Skip to content

พลิกปฐพี 360

ตอนที่ 360

ว่าที่สามีที่ต้องใจจีเทียนเทียน

จีเหยาฮั่วเอ่ยว่า “ระยะนี้ตาเฒ่าบ้านข้าคิดแต่จะให้เทียนเทียนแต่งออกไป

ประกาศหาลูกเขย ข้าคิดดูแล้ว ถึงอย่างไรน้องสาวของข้าก็ไม่อาจจะแต่งกับคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าได้ ดังนั้นข้าจึงคิดถึงพี่น้องที่ดีของข้าสองคน!”

อะไรกัน!

สีหน้าของมู่ชิงเกอเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

สีหน้าของอิ๋งเจ๋อก็มืดครึ้มลงมาในพริบตา

ในตอนนี้เอง คุณหนูที่ดูสง่างามผู้นั้นก็มาถึงตรงหน้าของทั้งสามคนแล้ว รูปโฉมงดงามสมส่วน ผิวอ่อนนุ่มบอบบางดูอ่อนเยาว์และบริสุทธิ์ผุดผ่อง

นางคำนับทั้งสามคนอย่างดูใจกว้างมีมารยาท “เทียนเทียนคำนับพี่ชาย และคำนับคุณชายทั้งสอง”

แม้จะเป็นเช่นนี้แต่นางก็อดลอบมองมู่ชิงเกอและอิ๋งเจ๋อไม่ได้ ท่าทีที่ดูเขินอายนั้นสามารถทำให้ชายหนุ่มหลายคนหัวใจเต้นแรงได้อย่างแน่นอน

แต่น่าเสียดายคนที่อยู่ตรงหน้าของนางนั้น คนหนึ่งเป็นผู้ชายปลอม อีกคนก็เป็นก้อนนํ้าแข็งพันปีที่แต่เดิมก็ไม่รู้จักคำว่า ‘รักหยกถนอมบุปผา’ อยู่แล้ว

“เทียนเทียน สองคนนี้เป็นคนที่ข้าเคยพูดถึง เจ้าเมืองมู่ และก็ประมุขน้อยอิ๋ง ซึ่งเจ้าก็รู้ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องให้ข้าแนะนำกระมัง” จีเหยาฮั่วเอ่ยปากพูด

จีเทียนเทียนพยักหน้า ยืนอยู่ที่เดิม มุมปากประดับรอยยิ้มอยู่ตลอด

จีเหยาฮั่วหันกลับมามองมู่ชิงเกอกับอิ๋งเจ๋อ แต่กลับพบว่าคนทั้งสองไม่ได้มองจีเทียนเทียนเลย แต่สีหน้ากลับดูอึดอัด จึงแกล้งไอออกมาคำหนึ่งแล้วเอ่ยกับจีเทียนเทียนว่า “เทียนเทียนเจ้าออกไปก่อนเถอะ”

จีเทียนเทียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วก็ลอบมองทั้งสองคนอีกแวบหนึ่งแล้วถึงได้ย่อกายลงเอ่ยว่า “เทียนเทียนขอตัวก่อน”

พูดแล้วก็ถอยออกไปกับสาวใช้

การไปการมาของนางก็ดูเหมือนกับสายลมอันหอมกรุ่น มาเร็วและไปเร็ว

เพียงแต่ว่านางกลับไม่ได้จากไปไกล แต่ไปหยุดตรงสวนดอกไม้เล็กๆ ไม่ไกลจากศาลานัก มองผ่านดอกไม้ใบหญ้าก็มองเห็นศาลาได้อย่างเลือนราง

น่าจะเป็นมองเห็นคนในศาลาได้อย่างเลือนรางมากกว่า

“คุณหนู พวกเราไม่กลับไปงั้นหรือ?” สาวใช้ข้างกายนางเอ่ยถามเสียงเบา

จีเทียนเทียนส่ายหน้า “ไม่รีบ ข้าขอดูอีกหน่อย”

สาวใช้ของนางมองอดยิ้มออกมาไม่ได้ เอ่ยเย้าขึ้นว่า “คงไม่ใช่ว่าคุณหนูสนใจคุณชายคนไหนสักคนแล้วหรอกใช่ไหม?”

