ตอนที่ 386
เป็นการโจมตีจิตวิญญาณแบบหนึ่ง
วี้ด!
เสียงแหลมแสบแก้วหูดังออกมา
ดูเป็นเหมือนคลื่นเสียงแผ่สะท้อนกลับไปกลับมาในสนามรบ
จีเหยาฮั่วที่อยู่ใกล้ที่สุด ใช้สองมือปิดหูไว้อย่างแน่นหนา ปฏิกิริยานี้เป็นไปตามสัญชาติญาณ เพราะเขาได้ปิดประสาทการได้ยินไว้แล้ว ทั้งยังใช้พลังจิตปกป้องสมองไว้อย่างที่มู่ชิงเกอสั่งอีกด้วย แต่ว่าในตอนที่เสียงถูกส่งออกมานี้ เขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวด เหมือนกับถูกเข็มทิ่มแทง
สีหน้าของเขาซีดขาว ล้มลุกคุกคลาน ท่าทางดูเจ็บปวดมาก
พวกมู่ชิงเกอที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ ขอบเขตของเสียงส่งอิทธิพลกว้างมาก พวกเขาเป็นเหมือนกับจีเหยาฮั่ว รู้สึกเหมือนกับโดนเข็มทิ่มสมอง ดีที่หลังจากตัวประหลาดตัวนั้นส่งเสียงเสร็จแล้วก็กลับไปยังกลุ่มของตนเองทันที ในตอนที่เสียงค่อยๆ หายไปนั้น ม่านพลังจิตที่จีเหยาฮั่วที่ใช้คุ้มครองส่วนหัวเอาไว้ก็เกิดเสียงแตกร้าวออกมา แล้วเขาก็สลบไป
พวกมู่ชิงเกอทั้งสามคนสะบัดหัว พวกเขาอยู่ห่างจากจีเหยาฮั่วออกไประยะหนึ่ง ดังนั้นแรงการโจมตีที่ได้รับจึงไม่ได้มากเท่าเขา
อีกทั้งรอบด้านก็ยังมีของบดบังอยู่บ้าง ซึ่งดูเหมือนว่าจะช่วยขวางการโจมตีจากเสียงได้บ้าง
มู่ชิงเกอรู้สึกผ่อนคลายลงแล้ว ความรู้สึกที่ไม่สบายตัวหายไป นางมองไปยังคนข้างกายทั้งสองคน ก็เห็นว่าทั้งสองคนมีสีหน้าซีดขาว ดูแย่มาก เมื่อมองไปยังจีเหยาฮั่ว ก็พบว่าเขาได้ล้มกองลงบนพื้นแล้ว ไม่รู้ว่ามีอาการเป็นเช่นไร
นางรีบโผล่ออกมา เข้าไปใกล้จีเหยาฮั่วในทันที ผลจากการลองหยั่งเชิงของจีเหยาฮั่วเมื่อครู่ทำให้นางไม่จำเป็นต้องแอบซ่อนร่างกายอีกรีบมาอยู่ข้างกายของเขาในทันที
มู่ชิงเกอตรวจดูลมหายใจและจับชีพจรของจีเหยาฮั่ว แล้วจึงนำเขาย้อนกลับไป
ในตอนที่นางนำจีเหยาฮั่วกลับไปแล้วนั้น อิ๋งเจ๋อกับซีเซียนเสวี่ยถึงได้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
“เขาเป็นอย่างไรบ้าง?” อิ๋งเจ๋อเห็นมู่ชิงเกอช่วยจีเหยาฮั่วกลับคืนมาแล้วก็ถามในทันที
