Skip to content

พลิกปฐพี 318

ตอนที่ 318

ชีวิตของเจ้ารอนางมารับเอา!

มู่เทียนอินแสดงท่าทีดูแคลนมองดูคมมีดที่แทงพุ่งมายัง เขายกมือขึ้นขวาง ทำให้คมมีดของจูเสียดีดกลับไป กำลังที่มหาศาลหวนกลับไปโจมตีร่างกายของเจียงหลี สะท้อนจนตัวนางลอยกลับไป กระอักเลือดออกมา

แครก แครก

เสียงแตกหักดังขึ้นมาภายในหานชุ่น

บนดินแดนหิมะ เหล่าสัตว์ประหลาดภายในหานชุ่นล้วนแต่พากันหวาดกลัวหมอบหลบลงพื้น ดูเหมือนคิดที่จะหลบภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง

ชั้นนํ้าแข็งที่หนาแน่นมีรอยแยกลึก นํ้าแข็งที่อยู่ส่วนลึก ดันนูนสูงขึ้นมา ธารนํ้าแข็งที่สูงใหญ่เริ่มที่จะพังทลายลงมา ก้อนนํ้าแข็งตกลงมาจากที่สูง ทับสัตว์ประหลาดตายไปไม่น้อย

มู่เทียนอินลอยตัวอยู่กลางอากาศ นัยน์ตาดูเย็นยะเยือก ดุจดั่งเป็นพระเจ้าในช่องว่างแห่งนี้

เขาไม่ได้สนใจว่าช่องว่างจะพังทลายลง เพียงแต่มองไปยังเจียงหลีอย่างดูแคลน ตอนนี้ ทุกคนที่อยู่ในช่องว่าง ภายในสายตาของเขานั้นล้วนแต่เป็นดั่งมดปลวกที่ สามารถบีบให้ตายได้ตามใจ แม้ว่าจะเป็นโห่วก็ไม่เว้น!

แครก!

ท้องฟ้าของหานชุ่นเริ่มที่จะแตก แผ่นฟ้าชิ้นใหญ่ตกลงมา เกิดเป็นหลุมสีดำที่ไร้ขอบเขตกลางอากาศ

ลมอันแปลกประหลาดพัดเข้าไปยังหลุมสีดำ ทำลายทุกตารางนิ้วของหานชุ่น เจียงหลียืนขึ้นมาจากพื้น ยกมือขึ้นเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก มองไปยังมุ่เทียนอินอย่างเด็ดเดี่ยว

“จับเจ้าแล้ว พอดีที่จะใช้แลกเคล็ดวิชาเทวะมา!” มู่เทียนอินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ใช้มือซ้ายที่เหลืออยู่พุ่งไปคว้าจับเจียงหลี

มองเห็นมู่เทียนอินที่ใกล้เข้ามา เจียงหลีกลับดูเหมือนว่าถูกหยุดชะงักไปก็ไม่ปาน ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเลยสักนิด ในตอนที่เขากำลังจะสัมผัสโดนตัวเจียงหลีนั้น อยู่ดีๆ เจียงหลีก็เผยรอยยิ้มมีเสน่ห์ออกมา รอยยิ้มนั้นตกเข้าไปในสายตาของมู่เทียนอิน ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างไม่รู้สาเหตุ ความรู้สึกถึงอันตรายโผล่ขึ้นมาในหัวใจอย่างรวดเร็ว

นัยน์ตาของเขาหดตัวลง ร่างกายหยุดชะงักคิดจะถอยออกไป

แต่ว่า ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาเงยหน้ามองไป ก็เห็นร่างเสมือนของงูยักษ์ที่ไม่รู้ว่าปรากฎขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังอ้า ปากกว้างจะกัดลงมาที่หัวของเขา!