ในตอนนี้ท่าทางเขินอายของจีเทียนเทียนตอนที่อยู่ต่อหน้ามู่ชิงเกอและอิ๋งเจ๋อลดลงไปหลายส่วนแล้ว จึงกัดริมฝีปากเอ่ยว่า “สองคนนี้ คนหนึ่งเป็นคลื่นลูกใหม่ที่โดดเด่น อีกคนเป็นผู้สืบทอดของตระกูล ล้วนแต่เป็นมังกรในหมู่คน รูปลักษณ์ก็โดดเด่นเหนือคนธรรมดา โดยเฉพาะเจ้าเมืองมู่ผู้นั้นยิ่งทำให้คนตะลึง รูปโฉมของเขางดงาม จนแม้แต่ข้าที่เป็นผู้หญิงยังต้องถอนหายใจ สองคนนี้ถึง อย่างไรก็ดีกว่าพวกที่มาตามประกาศหาคู่เหล่านั้นอยู่แล้ว”

พูดแล้วนางก็ย่นปากเอ่ยด้วยนํ้าเสียงตัดพ้อ นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดบิดาของนางถึงได้รีบร้อนจะให้นางแต่งงานออกไปนัก นางรูปโฉมน่าเกลียดเกินไป จนหาสามีที่ต้องใจไม่ได้งั้นหรือ?

“เช่นนั้นคุณหนูถูกใจคนไหน?” สาวใช้เอ่ยหยอกล้อขึ้น

จีเทียนเทียนกลับส่ายหน้า เอ่ยอย่างมีเหตุผลว่า “ถึงแม้ข้าจะรู้ว่าตระกูลจีของพวกเรากับตระกูลอิ๋งมีความสัมพันธ์กัน แต่นับตั้งแต่เล็กมาบิดาก็เข้มงวดกับข้ามาก ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบกับประมุขน้อยอิ๋ง ส่วนเจ้าเมืองมู่ก็ยิ่งเป็นคนที่เคยได้ยินแต่ชื่อ ข้ายังต้องดูๆ ไป ก่อน ดูถึงลักษณะนิสัยของพวกเขาให้ละเอียดแล้วถึงจะตัดสินใจ”

ภายในศาลา จีเหยาฮั่วไอออกมาเบาๆ เอ่ยกับมู่ชิงเกอและอิ๋งเจ๋อว่า “พวกเจ้าทำหน้าเคร่งทำไมกัน? ข้าไม่ต้องการให้นํ้าไหลเข้าที่นาของคนอื่นเลยเชิญพวกเจ้ามา อีกอย่างนะ ข้าไม่ได้คิดจะบีบให้พวกเจ้าแต่งกับน้องสาวของข้าให้ได้ เหตุใดต้องแสดงท่าทีอัดอั้นอย่างนี้ด้วย?”

ทันใดนั้นอิ๋งเจ๋อก็ยืนขึ้นมา มองจีเหยาฮั่วอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “ข้าไปก่อนละ”

มู่ชิงเกอก็ยืนขึ้นมาเช่นกัน เอ่ยกับอิ๋งเจ๋อว่า “พอดีเลยพวกเราสามารถไปพร้อมกันได้”

ครั้งนี้นางก็ถือว่าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเพียงแค่นางเข้าเมืองมา นางถึงมีความรู้สึกเหมือนตนเองไม่รู้เรื่องราวอะไรอยู่คนเดียว

จีเหยาฮั่วลำบากคิดหาทางลากตนเองมายังเมืองวั่นเข่อก็เพื่อหาคู่ให้น้องสาวของตนเอง อย่าพูดว่านางไม่ใช่ผู้ชายจริงๆ เลย ถึงแม้ว่าเป็นผู้ชายจริงๆ ก็ไม่ชอบการถูกหลอกมาเช่นนี้ ดังนั้นในครั้งนี้นางเห็นด้วยกับอิ๋งเจ๋อ!

“นี่ พวกเจ้าอย่าเพิ่งรีบไป!” จีเหยาฮั่วรีบวิ่งไปขวางทางของพวกเขาเอาไว้

อิ๋งเจ๋อมองเขาเอ่ยถามอย่างเย็นชา “เจ้ายังคิดจะเล่นอะไรอีก?”

จีเหยาฮั่วขมวดคิ้วเอ่ย “ข้าไม่ได้เล่น ข้าหวังดีจริงๆ พวกเจ้าทั้งสองก็ถึงช่วงวัยที่เหมาะสมแล้ว จะช้าจะเร็วอย่างไรก็ต้องแต่งงาน พอดีมีโอกาสเช่นนี้จึงเรียกพวกเจ้ามา เผื่อโชคดีต้องตาต้องใจกันอย่างไรเล่า?”