มู่ชิงเกอพูดว่า “ยังดีที่ก่อนหน้านี้มีการป้องกันไว้ เขาจึงเพียงแค่ตกใจและสลบไปเท่านั้น ตื่นขึ้นมาก็ไม่เป็นไรแล้ว พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
อิ๋งเจ๋อค่อยๆ ส่ายหน้า
ซีเซียนเสวี่ยยกมือกุมหัว เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “พลังจิตที่ข้าใช้ป้องกันส่วนหัวถูกทำลายลงแล้ว ดีที่มีการป้องกันเอาไว้ก่อน ตอนนี้จึงรู้สึกเพียงปวดหัวมากก็เท่านั้น”
อิ๋งเจ๋อพยักหน้าตาม แสดงว่าสถานการณ์ของตนเองเหมือนกันกับซีเซียนเสวี่ย
ต่อมา ทั้งสองคนก็มองมู่ชิงเกอย่างแปลกใจ
เหตุใดมู่ชิงเกอถึงดูเหมือนไม่เป็นอะไรเลย ทั้งที่พวกเขาปวดหัวจนแทบระเบิด? เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็มองเห็นมู่ชิงเกอได้รับอิทธิพลเช่นเดียวกัน
มู่ชิงเกอมองเห็นความสงสัยในสายตาของพวกเขา นางก็ขมวดคิ้วขึ้นเช่นกัน
นางก็ได้รับอิทธิพลจากเสียงที่แสบแก้วหูเช่นเดียวกันแต่กลับฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วอีกทั้งพลังจิตที่นางใช้ปกป้องสมองก็ไม่ได้แตกสลายไป
‘หรือว่าเป็นเพราะเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางกัน?’ มู่ชิงเกอคาดเดาอยู่ในใจ
มู่ชิงเกอค่อยๆ เม้มริมฝีปากจมดิ่งเขาไปอยู่ในความคิดของตนเอง
ในขณะที่กำลังรอจีเหยาฮั่วตื่นขึ้นมานั้น นางก็ได้จัดระเบียบความคิดของตนเอง ส่วนซีเซียนเสวี่ยกับอิ๋งเจ๋อก็ใช้ช่วงเวลานี้นั่งสมาธิฟื้นฟูร่างกาย
ส่วนเหล่าตัวประหลาดผิวสีเขียว ก็ไม่ได้ค้นพบการคงอยู่ของพวกเขา ทำเรื่องของพวกมันต่อ
เสียงเมื่อครู่ดูเหมือนว่าเป็นการกวาดล้างรอบหนึ่งเท่า เพราะว่าจีเหยาฮั่วสร้างความเคลื่อนไหวดึงดูดให้พวกมันเกิดความระวัง ดังนั้นถึงได้โจมตีเป็นวงกว้างอย่างไร้จุดหมายออกไป
ลมเย็นพัดผ่านสนามรบโบราณและก็พัดผ่านร่างของทั้งสี่คนที่นั่งอยู่อย่างเงียบๆ
จีเหยาฮั่วขมวดคิ้วขึ้นค่อยๆ ตื่นขึ้นมา
“เจ้าตื่นแล้ว” เสียงของมู่ชิงเกอดังขึ้นมาในหัวของเขา ทำให้เขาได้สติขึ้นมาหลายส่วน
เขาคลานลุกขึ้นมาจากพื้น นั่งลงมองไปยังมู่ชิงเกอ แล้วก็มองไปยังซีเซียนเสวี่ยและอิ๋งเจ๋อที่นั่งสมาธิอยู่ จากนั้นถึงได้กุมหัวของตนเองขมวดคิ้วเอ่ยว่า “น่าตายนัก! ปวดจริงๆ!”
