ตอนที่ 309
ส่งเคล็ดวิชาเทวะออกมา!
บนดินแดนหิมะของหานชุ่น สัตว์ประหลาดสองสามตัวกำลังเดินไปมาอย่างผ่อนคลาย ฉากภาพสัตว์ประหลาดนับหมื่นวิ่งอย่างบ้าคลั่งก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว เหล่าสัตว์ประหลาดที่ถูกยั่วยุในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะลืมเรื่องครั้งก่อนไปแล้ว
ทันใดนั้นเองก็มีแสงสว่างแสบตาตกลงมาจากฟากฟ้า ฉากนี้ทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดกระโดดหนีด้วยความตื่นตกใจ พริบตานั้นเองบนแผ่นดินหิมะก็ไม่มีร่องรอยของสัตว์ประหลาดอีกต่อไป
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!
เงาร่างของ คนทั้งห้าคนตกลงมาจากฟากฟ้าลงบนพื้นหิมะ ดีที่พื้นหิมะหนาแน่นทำให้พวกเขาไม่รู้สึกเจ็บสักเท่าไหร่
“โอ๊ย!” เจียงหลีนั่งบนพื้นหิมะ อดไม่ได้ที่จะบีบลูบเอวของตนเอง “ครั้งหน้าก่อนจะตกลงมาช่วยร้องบอกก่อนได้หรือไม่ หากตกลงมาอย่างสองครั้งนี้อีกครั้งกระดูกของข้าก็คงจะหักไปแล้ว”
“พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร! นายน้อยล่ะ?” มู่เฉินมีปฏิกิริยาขึ้นมาก่อนใคร เขามองหาไปรอบด้านมองไปก็เห็นเงาร่างสีแดงที่ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากพื้นหิมะ กำลังหันหลังให้เขาและใช้มือปัดเสื้อผ้าอยู่ แผ่นหลังนั้นแน่นอนว่าเขาคุ้นเคยมาก “นายน้อย!” มู่เฉินวิ่งมาที่นางอย่างตื่นเต้น ตอนที่เขาเห็นมู่ชิงเกอนั้นคนอื่นๆ ก็มองเห็นเช่นเดียวกัน ในขณะนั้นพวกเขาก็ไม่สนใจแล้วว่าเหตุใดตนเองถึงมา ปรากฎตัวอยู่ที่นี่ ล้วนแต่พากันวิ่งเข้าไปหานาง
“ลูกพี่! ท่านออกมาแล้ว!” หยวนหยวนวิ่งไปถึงตรงหน้าของมู่ชิงเกอก่อนใครเพื่อน พร้อมเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น
มู่ชิงเกอหันหน้ากลับมายังคงเป็นสภาพของคุณชายผู้หล่อเหลาเช่นเดิม ตุ้มหูสีม่วงบนหูซ้ายของนางส่องแสงเป็นประกายมีเสน่ห์
“ชิงเกอ ที่พวกเรามาปรากฎตัวอยู่ที่นี่เป็นฝีมือของเจ้าใช่ไหม?” เจียงหลีเอ่ยถาม
นัยน์ตาสดใสของมู่ชิงเกอกวาดมองคนไม่กี่คนแล้วพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
“น่าเสียดายแล้ว เดิมข้าคิดจะฆ่าอีกฝ่ายเสียหน่อย” หยวนหยวนเอ่ยอย่างเสียดาย
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วมองเขา “เช่นนั้นส่งเจ้ากลับไปเป็นอย่างไร?”