พูดแล้วเขาก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “นิสัยของพวกเจ้าทั้งสองข้าก็ยังพอรู้จักบ้าง หากว่าข้าพูดถึงเหตุผลจริงๆ ออกไปตั้งแต่แรก พวกเจ้าก็ต้องปฏิเสธข้าโดยไม่แม้แต่จะคิด

ดังนั้นทางที่ดีก็คือหลอกให้พวกเจ้ามาก่อน เอาละข้าขอโทษพวกเจ้าไว้ที่นี่เลยแล้วกัน”

เขากุมสองมือ โค้งกายคำนับทั้งสองคน เอ่ยขออภัยว่า “จีเหยาฮั่วทำการสะเพร่าไป ขอเจ้าเมืองมู่ ประมุขน้อยอิ๋งโปรดให้อภัยด้วย”

“เจ้าช่างไร้สาระจริงๆ!” อิ๋งเจ๋อมองเขาแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา

มู่ชิงเกอเอ่ยกับจีเหยาฮั่วด้วยใบหน้าที่ดูเคร่งขรึม “ข้าในตอนนี้มีแต่ความคิดที่จะเพิ่มระดับพลังฝึกปรือ ไม่มีความคิดจะแต่งงาน เรื่องนี้ข้าช่วยไม่ได้”

จีเหยาฮั่วมีสีหน้าขมขื่นมองไปยังอิ๋งเจ๋ออีกครั้ง

อิ๋งเจ๋อทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่คาดหวังของเขา ปฏิเสธไปตรงๆ ว่า “ข้าก็ไม่มีความคิดที่จะแต่งงาน ไม่อาจช่วยได้”

“พวกเจ้าทั้งสองยังถือว่าเป็นพี่น้องของข้าหรือไม่!” จีเหยาฮั่วเอ่ยอย่างขุ่นเคือง

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว “ก็เพราะเป็นพี่น้องถึงได้ปฏิเสธ หากว่าไว้หน้า แต่งเอาคุณหนูจีกลับไป สองฝ่ายไม่รักกัน เจ้าคิดว่านางจะมีความสุขอย่างนั้นหรือ?”

อิ๋งเจ๋อพยักหน้า แสดงว่าเห็นด้วย

จีเหยาฮั่วหมดทางเลือก เพียงแต่แบมือเอ่ยว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ถึงพวกเจ้าจะไม่ถูกใจเทียนเทียนจริงๆ ก็ไม่เป็นอะไร เพียงแต่สามารถช่วยอะไรข้าได้หรือไม่ รอพรุ่งนี้ เมื่องานหาคู่เริ่ม ขอให้พวกเจ้าช่วยขึ้นเวทีไปจัดการพวกที่คิดจะมาปีนขึ้นตระกูลจีให้ที”

“ในเมื่อเจ้าไม่เห็นด้วยกับการหาคู่ถึงขนาดนี้ เหตุใดไม่พูดกับประมุขตระกูลจีให้ชัดเจน ยกเลิกไปเลยเล่า” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม

จีเหยาฮั่วกลับถอนหายใจ “หากว่าเป็นเรื่องอื่น ตาเฒ่าบ้านข้ายังพอพูดได้ง่าย แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงได้ดื้อดึงกับงานแต่งงานของเทียนเทียนนัก จะให้นาง แต่งออกไปในปีนี้ให้ได้”

แปลกอะไรเช่นนี้?

หลังจากที่มู่ชิงเกอและอิ๋งเจ๋อได้ฟังแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้น

“หากว่าพวกข้าขึ้นเวทีแล้วมีคนที่คุณหนูจีถูกใจในนั้น จะไม่เป็นการทำลายบุพเพของนางงั้นหรือ?” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว

อิ๋งเจ๋อก็เอ่ยปากว่า “ยังมีอีกอย่าง หากว่าพวกเราขึ้นเวที แล้ว สุดท้ายประมุขตระกูลจีจะให้คุณหนูจีแต่งงานกับพวกเราคนใดคนหนึ่ง จะทำอย่างไร?”

มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างแรง ปัญหานี้สำคัญมาก! สำคัญมากจริงๆ!

จีเหยาฮั่วชะงักไป ดูเหมือนจะไม่ได้คิดถึงขั้นนี้มาก่อน ครู่หนึ่งเขาถึงได้ลูบๆ มือ หลุบตาลงเอ่ยว่า “พวกเจ้าคิดมากไปหรือไม่?”