มู่ชิงเกอเอายาออกมายื่นไปที่ด้านหน้าของเขา “ยาเม็ดนี้มีผลฟื้นฟูสติถึงแม้จะไม่สามารถแก้ไขได้ถึงต้นตอที่แท้จริงของโรคได้แต่ก็สามารถผ่อนคลายความไม่สบายในร่างกายของเจ้าลงได้”
จีเหยาฮั่วไม่ได้เกรงใจรับยาจากมือของนางมาแล้วก็ส่ง เข้าไปในปากทันที
หลังจากกินลงไปแล้วความสดชื่นก็ค่อยๆ เข้าไปสู่ส่วนศีรษะของเขาและก็เป็นเหมือนอย่างที่มู่ชิงเกอพูดเอาไว้ ถึงแม้ว่าไม่สามารถแก็ไขได้ถึงต้นตอของโรค แต่ก็ผ่อนคลายอาการปวดหัวของเขาได้ทำให้เขารู้สึกสบายขึ้นเยอะ
“หลังจากข้าสลบไปแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง?” จีเหยาฮั่วเอ่ยถาม
มู่ชิงเกอเอ่ยว่า “ข้าพาเจ้ากลับมา ทุกคนก็ล้วนแต่พักผ่อน ส่วนตัวประหลาดสีเขียวก็ไม่ได้ค้นพบพวกเรา แต่กลับทำเรื่องของตนเองต่อ”
จีเหยาฮั่วถอนหายใจในใจ เอ่ยถามว่า “เช่นนั้นเจ้าได้พบว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่?”
“พบ” มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างแน่ใจ
นัยน์ตาของจีเหยาฮั่วเป็นประกายออกมาเผยรอยยิ้ม “ดีจริง! เช่นนั้นการลำบากครั้งนี้ของข้าก็ไม่ได้ทำไปอย่างเสียเปล่า”
มู่ชิงเกอมองไปยังอิ๋งเจ๋อและซีเซียนเสวี่ย แล้วเอ่ยกับจีเหยาฮั่วว่า “รอพวกเขาตื่นขึ้นมาก่อนแล้วข้าค่อยพูดพร้อมกัน ตอนนี้เจ้าเองก็นั่งสมาธิพักผ่อนก่อนเถอะ’’
จีเหยาฮั่วเก็บงำรอยยิ้มกลับ พยักหน้า จากนั้นก็หลับตานั่งสมาธิ
ทั้งสามคนนั่งสมาธิไปถึงครึ่งวันถึงได้ลืมตาขึ้นมา
ผ่านการนั่งสมาธิไปครึ่งวันแล้วพวกเขาถึงได้รู้สึกว่าความมึนงงก่อนหน้านี้ได้หายไปและไม่ได้บ้าคลั่งหมือนดั่งเช่นเว่ยมั่วลี่
“ตอนนี้พวกเราสามารถแน่ใจได้แล้วว่าตัวประหลาดเหล่านั้นก็คือพวกตัวประหลาดที่เว่ยมั่วลี่พบ” มู่ชิงเกอเอ่ยกับทั้งสามคน
ทั้งสามคนล้วนแต่ไม่ได้พูดจานั่งฟังมู่ชิงเกอไปเงียบๆ
มู่ชิงเกอชะงักไปครู่หนึ่ง ถึงได้เอ่ยต่อไปว่า “เมื่อครู่จีเหยาฮั่วได้ไปลองหยั่งเชิงดูแล้ว พบว่าสิ่งที่พวกเราคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้นั้นถูกต้อง ตัวประหลาดเหล่านี้ไม่รู้ว่ามาจากโลกไหน สายตาของพวกมันนั้นไม่ดีแต่หูกลับดีมาก ยังมีอีกก็คือเสียงของพวกมันเป็นวิธีการโจมตีอย่างหนึ่ง เมื่อครู่นี้ข้าได้ครุ่นคิดดูอย่างละเอียดแล้ว บางทีมันก็อาจจะไม่ใช่เสียง แต่เป็นการโจมตีจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง”
“การโจมตีจิตวิญญาณ?” ซีเซียนเสวี่ยพูดขึ้นอย่างแปลกใจ
