Skip to content

พลิกปฐพี 312

ตอนที่ 312

ฆ่าหนึ่งคน!

ดาบนี้ฟาดไปบนท้องของมู่ชิงเกอ ดาบนี้รุนแรงมากไม่อาจต้านทานได้หากว่าให้มันฟันลงมา เกรงว่าจุดจบคงจะเป็นกระดูกเอวหักสะบั้นเป็นแน่แท้

ในตอนที่มู่ชิงเกอสัมผัสได้นั้น ก็ไร้ทางจะหลีกพันแล้ว ทำได้เพียงแต่ปล่อยให้ดาบนั้นตกลงบนร่างกายของตนเอง

ในตอนที่แสงดาบปะทะโดนนางนั้น พลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่งก็โจมตีนางให้ลอยออกไป เลือดลมตีกลับ ส่วนบนร่างของนางกลับมีแสงสีเงินวาววาบ ปรากฎเกราะสีเงินออกมา

เกราะนี้รับการโจมตีแทนนาง เพียงแต่ทำให้เลือดลมของนางตีกลับแล้วก็กระอักเลือดออกมาเท่านั้น

มู่ชิงเกอควบคุมร่างกายของตนเองกลางอากาศ ในตอนที่ตกลงพื้นสองเท้าก็ได้ฝังลงไปในพื้นหิมะอย่างรุนแรง

“เกราะระดับเทวะงั้นหรือ?” มู่เทียนอินเลิกคิ้วขึ้นสูง สบถออกมาคำหนึ่ง ในนํ้าเสียงแฝงไว้ด้วยความประหลาดใจ

ตอนนี้เขาก็คอยมองออกไปยังคนอื่นๆ ถึงได้สังเกตเห็นว่าบนร่างของคนไม่กี่คนนี้กลับมีเกราะระดับเทวะสวมอยู่ มีเพียงแต่ชายหนุ่มชุดสีม่วงเท่านั้นที่ไม่ได้สวม มู่ชิงเกอกดความรู้สึกที่เลือดลมตีกลับ เงยหน้าขึ้น ในดวงตาอันสดใสเผยร่องรอยของความเย็นชากวาดมองไปยังมู่เทียนอิน

มู่เทียนอินหัวเราะเยาะเย้ย “ถึงกับสวมชุดเกราะระดับเทวะ อยู่เหนือความคาดหมายของข้าจริงๆ เพียงแต่ แม้ว่าเจ้าจะมีเกราะระดับเทวะอย่างมากก็สามารถรับกระบวนท่าของข้าได้เพียงแค่สามกระบวนท่า หลังจากสามกระบวนท่าแล้วเจ้ายังจะทำอะไรได้อีก?”

มู่ชิงเกอสบถเสียงเย็น ชูทวนหลิงหลงพุ่งแทงไปยังเขา

นางใช้ทวนดูดวิญญาณ หัวทวนหมุนวน เกิดพลังหมุนล้อม สายลมและเกล็ดหิมะม้วนรอบทวนหลิงหลง เกิดเป็นหัวมังกรอันน่าเกรงขาม พุ่งเข้าไปใส่มู่เทียนอิน

ดวงตาของมู่เทียนอินมืดดำลง มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะดูแคลนอยู่ตลอด

เขาเอาดาบมาไว้ด้านหน้าแล้วก็ฟาดลงไปแสงดาบเต็มไปด้วยความดุดันพุ่งเข้าไปใส่หัวมังกรในก่อนที่จะปะทะนั้นก็กลายเป็นหัวมังกรหัวหนึ่งเช่นเดียวกัน ก่อน

จะปะทะเข้ากับมังกรหิมะของมู่ชิงเกอ

มังกรยักษ์สองหัวปะทะเข้าด้วยกันพัวพันกันไปมา กัดอีกฝ่าย คิดอยากจะกลืนกินอีกฝ่ายลงสู่ท้อง รอบกายของมู่ชิงเกอและมู่เทียนอินแผ่ไอพลังออกมา พัดจนเกล็ดหิมะข้างเท้าทั้งสองข้างลอยปลิวออกไป

ปัง!

