Skip to content

พลิกปฐพี 313

ตอนที่ 313

ไม่อนุญาตให้ทำร้ายลูกพี่ของข้า!

นัยน์ตาสีทองของโห่ววาววาบไปด้วยไอสังหาร

เขามองไปที่หัวในมือแวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็โยนมันไปยังมู่เทียนอิน

นัยน์ตาของมู่เทียนอินหดตัวลง ใช้ดาบหนักในมือฟาดออกไปยังหัวที่ลอยมา แยกมันออกเป็นสองส่วน กระจายตกออกไปข้างเท้าของเขา

“ลงมือเต็มที่รีบจบศึก!” นัยน์ตาของมู่เทียนอินเย็นชาขึ้น สั่งการลูกน้องที่เหลืออีกสองคน

ลูกน้องสี่คนที่นำมาด้วยแต่เดิมคิดว่าจะไม่ได้สูญเสียใครไป แต่กลับต้องมาทยอยตายไป

สีหน้าของมู่เทียนอินมืดทะมึนอย่างน่ากลัว เขาต้องการชนะ ทั้งยังต้องการให้คนที่อยู่ที่นี่รู้สึกเสียใจที่กล้าเป็นศัตรูกับเขา!

เมื่อได้รับคำสั่งจากเขา บวกกับเห็นเพื่อนตายอย่างสยดสยอง ลูกน้องอีกสองคนของมู่เทียนอินก็ยิ่งต่อสู้อย่างดุเดือดขึ้นไปอีก

ชั่วขณะนั้น ความกดดันของมู่เฉิน มู่เผิง เจียงหลีและหยวนหยวนสี่คนก็เพิ่มขึ้น

ทั้งสี่คนโจมตีไปพลางถอยไปพลาง ร่างกายเกิดบาดแผลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

โห่วพุ่งไปหามู่ชิงเกอ คิดจะรับช่วงต่อสู้กับมู่เทียนอินต่อ

แต่ตอนที่เขาไปถึงครึ่งทางนั้น มู่ชิงเกอกลับตะโกนมาที่เขาว่า “ไปช่วยพวกเขา!”

เสียงนี้ทำให้โห่วหยุดฝีเท้าลง นัยน์ตาฉายแววหวั่นไหวเล็กน้อย หันทิศทางกลับ พุ่งไปยังคนระดับสีทองชั้นหกที่กำลังต่อสู้อยู่กับเจียงหลีและหยวนหยวน

นี่ไม่ใช่ว่ามู่ชิงเกอจะสู้ตาย และก็ไม่ใช่ว่านางไม่รู้หลักการที่ว่าจับตัวหัวหน้าก่อนเพื่อข่มขู่ลูกน้อง แต่เป็นเพราะพลังของมู่เทียนอินคนนี้แข็งแกร่งที่สุดเมื่อ เทียบกับลูกน้องของเขาทั้งสามคน ถ้าหากว่าโห่วมาต่อกรกับเขา เกรงว่าคงยากที่จะตัดสินแพ้ชนะได้ในพริบตา เช่นนั้นพลังกดดันของอีกสองด้านที่เหลือ ก็ไม่มีวิธีที่จะลดน้อยลง ไม่ได้แตกต่างกับก่อนหน้าที่เขาจะฆ่าคนหนึ่งคนนั้นไปมากสักเท่าไหร่

ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ ยังไม่สู้ให้โห่วไปฆ่าคนที่อ่อนแอก่อน สุดท้ายให้เหลือเพียงแค่มู่เทียนอินคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วนางก็จะชนะ!

ส่วนนางยังสามารถอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกาย แล้วก็ยังมีความสามารถในการฟื้นฟูพลังเข้าต่อสู้กับมู่เทียนอินได้อยู่ อีกอย่างเขาก็ยังคิดจะเอาเคล็ดวิชาเทวะ อยู่ ไม่สามารถทำให้นางตายโดยตรงได้ เพียงแต่คิดหาวิธีที่จะทรมานนางเท่านั้น

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอสดใสเยียบเย็นในตอนที่กำลังต่อสู้กับมู่เทียนอินนั้น นางได้วิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมดในหัวรอบหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เพียงแค่นางยืนหยัดต่อ ให้โห่วฆ่าอีกสองคนที่เหลือ เช่นนั้นนางก็สามารถฆ่ามู่เทียนอินได้แล้ว!