ใบหน้าอันงดงามของหยวนหยวนแข็งทื่อขึ้นในทันทีแล้ว ก็ยิ้มอย่างเก้อเขิน “ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้ลูกพี่ ข้าก็เพียงแค่พูดเล่นเท่านั้น”
แม้ว่าเขาจะไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่เป็นเพราะช่วงพริบตาเมื่อครู่นั้นสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของอีกฝ่าย ทำให้เขาเข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นต่อกรด้วยไม่ง่ายนัก
“นายน้อย นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?” มู่เผิงก็เอ่ยปากถามออกไป
เมื่อครู่เขาได้เตรียมใจที่จะตายแล้ว คิดจะปกป้องให้นายน้อยปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าเพียงพริบตาก็ถูกพาตัวออกมายังพื้นหิมะ
มู่ชิงเกออธิบายว่า “ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ข้าทำเป็น เพียงแค่เป็นอาคมชนิดหนึ่ง” จากนั้นนางก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในถํ้าให้ทั้งสี่คนฟัง
แน่นอนว่าสิ่งที่ควรเก็บเป็นความลับนางก็เก็บเป็นความลับ
หลังจากฟังจบแล้วมู่เฉินก็ถอนหายใจ “คิดไม่ถึงว่านายน้อยจะมีวาสนาขนาดนี้ได้พูดคุยกับบรรพบุรุษเมื่อหมื่นปีก่อน ทั้งยังได้รับการชำระล้างสายเลือดจากเหล่าบรรพบุรุษอีก”
“บรรพบุรุษมู่สวิน…อา…” มู่เผิงมีคำพูดมากมายแต่สุดท้ายก็กลายเป็นการถอนหายใจ
มู่สวินเป็นใคร? หมื่นปีที่ผ่านมาเกรงว่าภายในบันทึกที่สืบทอดมา คงไม่อาจรู้ได้แล้วว่าเมื่อหมื่นปีก่อนนั้นเขาเป็นคนอย่างไร แล้วมีตำแหน่งสถานะอย่างไร
แต่ว่านับจากวันนี้ไปพวกเขาจะล้วนแต่จดจำเขาไว้
“ชิงเกอ ในเมื่อเจ้าได้ปลุกสายเลือดตระกูลมู่ให้ตื่นขึ้นแล้ว รู้สึกว่ามีอะไรแตกต่างหรือไม่?” เจียงหลีสอบถามอย่างสนใจ
มู่ชิงเกอสัมผัสอย่างละเอียดเล็กน้อยแล้วก็ค่อยๆ ส่ายหน้า “ไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม”
มู่เฉินรีบพูดในทันทีว่า “ไม่รีบร้อน นายน้อยเพิ่งจะปลุกสายเลือดให้ตื่นน่าจะต้องใช้ระยะเวลาสักหน่อย หรือบางทีอาจต้องมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นก่อน ถึงจะ สามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง รอให้พวกเราออกไปจากที่นี่แล้ว ก็สามารถถามผู้เฝ้ามองได้”
คำพูดของเขาได้รับการเห็นพ้องจากทุกคน
มู่เผิงถามว่า “นายน้อย ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหนและยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่?”
มู่ชิงเกอหยิบธูปหอมออกมา ธูปหอมในมือถือเพียงแค่หนึ่งในสามส่วน
นี่ก็แสดงให้เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังเหลือเวลาอยู่เพียงแค่ประมาณสองวันเท่านั้น หากว่าภายในสองวันนี้ไม่ สามารถกลับไปยังจุดที่ตกลงมาในตอนแรกได้ หากคิดตามเส้นทางเดิมเมื่อครั้งมา เกรงว่าอาจจะต้องถูกขังไว้ในหานชุ่นแล้ว
“ข้าดูก่อน” มู่ชิงเกอพูดแล้วก็หลับตาลง
เพียงแค่หลับตาในหัวของนางก็ปรากฎภาพแผนที่ของหานชุ่น ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่มุมทางตะวันออกเฉียง เหนือแล้วแต่กลับถูกย้ายมาที่มุมทางตะวันออกเฉียงใต้ ห่างออกจากจุดที่ตกก่อนหน้านี้ไกลออกมาหน่อย มู่ชิงเกอมองหาอยู่ในแผนที่เล็กน้อยก่อนลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า “พวกเขายังอยู่ที่เดิมดูเหมือนว่าเพิ่งจะออกมาจากถํ้า”
