ตอนที่ 317
หนี หนี หนี หนี หนี
อ๊าก!”
เสียงร้องอย่างโหยหวน ดังขึ้นมาในทันใด
ทำให้พลังแห่งกฎบัญญัติที่ถูกรวบรวมขึ้นมาในหานชุ่น หายไปในพริบตา
หลังจากแขนที่ขาดหลุดออกมาลอยอยู่กลางอากาศครู่หนึ่งแล้ว ถึงได้ตกลงไปบนพื้น
“แขนของขา! แขนของข้า!” มู่เทียนอินเจ็บปวดล้มลงกองกับพื้น มือซ้ายกุมไหล่ขวาข้างที่ขาดของตนเอง เลือดยังคงไหลออกมาตกลงไปบนพื้นหิมะทำให้มอง เห็นได้อย่างเด่นชัด
ดวงตาของเขาปูดโปน สีหน้าดูน่ากลัว เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นและความเจ็บปวด ดวงตาที่เย็นชาจ้องมองไปยังแขนที่ขาดตกออกไปไม่ไกล
เพียงแค่รีบนำกลับมายังมีโอกาสที่จะต่อติดได้!
มู่เทียนอินพุ่งไปหาแขนที่ขาดออกไปของเขา
แต่เขาเพิ่งจะขยับตัว ก็มีเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงมาบนแขนที่ขาดของเขา
เขามองตามเท้าขึ้นไป มองเห็นมือที่ถือทวนหักและเลือดเนื้อกำลังฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมนั่นก่อน จากนั้นถึงได้มองเห็นท่าทีที่ดูเย็นยะเยือกดุจดงนํ้าแข็งของมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอมองเขา ความคิดเดิมของนางก็คือต้องการเอาชีวิตของมู่เทียนอิน แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ทำได้แต่เพียงตัดแขนของเขา ภายในดวงตาที่เย็นชาและดุดันของนางเผยร่องรอยของความไม่จำยอมอยู่ด้วย “อยากได้คืนงั้นหรือ?”
มู่ชิงเกอหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมา
นางชันเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ยกเท้าขึ้นจากแขนที่ขาด เมื่อนางมองเห็นแววตาคาดหวังของมู่เทียนอินแล้วก็ทำให้นางมีความสุขมากขึ้น
ฉึก!
เสียงเบาๆ ดังขึ้น มู่ชิงเกอใช้ทวนหลิงหลงแทงทะลุฝ่ามือที่ขาดออกนั้น ทำให้หิมะบนพื้นกระจายขึ้นมา การแทงครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะทำให้ร่างกายของมู่เทียนอินเกิดความรู้สึกเช่นเดียวกัน ทำให้ใบหน้าของเขายิ่งบิดเบี้ยวขึ้นไปอีก เขาคลานลุกขึ้นมาจากพื้นหิมะ ทั้งห้ามเลือดให้ตนเอง ทั้งใช้สายตาที่ดุดันมองจ้องมู่ชิงเกอ “เอาแขนคืนมาให้ข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง!”
“จะไว้ชีวิตข้าอย่างนั้นหรือ?” มู่ชิงเกอหัวเราะขึ้นมา ภายในรอยยิ้มดูเย็นชาและดูแคลน “เจ้าคิดจะไว้ชีวิตข้า แต่ข้ากลับอยากจะให้เจ้าตาย อย่างนั้นจะทำอย่างไรดีเล่า?”