เสียงดังสนั่นขึ้น มังกรหิมะกลายเป็นเกล็ดหิมะตกลงมา แสงดาบนั้นวาววาบยังคงเป็นมังกรขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่มู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอมองออกไป ระบำเพลงทวนหลิงหลงออกมา เพลงทวนที่ชดช้อยถูกใช้ออกไปอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นหมาปาสีเงินนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่หัวมังกร ขัดขวางมันเอาไว้ กัดมันอย่างดุเดือด

มู่ชิงเกอถือโอกาสกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ ทวนหลิงหลงแทงออกมาจากกลางอากาศ ปลายทวนแหลมคม แทงเข้าไปในแสงดาบที่เป็นรูปหัวมังกร ทำให้แสงดาบนั้นแตกสลายลงไปเป็นชิ้นๆ

นางบุกเข้าโจมตีนำพาหมาป่าสีเงินที่เหลือพุ่งเข้าไปหามู่เทียนอิน

มู่เทียนอินยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ขยับ ปลายดาบวาดออกไป ตรงหน้าของเขาปรากฎเงาร่างหัวของสัตว์อสูรขนาดใหญ่ อ้าปากกลืนบรรดาเหล่าหมาป่าสีเงินเหล่านั้นของมู่ชิงเกอ

ส่วนเขาก็รับทวนของมู่ชิงเกอได้อย่างง่ายดาย ปะทะเข้าหาเขา

“เพลงทวนของเจ้างดงามมาก แต่น่าเสียดายที่พลังฝึกปรือตํ่าเกินไป!” มู่เทียนอินหัวเราะเยาะ กลับร่างแทงออกไป ดาบของเขาวาดผ่านเข้าไปที่คอของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอเอนตัวถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ร่างกายไถลไปด้านหน้าเล็กน้อยหลบหลีกการโจมตีที่ดุดันนั้น แล้วก็เข้าไปประชิดตัวมู่เทียนอิน นัยน์ตาของทั้งสองคนปะทะกันกลางอากาศ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ภายในดวงตาล้วนแต่ลุกโชนขึ้นมา ในเวลานี้เองอยู่ดีๆ มู่เทียนอินก็ยื่นฝ่ามือออกมาซัดไปที่มู่ชิงเกอ ดูเหมือนว่าคิดจะอาศัยโอกาสในพริบตานี้ลอบโจมตีมู่ชิงเกอ

ส่วนมู่ชิงเกอกลับหัวเราะเยาะเช่นเดียวกัน กำมือซ้ายแล้วชกเข้าไปที่ฝ่ามือของมู่เทียนอิน หนึ่งมัดหนึ่งฝ่ามือเข้าปะทะกันในที่ลับ แต่กลับเป็นการปะทะที่ดุเดือดมาก พลังจิตระดับสีทองและสีเงินสองสายทำให้ทั้งสองคนถอยออกจากกันไปไกล การลอบโจมตีของมู่เทียนอินล้มเหลวแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย

ส่วนมู่ชิงเกอที่รับฝ่ามือของมู่เทียนอินมาหนึ่งฝ่ามือ ถึงแม้ว่าจะสามารถอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกายฝืนผ่านมาได้ แต่การบุกโจมตีของพลังจิตนั้นกลับทำให้การไหลเวียนของพลังจิตในร่างกายของนางเปลี่ยนเป็นช้าลง

นั่นทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก นัยน์ตาดูเคร่งขรึม

มู่เทียนอินพูดเยาะเย้ยว่า “เจ้าน่าจะรู้สึกยินดี ที่ข้าไม่ได้ใช้พลังจิตกดดันเจ้าโดยตรง ซึ่งจะทำให้เจ้าไม่สามารถลงมือต่อหน้าข้าได้”

แน่นอน! หากว่ามู่เทียนอินใช้พลังจิตเข้ากดดันนางโดยตรง อาศัยพลังจิตของระดับสีทองชั้นหกกดดันพลังระดับสีเงินชั้นสามของนาง แน่นอนว่าจะทำให้นางไม่สามารถลงมือตอบโต้ได้ ทำได้แต่รอความตาย

แต่ว่าหลังจากที่มู่ชิงเกอได้ยินคำพูดนี้ของเขาแล้วกลับหัวเราะเยาะแล้วพูดออกมาว่า “หากว่าเจ้าสามารถใช้พลังจิตกดดันได้ ก็คงจัดการพวกเราไปนานแล้ว แต่เหตุ ใดเจ้าจึงไม่ใช้? ดูแล้วพลังกดดันนี้ไม่ได้มีประโยชน์สักเท่าไร คิดจะใช้พลังเช่นนั้นมาต่อสู้กับความตั้งใจของข้างั้นหรือ? จะไม่ไร้เดียงสาไปหน่อยรึ?”