มู่ชิงเกอพยักหน้า “ในการฝึกฝนของพวกเรานั้นน้อยมากที่จะใช้ต่อกรกับจิตวิญญาณโดยเฉพาะ ซึ่งก็เป็นการโจมตีทางจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง เมื่อครู่นี้พวกเราก็แปลกใจว่าเหตุใดข้าถึงได้รับผลกระทบน้อยกว่าพวกเจ้ามาก บางทีนี่ก็อาจจะเป็นเพราะว่าข้าเป็นอาจารย์หลอมศาสตราและอาจารย์ปรุงยา”
นางปิดบังเรื่องเคล็ดวิชาเทวะ แต่ก็อธิบายได้อย่างละเอียด “ทุกคนก็ล้วนแต่รู้ดีว่าอาจารย์หลอมศาสตรากับอาจารย์ปรุงยาต้องการผู้ที่มีจิตวิญญาณแข็งแกร่งเป็น พิเศษจิตวิญญาณของพวกเขาแน่นอนว่าจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามาก”
ซีเซียนเสวี่ยค่อยๆ พยักหน้า
พวกเขารับได้กับการอธิบายของมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอเอ่ยอีกว่า “ถึงแม้ว่าที่พวกเขาส่งออกมาจะเป็นเสียงแต่ว่าในความเป็นจริงมันกลับโจมตีไปที่จิตวิญญาณโดยตรง ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเราจะปิดกั้นการได้ยินแต่สมองก็ยังคงได้รับการโจมตีอยู่ เคราะห์ดีที่พวกเรามีการตระเตรียมไว้ใช้พลังจิตปกป้องส่วนสมองถึงได้หลีกเลี่ยงการกลายเป็นอย่างเว่ยมั่วลี่ได้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะช่วยเว่ยมั่วลี่ได้หรือไม่?” จีเหยาฮั่วเอ่ยถาม
ตอนนี้ได้รู้ถึงสาเหตุแล้วหากว่าสามารถแก้ปัญหาของเว่ยมั่วลี่ได้ สามารถทำให้เขากลับเป็นปกติได้ เช่นนั้นอันตรายที่ตัวประหลาดเหล่านั้นมีต่อพวกเขาก็จะน้อยลงมาก
แต่มู่ชิงเกอกลับสายหน้าให้กับทั้งสามคน
นัยน์ตาของทั้งสามคนเกิดความผิดหวังขึ้นมา
ภายในเสียงที่มู่ชิงเกอส่งมา นํ้าเสียงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น “จิตวิญญาณเป็นของที่สลับซับซ้อนภายใน ศาสตร์ทางการรักษา ก็มีเทียบยาน้อยมากที่รักษาจิตวิญญาณ สถานการณ์ของเว่ยมั่วลี่ก็คือจิตวิญญาณถูกโจมตี ถูกทำลายอย่างร้ายแรง หลังจากตัวประหลาดพวกนี้โจมตีเข้าไปสู่ส่วนศีรษะของเว่ยมั่วลี่แล้ว มันก็กลายเป็นยาพิษที่กัดกินจิตวิญญาณของเขา คิดจะช่วยเขาไม่เพียงแต่ต้องมียาฟื้นฟูจิตวิญญาณแต่ยังต้องถอนพิษออกก่อน”
“เขาจะต้องบ้าๆ บอๆ ไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ?” จีเห
ยาฮั่วเอ่ย
มู่ชิงเกอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าสีเทา ผ่านไปครู่หนึ่งนางถึงได้ถอนสายตากลับแล้วมองไปยังทั้งสามคนเอ่ยว่า “บางทีก็อาจจะพอมีวิธีอยู่ ตาม ธรรมดาแล้วสถานที่ที่เกิดพิษก็ต้องมีของที่ใช้ถอนพิษได้อยู่ใกล้ๆ นี่เป็นกฎของธรรมชาติใครก็ฝืนไม่ได้”
ดวงตาของอิ๋งเจ๋อเป็นประกายเอ่ยปากว่า “ความหมายของเจ้าก็คือบนร่างของตัวประหลาดอาจจะมีวิธีถอนพิษ หรือบางทีพวกเขาอาจจะสามารถถอนพิษที่ปล่อยออกไปแล้วกลับคืนมาได้?”