“สัตว์เดรัจฉานน่าตาย!” นัยน์ตาของมู่เทียนอินฉายแววแข็งกร้าว ใช้มือตบไปที่ร่างเสมือนของงูยักษ์

ลมฝ่ามืออันแข็งกร้าวตกเข้าไปยังร่างเสมือนของงูยักษ์ ทำให้งูยักษ์ส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

ไกลออกไป พวกมู่เฉินที่ได้มาถึงขอบป่าสีเขียวผืนนั้นแล้ว เมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนก็ล้วนแต่หยุดฝีเท้า อย่างห้ามไม่อยู่ หันกายมองไป ที่พวกเขามองเห็นไม่ เพียงแค่ช่องว่างหานชุ่นที่กำลังพังทลายเท่านั้น แต่ยังมองเห็นเหล่าสัตว์ประหลาดที่กำลังวิ่งหนีอย่างสิ้นหวังด้วย

โห่วถอนสายตากลับ กัดฟันเอ่ยว่า “ไป!

พูดแล้วเขาก็รีบเร่งความเร็วแบกมู่ชิงเกอพุ่งเข้าไปยังผืนป่า

มู่เฉินและมู่เผิงเผยร่องรอยการพยายามข่มใจออกมาสายหนึ่ง แต่สุดท้ายก็กัดฟันตามไป

ในใจของพวกเขาในตอนนี้ล้วนแต่ชัดเจนดีว่าโอกาสหนีในตอนนี้ เป็นเจียงหลีใช้ความปลอดภัยของตนเองแลกมา หากว่าพวกเขายังชักช้าอีก ก็จะทำให้ความลำบากของนางในครั้งนี้สูญเปล่า

ขณะเดียวกัน ในใจของพวกเขาก็ลอบตัดสินใจว่า หากการเสียสละของเจียงหลีสิ้นสุดลง แล้วมู่เทียนอินยังไล่ ตามมาทัน ก็จะมีพวกเขาเป็นผู้เข้าขัดขวาง ถ่วงเวลาให้มู่ชิงเกอ

ขณะที่กำลังวิ่ง มู่เฉินกับมู่เผิงก็มองหน้ากันแวบหนึ่ง ล้วนแต่มองเห็นการตั้งใจของกันและกัน

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พวกเขาจะต้องส่งมู่ชิงเกอออกไปจากหานชุ่นให้ได้!

“โฮก!”

ร่างเสมือนงูยักษ์ถูกฝ่ามือหนึ่งของมู่เทียนอินตบจนร่างแตกเป็นชิ้นๆ ค่อยๆ ตกลงมา

เจียงหลีได้รับผลสะท้อนกลับ กระอักเลือดออกมา

แต่นางก็ไม่ได้ล่าถอยแต่กลับช่วงชิงโอกาสที่มู่เทียนอิน กำลังสนใจร่างของเทพอสรพิษ รวบรวมพลังจิตทั้งร่าง มาไว้ในมือ นัยน์ตาแฝงความเย็นยะเยือกฟาดเข้าไปใส่มู่เทียนอินอย่างรุนแรง!

ลมฝ่ามืออันดุดันบุกเข้ามา มู่เทียนอินหันไปมองในทันที

แต่ว่า ก็สายเกินไปแล้ว ในตอนที่เขาหันไปมองนั้น ลม ฝ่ามือของเจียงหลีได้มาถึงและโจมตีเข้าไปบนร่างกายของเขาอย่างรุนแรง

มู่เทียนอินถูกพลังทั้งหมดนี้โจมตีเข้าอย่างจังจนต้องถอย หลังไปสองก้าว แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก

สีหน้าของเขามืดครึ้มลง พูดด้วยท่าทีที่ดูน่ากลัวว่า “ถึงกลับกล้าลอบโจมตีข้างั้นหรือ? ไปตายเลียเถอะ!”

พูดแล้ว เขาก็สะบัดฝ่ามือไปยังเจียงหลี พลังฝ่ามือที่ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าของเจียงหลีกี่เท่าตกลงมา เหล่าธารนํ้าแข็งที่แตกเป็นชิ้นๆ ก็พุ่งเข้าไปใส่ร่างของเจียงหลีเช่นเดียวกัน

กระดูกในร่างของเจียงหลีดุจดั่งแตกละเอียดก็ไม่ปาน

ทั้งตัวคนดีดพุ่งไปกลางอากาศ เลือดสดๆ พุ่งออกมา

ความเจ็บปวดแสนสาหัส ทำให้เจียงหลีดูเหมือนกับจะสลบลงไป ร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

นางใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย มองจากกลางอากาศไปยังผืนป่า นัยน์ตาสีทองแฝงร่องรอยของความเสียใจ ‘ชิงเกอ ขอโทษด้วย เส้นทางต่อไปข้างหน้าข้าไม่สามารถเดินไปเป็นเพื่อนเจ้าได้แล้ว’

“ตาย!” เลียงอันอำมหิตของมู่เทียนอินดังเข้ามา พละกำลังอันแข็งแกร่งพุ่งเข้ามายังเจียงหลีที่ลอยอยู่กลางอากาศอีกครั้ง

“ข้าดูแล้วเป็นเจ้าต่างหากที่กำลังรนหาที่ตาย!” ทันใดนั้น เสียงที่ดูเย็นชาและน่าเกรงขามจนน่าหวาดกลัวก็ดังขึ้นมาจากท้องฟ้า

การโจมตีนั้นของมู่เทียนอิน กระจายหายไป ไม่ได้ทำร้ายถูกเจียงหลี

ได้ยินเสียงนี้แล้ว ในใจของของมู่เทียนอินก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมา เงยหน้ามองไปยังทางที่เสียงดังเข้ามา

เพียงเห็นว่ากลางท้องฟ้าที่แตกสลาย มีเงาร่างสีดำสูงใหญ่สายหนึ่ง เท้าหนึ่งเหยียบท้องฟ้าที่แตกสลาย ก้าวออกมาจากหลุมดำอันไร้ขอบเขต

“เจ้าเป็นใคร!” มู่เทียนอินมองไปยังเงาร่างนั้น ภายในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหวาดกลัวที่เขาไม่เคยมีมาก่อน

แข็งแกร่งมาก! แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะเฉยชากับทุกอย่างสิ่งมีชีวิตทุก สิ่งทุกอย่างภายในสายตาของเขาก็ล้วนแต่เป็นดุจดั่งวัตถุหรือสิ่งของที่จะทิ้งหรือทำลายในตอนไหนก็ได้

‘เขามาแล้ว!’ สายตาของเจียงหลีเปลี่ยนเป็นพร่าเลือน มองเห็นเพียงโครงร่างที่ดุจดั่งเทพมารนั่น แต่ว่าเสียงนั้นนางกลับไม่มีวันลืม ในใจของนางรู้สึกผ่อนคลาย รู้ว่าเมื่อผู้ชายคนนี้ปรากฎตัว มู่ชิงเกอก็จะไม่มีอันตรายใดๆ

ทันใดนั้น ลมแปลกประหลาดสายหนึ่งก็ม้วนออกมาจากหลุมดำ โอบล้อมเอาตัวเจียงหลี พาร่างของนางม้วนเข้าไปในหลุมดำอันหนึ่ง แล้วก็หายไปในพริบตา

ฉากนี้มาอย่างรวดเร็วมาก ทำให้คนไม่ทันได้เตรียมตัว นับตั้งแต่ที่เจียงหลีถูกตีขึ้นไปกลางอากาศมาจนถึงซือมั่วปรากฎตัว แล้วสุดท้ายก็มาถึงสถานการณ์ที่นางถูกม้วนลากหายเข้าไปในหลุมดำ เป็นเวลาแค่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น

ซือมั่วเพียงแต่รู้สึกว่าหางตาของตนเองมีเงาร่างสายหนึ่งถูกม้วนเข้าไปในหลุมดำ ตอนที่หันไปนั้น กลับมองไม่เห็นอะไรแล้ว

เขาตามกลิ่นอายของมู่ชิงเกอมา แต่ตอนนี้กลับมองไม่เห็นตัวของมู่ชิงเกอ นี่ทำให้เขาไม่มีกะจิตกะใจไปคิดถึงเรื่องอื่น

มองไปเห็นมู่เทียนอินที่มีสีหน้าหวาดกลัวยืนอยู่บนพื้นแล้ว เขาก็พูดออกมาอย่างเย็นชาหนึ่งประโยคว่า “คนของแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารกลับมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ได้”