โห่วกลับตัวกลางทางก็เป็นเพราะเข้าใจความคิดของมู่ชิงเกอ ดังนั้นถึงไม่ได้พุ่งตัวไปที่นางต่อ

มีโห่วเข้ามาเพิ่ม ทำให้ความกดดันของเจียงหลีกับหยวนหยวนลดลงไปมาก

ทั้งสองคนมีเวลาว่างขึ้นมา เจียงหลีรีบใช้ยาที่มู่ชิงเกอมอบให้รักษาอาการบาดเจ็บในทันที หยวนหยวนนั้นเป็นพญาเพลิง แม้ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็สูญเสียพลังไปไม่น้อย ชั่วขณะนั้นก็ต้องการโอกาสพักหายใจเช่นเดียวกัน

“ถือว่ามีการวางแผนอยู่บ้าง” มู่เทียนอินสบถกับมู่ชิงเกอ คำพูดที่อีกฝ่ายพูดกับโห่วนั้นทำให้มู่เทียนอินเข้าใจในความหมายของเขาเช่นเดียวกัน

ดวงตาทั้งคู่ของนางสดใส ไม่ได้ตอบอะไรกับเขาเพียงแต่บุกโจมตีเข้าไปเรื่อยๆ แม้ว่าการโจมตีของนางจะไม่สามารถทำให้มู่เทียนอินบาดเจ็บได้ แต่นางก็ยังคงต้องบีบคั้นให้เขาไม่มีเวลาที่จะคิดอย่างอื่น ทำได้เพียงแต่ถูกนางถ่วงเวลาเอาไว้!

การโจมตีของมู่เทียนอินตก เข้าไปบนร่างของมู่ชิงเกอไม่หยุด ส่วนมากถูกเกราะของนางขวางเอาไว้ ส่วนน้อยถึงได้ตกเข้าที่ร่างของนาง

“รนหาที่ตาย!” มู่เทียนอินพลิกตัวหันกลับ เงาดาบนับไม่ถ้วนกระจายออกมาจากรอบกายเขาพุ่งเข้าใส่มู่ชิงเกอ

แก้มและหลังมือของมู่ชิงเกอ ยังมีส่วนของชุดที่อยู่นอกเกราะ ล้วนแต่ถูกแสงดาบทำร้าย เลือดไหลผุดออกมาจากบาดแผล

แต่เพียงไม่นาน บาดแผลเหล่านั้นก็รักษาตัวเองกลับคืนสู่ปกติ!

ฉากนี้ถูกมู่เทียนอินพบเห็น นัยน์ตาฉายแวววาววับ ยิ้มเยาะออกมา “ถึงกับมีพลังฟื้นฟูที่แข็งแกร่งขนาดนี้ มิน่าถึงกล้ามาสู้กับข้าคนเดียว”

พูดแล้วเขาก็แทงไปอย่างรุนแรงหนึ่งดาบ แสงดาบดูเหมือนว่าได้ผสานฟ้าดินเอาไว้ด้วยกันพุ่งเข้าไปหามู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอใช้สองมือกุมทวนหลิงหลงเข้าขัดขวาง แต่กลับขวางไม่อยู่ ทั้งตัวคนถอยไปเรื่อยๆ จนเกิดหิมะพุ่งขึ้นด้านหลังเป็นชั้นๆ

“อัก อัก อัก!”

พลังที่แข็งแกร่งโจมตีจนพลังจิตของมู่ชิงเกอที่รวบรวมกลายเป็นพลังป้องกันนั้นถูกทำลายลง มุ่งตรงเข้าปะทะกับร่างกายนาง บีบจนนางต้องกระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่องสามครั้ง ในเวลานี้ดูเหมือนว่ากระดูกทั้งร่างของนางจะมีเสียงดัง ขึ้นดุจดั่งแตกหักก็ไม่ปาน มู่ชิงเกอแทงทวนหลิงหลงลงพื้น ยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก ใช้นัยน์ตาที่เย็นชามองดูมู่เทียนอิน

มู่เทียนอินพูดเย้ยว่า “ถ้าหากว่าข้าจำไม่ผิดแล้วละก็ เกราะระดับเทวะบนร่างของเจ้าชิ้นนี้ได้รับการโจมตีเต็มกำลังจากข้าไปสองกระบวนท่าแล้ว”

