าแล้วสัตว์ประหลาดกลุ่มนั้นคงยากจะต่อกรด้วยเป็นอย่างมาก” มู่เฉินเอ่ยพร้อมหัวเราะเยาะ
“ระดับสีทองระเบิดตัวเองหรือ” มู่ชิงเกอพึมพำเสียงเบาประโยคหนึ่ง นัยน์ตาเปล่งแสงวูบขึ้นมา
มู่เฉินพยักหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ “ไม่ผิด! เสียงอึกทึกเมื่อครู่ ก็เกิดมาจากการระเบิดตัวเองของยอดฝีมือระดับสีทอง จุดนี้ไม่มีทางผิดแน่”
มู่ชิงเกอหลับตาลง จริงๆ ด้วย จุดสีดำบนแผนที่ที่บ่งบอกถึงอีกฝ่ายก็ได้หายไปแล้วจุดหนึ่ง เหลือเพียงสี่จุดที่ยังมุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เทียบกับ ตำแหน่งที่พวกนางอยู่ตอนนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการพุ่งห่างออกไปเรื่อยๆ ต่อให้พวกเขาวกกลับมาในตอนนี้ก็เกรงว่าจะต้องเสียเวลาไปอึกช่วงระยะหนึ่ง
หลังจากลืมตาขึ้นแล้ว มู่ชิงเกอค่อยเอ่ยว่า “พวกเขายังเหลืออีกสี่คน”
หยวนหยวนหักนิ้วมือ ‘กร๊อบ กร๊อบ’ ยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างชั่วร้าย “หวังว่าสัตว์ประหลาดกลุ่มนั้นจะยังตามพวกเขาต่อไป จะดีที่สุดก็คือบีบให้พวกเขาทั้งหมด ระเบิดตัวเอง ทีนี้พวกเราก็จะได้ไม่ต้องเปลืองแรงแล้ว”
“ไหนเลยจะมีเรื่องดีๆ เช่นนั้น” มู่เผิงบ่นขึ้นมาประโยคหนึ่ง
หยวนหยวนหัวเราะแหะๆ “ข้าก็พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น”
“เอาละ พวกเราไปต่อเถอะ” มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว ก่อนจะนำกลุ่มคนมุ่งตามหาสถานที่ที่สัญลักษณ์บนแผนที่ชี้บอกเอาไว้
ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของหานชุ่น มู่เทียนอินพาคนที่เหลืออีกสามคน สลัดหนีออกมาจากการไล่สังหารของสัตว์ประหลาดได้อย่างยากลำบาก แต่สัตว์ประหลาด พวกนั้นก็ไม่ยอมถอยไปเสียที ขวางเส้นทางวกกลับของพวกเขา
“แค่ก แค่ก” มู่เทียนอินไอขึ้น ไอจนในหน้าอกรู้สึกเจ็บปวด
การระเบิดตัวเองส่งผลกระทบกับเขาส่วนหนึ่ง มันสะท้อนเข้าใส่อวัยวะภายในของเขา เขาหยิบโอสถออกมาเม็ดหนึ่ง ก่อนจะกินมันลงไปตรงๆ ชั่วขณะนั้นจึง สบายขึ้นมาหลายส่วน
‘แค่โอสถซึมซับได้ที่ก็จะหายดี’ เขาเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจในใจ
หลังจากกินโอสถลงไปแล้ว เขาก็หันหน้ามองไปทางคนที่ยังเหลืออีกสามคน ตอนนี้พวกเขากำลังแยกย้ายกันรักษาตัวเอง สีหน้าของทุกคนล้วนแต่ซีดขาว การต่อสู้ก่อนหน้า เขาได้รับการอารักขาอย่างแน่นหนาจากไม่กี่คนนี้ ก็เลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย แต่ทั้งสามคนนั้นไม่เหมือนกัน บนเสื้อผ้าของพวกเขาใน ตอนนี้ล้วนเต็มไปด้วยรอยฉีกขาด บนผิวหนังก็ปรากฎรอยบาดแผลที่น่าหวาดกลัวจำนวนหนึ่ง