“เป็นเจ้าที่คิดน้อยไปหรือไม่?” มู่ชิงเกออดพูดประชดไม่ได้

เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้ทำตัวเป็นเหมือนพ่อสื่อและต้องการที่จะให้พวกเขากลายเป็นน้องเขยของตน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดถึงสถานการณ์เหล่านี้เลย!

จีเหยาฮั่วนั่งยองๆ ลงบนพื้น เงยหน้ามองพวกเขาอย่างน่าสงสาร

ส่วนมู่ชิงเกอกับอิ๋งเจ๋อล้วนมีใบหน้าที่เย็นชา

“อย่างไรก็แล้วแต่ พวกเจ้าก็มาแล้ว ธุระครั้งนี้ต้องช่วยข้า!” จีเหยาฮั่วเอ่ยอย่างไร้ยางอาย

“เจ้าไร้ยางอายเช่นนี้ คนที่บ้านเจ้ารู้หรือไม่?” มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก

อิ๋งเจ๋อกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง แล้วก็มองมู่ชิงเกอเอ่ยว่า “ไปไหม?”

มู่ชิงเกอพยักหน้า “อืม!”

“รอก่อน!” จีเหยาฮั่วห้ามทั้งสองคนไว้อีกครั้ง พูดขอร้องว่า “ข้ามีน้องสาวเพียงแค่คนเดียว ตาเฒ่าเป็นบ้าทำเรื่องประกาศหาคู่ขึ้นมา ข้าไม่อาจนั่งดูเฉยๆ ได้ พวกเจ้าก็เป็นพี่น้องของข้า ถึงแม้จะไม่ถูกใจน้องสาวของข้าก็ไม่สามารถทิ้งข้าเช่นนี้ได้กระมัง!”

“เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไร?” มู่ชิงเกอมองจีเหยาฮั่วที่นั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าของตนเองแล้วเอ่ยขึ้น

จีเหยาฮั่วกลอกตาไปมา ทันใดนั้นก็ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าล้วนแต่ฉลาดเฉลียว อยู่ต่อช่วยข้าคิดหาวิธีเป็นอย่างไร?”

มู่ชิงเกอสบตากับอิ๋งเจ๋อแวบหนึ่ง

แล้วมู่ชิงเกอถึงพูดว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าสมควรรู้ให้แน่ชัดก่อนหรือว่าเหตุใดประมุข ตระกูลจีถึงได้เร่งรีบแต่งลูกสาวออกถึงขนาดนี้?”

อิ๋งเจ๋อก็พยักหน้าเอ่ยว่า “เพียงแต่รู้เหตุผลแล้วเท่านั้นถึงจะสามารถหยุดยั้งได้”

จีเหยาฮั่วกะพริบตา เอ่ยอย่างหมดหนทางว่า “ข้าถามแล้ว เขาไม่ยอมพูด เพียงแต่บอกว่าเทียนเทียนถึงช่วงอายุที่จะต้องแต่งงาน จะช้าจะเร็วก็ต้องแต่ง ยังไม่สู้เร็วๆ หน่อยจะได้เลือกได้”

พูดแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะว่าออกมา “ถุย! ตาเฒ่านั้น สมองกลับไปแล้วหรือ คุณหนูตระกูลจีของพวกเราจะแต่งงานยากงั้นหรือ? อย่าพูดว่าตอนนี้เลย ถึงแม้ผ่านไปอีกสิบปีร้อยปี เทียนเทียนต้องการจะแต่งงานก็สามารถแต่งได้อยู่ดี”

มู่ชิงเกอส่ายหน้า “เรื่องราวไม่อาจทำให้ซับซ้อนเกินไปได้ เพียงแต่คุณหนูจีไม่ยอมแต่งงาน ไม่ถูกใจใครเลย ประมุขตระกูลจีก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นถ้าหากพูดกับประมุขตระกูลจีไม่รู้เรื่อง ก็ต้องดูที่คุณหนูจีแล้ว”

จีเหยาฮั่วมองมู่ชิงเกอ แล้วก็เบนสายตาจากร่างของมู่ชิงเกอไปมองอิ๋งเจ๋อ เอ่ยถามอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “พวกเจ้าไม่สนใจเทียนเทียนสักนิดเลยจริงๆ หรือ?”

