Skip to content

พลิกปฐพี 320

ตอนที่ 320

เป็นเจ้าช่วยข้า

ภายในเรือนหลังน้อยอันเงียบสงบ มู่ชิงเกอนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกใต้ต้นไม้ ดูค่อนข้างเงียบขรึม

นางเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา รู้สึกว่ายังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวสักเท่าไหร่

ไม่นาน มู่เฉิน มู่เผิงแล้วก็ยังมีราชครูก็มาถึงตรงหน้าของนาง และก็ยังรวมไปถึงโห่วที่ถูกเพิกถอนพันธสัญญาไปแล้วด้วย

“เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ?” มู่ชิงเกอพูดขึ้นอย่างแปลกใจ

แต่เดิมนางคิดว่า หลังจากที่นางปลดปล่อยโห่วออกจากพันธสัญญาแล้ว เขาจะจากไปในทันที

โห่วกวาดตามองไปยังห้องด้านหลังมู่ชิงเกอ ภายในนั้นยังมีกลิ่นอายอันแข็งแกร่งที่ทำให้คนรู้สึกเกรงกลัวแฝงอยู่สายหนึ่ง เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ถึงอย่างไร ร่างกายของข้าก็ยังไม่ทันได้ฟื้นฟูดี จึงอยู่ข้างกายเจ้าต่อ” พูดจบแล้ว เขาก็ดึงสร้อยทองคำบนคอของตนเองเล็กน้อย

มองเห็นสร้อยทองคำอันนั้นแล้วมู่ชิงเกอถึงได้คิดขึ้นได้ ตนเองปลดปล่อยโห่วออกจากพันธสัญญาแต่ว่าไม่ได้ถอดแหวนแม่ลูกลงมา

เพียงแต่ว่าในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ นางพูดกับคนไม่กี่คนนั้นว่า “บอกข้ามาว่าหลังจากที่ข้าสลบไปแล้วเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นบ้าง? เจียงหลีล่ะ?”

เมื่อพูดถึงเจียงหลี…

มู่เฉินและมู่เผิงก็เปลี่ยนเป็นเงียบขรึมลง แม้แต่โห่วก็เลี่ยงสายตามองออกไปที่อื่น ไม่ยอมเอ่ยปาก

ท่าทางของคนไม่กี่คนนี้ ทำให้ในใจของมู่ชิงเกอรู้สึกหนักอึ้ง ซักไซ้ถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!”

ภายในคนทั้งสามคน มู่เฉินก้าวออกมาอย่างหมดทางเลือก พูดกับมู่ชิงเกอว่า “หลังจากที่นายน้อยสลบลงไปแล้ว มู่เทียนอินคนนั้นก็เพิ่มระดับพลังเช่นเดียวกัน ทลายขอบเขตของหานชุ่น ทำให้หานชุ่นเริ่มที่จะพังทลายลง พวกเราพานายน้อยหลบหนีไปยังป่า แต่มู่เทียนอินกลับยังไล่ตามมาติดๆ สุดท้าย แม่นางเจียงหลี จึงอยู่เพื่อถ่วงเวลาเขาเอาไว้…”

เมื่อได้พูดมาจนถึงตรงนี้แล้ว มู่เฉินกับมู่เผิงก็คุกเข่าลงกับพื้น ขอรับความผิดจากมู่ชิงเกอ “นายน้อย โปรดลงโทษด้วย!”

“พวกเจ้าพูดว่าอะไรนะ!” มู่ชิงเกอยืนขึ้นมาจากเก้าอี้ นัยน์ตาฉายแววแข็งกร้าวดูดุดัน

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์” ทันใดนั้นภายในห้องก็มีเสียงของซือมั่วดังออกมา ทำให้กลิ่นอายอันแข็งกร้าวบนร่างของมู่ชิงเกอจางหายไป

“พวกเจ้าถอยไปก่อน” ซือมั่วเอ่ยขึ้นอีก

ประโยคนี้คือพูดกับคนอื่นๆ

นอกจากโห่วที่หลังจากได้ฟังประโยคนี้แล้วก็หันหน้าจากไป คนที่เหลืออีกสามคนก็ล้วนแต่มองไปยังมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอมีสีหน้ามืดครึ้มลง พยักหน้าแล้วพวกเขาทั้งสามคนถึงได้จากไป