เขากำลังเตือนมู่ชิงเกอ เตือนว่าหากมู่ชิงเกอพุ่งเข้ามาอีกครั้ง เกราะระดับเทวะบนร่างของเขาก็จะถูกทำลาย

ส่วนเขาก็ได้เผยทุกอย่างต่อหน้าเขา

เพียงแค่รับการโจมตีของเขาไม่ได้ก็จะต้องพ่ายแพ้ เกรงว่าถึงแม้เขาจะมีพลังฟื้นฟูที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถต่อต้านความเร็วในการโจมตีของเขาได้

“คิดว่ามีพลังฟื้นฟูที่เหนือกว่าคนอื่นแล้วก็จะมีร่างกายที่ตายไม่เป็นงั้นหรือ? น่าขันยิ่งนัก!” มู่เทียนอินยิ้มเยาะ ชูดาบหนักขึ้น พุ่งเข้าไปหามู่ชิงเกออีกครั้ง

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแวววาววับ ชูทวนหลิงหลงขึ้นรับศัตรู

เจียงหลีปรับลมปราณเสร็จอย่างรวดเร็ว มองเห็นฝั่งทางมู่ชิงเกอที่ยิ่งต่อสู้ยิ่งน่าตกใจ จึงรีบหันไปพูดกับหยวนหยวนว่า “เจ้ากับชิงเกอมีพันธสัญญากัน ปรับลมปราณเสร็จแล้วก็รีบไปช่วยนาง ข้าจะไปช่วยพวกมู่เฉิน”

เพียงแค่ถ่วงเวลาถึงตอนที่โห่วกำจัดคนอีกคนที่กำลังต่อสู้อยู่ได้ ฝั่งทางพวกเขาก็ถือว่าชนะแล้ว

พูดแล้ว เจียงหลีก็ขยับหางงู พุ่งไปทางฝั่งของมู่เฉินและมู่เผิง เมื่อมีนางเข้าร่วมแม้ว่าจะไม่อาจฆ่าคนระดับสีทองชั้นหกลงได้ แต่ก็ทำให้ความกดดันของมู่เฉินกับมู่เผิงลดลง

หยวนหยวนฟื้นฟูพลังมาหน่อยแล้ว สายตาก็รีบมองไปยังมู่ชิงเกอในทันที เห็นนางเสี่ยงอันตรายอยู่ตลอด ชั่วขณะนั้นก็พุ่งเข้าไปหานาง “ลูกพี่ ข้ามาช่วยท่านแล้ว! ไม่อนุญาตให้ทำร้ายลูกพี่ของข้า!”

เขากลายร่างเป็นเปลวไฟก้อนหนึ่ง พุ่งตัวเข้าไปตรงกลางระหว่างมู่ชิงเกอและมู่เทียนอินทำให้ทั้งสองคนแยกออกจากกัน

มู่เทียนอินถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อร่างกายสมดุลแล้ว ค่อยเงยหน้ามองเปลวไฟที่ขวางอยู่ตรงหน้าของตนเอง แล้วก็เอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “ถึงกับเป็นร่างพญาเพลิง! เกือบที่จะมองพลาดไปแล้ว”

ก่อนหน้านี้เขาสนใจเพียง แค่มู่ชิงเกอและโห่ว ส่วนการต่อสู้ของหยวนหยวนนั้นก็ไม่ได้มีความผิดปกติอะไรจึงทำให้เขาไม่ได้สนใจหยวนหยวนมากเป็นพิเศษ

“แค่ก แค่ก!” เมื่อมู่ชิงเกอได้โอกาสพักหายใจ ก็ไอออกมา พ่นเลือดในปากออกแล้วถึงได้รู้สึกว่าหายใจได้คล่อง นางมองพญาเพลิงที่อยู่ตรงหน้าของตนเอง นานมากแล้วที่นางไม่ได้เห็นร่างจริงของหยวนหยวน ตอนครั้งแรกที่พบกันหยวนหยวนเป็นแค่เปลวไฟธรรมดาก้อนหนึ่งเท่านั้น มาตอนนี้เปลวไฟของเขาดูมี เสน่ห์ทั้งยังเปล่งแสงสีทองออกมาอีก