ทั้งสองคนล้วนแต่ส่ายหน้าเงียบๆ

เห็นเช่นนี้แล้วจีเหยาฮั่วก็รู้สึกท้อแท้ไปชั่วขณะ “เอาเถอะ ข้าไร้วาสนาจะเป็นพี่เขยของพวกเจ้าแล้วอีกครู่ข้าจะไปพูดกับเทียนเทียนให้พรุ่งนี้นางแสดงท่าทีแข็งกร้าวเสียหน่อย ไม่ถูกใจใคร ถึงอย่างไรตาเฒ่าก็ไม่สามารถแต่งนางออกไปง่ายๆ ได้”

พูดแล้วเขาก็ลุกขึ้นมาจากพื้น เอ่ยกับทั้งสองคนว่า “ครั้งนี้ข้าต้องขอโทษพวกเจ้าด้วย หากต่อไปภายภาคหน้ามีเรื่องอะไร ข้าจะบุกนํ้าลุยไฟไปหาแน่นอน ช่วงนี้พวกเจ้าก็อยู่พักที่นี่เถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าเที่ยวชมเมืองวั่นเข่อ”

ท่าทางที่ดูจริงจังของเขา พูดหนึ่งก็เป็นหนึ่ง พูดสองก็เป็นสอง และก็เป็นเพราะเช่นนี้ถึงได้รับมิตรภาพจากมู่ชิงเกอไป

ดังนั้นนางกับอิ๋งเจ๋อจึงได้อยู่พักที่ตระกูลจี

หลังจากจีเหยาฮั่วทานข้าวกับพวกเขาแล้วก็ไปหาจีเทียนเทียนเพื่อพูดคุยเรื่องงานหาคู่ในวันพรุ่งนี้

มู่ชิงเกอกับอิ๋งเจ๋อดื่มชาใต้ต้นไม้ในเรือนของจีเหยาฮั่ว

อิ๋งเจ๋อนิ่งเงียบไม่พูดจา

มู่ชิงเกอนั่งอยู่ก็ได้แต่ดื่มชาไป เรื่อยๆ ไม่นานก็รู้สึกว่าท้องของตนเองนั้นมีแต่นํ้าชาบรรจุอยู่

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องสนามรบโบราณของเทพมารหรือไม่?” ทันใดนั้นอิ๋งเจ๋อก็เอ่ยปากขึ้น

คำพูดของเขาเพิ่งจะพูดออกมา ก็เกือบทำให้มู่ชิงเกอที่กำลังตั้งใจดื่มชาอยู่สำลักออกมา นางเงยหน้าขึ้นมอง ไปยังอิ๋งเจ๋อ “เจ้าก็รู้จักด้วยงั้นหรือ?”

นัยน์ตาของอิ๋งเจ๋อดูลึกลํ้าพยักหน้า “ดูจากท่าทีแล้ว เจ้าคงเคยได้ยินมาแล้ว”

มู่ชิงเกอใช้สองมือกุมจอกชา ใช้นัยน์ตาสดใสจับจ้องมองเขา “เจ้าก็เคยได้ยิน?”

อิ๋งเจ๋อพยักหน้า “สนามรบโบราณของเทพมารไม่ถือว่าเป็นความลับอะไรในโลกแห่งยุคกลาง คนที่พอมีเบื้องหลังอยู่บ้างล้วนแต่สามารถหาข่าวสารเกี่ยวกับมันได้ อย่างง่ายดาย ที่นั้นสำหรับบรรดาผู้มีพรสวรรค์ของโลกแห่งยุคกลางแล้วก็เป็นสถานที่สำหรับการฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบแห่งหนึ่ง”

“ดังนั้น…” มู่ชิงเกอค่อยๆ เอ่ย นางครุ่นคิดถึงจุดประสงค์ของอิ๋งเจ๋อที่อยู่ดีๆ พูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมา

อิ๋งเจ๋อมองนางแล้วเอ่ยถามว่า “สนใจจะเข้าไปในสนามรบโบราณด้วยกันหรือไม่?”