สีหน้าของมู่เทียนอินเปลี่ยนไปในทันที คนที่มีพลังแข็งแกร่งและอยู่ดีๆ ก็โผล่ออกมาคนนี้ใช้เวลาเพียงครู่เดียว ก็รู้ถึงที่มาของเขาแล้ว นี่ทำให้เขาไม่อาจไม่หวาดกลัวได้

“เจ้าเป็นใคร?” เขาถามออกไปอีกครั้ง

แต่คำพูดของเขายังไม่ทันได้พูดจบดี เงาร่างสูงใหญ่ของซือมั่วก็มาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าของเขา มู่เทียนอินคุกเข่าลงไปบนพื้นทันที ใช้สีหน้าที่ซีดขาวมองดูเขา

ซือมั่วไม่พูดสักคำ คว้าจับเขาไว้ พริบตาเดียวก็มุ่งหน้าไปตามกลิ่นอายของมู่ชิงเกอ

มู่ทียนอินรู้สึกเพียงแค่พริบตาเดียว บรรยากาศตรงหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากสีขาวว่างเปล่าเป็นสีเขียวของผืนป่า

จากนั้น เขาก็มองเห็นใบหน้าหลายดวงที่ดูประหลาดใจ แล้วก็ยังมีมู่ชิงเกอที่สลบอยู่!

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ๆ” ในที่สุดซือมั่วก็ได้เห็นมู่ชิงเกอ แต่สายตากลับถูกผมยาวสีเงินทั้งหัวของนางทิ่มแทงให้รู้สึกปวดใจ

มู่ชิงเกอที่กำลังสลบอยู่ถูกซือมั่วดูดลอยไปจากหลังของโห่ว เข้าไปสู่อ้อมอกของเขา

เมื่อโอบกอดมู่ชิงเกอไว้ในอ้อมอกแล้ว กลิ่นอายของซือมั่วก็เปลี่ยนเป็นอำมหิตน่าหวาดกลัวขึ้นมา

“ในที่สุดเจ้าก็มา” เมื่อมองเห็นซือมั่ว โห่วก็ได้สติกลับมา แล้วก็เอ่ยอย่างโล่งใจ

ซือมั่วไม่ได้สนใจเขา เพียงแต่มองไปยังมู่เทียนอิน ไอสังหารพุ่งออกมาจากตัวเขาไม่หยุด ความโกรธเกรี้ยวในดวงตาสีอำพนหมุนเป็นนํ้าวน ทันใดนั้น ไอสีดำนับไม่ถ้วนก็โจมตีเข้าไปในร่างกายของมู่เทียนอิน ทำให้เขาทรมานจนต้องกลิ้งเกลือกไปกับพื้น

ความเจ็บปวดทรมานอันน่ากลัวนี้ ทำให้เขารู้สึกทุลักทุเลและอึดอัดมาก นํ้ามูกนํ้าลายไหลไปทั่วพื้นดิน และในแววตาของเขาก็มีแต่เพียงความหวาดกลัวเท่านั้นที่ หลงเหลืออยู่

แครก!

ทันใดนั้นหานชุ่นก็สั่นไหวขึ้นมา มันได้มาถึงคราวที่จะพังทลายลงแล้ว

โลกทั้งใบดุจดั่งเป็นเศษกระจกแตกเป็นชิ้นๆ ตกลงไปในช่องว่างที่มืดดำ หานชุ่นเปลี่ยนเป็นเล็กลงเรื่อยๆ สัตว์ประหลาดเหล่านั้นติดไปตามชิ้นของช่องว่างที่แตกหัก ถูกดูดกลืนเข้าไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ไร้ซึ่ง ร่องรอย

“อ๊าก!” มู่เทียนอินร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เขามองไปยังซือมั่วที่โอบกอดมู่ชิงเกอแล้วค่อยๆ เดินเข้ามาหาเขา รู้สึกหวาดกลัวมาก

ทันใดนั้น เขาก็ลูบไปที่หว่างคิ้วของตนเอง อาคมสีทองพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเขา ตรงหน้าของเขาเกิดเป็นประตูมิติ โอบตัวของเขาเอาไว้ แล้วก็พุ่งขึ้นไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็หายไปจากสายตาของทุกคน หนีออกไปจากหานชุ่น