“หยวนหยวน!” มู่ชิงเกอร้องเรียกไปคำหนึ่ง หยวนหยวนเข้าใจในทันที พุ่งเข้าไปหามู่ชิงเกอ เข้าไปในหว่างคิ้วของนาง

เพียงแค่เขาไม่ได้กำลังต่อสู้อยู่ มู่ชิงเกอก็จะสามารถใช้ความสามารถของเขาได้

มู่ชิงเกอลืมตาขึ้น นัยน์ตาปรากฎเปลวไฟอันมีเสน่ห์

นัยน์ตาของมู่เทียนอินฉายแวววาววาบ เกิดความอิจฉาขึ้นในใจ “คิดไม่ถึงว่าในร่างกายของเจ้าจะมีของดีอยู่มากมายขนาดนี้ แต่ว่าวันนี้ดูแล้วคงเป็นกำไรของข้าแล้ว

มู่ชิงเกอสบถออกไป เปลวไฟก้อนหนึ่งโผล่ออกมาจากร่างกายของนาง เข้าโอบล้อมทวนหลิงหลงแล้วพุ่งเข้าไปโจมตีใส่มู่เทียนอิน

เปลวไฟนั้นนำพาพลังอันดุดันมาด้วย ถึงกลับทำให้มู่เทียนอินรู้สึกถึงอันตราย

สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าหากถูกเปลวไฟนี้ทำร้ายให้บาดเจ็บ เกรงว่าผลลัพธ์คงจะเลวร้ายมาก

เมื่อคิดได้เช่นนี้ มู่เทียนอินก็รีบใช้พลังจิตบนร่างของเขา มีเกราะสีทองขึ้นหนึ่งชั้น ดาบหนักในมือก็เกิดเป็นเงาดาบขึ้นเรื่อยๆ เกิดเป็นวิชายุทธ์ต่างๆ พุ่งเข้าโจมตีใส่มู่ชิงเกอ

มีหยวนหยวนมาช่วย ชั่วขณะนั้นมู่ชิงเกอก็สูสีกับมู่เทียนอิน

ดวงตาของมู่ชิงเกอจับจ้องมองเงาร่างของมู่เทียนอินตลอดเวลา ส่วนมือก็โจมตีอย่างรวดเร็ว พญาเพลิงโอบล้อมกายนาง ทำให้มู่เทียนอินไม่กล้าเข้าใกล้

แต่ว่าพลังดาบที่แข็งกร้าวของเขาก็ล้อมนางเป็นชั้นๆ กัดกร่อนพลังจิตของนาง

มู่ชิงเกอต้านพลังดาบของเขาเรื่อยๆ พลังจิตในร่างลดลงไปอย่างมาก อาศัยช่วงว่างนางก็รีบคว้ายาออกมาใส่เข้าไปในปากของตนเองทันที

ยาระดับเทวะทำให้พลังจิตในร่างของนางที่หายไปถูกเติมเต็มในพริบตา

มังกรเพลิงถูกนางตวัดออกมาเรื่อยๆ ลอยบินเข้าไปใส่มู่เทียนอิน

นัยน์ตาของมู่เทียนอินฉายแววเย็นชา หลบหนีไปเรื่อยๆ ไม่ยอมให้เปลวไฟสัมผัสร่างกายตนเอง

ทันใดนั้น สะเก็ดไฟก้อนหนึ่งก็ตกลงบนเกราะสีทองของเขา เปลวไฟดูดกลืนพลังจิตของเขา มู่เทียนอินสีหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที สัมผัสได้ถึงพลังแห่งความว่างเปล่าของเปลวไฟ แล้วก็ยังมีความรู้สึกที่จะเผาไหม้ทุกอย่าง นัยน์ตาของเขาดูอำมหิตขึ้นพร้อมกับส่งไอสังหารออกไป เขาขับเคลื่อนพลังจิตอย่างบ้าคลั่งซ่อมแซมเกราะที่ถูกไฟเผาทำลายให้สมบูรณ์กลับมา แล้วก็โยนดาบหนักในมือขึ้นข้างบน สองมือรีบแสดงกระบวนท่าอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเองเมฆลมเปลี่ยนสีในสองมือของเขาปรากฎ พละกำลังมหาศาลที่สามารถทำลายฟ้าดินให้สูญสิ้นได้ พละกำลังนั้นกำลังฉีกทำให้ภายในช่องว่างมืดลง ฉากที่ทำให้คนตกตะลึงนี้ ทำให้ในใจของมู่ชิงเกอร้องเตือน เปลวไฟรอบร่างกายยิ่งเข้มข้นขึ้นหลายส่วน