หลังจากพวกเขาจากไปแล้ว ซือมั่วถึงได้ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของมู่ชิงเกอ เขาโอบตัวมู่ชิงเกอแล้วก็นั่งลงไป บนเก้าอี้โยกด้วยกัน ม้วนผมของนางเล่นเบาๆ “อย่ากังวลใจไป นางไม่น่าจะเป็นอะไรหรอก”

“เจ้ารู้อะไรงั้นหรือ?” มู่ชิงเกอมองไปที่เขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความร้อนใจ

ซือมั่วพยักหน้า เล่าเรื่องราวในตอนที่ตนเองปรากฎตัวออกมาช่วยเจียงหลี แล้วก็เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น บอกแก่มู่ชิงเกอ

“เจ้าจะบอกว่าเจียงหลีถูกม้วนเข้าไปในหลุมดำอย่างนั้นหรือ?” หลังจากฟังจบแล้ว มู่ชิงเกอก็ยืนยันกับซือมั่ว

ซือมั่วพยักหน้าเบาๆ “ไม่ผิด ในตอนนั้นเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทั้งข้าก็ร้อนใจที่จะค้นหาเจ้า ดังนั้นถึงได้พลาดโอกาสที่จะช่วยนาง แต่ว่า เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล เมื่อถูกม้วนเข้าสู่หลุมดำ หากไม่ล่องลอยอยู่ในหลุมดำ ก็ต้องถูกดูดเข้าไปยังโลกอื่น ข้าจะส่งคนออกไปตามหานาง ดูสิว่านางยังล่องลอยอยู่ภายในหลุมดำอันไร้ขอบเขตหรือไม่ หากไม่แล้วก็แสดงว่าถูกดูดไปโลกอื่น”

“เช่นนั้นข้าจะตามหานางได้อย่างไร” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม

ซือมั่วยิ้มเอ่ยว่า “รอจนระดับพลังฝึกปรือของเจ้าถึงขีดสุด มีความสามารถที่จะฉีกขอบเขตของโลกอื่น สามารถเดินทางไปมาโลกอื่นได้ตามใจแล้ว ก็จะสามารถไปตามหาได้เอง”

เจียงหลีไม่เป็นไร…

ข่าวคราวนี้ทำให้มู่ชิงเกอผ่อนคลายลงได้มาก ถ้าหากว่าเจียงหลีตายไปแล้ว เช่นนั้นนางก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะจัดการกับความรู้สึกเศร้าใจและร้อนใจนี้อย่างไรดี มีแต่เพียงเจียงหลีไม่ตายเท่านั้น ไม่ช้าก็เร็วนางก็จะต้องหานางให้พบ!

ภายในนัยน์ตามู่ชิงเกอฉายแววมุ่งนั้น

“คนที่ทำร้ายเจ้าคนนั้น ข้ายังไม่ได้ฆ่าให้ตาย บนร่างของเขานั้นมียันต์ทะลวงขอบเขตของเผ่าเทพ สามารถย้อนกลับไปแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารได้ภายในพริบตา อีกทั้งข้าก็ยังรู้สึกว่าเจ้าน่าจะอยากฆ่าเขาเองกับมือมากกว่า” ซือมั่วเอ่ย

มู่ชิงเกอค่อยๆ พยักหน้า “เจ้าไม่ได้ฆ่าเขานั้นดีมาก บัญชีนี้ให้ข้าไปชำระเอากับเขาเอง!”

พูดจบแล้ว นัยน์ตาของนางก็ฉายแววโกรธแค้นขึ้นมา

“ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ฆ่าเขา แต่ก็ไม่ได้ปล่อยเขาไปอย่างสบายๆ ข้าคิดว่าหลังจากที่เขากลับไปแล้ว ภายในสิบปีนี้ก็คงจะไม่อาจฝึกปรือพลังได้อีก อีกทั้งพลังฝึกปรือแต่ก่อนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส พรสวรรค์ก็ได้รับอิทธิพลไปด้วย” ซือมั่วพูดกับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอมองซือมั่วอย่างแปลกใจ ในที่สุดก็พยักหน้าเอ่ยว่า “ทำได้ดีมาก!