พูดแล้วนางก็มองไปยังแขนขาดที่ถูกแทงทะลุอยู่บนหัวทวน ทันใดนั้นบนแขนก็เกิดเปลวไฟลุกขึ้นมา
นั่นเป็นพญาเพลิงอัคคีแรกกำเนิด พริบตาเดียวก็เผาไหม้จนแขนของมู่เทียนอินกลายเป็นขี้เถ้า ตกลงไปบนพื้น
นางก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางถึงยังใช้พญาเพลิงได้อยู่
ทั้งยังดูเหมือนจะใช้ได้เหมาะมือกว่าเดิมเสียอีก
“มู่ชิงเกอ!” มู่เทียนอินกัดฟันเค้นเสียงเรียกชื่อมู่ชิงเกอออกมาผ่านไรฟัน
ดวงตาที่เย็นชาทั้งคู่ของเขาเต็มไปด้วยความแค้น ดูเหมือนว่าจะแค้นจนอยากจะทรมานมู่ชิงเกอให้ตายลงไป
“แค้นงั้นหรือ? เจ็บงั้นหรือ? น่าเสียดาย นี่ยังไม่พอ!” มู่ชิงเกอยิ้มอย่างเยียบเย็น เมื่อพูดจบ ดวงตาก็ฉายแววแข็งกร้าว พุ่งเข้าไปหามู่เทียนอินอีกครั้ง
เวลาในการเพิ่มพลังฝึกปรือของนางเหลือไม่มากแล้ว นางอยากจะใช้เวลาสุดท้ายที่เหลืออยู่ฆ่ามู่เทียนอินให้สิ้นซาก
“มู่ชิงเกอ ข้าจะฆ่าเจ้า!” ดวงตาของมู่เทียนอินแดงฉาน เมื่อรวมกับรูปลักษณ์ที่บ้าคลั่งของเขาแล้ว ก็ดูน่ากลัวมาก
เขาก็พุ่งเข้าไปหามู่ชิงเกอเช่นกัน ไม่สนใจอะไรคิดแต่อยากจะฆ่ามู่ชิงเกอ
ทั้งสองคนปะทะกันอย่างรุนแรงบนพื้นหิมะ พลังจิตระดับสีทองเกิดเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่ตรงหน้าของพวกเขา ทำให้ธารนํ้าแข็งที่อยู่ใกล้แตกกระจายลง หิมะกลิ้งตกลงมา
บนพื้นเกิดสนสะเทือนขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะรับการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ไหวอีกแล้ว
แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นฝั่งทางมู่ชิงเกอ หรือว่าฝั่งทางโห่วก็ล้วนแต่ยังคงต่อสู้อย่างไม่สนใจอะไร
“อึก!”
“อึก!”
หลังจากปะทะกันแล้ว มู่ชิงเกอและมู่เทียนอินก็ลอยกลับออกไปพร้อมกันและกระอักเลือดออกมา ไม่มีใครมีสภาพดีไปกว่าใคร
“ฮ่าๆๆๆๆๆ! คิดจะฆ่าข้างั้นหรือ? เจ้ามันรนหาที่ตาย!” มู่เทียนอินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง บุกเข้าไปหามู่ชิงเกอต่อ
มู่ชิงเกอก้าวอย่างทุลักทุเลไปบนพื้นหิมะสองก้าว พลังจิตภายในร่างไม่สมดุลอีกต่อไป นี่คือสัญญาณก่อนที่ระดับพลังจะถอยกลับ
นางเงยหน้าขึ้นมองการโจมตีของมู่เทียนอินแล้วยกสองมือขึ้นขัดขวาง
ปัง!
การโจมตีตกลงมา ทำลายชั้นนํ้าแข็งทั้งแผ่น และทำให้ร่างกายของมู่ชิงเกอปลิวลอยออกไป แล้วก็ตกลงมาอย่างรุนแรง
“แค่ก!” มู่ชิงเกอกระอักกระไอเอาเลือดออกกมาด้วย นางรีบลุกขึ้นมาจากบนพื้น พุ่งเข้าไปหามู่เทียนอินด้วย นัยน์ตาที่แข็งกร้าว
“มู่ชิงเกอ เจ้ารับความตายเสียเถอะ!” มู่เทียนอินรวมพลังจิตทั้งหมดในร่างตวัดออกไป คิดจะทำลายมู่ชิงเกอให้สิ้น
แต่ในตอนนี้เอง…
พลังจิตภายในร่างกายของมู่ชิงเกออยู่ดีๆ ก็ชะงักไป จากเดิมที่อยู่ระดับสีทองชั้นสี่ก็ถอยกลับลงไปอย่างรวดเร็ว…
ระดับสีทองชั้นสี่!
ระดับสีทองชั้นสาม!
ระดับสีทองชั้นสอง!
ระดับสีทองชันหนึ่ง
ระดับสีเงินชั้นหก!