คำพูดของนางทำให้นัยน์ตาของมู่เทียนอินมีสีเข้มขึ้น

พลังกดดันจะทำให้คนที่มีพลังตํ่ากว่าไม่สามารถควบคุมพลังได้ ทำให้ไม่สามารถต่อต้านได้ แต่ก็ไม่ได้มีความสามารถครอบจักรวาล!

มิเช่นนั้น เมื่อคนที่มีระดับพลังสูงกว่าพบคนที่มีระดับพลังตํ่ากว่าก็เพียงแต่ปล่อยพลังกดดันออกมา ส่วนคนที่มีระดับพลังตํ่ากว่าก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้แค่เพียงรอคอย ความตายเท่านั้นหรือ?

พลังกดดันเป็นเพียงแค่ข้อได้เปรียบของผู้ที่แข็งแกร่งต่อหน้าผู้ที่อ่อนแอกว่าชนิดหนึ่งก็เท่านั้น พลังกดดันสามารถกดดันให้คนยากที่จะต่อต้าน แต่หากว่าอยู่ในช่วงระหว่างความเป็นความตาย ไอพลังมีหรือจะสู้ความตั้งใจขัดขืนในช่วงระหว่างความเป็นความตายได้

มู่เฉินและมู่เผิงล้วนแต่อยู่ระดับสีทอง ดังนั้นพลังกดดันของระดับเดียวกันจึงมีประโยชน์น้อยบนร่างของพวกเขา ส่วนมู่ชิงเกอถึงแม้ว่าจะอยู่ระดับสีเงิน แต่กลับไม่ใช่คนที่พลังกดดันจะสามารถทำให้อ่อนแอลงได้ เพราะความตั้งใจของนางนั้นอยู่เหนือระดับพลังสีเงินขึ้นไปจนเทียบกับระดับสีทองแล้ว

ส่วนเจียงหลีและหยวนหยวน พวกเขาทั้งสองคนล้วนแต่มีจุดเด่นของตนเองดังนั้นภายใต้การกดดันของระดับสีทองชั้นหกก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากต่อหน้าพวกเขา

มู่เทียนอินพูดคำพูดเหล่านี้มาก็คือคิดจะใช้คำพูดโจมตีเขา ทำลายจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาเท่านั้น

หากมู่ชิงเกอมองจุดเล็กๆ เหล่านี้ไม่ออก เช่นนั้นจะยังต่อสู้ไปทำไมอีก? คงทำได้เพียงแต่จะส่งเคล็ดวิชาเทวะส่วนบนและส่วนกลางมอบให้ไปแล้ว

สีหน้าของมู่เทียนอินมืดครึ้มลงมา เขาหมุนข้อมือแล้ว พูดกับมู่ชิงเกอว่า “ดูแล้วการละเล่นในครั้งนี้สมควรที่จะสิ้นสุดลงแล้ว ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับความเมตตา ไม่ยอมที่จะส่งเคล็ดวิชาเทวะออกมา เช่นนั้นข้าก็คงต้องเอามาด้วยตนเองแล้ว!”