มู่เทียนอินครุ่นคิดในใจลอบวางแผนการ ‘หลังจากนี้ยังต้องใช้ประโยชน์จากคนพวกนี้อีก หากว่ายังบาดเจ็บก็คงจะยุ่งยากนัก’ คิ้วคมขมวดเข้าหากันครู่หนึ่ง มู่เทียนอินพลิกฝ่ามือเรียกเอาโอสถรักษาอาการบาดเจ็บสามเม็ดออกมา ในแววตาอันเย็นเยือกและดุดันของเขาแฝงไว้ด้วยความเสียดาย
สุดท้ายเขาก็กลืนความเจ็บปวดสายนั้นลงไป นำโอสถเดินไปทางทั้งสามคน “รับโอสถนี้ไปกินซะ จะได้หายดีขึ้นเร็วหน่อย”
การกระทำของเขาทำเอาทั้งสามคนชะงักไปครู่หนึ่ง หนึ่งในรีบเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ได้นะขอรับนายน้อย นี่ก็เป็นโอสถระดับเทวะที่ผู้เฝ้ามองสิ้นเปลืองแรงกายแรงใจไปไม่น้อยเพื่อที่จะหามาให้นายน้อย”
“กินมันไปเถอะ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าที่ยังบาดเจ็บก็เป็นได้แค่ตัวถ่วง” มู่เทียนอินเอ่ยขึ้นด้วยนํ้าเลียงที่เย็นชา
ทั้งสามคนไม่กล้าเอ่ยวาจาอีกรีบกลืนโอสถลงไปแล้วนั่งลงฟื้นพลัง
ส่วนมู่เทียนอินก็เดินไปอีกด้าน ดูดกลืนตัวยาของเม็ดโอสถ รักษาอาการบาดเจ็บโดยเร็ว
“น่าจะเป็นที่นี่” มู่ชิงเกออยู่ใต้กำแพงแผ่นนํ้าแข็งสูงผืนหนึ่ง เลิกคิ้วขึ้น
แผ่นกำแพงนํ้าแข็งใสมาก ด้านบนสามารถมองเห็นเงาเลือนรางของตัวนาง ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่บนแผนที่บอกว่า เป็นตำแหน่งของเคล็ดวิชาเทวะ นางหลับตาลง เห็นจุดที่เป็นตัวแทนของตนทับซ้อนอยู่กับจุดที่เคล็ดวิชาเทวะซ่อนอยู่ นี่ก็บ่งบอกว่านางไม่ได้มาผิดทาง
“ที่นี่งั้นหรือ แต่ว่ามันทั้งไม่มีประตูแล้วก็ทางเดิน…” เจียงหลีกวาดมองไปโดยรอบอย่างสงสัย สายตาตกลงไปที่ปลายเท้า ก่อนจะเอ่ยกระซิบกระซาบขึ้น “หรือว่าจะฝังอยู่ใต้ดินกัน”
มู่ชิงเกอลืมตาขึ้น มองไปยังแผ่นนํ้าแข็งที่ขวางอยู่ด้านหน้าของตน นิ่งเงียบไม่พูดจา
เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางอยู่ที่นี่ไม่ผิด แต่จะหามันได้อย่างไรนั้น ก็เป็นปัญหาอีกอย่างหนึ่ง
“เป็นไปไม่ได้ ผู้ที่นำเคล็ดวิชาเทวะมาซ่อนที่นี่ก็เป็นผู้นำตระกูลมู่ ระดับพลังของคนผู้นั้นสูงลํ้า จะมาขุดถํ้าซ่อนเคล็ดวิชาเทวะเอาไว้ส่งเดชเช่นนี้ได้อย่างไร ที่นี่จะต้องมีกลไก พวกเราค้นหาให้ดี” มู่เฉินรีบเอ่ยแย้งข้อสันนิษฐานของเจียงหลี
“พูดมีเหตุผล” มู่ชิงเกอเอ่ยเสียงขรึม “ในเมื่อสิ้นเปลืองสมองคิดค้นแผนที่เช่นนี้มา ทั้งยังวางหมากการแข่งขันระหว่างผู้สืบทอดเช่นนี้ขึ้นได้ เช่นนั้นสถานที่ที่ใช้ซ่อนเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางก็คงจะไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน หาให้ทั่ว ดูซิว่ามีเบาะแสอะไรหรือไม่”