“เจ้ามาได้อย่างไร?” เมื่อเสร็จจากประเด็นนี้ มู่ชิงเกอก็ถามขึ้นอีก

ซือมั่วส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง มองมู่ชิงเกออย่างปวดใจ “ข้าเพียงแต่แค้นใจตนเองว่ามาช้าเกินไป ทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บหนักถึงขนาดนี้”

มู่ชิงเกอรู้สึกปวดใจ บาดเจ็บงั้นหรือ’? ความจริงแล้วนางก็ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรเครื่องมือมายาบนหูของนางก็ไม่ได้เสียหาย

แต่ว่า นางกลับไม่อาจไม่ยอมรับได้ว่าครั้งนี้นางได้รับความเสียหายมากที่สุด เพราะว่าไม่เพียงแต่หยวนหยวนหายไป ทวนหลิงหลงก็หัก แม้แต่เจียงหลีก็ไม่รู้ว่าไปไหน

ส่วนทุกอย่างนี้ก็ล้วนแต่เป็นมู่เทียนอินสร้างขึ้น!

ดังนั้นมู่เทียนอินจะต้องตายภายใต้เงื้อมมือของนาง! ตอนนี้นางยังฆ่าเขาไม่ได้ แต่ต้องมีสักวันที่นางจะตามไปเอาชีวิตของเขาที่แผ่นดินใหญ่แห่งเทพมาร!

“อย่าคิดมากไป ทุกอย่างล้วนแต่ผ่านไปแล้ว” ซือมั่วเอ่ยปลอบที่ข้างหู

มู่ชิงเกอกลืนความขมเปรี้ยวในใจลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดกับซือมั่วว่า “ตอนที่ข้ากำลังต่อสู้กับมู่เทียนอินนั้น ก็รู้สึกว่าพลังสายฟ้าของข้าไม่มีแล้ว…”

มู่ชิงเกอยกมือของตนเองขึ้นมาดู ทันใดนั้น สายฟ้าก็วาววับขึ้นมา รวมตัวอยู่ระหว่างนิ้วมือของนาง

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!” มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าในตอนที่นางต่อสู้คิดจะใช้พลังสายฟ้า แต่กลับใช้ออกมาไม่ได้ ตอนนั้นนางคิดอะไรมากไม่ทัน เพียงแต่คิดที่จะต่อกรกับมู่เทียนอิน

แต่ว่าตอนนี้…

มองไปยังสายฟ้าที่ไหลวนไปมาในมือของนางแล้ว มู่ชิงเกอก็ไม่มีคำอธิบายใดๆ

“ก่อนหน้านี้เสี่ยวเกอเอ๋อร์ได้เคยสัมผัสสายเลือดที่เข้มข้นมากมาหรือไม่?” อยู่ดีๆ ซือมั่วก็เอ่ยถามขึ้น

มู่ชิงเกอชะงักไป แล้วก็พยักหน้า นางได้ดูดซับเอาสายเลือดตระกูลซางมาก่อน แล้วจากนั้นก็ได้ดูดซับเอาสายเลือดของตระกูลมู่ในหานชุ่นอีก ‘หรือว่าหมายถึง…’

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแวววาววาบ มองไปที่ซือมั่ว “ที่พลังสายฟ้าของข้าหายไปนั้นเกี่ยวข้องกับสายเลือดงั้นหรือ?”

ซือมั่วพยักหน้า “พลังแห่งสายเลือดที่เจ้าดูดซับมา ปลุกสายเลือดในร่างกายของเจ้าให้ตื่นขึ้น แต่ว่าเพราะเพิ่งจะตื่นขึ้นได้ไม่นาน สายเลือดภายในร่างกายกำลัง อยู่ในระหว่างปรับตัว ดังนั้นจึงทำให้ความสามารถก่อนหน้านี้ภายในร่างกายของเจ้าได้รับอิทธิพล ตอนนี้เป็น เพราะว่าเจ้าเผาผลาญอายุขัย แล้วก็เหมือนว่าได้เกิด ใหม่ ทำให้สายเลือดที่เจ้าดูดซับเหล่านั้นรวมเข้ากับร่างกาย ชะล้างผลกระทบออกไป พลังสายฟ้าก็แน่นอนว่าจะคืนกลับมา”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” มู่ชิงเกอพึมพำ