อีกฝ่ายไม่ได้ไล่ตามมาทำให้ทุกคนผ่อนคลายขึ้น
มู่ชิงเกอพูดว่า “ตอนนี้พวกเราห่างออกไปไกลหน่อยรีบ เร่งเดินทางเถอะ”
คำพูดของนางแน่นอนว่าจะไม่มีคำโต้แย้ง
ทั้งห้าคนไม่ได้ชักช้าต่อไปรีบขยับกายมุ่งหน้าไปยังจุดที่ตกลงมาในตอนแรกทันที
อีกทางหนึ่งมู่เทียนอินกลับมาถึงพื้นผิวด้วยใบหน้าที่ดำทะมึนดูน่ากลัว
แต่ว่ารอบด้านไม่มีเงาคนสักคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงร่องรอยอะไรเลย
“นายน้อย พวกเราจะทำอย่างไรดี?” ลูกน้องคนหนึ่งของมู่เทียนอินเอ่ยถามออกมา
ขณะนี้มู่เทียนอินกำลังโมโห เขาถามขึ้นมาแบบนี้ เป็นการหาเรื่องเจ็บตัวให้ตนเองอย่างไม่ต้องสงสัย
มู่เทียนอินสะบัดมือ โจมตีเข้าไปที่หน้าอกของลูกน้องคนนั้นทำ ให้เขาลอยออกไปชนเข้ากับธารนํ้าแข็งเบื้องหลัง
“อัก!”
ลูกน้องคนนั้นตกลงบนพื้นกระอักเลือดออกมา แต่ก็รีบคลานลุกขึ้นมาในทันที ไม่กล้าพูดจาอีก
อีกสองคนที่เหลือล้วนแต่กลั้นลมหายใจ ไม่กล้าออกไปยั่วโมโหมู่เทียนอิน
“ตาม! ตามหามาให้ข้า แม้ว่าจะต้องขุดดินลงไปสามฉื่อ ก็ต้องตามหาพวกเขามาให้ได้!” มู่เทียนอินเอ่ย
เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลาง! เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลาง!
ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลาง ส่วนบนหรือว่าส่วนล่างก็ล้วนแต่เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น!
คนที่คิดจะแตะต้องแม้แต่ปลายนิ้วก็ล้วนแต่ต้องถูกเขาทำลาย!
ลูกน้องทั้งสามคนก้มหน้าลง “ขอรับนายน้อย!”
บนพื้นหิมะที่มองไม่เห็นขอบเขต คนทั้งห้าคนเร่งรีบเดินไปข้างหน้า
เพื่อที่จะเร่งเวลาพวกเขาไม่ได้เก็บออมพลังจิตเอาไว้อีก เร่งรีบใช้วิชาที่มีเพื่อเคลื่อนไหวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หากว่าพลังกายกับพลังจิตไม่พอ ก็จะกลืนยาที่มู่ชิงเกอมอบให้ในทันที เพียงพริบตาเดียวก็จะฟื้นคืนดังเดิม
เวลานี้เองมู่เฉินและมู่เผิงถึงได้รู้สึกแปลกประหลาดใจ ยาในมือของนายน้อยดูเหมือนว่าจะสามารถใช้ได้โดยไม่จำกัด อีกทั้งระดับของยานี้ก็ยังไม่ตํ่าอีกด้วย เพียงแต่ว่าพวกเขาก็ทำได้แต่เพียงเก็บซ่อนความตกตะลึงนี้ไว้ในใจไม่ได้ถามออกมา
เพราะว่าพวกเขาเองก็รู้ว่ามู่ชิงเกอก็มีความลับของตนเอง
“นายน้อย หากอิงตามความเร็วเช่นนี้ต่อไป ผ่านไปอีกครึ่งวันพวกเราก็จะสามารถไปถึงป่าแห่งนั้นได้แล้วและก็ใช้เวลาไม่นานก็จะไปถึงสถานที่ที่ตกลงมาได้” มู่เฉินไล่ตามมาถึงช้างกายของมู่ชิงเกอแล้วพูดขึ้น มู่ชิงเกอมองไปข้างหน้าอย่างสงบแล้วพยักหน้า
“หวังว่าพวกเราจะสามารถไปถึงได้อย่างราบรื่นและกลับไปอย่างปลอดภัย” มู่เฉินพูดขึ้นอีกหนึ่งประโยค แต่ว่าประโยคนี้กลับทำให้ในใจของมู่ชิงเกอรู้สึกหนักอึ้ง
‘สามารถกลับไปได้อย่างราบรื่นงั้นหรือ?’ ในใจของมู่ชิงเกอรู้สึกไม่แน่ใจ การออกมาในครั้งนี้ ยิ่งราบรื่นเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ในใจของนางรู้สึกว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก
นางมีความรู้สึกอยู่ตลอดว่า ภายหลังความราบรื่นมากๆ เช่นนี้จะต้องมีเรื่องราวอะไรที่รอนางอยู่
‘หรือว่าจะเป็นเคราะห์ครั้งใหญ่ที่ราชครูพูดเอาไว้?’ มู่ชิงเกอพูดขึ้นในใจ
“ที่แท้พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่นี่เอง!”
