ตอนที่ 361
งานหาลูกเขยอันคึกคัก
“เช่นนั้นเจ้าถูกใจใครกันแน่?” จีเหยาฮั่วถามอีกครั้ง
จีเทียนเทียนถูกจีเหยาฮั่วบีบคั้นจนเผยความเขินอายออกมา สุดท้ายก็กัดฟัน กระทืบเท้า พูดกับจีเหยาฮั่วว่า “ประมุขน้อยอิ๋ง!”
เอ่อ…
“หา?” จีเหยาฮั่วสีหน้ามึนงงขึ้น
ดูเหมือนว่าคำตอบนี้ของน้องสาวไม่เหมือนกับความคิดของเขาเท่าไหร่นัก
“ท่านตกตะลึงขนาดนี้ทำไม?” จีเทียนเทียนจ้องเขาแวบหนึ่ง ถึงอย่างไรก็ได้พูดออกไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าอายอีกแล้ว
มุมปากของจีเหยาฮั่วกระตุก ยิ้มพูดว่า “ข้ายังคิดว่าเจ้าชอบเจ้าหน้าขาวมู่ชิงเกอเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเจ้ากลับชอบก้อนนํ้าแข็งพันปีอย่างอิ๋งเจ๋อเสียได้”
จีเทียนเทียนโต้แย้งเอ่ยว่า “ประมุขน้อยอิ๋งเพียงแค่สุขุม ไหนเลยจะเหมือนท่านที่ทำตัวไร้สาระไปวันๆ”
จีเหยาฮั่วยิ้มอย่างดีใจ “เริ่มที่จะปกป้องกันแล้วงั้นหรือ? แต่ว่าพูดตามจริง เริ่มแรกข้ายังคิดว่าคนที่เจ้าชอบนั้นเป็นชิงเกอนะ”
จีเทียนเทียนถอนหายใจเอ่ยกับจีเหยาฮั่วว่า “เจ้าเมืองมู่ ไม่ใช่ไม่ดี แต่ในใจข้าก็เข้าใจดีว่าอาศัยรูปโฉมของเขาคงมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ชมชอบ ส่วนอาศัยเพียงรูปโฉมเช่นนี้ของข้านั้นเกรงว่าคงไม่อาจทำให้เขาต้องใจได้ ส่วนประมุขน้อยอิ๋ง ถึงแม้ว่าจะเย็นชาไปบ้าง แต่คนเช่นนั้น หากว่ารักใครแล้วก็จะรักไปตลอดกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตระกูลของพวกเรากับตระกูลอิ๋งก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกัน หากว่าทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองกันก็เป็นเรื่องที่ผู้อาวุโสทั้งสองฝ่ายต่างยินดี”
ประโยคเหล่านี้ของนางพูดได้มีเหตุผลมาก หลังจากฟังนางพูดจบแล้ว แม้แต่จีเหยาฮั่วก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วย เขาอ้าปากเอ่ยว่า “ดูท่าเจ้าคงคิดอย่างละเอียดดีแล้ว เจ้าพูดถูก ชิงเกอนั้นดีมาก แต่มีผู้หญิงเกี่ยวข้องเยอะเกินไป หากว่าเจ้าแต่งเข้าไปเกรงว่าคงต้องโมโหหึงจนตาย ส่วนอิ๋งเจ๋อนั้น หลายปีมานี้ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้หญิงที่ไหน ถือว่าลดความลำบากใจไปได้เยอะ”
เขาวิเคราะห์ตามจีเทียนเทียน ลืมไปเลยว่าทั้งมู่ชิงเกอและอิ๋งเจ๋อไม่มีความคิดที่จะแต่งงาน
“พี่ชาย ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ท่านพูดเองว่าประมุขน้อยอิ๋งไม่มีความคิดจะแต่งงานกับข้า” จีเทียนเทียนนั้นมีสติดี จึงเอ่ยเตือนจีเหยาฮั่ว
จีเหยาฮั่วชะงักจากนั้นค่อยคิดถึงความตั้งใจแรกเริ่มที่มาหาน้องสาวในคืนนี้ขึ้นมาได้ เขาขมวดคิ้วเดินไปเดินมาในห้องของจีเทียนเทียน สุดท้ายจึงเอ่ยกับนางว่า “เจ้าวางใจได้ในเมื่อเจ้าต้องตาเขาแล้ว พี่ชายจะคิดหาวิธีช่วยเจ้าให้ได้”