เมื่อพูดแล้วเขาก็รวบรวมพลังไม่ได้เก็บออมพลังระดับสีทองชั้นหกเอาไว้พุ่งเข้าใส่มู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอมองเงาร่างที่พุ่งเข้ามาหานางด้วยแววตาที่เรียบสงบ บริเวณที่ผ่านหิมะบนพื้นถูกพัดลอยไป แม้แต่ชั้นนํ้าแข็งที่หนาแน่นด้านล่างก็เกิดรอยร้าว

‘มาเถอะ!’ สองมือของมู่ชิงเกอกุมทวนหลิงหลงแน่น สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา

ส่วนอีกด้าน โห่วยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งโมโห คนที่ต่อสู้กับเขานั้นไถลลื่นอย่างกับปลาไหล ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ทำได้เพียงแต่หลบหนี หากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไป เขานั้นแหละที่จะถูกถ่วงเวลา

ในขณะที่ว่าง โห่วมองดูการต่อสู้อีกสามทาง

พวกมู่เฉินสองคนใช้พลังทั้งหมดรวมกับเกราะระดับเทวะที่มู่ชิงเกอมอบให้ก่อนหน้านี้ ถึงได้สามารถถ่วงเวลาของระดับสีทองชั้นหกได้ แต่เรื่องที่จะแพ้ก็เป็นเรื่องแน่นอนเพียงแค่จะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น

ฝั่งทางเจียงหลีกับหยวนหยวนก็เป็นเช่นเดียวกัน แม้ว่าทั้งสองจะแปลกกว่าคนปกติ มีฝีมือที่พิเศษ แต่ก็ทำได้ แค่เพียงถ่วงการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้เท่านั้นไม่สามารถทำร้ายอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย ส่วนมู่ชิงเกอล่ะ?

โห่วมองไปยังมู่ชิงเกอที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับมู่เทียนอิน แสงสีทองของเปลวไฟในดวงตาทั้งคู่ลุกโชนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

เจ้าเด็กน้อยที่ไม่กลัวตายคนนี้ถึงกับกล้าไปต่อกรกับระดับสีทองชั้นหกเพียงคนเดียวได้หากไม่ใช่เพราะนางมีฝีมืออยู่บ้างแล้วก็บวกกลับมู่เทียนอินคนนั้นจงใจเล่นสนุก เกรงว่าคงไม่อาจฝืนมาถึงตอนนี้ได้

‘ไม่ได้แล้ว! จะต้องรีบกำจัดคนตรงหน้าทันที’ โห่วตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ไอสังหารในแววตาเข้มชันขึ้น เขี้ยวสีขาวของเขาดูแหลมคมขึ้น

เงาร่างของเขาวาบไปปรากฎขึ้นด้านหลังของคนๆ นั้น ชั่วขณะนั้นท่าทีของคนๆ นั้นก็เปลี่ยนไปในทันที ขณะที่ ท้ากำลังจะก้าวต่อ ทางถอยกลับค่อยๆ มีหมอกควันสีม่วงดำแห่งความตายโผล่ขึ้นมา

“ยังคิดจะหนีไปไหนอีก?” โห่วยิ้มอย่างบ้าคลั่งมองดูเขา เมื่อรวมกับรอยสักข้างริมฝีปากแล้วก็ทำให้เขาชั่วขณะนั้นยิ่งดูน่าหวาดกลัวมากขึ้น

สองมือที่แหลมคมคว้ามาที่เขา

สองมือของโห่ว มองเห็นแนวกระดูกอย่างชัดเจน แต่กลับมีพลังความแค้น ปลายนิ้วทั้งสิบแหลมคมดุจดังคมมีด

สองมือของเขาคว้าจับอีกฝ่ายไว้ทะลุพลังป้องกันระดับสีทองชั้นหกของเขาโดยทันที แทงเข้าไปในเนื้อของเขา

ระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ทำให้ดวงตาของผู้มีระดับสีทองชั้นหกคนนั้นเบิกกว้างขึ้นเผยร่องรอยของความหวาดกลัวออกมา เขาต้องการที่จะต่อต้านแต่กลับรู้สึกว่ามี อะไรบางอย่างกัดกร่อนชอนไชจากบาดแผลตรงสองไหล่เข้ามาภายในร่างกายของเขา ควบคุมร่างของเขา ทำให้เขาไม่สามารถขยับได้

ทันใดนั้น โห่วก็อ้าปากกว้างขึ้น

ริมฝีปากที่แต่เดิมน่าดูกลับกลายเป็นน่ากลัวขึ้นมาในทันที เลือดเนื้อแหวกออกเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมมากกว่าเดิมพุ่งตรงเข้ามายังหัวของคนๆ นั้น

ฉากนี้ข่มขู่จนคนระดับสีทองชั้นหกคนนั้นมีเหงื่อเย็นซึมออกทั้งกาย แววตาฉายแววสิ้นหวัง

เขาคิดที่จะร้องเรียกให้เพื่อนเข้ามาช่วย แต่กลับพบว่าปากของตนเองไม่สามารถที่จะอ้ากว้างออกได้ ทำให้ไม่มีเสียงใดๆ หลุดรอดออกมา

“โฮก!”