นี่เป็นคำเชื้อเชิญและก็เป็นคำท้า

มู่ชิงเกอมองเห็นเปลวไฟแห่งการฆ่าฟันที่ลุกไหม้ในส่วนลึกของดวงตาเขา

“เทียนเทียน พรุ่งนี้เจ้าเพียงแต่ทำตามที่ข้าพูด ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมแต่งงาน พูดไปว่าคนที่ตาเฒ่าหามาเหล่านี้ไม่ถูกใจสักคน และจากนั้นตาเฒ่าก็จะทำอะไรเจ้าไม่ได้” จีเหยาฮั่วไปหาจีเทียนเทียนแล้วก็เอ่ยกับนาง

จีเทียนเทียนมองเขาด้วยดวงตาที่มีนํ้าตาเอ่อคลอ เอ่ยถามกลับว่า “เป็นเพราะเจ้าเมืองมู่กับประมุขน้อยอิ๋งไม่ชอบข้าใช่หรือไม่?”

เอ่อ!

ใบหน้าของจีเหยาฮั่วฉายแววกระดากใจ เขาเอ่ยกับจีเทียนเทียนอย่างรู้สึกผิดว่า “เทียนเทียน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ชอบเจ้า เพียงแต่เป็นเพราะพวกเขาในตอนนี้สนใจแต่การฝึกฝนฝีมือ ไม่มีความคิดจะแต่งงาน ยิ่งไม่อยากจะถ่วงเวลาเจ้า”

“ข้าก็ไม่คิดอยากจะแต่งงานเช่นเดียวกัน แต่ก็สามารถหมั้นไว้ก่อนได้นี้ เพื่อปลอบใจบิดา และก็ไม่จำเป็นต้องรีบแต่งงานในทันที” จีเทียนเทียนเอ่ย

ได้ยินนางพูดเช่นนี้แล้ว ใบหน้าของจีเหยาฮั่วก็เผยร่องรอยประหลาดใจออกมา

ครู่หนึ่งเขาถึงได้เอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “เทียนเทียน เจ้าคงไม่ใช่ว่าถูกใจใครในสองคนนั้นแล้วหรอกใช่ไหม?”

แก้มของจีเทียนเทียนแดงขึ้น หลุบตาลงหลบสายตาจับผิดของจีเหยาฮั่ว

นางยิ่งหลบ จีเหยาฮั่วก็ยิ่งอยากถามให้รู้

เขาอ้อมไปอยู่ตรงหน้าของจีเทียนเทียน เอ่ยถามว่า “เทียนเทียน เจ้าพูดกับพี่มาตรงๆ เจ้าถูกใจใครสักคนในสองคนนั้นแล้วใช่หรือไม่?”

จีเทียนเทียนหลบอย่างเขินอาย หันหลังให้จีเหยาฮั่ว

ตอนนี้ในใจของนางดุจดั่งกวางน้อยกำลังแตกตื่น ปัญหาที่แต่เดิมยังไม่ทันได้คิดดี กลับค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมาภายใต้การบีบคั้นถามของพี่ชายตนเอง

ท่าทีของนางทำให้จีเหยาฮั่วเกิดความสงสัยขึ้นมา

เขาคว้าจับแขนของจีเทียนเทียน ลากนางเข้ามา เผชิญหน้ากับตนเองเอ่ยถามว่า “ว่าอย่างไร เจ้าพูดมาสิ! เจ้าคิดจะให้ข้าร้อนใจจนตายหรือไร!”

“ข้า…ข้า…” จีเทียนเทียนเขินอายจนหน้าแดงกํ่า หลุบตาลง พูดเบาดุจเสียงยุง “ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าพวกเขาล้วนแต่ดีมาก”

ท่าทีที่นางเอาแต่หลีกเลี่ยงปัญหานั้นทำให้จีเหยาฮั่วร้อนใจจนอยากจะควักคำพูดในหัวใจของนางออกมาดู

เขาเอ่ยกระตุ้นว่า “น้องสาวของข้าไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาที่มัวแต่เอียงอาย หากว่าในใจมีคนที่ชอบก็จะต้องกล้าพูดออกมาตรงๆ”

จีเทียนเทียนถูกเขาบีบคั้นจนทั้งอายทั้งโมโห กระทืบเท้าเอ่ยว่า “ท่านบีบบังคับข้าอีกแล้ว!”

จีเหยาฮั่วเอ่ยอย่างไม่ยอมปล่อยวางว่า “เจ้าพูดตามจริงมาก็ได้แล้ว?”

“ข้า…ข้ายังไม่ได้คิดอย่างชัดเจนดี” จีเทียนเทียนเอ่ยด้วยสายตาที่ดูสับสนวุ่นวาย “เช่นนั้นเจ้าถูกใจใครกันแน่?” จีเหยาฮั่วถามอีกครั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version