“พี่ชาย ท่านอย่าได้มั่นใจไป ที่ข้าคาดหวังนั้นคือให้ประมุขน้อยอิ๋งชอบข้าด้วยใจจริง ไม่ใช่เป็นเพราะท่านหรืออำนาจของตระกูลกดดันให้ต้องแต่งกับข้า” จีเทียนเทียนเอ่ยเตือน
จีเหยาฮั่วโบกๆ มือ เอ่ยกับนางว่า “เจ้าวางใจเถอะ นิสัยของอิ๋งเจ๋อนั้นข้าเข้าใจดี หากว่าเขาไม่ยอม บิดาของเขามาเองก็ไม่มีประโยชน์พวกเราจัดการแก้ไขเรื่องหาคู่ในวันพรุ่งนี้ให้ได้ก่อน จากนั้นพวกเจ้าทั้งสองค่อยๆ เริ่มสร้างความสัมพันธ์ ข้าก็จะไปคุยกับตาเฒ่าบอกว่าเจ้ามีคนที่ชอบแล้ว ให้เขาเลิกจู้จี้เสียที”
หลังจากฟังเขารับรองแล้ว จีเทียนเทียนถึงได้พยักหน้าอย่างสบายใจ
จีเหยาฮั่วเอ่ยขึ้นอีกว่า “เช่นนั้นเรื่องหาคู่พรุ่งนี้ เจ้าจะต้องปฏิเสธพวกแมลงวันเหล่านั้น ไม่ว่าตาเฒ่าจะพูดอย่างไร เจ้าก็ต้องไม่ยอมแต่งเด็ดขาด”
จีเทียนเทียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น
อย่าพูดว่าตอนนี้นางมีคนในใจแล้วเลย ถึงจะเป็นแต่ก่อนที่ยังไม่มีใครนางก็ไม่คิดจะแต่งงานกับผู้ชายแปลกหน้า
หลังจากจีเหยาฮั่วกลับจากทางจีเทียนเทียนมา ก็มองเห็นมู่ชิงเกอกับอิ๋งเจ๋อนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ในเรือน ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรกันอยู่
เขาพุ่งเข้าไปเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “พวกเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่?”
อิ๋งเจ๋อไม่ได้ปิดบังเขา พูดไปตรงๆ ว่า “พวกเราสองคนเตรียมจะไปสนามรบโบราณของเทพมารเพื่อฝึกฝน”
“สนามรบโบราณของเทพมาร!” จีเหยาฮั่วตกตะลึง
มองดูจากท่าทางของเขาแล้ว มุมปากของมู่ชิงเกอก็กระตุกขึ้น ดูแล้วก็มีอีกคนที่รู้เรื่อง! ไม่มีความลับอะไรในบรรดาเหล่าตระกูลบรรพกาลที่ลึกลํ้าเหล่านี้เลยจริงๆ
“ข้าก็จะไป!” ใครจะรู้ว่าหลังจากที่จีเหยาฮั่วตกตะลึงแล้ว ก็จะพูดประโยคเช่นนี้ออกมาอย่างไม่ลังเล
มู่ชิงเกอมองเขาแล้วก็เอ่ยถามลองเชิงว่า “เจ้ารู้จักความอันตรายภายในสนามรบโบราณของเทพมารหรือไม่? หากผิดพลาดก็อาจตายได้เชียวนะ”
แต่จีเหยาฮั่วกลับไม่สนใจพูดว่า “พวกเจ้าสองคนก็ล้วนแต่ไม่กลัว แล้วข้าจะกลัวงั้นหรือ? อีกอย่างสถานที่แห่งนั้นข้าก็อยากไปมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีโอกาสก็เท่านั้น ตอนนี้ในเมื่อมีพวกเจ้าทั้งสองคนออกความคิด แน่นอนว่าข้าจะไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไป”
มู่ชิงเกอขบริมฝีปากเล็กน้อย เดิมนางคิดจะไปสนามรบโบราณของเทพมารคนเดียว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอิ๋งเจ๋อกับจีเหยาฮั่วก็มีความคิดเช่นนี้ด้วย
นางเงยหน้าขึ้น มองไปยังทั้งสองคนแล้วถามว่า “ในเมื่อพวกเจ้าล้วนแต่รู้จักสนามรบโบราณของเทพมาร แล้วได้เคยฟังเรื่องที่ว่ามีใครเคยไป ผ่านอะไรในด้านในมาบ้างหรือไม่?”