นางไม่รู้ว่าหากในตอนที่นางต่อสู้กับมู่เทียนอินแล้วใช้พลังสายฟ้า ผลลัพธ์จะมีอะไรเปลี่ยนไปหรือไม่ แต่ว่าในเมื่อตอนนี้เรื่องราวก็ได้จบลงไปแล้ว นางก็จะไม่คิดถึงอีก

“ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดอยู่ว่า หลังจากที่เจ้าฟื้นขึ้นมาแล้ว เจ้าต้องเร่งฝึกปรือ รีบทะลวงสู่ระดับสีทอง ถึงจะสามารถเติมอายุขัยที่หายไปของเจ้าได้ แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อส่งอายุขัยเข้าไปแล้วก็เพียงพอทำให้สายเลือดในร่างกายเจ้าเกิดการผสานกัน เปลี่ยนเป็นพลังชีวิต ทำให้อายุขัยของเจ้าเติมเต็มกลับมาได้เพียงชั่วครู่” ซือมั่วมองดูผมที่ดำเงางามดุจแพรไหมของนางแล้วก็อดไม่ได้ที่จะ ยื่นมือออกไปลูบ

มู่ชิงเกอหัวเราะแห้งๆ แล้วก็หยิบปลายผมของตนเองขึ้นมาดู “หากว่าเจ้าไม่พูดขึ้น ข้าก็คงจะไม่เชื่อ เพราะไม่นานก่อนหน้านี้ข้ายังผมขาวทั้งหัวอยู่เลย”

พูดแล้ว นางก็เก็บงำรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วพูดกับซือมั่วว่า “ซางหลันรั่วเป็นคนมอบอายุขัยให้แก่ข้างั้นหรือ?”

ซือมั่วพยักหน้า นี่ทำให้มู่ชิงเกอเงียบขรึมลงไป

มู่ชิงเกอเดินไปยังเรือนหลังเล็กที่ซางหลันรั่วอยู่เพียงคนเดียว ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ได้ยินเสียงไอแหบๆ ดังออกมาจากภายใน นางมีท่าทีที่สับสนวุ่นวายและค่อยๆ เข้าไปใกล้ บรรดาสิ่งที่เคยติดค้างอยู่ในใจดูเหมือนว่าค่อยๆ ลอยหายไปไกล

“ท่านแม่ นํ้าแกงโสมเหล่านี้เป็นท่านตาใช้ให้คนตุ๋นมาให้ ท่านดื่มแล้วจะช่วยเสริมพลัง”

มู่ชิงเกอเดินมาถึงนอกประตูก็ได้ยินเสียงของมู่เสวี่ยอู่ดังออกมา ขณะเดียวกันยังมีเสียงถอนหายใจของซางซุ่นหวางดังออกมา

มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นก็เห็นคนทั้งสามคนภายในห้อง

ซางหลันรั่วนั่งอยู่บนเตียง ร่างกายที่แก่ชราพิงอยู่กับพนักเตียง ไอออกมาไม่หยุด มู่เสวี่ยอู่นั่งอยู่ข้างเตียง ป้อนนํ้าแกงโสมอย่างระมัดระวัง ส่วนซางซุ่นหวางที่นั่ง อยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ ก็ถอนหายใจไม่หยุด ฉากนี้ทำให้นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหวั่นไหวเล็กน้อย นางเคาะขอบประตูเบาๆ

เสียงนี้ทำให้ทั้งสามคนในห้องชะงักไป ในตอนที่พวกเขาเห็นมู่ชิงเกอที่อยู่นอกประตูนั้น ก็ถูกเส้นผมสีดำสนิทของนางทำให้ตกตะลึงไป จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความยินดี

“ลูกพี่! ท่านหายดีแล้ว!” มู่เสวี่ยอู่ยืนขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น เดินเข้าไปหามู่ชิงเกอ

นัยน์ตาของซางซุ่นหวางก็ฉายแววยินดีและอบอุ่นใจ อย่างน้อยสิ่งที่ลูกสาวของเขาเสียสละไปก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์