สีฟ้าที่มืดมิดลงอย่างกะทันหันทำให้คนอื่นๆ สนใจ

โห่วใช้กระบวนท่าเดียวโจมตีจนคู่มือกระอักเลือดแล้ว เงยหน้าขึ้นมองฟ้า ในใจเอ่ยว่าไม่ดีแล้ว เขารีบร้องตะโกนไปที่มู่ชิงเกอ “เจ้านี่จะใช้อาคมแล้วรีบหนีเร็ว!”

พูดแล้ว เขาก็พุ่งตัวไปหามู่ชิงเกอ

และเมื่อเขาขยับ ลูกน้องคนนั้นของมู่เทียนอินก็ยิ้มอย่างบ้าคลั่ง เข้ามาขวางหน้าเขาเอาไว้ “คิดจะไปช่วยคนงั้นหรือ? ข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่ว่ายังพอขวางเจ้าได้อยู่!”

โห่วโมโหหนักมาก ยกมือขึ้นโจมตีเขา!

อาคม!

ในใจของมู่ชิงเกอสั่นสะท้าน นางเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เห็นท้องฟ้าที่มืดลง ดูเหมือนกำลังรวบรวมพลังที่ยากจะอธิบาย พลังนี้ทำให้นางรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังสั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน

พลังนี้ต้องร้ายกาจกว่าวิชายุทธ์อย่างแน่นอน

แม้แต่นางที่เคยเรียนวิชายุทธ์ระดับนภา พันสายฟ้าก็ล้วนแต่ไม่อาจที่จะรวบรวมพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้

“ถึงกลับกล้าเคลื่อนไหวพลังอาคมในตอนที่พลังฝึกปรือเท่ากับระดับสีทองชั้นหก เจ้าไม่กลัวว่าพลังอาคมจะสะท้อนกลับเลยงั้นหรือ!” โห่วถูกขวางเอาไว้ไม่สามารถสลัดหลุดได้จึงทำได้เพียงแต่พูดเยาะเย้ยมู่เทียนอินไปประโยคหนึ่ง

“อาคม!”

เจียงหลีที่กำลังต่อสู้กับคนอีกคน เมื่อได้ยินคำพูดของโห่วแล้วก็เอ่ยอย่างตกตะลึงออกมา

ไม่คิดว่าระดับสีทองชั้นหกที่กำลังต่อสู้กับนางคนนั้น เมื่อได้ยินเสียงนางก็ยิ้มเยาะเย้ยเอ่ยออกมาว่า “พวกมดปลวกเช่นพวกเจ้าแน่นอนว่าจะไม่รู้จักว่าอะไรคืออาคม รอให้นายน้อยของข้าใช้อาคมออกมาแล้ว พวกเจ้าเหล่านี้ใครก็อย่าคิดที่จะจากไปแบบมีชีวิต!”

คำพูดของเขาทำให้เจียงหลีมีท่าทีที่เปลี่ยนไป ตะโกนบอกมู่ชิงเกอว่า “ชิงเกอรีบหนีเร็ว!”

หนี! จำเป็นต้องหนี!

ที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเตือนในใจของมู่ชิงเกอก็รู้สึกได้แล้วว่าพลังนี้ไม่สามารถต้านทานได้

หากว่านางจะฝืนจนตายจริงๆ เกรงว่าผลลัพธ์สุดท้ายคงจะทำให้วิญญาณของนางแตกสลายเป็นแน่!

“เจ้าคนจากโลกแห่งยุคกลาง รับความตายซะเถอะ!” นัยน์ตาของมู่เทียนอินดุดันขึ้นมา แล้วก็ยิ้มให้มู่ชิงเกอ อย่างบ้าคลั่ง

จากนั้นพละกำลังที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินสายนั้นก็ออกมาจากฝ่ามือของเขากลายเป็นฝ่ามืออันใหญ่โตพุ่งเข้าไปหามู่ชิงเกอ…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version