เสียงคำรามแสบแก้วหูดังออกมาจากปากของโห่ว สั่นสะเทือนจนทำให้ธารนํ้าแข็งรอบด้านสั่นไหว เหล่าสัตว์ประหลาดที่แต่เดิมกำลังเดินเล่นอยู่ไกลออกไป เมื่อได้ยินเสียงคำรามดุจดังสายฟ้าฟาดของโห่วนั้น ก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไป ชั่วขณะนั้นพากันวิ่งหนีแตกตื่น ตกอยู่ในความวุ่นวายสับสน เสียงคำรามนี้ทำให้การต่อสู้อีกสามฝั่งหยุดลงชั่วขณะ มองมายังฝั่งที่โห่วอยู่พร้อมกัน

เห็นเพียงแต่หมอกควันสีม่วงดำโอบรอบตัวเขาไม่จางหายไป สองมือจับกุมสองไหล่ของลูกน้องมู่เทียนอินเอาไว้ ควันสีม่วงดำนั้นโอบล้อมส่วนใบหน้าของโห่วก็มีการเปลี่ยนแปลง เผยรูปลักษณ์ของสัตว์อสูรอันน่ากลัวพุ่งเข้าไปกินหัวของคนๆ นั้น

ฉากนี้ดูน่ากลัวจริงๆ แม้ว่าจะเป็นคนทางฝั่งของมู่ชิงเกอ เมื่อมองเห็นโห่วโหดเหี้ยมเช่นนี้ก็รู้สึกสั่นไหวในใจขึ้นมา

แม้ว่ามู่ชิงเกอจะเคยได้ยินซือมั่วพูดถึงเรื่องของโห่วมา และรู้ว่าเขาชอบกินสมอง แต่เมื่อเห็นกับตาในวันนี้แล้ว ฉากภาพที่กินสมองสดๆ ก็ไม่ได้ดูน่ามองสักเท่าไหร่

โห่วไม่สนใจสายตาที่มองมาจากรอบด้าน ภายในใจคิดแต่อยากที่จะรีบกำจัดเจ้าคนที่กล้ายั่วยุเขามาตั้งนานคนนี้ ในใจคิดแต่อยากจะกินสมองของเขาดับความแค้นในใจ

หมอกควันสีม่วงดำที่โผล่ออกมาจากร่างกายเขามีฤทธิ์กัดกร่อน กัดกร่อนเข้าไปในร่างกายของลูกน้องมู่เทียนอินเรื่อยๆ อีกฝ่ายนั้นได้ตายไปนานแล้วแน่นอนว่าไม่มีกำลังที่จะขัดขืนพลังกัดกร่อนนี้

แครก!

กองกระดูกสีขาวกองหนึ่งตกลงบนพื้นแล้วก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่นกระดูก

หมอกอันหนาแน่นกระจายหายไป โห่วยืนอยู่ตรงหน้ากองฝุ่นกระดูก ในมือถือส่วนหัวของใบหน้าหนึ่งที่ดูหวาดกลัว ส่วนหัวนี้ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี เลือดเนื้อ ล้วนแต่ยังอยู่ เพียงแต่มีเลือดไหลออกมาจากเจ็ดทวารไม่หยุด สองตานั้นก็ยังแฝงด้วยความหวาดกลัว

บนหัวนี้มีรูเลือดหลายรู บนนั้นยังมีร่องรอยของของสีแดงขาวปะปนกันอยู่

โห่วเลียมุมปาก แสดงสีหน้ารังเกียจ “ยังคงเป็นสมองของเผ่ามังกรที่อร่อยที่สุดอยู่ดี!”

ประโยคนี้ทำให้รอบด้านเงียบสงัดลง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version