ปัญหานี้ทำให้จีเหยาฮั่วและอิ๋งเจ๋อสบตากันแวบหนึ่ง และต่างก็ส่ายหน้าเงียบๆ
จีเหยาฮั่วเอ่ยว่า “ก็เป็นเพราะว่าคนที่ไปนั้นมีจำนวนไม่น้อย แต่กลับไม่มีใครพูดเรื่องด้านในได้ชัดเจน นี่แหละถึงทำให้พวกเรายิ่งเกิดความสงสัย”
อิ๋งเจ๋อก็พูดว่า “ข้าเคยอ่านจากบันทึกโบราณ ในพันปีก่อนหน้านี้ มีผู้อาวุโสอัจฉริยะคนหนึ่งเคยไปสนามรบโบราณในเวลานั้นเขายังเป็นอันดับหนึ่งบนทำเนียบชิงอิง เหล่าคนที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงก็ล้วนแต่ไม่ใช่คู่มือของเขา เพื่อที่จะพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น เขาจึงเข้าไปในสนามรบโบราณเพียงลำพัง หลังจากสามปีผ่านไปถึงได้ออกมา แต่คนกลับเปลี่ยนไปเป็นเงียบขรึม ไม่ว่าใครถามถึงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นด้านในเขาก็ปิดปากเงียบ ต่อมาเขาก็หายตัวไปจากโลกแห่งยุคกลาง มีคนคาดเดาว่าเขาทะลวงระดับพลังฝึกปรือเข้าสู่แผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารไปแล้ว และก็มีคนคาดเดาว่าเขาเข้าไปในสนามรบโบราณอีกครั้ง ผ่านรอยแยกของโลกอื่น ไปยังโลกอื่นแล้ว”
หาได้ยากที่อิ๋งเจ๋อจะพูดยาวขนาดนี้ แต่ก็แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเขาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสนามรบโบราณนี้มาอย่างล้ำลึก
“ดังนั้น ครั้งนี้ที่พวกเราไป ทางที่ดีที่สุดก็คือเริ่มสำรวจรอบนอกไปก่อน ไม่ต้องเข้าไปลึก เมื่อมีความมั่นใจแล้ว ค่อยเข้าไปด้านใน บางทีก็อาจจะถอยออกมาก่อน หลังจากมีการเตรียมพร้อมเต็มที่แล้วค่อยเข้าไปใหม่ ตอนนี้พวกเราก็ไปเพื่อที่จะฝึกฝน ไม่ใช่เพื่อไปตาย” อิ๋งเจ๋อเอ่ย
คำพูดของเขาทำให้ทั้งสองคนล้วนแต่คิดว่ามันเป็นจริง พยักหน้าเห็นด้วย
จุดมุ่งหมายของมู่ชิงเกอก็เพื่อหาเลือดของเทพมาร เพียงแค่นางหาร่างศพของเทพมารสักร่างพบ นางก็สามารถกลั่นเอาเลือดออกมาได้แล้ว ไม่ได้จำเป็นจะต้องเข้าไปเสี่ยงลึกๆ
“สนามรบโบราณของเทพมารคงอยู่มานับแสนปี แน่นอนว่าไม่อาจจะสำรวจทั้งหมดภายในครั้งเดียวได้ ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการสำรวจเส้นทางเถอะ” มู่ชิงเกอพยักหน้า เล็กน้อยเอ่ยขึ้นมา