ทันใดนั้นด้านหน้าก็มีเสียงตะคอกดังเข้ามา ตามมาพร้อมกับธารนํ้าแข็งตรงหน้าของพวกเขาถูกคนกระแทกขึ้นมา ราวกับกำแพงที่ขวางทางไปข้างหน้าของพวกเขาเอาไว้
คนทั้งห้าคนหยุดฝีเท้าลงแล้วก็เข้ามารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นธารนํ้าแข็งขนาดใหญ่ตรงหน้าก็ถูกทำลายลง กลายเป็นเศษนํ้าแข็งเศษเล็กเศษน้อยพุ่งโจมตีมายังคนทั้งห้า
ทั้งห้าคนรีบป้องกันการโจมตีจากเศษนํ้าแข็ง จนถูกบีบให้ต้องถอยไปหลายก้าว
‘ไล่ตามมาแล้ว!’ นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววหนักใจ
แน่นอนว่านางรู้ว่าคนที่ขวางทางไปนั้นเป็นใคร
ตลอดเส้นทาง นางล้วนแต่คอยสังเกตการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายคิดอยากจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพวกเขา แต่ตอนนี้ดูจากสถานการณ์แล้ว คนที่ถูกกำหนดไว้ ว่าต้องเจอไม่ว่าจะยังไงก็ต้องเจอ
เมื่อตีให้ก้อนนํ้าแข็งตกลงไปมู่ชิงเกอก็รู้สึกได้ว่ามีพลังอันแข็งกร้าวของระดับสีทองสายหนึ่งกำลังพุ่งแทงมาที่ตัวเอง
“ส่งเคล็ดวิชาเทวะออกมา!” คนที่มาส่งเสียงที่เย็นชา เต็มไปด้วยไอสังหาร
มู่ชิงเกอถอยไปด้านหลังทันทีในมือมีแสงสีเงินวาบขึ้น มือกุมทวนหลิงหลงโจมตี เข้าไปยังแสงสีทองนั่น
ปัง!
เสียงของการปะทะดังขึ้นมา ทำให้นิ้วของมู่ชิงเกอเกิดอาการชาจนทวนหลินหลงเกือบจะหลุดออกจากมือ
ดีที่นางจับได้ทัน ใช้ทวนแทงกลับไปด้านหลัง บีบเงาร่างของคนที่พุ่งเข้ามาให้ถอยออกไป ส่วนตนเองก็หลบไปอีกข้าง
เพียงแต่ว่าเงาคนที่ถูกนางบีบให้ถอย กลับฟาดดาบแสงสีทองลงมาจากอากาศมุ่งตรงลงมาที่นาง หากว่าถูกดาบแสงนี้ฟาดโดนเกรงว่าคงจะถูกแยกออกเป็นสองส่วนในพริบตา
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง พลิกตัวกลางอากาศหลบหลีกดาบแสงสายนั้น ดาบแสงปัดผ่านร่างของนาง ทำลายเสื้อบนหัวไหล่ของนางจนขาดตกลงบนพื้นหิมะ บึ้ม!