มองเห็นประตูมิตินั้นแล้ว ซือมั่วก็หรี่ตาลง “เผ่าเทพ”

เมื่อเสียงหลุดออกไป นัยน์ตาของเขาก็เต็มไปด้วยไอสังหาร

“ชีวิตของเจ้าเก็บเอาไว้ชั่วคราว รอเสี่ยวเกอเอ๋อร์มารับเองแล้วกัน” ซือมั่วไม่ได้ไล่ตามไป เพียงแต่ทิ้งเอาไว้ประโยคหนึ่ง

“ที่นี่จะพังทลายลงแล้ว พวกเรารีบกลับไปกันเถอะ!” มู่เฉินไม่รู้ว่าซือมั่วเป็นใคร แต่กลับรู้สึกได้ว่าเขาแข็งแกร่งมาก และก็คาดเดาได้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับมู่ชิงเกอนั้นคงไม่ใช่ธรรมดา เสียงของเขาเพิ่งจะหลุดออกไป ทั้งช่องว่างหานชุ่นก็พังทลายลงต่อหน้าพวกเขา ผืนป่าที่พวกเขาอยู่ก็แตกสลายเป็นชิ้นๆ

ฉากนี้ทำให้ทุกคนเกิดความหวาดกลัวขึ้น

แต่ซือมั่วกลับใช้มือหนึ่งโอบอุ้มมู่ชิงเกอ อีกมือฉีกช่องว่าง

อุโมงค์สีดำอันหนึ่งปรากฎอยู่ตรงหน้าของทุกคน ซือมั่วก้าวเข้าไปภายใน แล้วก็หายไปจากสายตาของทุกคน

โห่วรีบตามไป ก่อนเข้าไป เขาก็หันกายไปพูดกับมู่เฉินและมู่เผิงว่า “ยังจะตะลึงอะไรกันอยู่?”

จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไป แล้วก็หายตัวไปจากสายตาของทั้งสองคน

มู่เฉินและมู่เผิงไม่กล้าชักช้า ก้าวเข้าไปพร้อมกัน พริบตาก็หายตัวไปจากที่เดิม

พวกเขาจากไปแล้ว อุโมงค์นั้นก็ปิดตัวลง สถานที่ที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยตกลงมา

ภาพตรงหน้าค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมา พวกเขาได้กลับมาถึงโลกแห่งยุคกลางแล้ว ส่วนราชครูก็เดินมาหาพวกเขา พร้อมทั้งใบหน้าที่ดูกังวลใจ

มู่เฉินและมู่เผิงกำลังคิดจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ราชครูฟัง แต่กลับพบว่าชายชื่อซือมั่วที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหันนั้น กำลังใช้มือหนึ่งกำคอของโห่วไว้ แล้วก็พูดด้วยนํ้าเสียงที่เย็นชาว่า “เจ้ากลับกล้าทำให้นางได้รับบาดเจ็บถึงขนาดนี้ได้!”

โห่วเหลือบมองซือมั่วอย่างเย็นชา ไม่ได้สนใจมือที่อยู่บนคอของเขา แล้วก็พูดอย่างดูแคลนว่า “เจ้าจะฆ่าข้า ก่อนหรือจะช่วยนางก่อน?”

สายตาของซือมั่วฉายแววอำมหิต ปล่อยคอของโห่ว แล้วสายตาก็มองไปยังมู่ชิงเกอที่กำลังสลบอยู่

เมื่อเห็นผมสีเงินทั้งศีรษะของนางแล้วก็ทำให้เขาปวดใจขึ้นมา

“นายน้อย! นายน้อยนี่คือ…” ราชครูมองมู่ชิงเกอ อย่างตกตะลึง

โห่วเอ่ยขึ้นในตอนนี้ว่า “นางเผาผลาญอายุขัยเพิ่มระดับพลัง ตอนนี้เหลืออายุขัยอยู่ไม่มาก ทำให้นางสลบไป”

ประโยคนี้ของเขาอธิบายให้ทั้งราชครูและซือมั่วฟัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version