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ รอเรื่องของบ้านข้าเสร็จลงแล้ว พวกเราสามคนก็ร่วมเดินทางบุกสนามรบโบราณของเทพมารกัน!” จีเหยาฮั่วปรบมือพูด
กว่าจะพูดคุยกันจบ เวลาก็ล่วงเลยไปจนดึกดื่น
มู่ชิงเกอกับอิ๋งเจ๋อยืนขึ้น เตรียมจะแยกตัวกลับไปพักผ่อน
แต่ว่า ก่อนที่จะไปนั้น จีเหยาฮั่วกลับเรียกมู่ชิงเกอเอาไว้ “ชิงเกอเจ้ารอก่อน”
ทั้งสองคนหยุดลงพร้อมกัน หันไปมองจีเหยาฮั่ว
จีเหยาฮั่วเผยรอยยิ้มหนึ่งให้แก่อิ๋งเจ๋อ “ข้ามีเรื่องส่วนตัวเล็กน้อยจะพูดกับชิงเกอ”
นัยน์ตาของอิ๋งเจ๋อฉายแวววาววาบเล็กน้อย หันกายก้าวยาวจากไป
มู่ชิงเกออยู่ต่อ จ้องจีเหยาฮั่ว กลับพบว่าเขาใช้สายตาส่งอิ๋งเจ๋อจากไปจนมองไม่เห็นแผ่นหลังแล้ว ถึงได้ถอนสายตากลับ
“เรื่องทางน้องสาวของเจ้าจัดการเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” มู่ชิงเกอเอ่ยปากก็ถามออกไปทันที
จีเหยาฮั่วยิ้มอย่างขมขื่นเอ่ยว่า “ก็เพราะยังแก้ไขไม่ได้ถึงได้เรียกเจ้าไว้”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว “เจ้าไม่ได้พูดให้ชัดเจนดีอย่างนั้นหรือ?”
จีเหยาฮั่วค่อยๆ ส่ายหน้า “ข้าพูดชัดเจนดีแล้ว แต่ว่าเด็กสาวนั้นกลับชอบหนึ่งในพวกเจ้า เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร?”
พูดแล้วเขาก็ยักคิ้วหลิ่วตาพุ่งเข้ามาตรงหน้าของมู่ชิงเกอเอ่ยถามว่า “เจ้าเดาว่านางชอบใคร?”
“อิ๋งเจ๋อ” มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก มอบคำตอบออกไป
จีเหยาฮั่วมึนงง เอ่ยถามอย่างแปลกใจว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างขบขันว่า “เจ้าเรียกข้าไว้ไม่ใช่เขา แน่นอนว่าต้องเดาได้สิว่าคนในใจของน้องสาวเจ้าเป็นใคร”
“พี่น้องที่ดี! เจ้าต้องช่วยข้านะ” จีเหยาฮั่วมองมู่ชิงเกอ ยกมือคิดจะตบไหล่ของเขา แต่กลับถูกเขาหลบหลีกได้ทันพอดี
“เจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าทำอะไร?” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น
จีเหยาฮั่วยิ้ม “แน่นอนว่าช่วยข้า…น่าจะเป็นร่วมกันกับข้าช่วยเทียนเทียนตามจีบอิ๋งเจ๋อให้ได้!”
“…” มู่ชิงเกอมองเขาอย่างมึนงง ครู่หนึ่งถึงได้ยกนิ้วมือชี้มาที่จมูกของตนเองเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าข้ามีเวลาว่างมากงั้นหรือ?”