เลียงดังสนั่น พื้นหิมะที่ถูกฟาดเกิดเป็นรอยขนาดใหญ่ หิมะถูกแยกออกเป็นสองทาง
“นายน้อย!”
“ชิงเกอ!”
“ลูกพี่!”
เสียงตกใจหลายเสียงดังขึ้นมาข้างหูของมู่ชิงเกอ
นางตกลงมาจากอากาศ ในที่สุดก็ยืนอย่างสมดุลได้ ในตอนนี้นางถึงได้มองเห็นใบหน้าของคนที่มาได้อย่างชัดเจน
พวกมู่เฉินรีบเข้ามาข้างกายของนาง โอบล้อมนางเอาไว้ มองคนที่ยืนตรงหน้าทั้งสี่คนด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม ทั้งสี่คนนี้สวมชุดสีหิมะ บนตัวชุดยังปักลวดลายด้วยด้ายสีทอง ภายในคนทั้งสี่มีอยู่หนึ่งคนที่มีอายุไล่เลี่ยกับมู่ชิงเกอ โครงหน้าดูชัดเจน นัยน์ตาลุ่มลึกเต็มไปด้วยความดุดันแข็งกร้าว
ตอนนี้ในมือของเขาถือดาบหนักเล่มหนึ่ง ปลายดาบอันแหลมคมชี้มาทางมู่ชิงเกอ
“เจ้าก็คือคนที่มาจากโลกแห่งยุคกลางใช่หรือไม่?” มู่เทียนอินมองมู่ชิงเกอด้วยท่าทางที่แข็งกร้าว นัยน์ตาฉายแววดูแคลน
ตามที่เขาดูเจ้าเด็กหน้าขาวเช่นมู่ชิงเกอนั้นไม่ได้มีความสามารถอะไร
“เจ้าล่ะเป็นใคร?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามเสียงเข้ม
“บังอาจ!”
“กำแหง!”
มู่เทียนอินยังไม่ทันได้พูด ลูกน้องทั้งสามของเขาก็ตะโกนขึ้นมา
เพียงแค่พวกเขาตะโกนพลังกดดันของระดับสีทองชั้นหก ก็พุ่งขึ้นมาทำลายชั้นนํ้าแข็งที่ขวางระหว่างทั้งสองฝ่าย
ทำให้ชั้นนํ้าแข็งแตกสลายลงในพริบตา
ท่าทีของมู่เฉินเปลี่ยนไปในทันที ทันใดนั้นก็ออกมาขวางที่ตรงหน้าของมู่ชิงเกอ ขวางพลังกดดันที่มาจากอีกฝ่าย
เพียงแต่ว่าการเคลื่อนไหวของเขาเมื่อตกเข้าไปอยู่ในสายตาของฝ่ายตรงข้ามทั้งสี่คนแล้ว ก็เพียงแต่แลกมากับการดูแคลนและหัวเราะเยาะเท่านั้น
“อึก!” มู่เฉินสบถออกมาคำหนึ่ง เขามีกำลังเพียงแค่ระดับสีทองชั้นสองไม่ใช่คู่มือของพวกเขา เลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา ผิวหนังก็มีเส้นเลือดนูนขึ้นมา สีผิวเปลี่ยนเป็นสีอมม่วง สองตาแดงฉาน
ท่าทางที่ทุลักทุเลของเขาทำให้บนใบหน้าของพวกมู่เทียนอินสามคนฉายแววดูแคลนขึ้นมามากยิ่งขึ้น
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอดูเคร่งขรึมขึ้นเลยถามเสียงเบาว่า “มู่เฉิน เจ้าไม่ต้องพยายามต้านแล้ว”
แต่มู่เฉินกลับกัดฟัน “นายน้อย คุ้มครองท่านเป็นหน้าที่ของข้า”
คำตอบนี้ทำให้ในใจของมู่ชิงเกอสับสนวุ่นวายขึ้นมา
ทันใดนั้นก็มีเสียงสบถอย่างเย็นชาลอยมา ทำลายพลังกดดันที่มู่เฉินพยายามด้านทานอย่างสุดฤทธิ์ไปอย่างง่ายดาย