ในตอนที่ระดับพลังเข้าไปอยู่ระดับสีเงินนั้น ช่องว่างด้านหลังของมู่ชิงเกอไม่ไกลนักก็ปรากฎรอยแตกขึ้นมา ดูเหมือนกับปากขนาดใหญ่พ่นคนออกมาสามคน
นั้นก็คือเจียงหลี มู่เฉินและมู่เผิงสามคนที่นางเก็บเข้าไปในช่องว่างก่อนหน้านี้
ตอนนี้เมื่อระดับพลังของนางไม่ได้อยู่ระดับสีทองแล้ว ช่องว่างก็ไม่อาจรับคนเข้าไปอีกได้
ระดับสีเงินชั้นห้า!
ระดับสีเงินชั้นสี่!
ระดับสีเงินชั้นสาม!
ระดับพลังของมู่ชิงเกอยังลดลงจนถึงระดับสีเงินชั้นสาม ถึงได้หยุดลง
ชั้วขณะนั้น ความเหนื่อยล้าที่ไม่เคยมีมาก่อนก็พุ่งเข้าสู่หัวใจของนาง ส่งผลให้เส้นผมสีดำสนิทราวกับหมึกของนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว
“ฮ่าๆๆๆๆๆ! ที่แท้เจ้าก็เผาผลาญอายุขัยเพื่อเพิ่มระดับพลัง ตอนนี้เวลาของเจ้าได้มาถึงแล้ว อายุขัยหมดลง ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะยังมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีก ในเมื่อเจ้าใส่ใจในชีวิตของคนไม่กี่คนนี้ขนาดนี้ ข้าก็จะฆ่าพวกเขาต่อหน้าเจ้าก่อน!” มู่เทียนอินเห็นผมสีเงินทั้งหัวของมู่ชิงเกอแล้วก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา
เขากระโดดขึ้นไปกลางอากาศ ตวัดฝ่ามือเต็มพลังระดับสีทองชั้นหกออกไป พุ่งเข้าไปใส่พวกเจียงหลีสามคนที่เพิ่งจะออกมาจากช่องว่าง
“อย่านะ!” มู่ชิงเกอเบิกตากว้างขึ้น นางคิดอะไรไม่ทัน รีบลอยตัวพุ่งไปยังคนทั้งสาม ใช้แผ่นหลังขวางกระบวนท่าของมู่เทียนอินไว้
“ชิงเกอ!”
“นายน้อย!”
“อ๊าก!”
เสียงที่พวกเจียงหลีร้องออกมาอย่างตกใจนั้นมีเสียงร้องโหยหวนผสมเข้ามาด้วย
ลูกน้องคนสุดท้ายของมู่เทียนอินถูกโห่วฉีกเป็นชิ้นๆ โยนทิ้งมาที่ใต้เท้าของเขา นี่ทำให้ท่าทีของมู่เทียนอินเปลี่ยนไป ดวงตาฉายแววระมัดระวังมองไปที่โห่ว
ส่วนโห่วก็ไม่ได้พุ่งมาที่เขาในทันที แต่กลับพุ่งไปยังมู่ชิงเกอที่ล้มกองอยู่บนพื้นหิมะ
“ชิงเกอ!”
“นายน้อย!”
“นายน้อย!”
พวกเจียงหลีสามคนรีบพุ่งเข้าไปที่ด้านข้างของมู่ชิงเกอ แล้วก็ต้องตกใจเพราะเส้นผมสีเงินของนาง
เจียงหลีปวดใจโอบนางขึ้นมาจากพื้นหิมะเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง นางมองไปยังมู่ชิงเกอที่สลบไม่ฟื้น แล้วก็ตะโกนออกมาไม่หยุด “ชิงเกอ ชิงเกอ…”
“นายน้อย!”
“นายน้อย!”