“นี่เกี่ยวข้องกับความสุขชั่วชีวิตของน้องสาวข้านะ! พวกเราเป็นพี่น้องกัน น้องสาวของข้าก็ไม่ใช่ว่าเป็นน้องสาวของเจ้าเช่นกันหรือ?” จีเหยาฮั่วพยายามลากมู่ชิงเกอให้มาอยู่ค่ายเดียวกัน
มู่ชิงเกอรู้สึกปวดหัว วิชาการตอแยของจีเหยาฮั่วนางเคยลิ้มลองมาแล้ว
“เจ้าจะทำอย่างไร?” ในที่สุดนางก็ยอม มิเช่นนั้นคืนนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้พักผ่อนเลย
“เหอ เหอ ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมาก พรุ่งนี้เทียนเทียนยังจะทำตามแผนการที่พวกเราวางเอาไว้ปฏิเสธคนที่มาขอแต่งงาน เริ่มจากปิดปากตาเฒ่าก่อน จากนั้นพวกเราค่อยสร้างโอกาสให้นาง ให้พวกเขาทั้งสองมีเวลาอยู่ด้วยกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์รอจนทั้งสองคนชอบพอกันแล้ว ค่อยพูดถึงเรื่องการแต่งงาน แบบนั้นจะยังไม่สำเร็จอีกหรือ?” จีเหยาฮั่วพูดความคิดของตนเองออกไป
เขาคิดแล้วก็เสริมอีกประโยคหนึ่งว่า “หน้าที่หลักของเจ้า ก็คือพูดชมเทียนเทียนต่อหน้าอิ๋งเจ๋อเยอะๆ ถึงอย่างไร ข้าก็เป็นพี่ชายของเทียนเทียนหากว่าพูดเรื่องเหล่านี้ไป เกรงว่าเจ้านั่นอาจจะได้กลิ่นอะไรขึ้นมา เทียนเทียนพูดว่านางรู้ว่าอิ๋งเจ๋อนั้นคิดแต่เรื่องฝึกฝน ดังนั้นจึงไม่คิดจะบีบบังคับให้เขารีบแต่งงานกับนาง หากว่าทั้งสองมีความคิดตรงกันก็สามารถหมั้นเอาไว้ก่อน ต่อไปค่อยแต่งงานก็ได้ หากว่าสุดท้ายแล้วอิ๋งเจ๋อยังไม่ชอบนาง นางก็จะไม่ยอมลดตัวไปแต่งกับใคร”
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น “พูดเช่นนี้ได้ก็ถือว่าคุณหนูจีเป็นคนมีเหตุมีผลชัดเจนและยุติธรรมดี”
“นั่นมันเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าก็ไม่ดูหรือว่านางเป็นน้องสาวของใคร”จีเหยาฮั่วรีบเอ่ยอย่างได้ใจขึ้นในทันที
มู่ชิงเกอไม่ใส่ใจการยกยอตนเองของเขา แสดงท่าทีว่า “คุณหนูจีนั้นข้าก็ไม่ค่อยรู้จัก หากว่านางไม่เลวจริงๆ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะพูดต่อหน้าอิ๋งเจ๋อเล็กน้อย แต่เรื่องราวจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ข้าไม่อาจสอดมือเข้ายุ่งได้ และก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าหรือเจ้าจะออกแรงแล้วจะสำเร็จได้”
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว! ปล่อยให้เป็นตามโชคชะตาฟ้าลิขิต” จีเหยาฮั่วพยักหน้า
มู่ชิงเกอมองดูท่าทางนั้นของเขาแล้วก็บ่นในใจว่า ‘หากว่าเข้าใจจริงๆ ก็ดี! นิสัยของเจ้านี่ หากว่าบีบจนร้อนใจแล้วเรื่องทุบอิ๋งเจ๋อให้สลบส่งไปยังเตียงของน้อง สาวตนเองก็ทำออกมาได้อย่างแน่นอน’
ความลับที่ทั้งสองพูดคุยกันกลางดึกล้วนแต่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้อยู่ในใจ
วันที่สองอิ๋งเจ๋อก็ไม่ได้เอ่ยถาม
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว จีเหยาฮั่วก็ลากคนทั้งสองไปยังถนน พูดว่างานหาคู่ของจีเทียนเทียนเริ่มต้นขึ้นแล้ว
รอไปถึงบนถนนแล้ว ภาพที่ผู้คนหลั่งไหลกันมาถึงทำให้ มู่ชิงเกอรู้สึกได้ว่า ประมุขตระกูลจีทุ่มเทกับงานหาคู่ให้ลูกสาวไปไม่น้อยเลยทีเดียว…