ที่ตื้นตันใจที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็นซางหลันรั่วนางมองเห็นมู่ชิงเกอยืนอยู่ตรงหน้านางอย่างสบายดี ก็พยายามคิดจะลุกขึ้นมาจากเตียง สุดท้ายก็ถูกซางซุ่นหวางห้ามเอาไว้

มู่ชิงเกอพยักหน้าให้ทั้งสามคน เดินไปถึงข้างเตียงแล้วก็ นั่งลงไปยังตำแหน่งที่มู่เสวี่ยอู่เคยนั่ง

“เอามือมาให้ข้า” มู่ชิงเกอมองซางหลันรั่วแล้วก็เอ่ยขึ้น

พูดความจริง ซางหลันรั่วที่อยู่ตรงหน้าทำให้นางเกิดความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก นางไม่อาจจะเชื่อมโยงยายแก่ตรงหน้ากับซางหลันรั่วเมื่อก่อนได้เลยจริงๆ

“เกอเอ๋อร์” ซางหลันรั่วมองนางอย่างรักใคร่ แต่กลับได้ยินว่าให้ยื่นมือออกไป

‘ผิวนี้…’ เมื่อสายตาของมู่ชิงเกอมองไปเห็นผิวหนังเหี่ยวย่นแล้วก็เม้มริมผิปาก สองนิ้วมือแนบไปที่ชีพจรของซางหลันรั่ว

“เกอเอ๋อร์ เจ้าสามารถตรวจชีพจรได้ด้วยหรือ?” ซางหลันรั่วมองเห็นการเคลื่อนไหวของนางก็เอ่ยถามอย่างตกตะลึง

แต่ว่ามู่ชิงเกอก็ไม่ได้ตอบนาง หลังจากตรวจชีพจรเสร็จแล้ว ก็สะบัดมือเอาเม็ดโอสถที่มีกลิ่นหอมเม็ดหนึ่งออกมา แล้วก็ยื่นไปตรงหน้าของซางหลันรั่ว

“นี่เป็นโอสถระดับเทวะ!” ซางซุ่นหวางพูดอย่างตกตะลึงออกมาในทันใด

“กินมันเข้าไปจะสามารถฟื้นฟูอายุขัยของท่านได้ 30 ปี” มู่ชิงเกอเอ่ยกับซางหลันรั่ว

สถานการณ์ของซางหลันรั่วกับนางนั้นไม่เหมือนกัน นางนั้นเป็นเพราะสูญเสียอายุขัยทำให้สลบไป ถึงแม้จะกินยาก็ไม่เกิดประโยชน์ จำเป็นต้องฟื้นตื่นขึ้นมาก่อน ส่วนซางหลันรั่วนั้นฟื้นตื่นอยู่ เมื่อกินยาลงไปก็จะได้รับผลลัพธ์

“โอสถที่มีค่าขนาดนี้ ข้าไม่อาจกินได้” ซางหลันรั่วผลักเม็ดโอสถกลับออกไป

แต่ว่ามู่ชิงเกอกลับหยิบโอสถขึ้นมาแล้วก็ยัดเข้าไปในปากของซางหลันรั่วโดยตรงเลย เมื่อเม็ดยาเข้าสู่ปากก็ละลายในทันที ทำให้ซางหลันรั่วคิดจะพ่นออกมาก็พ่นออกมาไม่ได้

“เจ้าเด็กคนนี้ โอสถที่มีค่าถึงขนาดนี้ควรจะเก็บเอาไว้ เหตุใดจึงให้ข้ากินลงไป” ซางหลันรั่วร้อนใจ เพียงแค่กินลงไป ก็รู้สึกได้ว่าภายในร่างกายของตนเองมีพลังชีวิตเพิ่มพูนขึ้นมา

มู่ชิงเกอนิ่งเงียบไม่พูดสักคำ เมื่อสะบัดมือก็มีขวดโอสถขวดหนึ่งปรากฎขึ้นในมือของนาง นางยื่นไปให้ซางหลันรั่ว “กินวันละหนึ่งเม็ด หลังจากกินหมดแล้วค่อยบอกข้า”

ซางซุ่นหวางรับขวดโอสถมาจากมือของซางหลันรั่ว เมื่อเปิดออกดูก็เงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึงแล้วเอ่ยว่า “ล้วนแต่เป็นโอสถระดับเทวะ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version