มู่เฉินและมู่เผิงก็ร้อนใจเช่นเดียวกัน
“นางเผาผลาญอายุขัยฝืนเพิ่มพลังฝึกปรือ ตอนนี้ยังไม่ตาย แต่ว่าไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้” โห่วมองมู่ชิงเกอ แล้วก็ขมวดคิ้วเอ่ยออกมา
“เผาผลาญอายุขัย…” เจียงหลีมองไปยังโห่วอย่างตกตะลึง แล้วก็มองมู่ชิงเกอ ดวงตาของนางมีนํ้าตาไหลลงมาไม่หยุด นางก็รู้อยู่แล้วว่ามู่ชิงเกอเป็นพวกที่มีนิสัยไม่สนใจความตาย
ในใจของโห่วรู้สึกโมโหมาก มองเห็นท่าทีของมู่ชิงเกอในตอนนี้แล้ว เขาก็แค้นใจจนอยากจะฆ่าคน
โห่วหันหน้าออกไปมองมู่เทียนอินที่แขนขาด ตอนนี้เขาไม่ใช่คนที่มีพละกำลังเต็มเปี่ยมดุจดังเดิมอีกแล้ว ทั้งร่างดูทุลักทุเลและอ่อนแอมาก
‘ฆ่าเขาซะ อย่างน้อยก็จะทำให้เจ้าเด็กนี่สงบใจลงได้!’ โห่วพูดกับตัวเองในใจ
พริบตาเดียวเขาก็หายตัวไปจากข้างกายของมู่ชิงเกอ พุ่งไปหามู่เทียนอิน
มู่เทียนอินตกตะลึง ตอนนี้เขาสูญเสียแขนข้างหนึ่ง ทั้งพลังฝึกปรือก็เสียหายหนัก แล้วจะยังต่อสู้กับโห่วได้อย่างไร? เขาถอยหลังอย่างต่อเนื่อง หลบหลีกการโจมตีที่รุนแรงของโห่ว ทันใดนั้นเขาก็ล้วงเอาขวดยาออกมาขวดหนึ่ง บีบให้แตกแล้วก็กลืนยาที่เปล่งแสงสีทองหนึ่งเม็ดนั้นลงไปในปาก
ฉากนี้ทำให้โห่วหยุดลงอย่างกะทันหัน สองตาหดตัวลง พริบตานั้น พละกำลังอันแข็งแกร่งน่าเกรงขามก็เพิ่มขึ้นในกายของมู่เทียนอิน เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “อย่า คิดว่าจะมีแค่มู่ชิงเกอเพียงคนเดียวที่สามารถเพิ่มระดับพลังได้! ถึงแม้ว่าขอบเขตของหานชุ่นจะกำหนดไว้เพียงแค่ระดับสีทองชั้นหก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อยกเว้น!”
ยาที่เขากลืนลงไป เป็นยาที่อาจารย์ของเขามอบให้ไว้ใช้ในคราวจำเป็น สามารถทะลวงข้อกำหนดของหานชุ่นได้ ทำให้พลังฟื้นกลับคืนสู่ระดับเดิมของเขา
แต่ผลลัพธ์ก็คือจะทำให้หานชุ่นพังทลาย เมื่อกลับไปแล้วเขาก็จะสูญเสียพลังฝึกปรือไปบางส่วน
ดังนั้น หากไม่ถูกบีบจนถึงขีดสุด เขาไม่มีทางจะใช้ยาเม็ดนี้เป็นอันขาด
แต่เดิมคิดว่า การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ มีระดับพลังสีทองชั้นหกห้าคนก็ไร้ช่องโหว่แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขากลับถูกมู่ชิงเกอบีบจนเป็นเช่นนี้ได้ ทั้งตอนนี้ยังถูกโห่วคอยคุกคามอยู่ข้างกายอีก
“ฮ่าๆๆๆๆๆ! พวกเจ้าใครก็อย่าหมายจะออกไปได้ ทุกคนจะต้องตายที่นี่!” มู่เทียนอินพูดอย่างบ้าคลั่ง
โห่วรีบตัดสินใจกลับไปยังข้างกายของมู่ชิงเกออย่างรวดเร็ว ดึงนางขึ้นมาจากพื้นหิมะ แบกไว้บนหลังแล้วก็พูดกับทั้งสามคนว่า “รีบไป!”
พวกเจียงหลีไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็รู้สึกได้ถึงไอพลังอันน่าหวาดหวั่นกำลังแผ่กระจายเข้ามา
“ไปงั้นหรือ? จะหนีไปไหน?” มู่เทียนอินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สะบัดมือออกไป เกิดเป็นพลังที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานมุ่งหน้าไปยังพวกเขาที่กำลังจะหนีไป
พลังนี้พุ่งไปถึงตรงหน้าของพวกเขาในพริบตา ระเบิดจนชั้นนํ้าแข็งแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
พวกเขาหลบไม่ทันทำให้โดนแรงกระแทกล้มลงไปบนพื้นนํ้าแข็งตรงหน้า
มู่ชิงเกอตกลงไปในพื้นหิมะอีกครั้ง ทำให้ธูปหอมที่ราชครูมอบให้นางตกออกมา
มู่เฉินมองเห็นธูปหอมแล้วดวงตาก็หดตัวลงในทันที หลุดเสียงไปว่า “แย่แล้ว! เวลาเหลืออีกไม่มาก หากพวกเราไม่สามารถออกไปได้ เกรงว่าจะต้องติดอยู่ที่นี่ แล้ว”
โห่วแบกมู่ชิงเกอขึ้นบนหลังอีกครั้ง กัดฟันพูดว่า “ใช้เต็มกำลังรีบกลับไป!”
ด้านหลังของเขา คนที่เหลืออีกสามคนก็รีบตามไปอย่างกระชั้นชิด
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้กระดิ่งตรงหว่างเอวของมู่ชิงเกอสั่นไหว เกิดเสียงสดใสดังออกมา
“หนีงั้นหรือ? พวกเจ้าจะหนีไปไหนได้?” มู่เทียนอินมองไปยังเงาแผ่นหลังของคนไม่กี่คนนี้แล้วก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา
“หืม?” ภายในช่องว่างอันไร้ขอบเขต กระดิ่งตรงหว่างเอวของซือมั่วสั่นไหวออกมาในทันใด ในใจของเขารู้สึกสับสนวุ่นวายอย่างบอกไม่ถูก เขาวางงานในมือลงในทันที ฉีกช่องว่างตามกลิ่นอายบนกระดิ่งแล้วก็ก้าวเข้าไปข้างใน
ภายในหานชุ่น ผืนป่าสีเขียวปรากฎอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ก็ยังเป็นระยะทางอีกช่วงระยะหนึ่ง
กลิ่นอายของมู่เทียนอินไล่ตามมาติดๆ ดูเหมือนจงใจคิดจะเล่นสนุกกับพวกเขา ทันใดนั้น เจียงหลีก็หยุดลงพูดด้วยท่าทีที่ดูเคร่งขรึมว่า “หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราคงไม่มีใครหนีไปได้ พวกเจ้ารีบพาชิงเกอหนีไป ข้าจะถ่วงเวลาเขาเอาไว้!”
“ไม่ได้นะแม่นางเจียง!” มู่เฉินเอ่ยห้าม
ในแววตาของโห่วก็ปรากฎร่องรอยไม่เห็นด้วย
แต่ว่าเจียงหลีก็เอ่ยอย่างเด็ดขาดว่า “อย่าได้ลังเลอีกเลย หากยังชักช้าอีกจะต้องตายทั้งหมด!”
พูดแล้วนางก็หันกายพุ่งออกไป ในมือกุมจูเสียที่มู่ชิงเกอหลอมให้นางไว้อย่างเหนียวแน่น
เงาแผ่นหลังของนางทำให้นัยน์ตาของโห่วเข้มขึ้น สั่งการพวกมู่เฉินสองคนว่า “พวกเราไป!”
พวกเขาพามู่ชิงเกอมุ่งหน้าไปยังจุดที่ตกลงมาในตอนแรกต่อ ส่วนเจียงหลีกลับย้อนกลับไปยังเส้นทางเก่า ขวางทางมู่เทียนอินไว้
“เจ้าคิดจะขัดขวางข้าอย่างนั้นหรือ? อาศัยเจ้าน่ะหรือ?” มู่เทียนอินหัวเราะเยาะ เขามองเจียงหลีแล้วก็พิจารณา “เจ้าเป็นผู้หญิงของมู่ชิงเกองั้นหรือ? ดีมาก จับเจ้ากลับไปทรมาน ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่มาหาถึงที่”
เจียงหลียิ้มอย่างเย็นชา กุมจูเสียพุ่งเข้าไปหามู่เทียนอิน…