มู่ชิงเกอพยักหน้า “เพียงแค่ขับพิษออกไปแล้ว เว่ยมั่วลี่ก็จะไม่บ้าต่อไปอีก และจิตวิญญาณของเขาที่ถูกทำลายก็สามารถค่อยๆ หายารักษาฟื้นฟูให้หายดีขึ้นมาได้’’
“ดูแล้วพวกเราต้องจับตัวประหลาดตัวหนึ่งกลับไปด้วย” อิ๋งเจ๋อยืดกายขึ้น ท่วงท่าเปลี่ยนเป็นดูเคร่งขรึม
จับตัวประหลาด? จะจับอย่างไร? แต่หากไม่จับปัญหาของเว่ยมั่วลี่ก็จะไม่มีทางแก้ไขแล้ว
ในความเป็นจริงพวกเขาก็ไม่ได้สนิทอะไรมากกับเว่ยมั่วลี่ ไม่จำเป็นต้องเลี่ยงเพื่อเขา แต่เมื่อเข้ามาสู่สถานที่แห่ นี้แล้วกลับเหมือนมีเวทมนตร์ที่ทำให้พวกเขารวมอยู่ด้วยกันเองตามสัญชาติญาณ ที่พวกเขาต้องกังวลนั้นมีเพียงแต่พวกที่มาจากโลกอื่นเท่านั้น ส่วนพวกเขาที่มาจากโลกเดียวกันก็ถือว่าเป็นพวกเดียวกัน
“พวกเรายังถือว่าโชคดีอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ไม่ได้พบเจอคนจากโลกอื่นๆ มากมายกว่านี้” มู่ชิงเกอยักไหล่
หากว่า มีพวกจากโลกอื่นๆ มาที่นี่เยอะกว่านี้ เรื่องราวก็จะเปลี่ยนเป็นซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ปัญหาก็เยอะมากขึ้น
“สนามรบของเทพมารใหญ่โตถึงขนาดนี้ บางทีอาจจะไม่ใช่ว่าไม่มี เพียงแต่ไม่พบเจอกันก็เท่านั้น” อิ๋งเจ๋อเอ่ย
ตอนนี้พวกเขาเพียงแต่เดินทางอยู่ชายขอบของสนามรบโบราณไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนของโลกอื่นจะมาฝึกฝนอยู่ที่ชายขอบเช่นเดียวกันกับพวกเขาหรือไม่
มู่ชิงเกอมองพวกเขา “อย่างน้อยตอนนี้พวกเราก็รู้จักวิธีการโจมตีของพวกเขาแล้ว ตอนต่อสู้จะต้องใช้พลังจิตปกป้องส่วนหัวไว้หลายๆ ชั้น”
“อืม!”
ทั้งสามคนเอ่ยรับพร้อมกัน
หลังจากพูดคุยกันเสร็จแล้ว ทั้งสี่คนก็ออกเดินทางอีกครั้ง เข้าไปใกล้ตัวประหลาดสีเขียวมากขึ้น
ครั้งนี้พวกเขาเดินไปอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ได้ระมัดระวังหลบซ่อนเช่นแต่ก่อน
พวกเขาเลือกทิศทางด้านหลังของบรรดาเหล่าตัวประหลาด เช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ยากจะถูกค้นพบ
ค่อยๆ เข้าไปใกล้ เหล่าตัวประหลาดก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลย ทั้งสี่คนใจกล้าขึ้นมาหน่อย เข้าไปใกล้อีก รอจนได้ระยะห่างที่ใกล้พอสมควรแล้ว มู่ชิงเกอถึงได้ให้ทุกคนหยุด
พวกเขาอยู่ท่ามกลางซากร่างที่กลายเป็นหิน มองดูตัวประหลาดสีเขียวเหล่านั้น
ตัวประหลาดเหล่านั้น เป็นเหมือนกับที่เว่ยมั่วลี่อธิบายไม่มีผิด ร่างกายมีสีเขียว ซูบผอม ภายในนั้นมีตัวสูงใหญ่อยู่สองตัว ที่เหลืออีกสิบกว่าตัวนั้นล้วนแต่เป็นตัวเล็ก หลังงุ้มงอ น่าเกลียดน่ากลัวมาก ที่สูงนั้นก็สูงเกือบสองเท่า
ร่างกายของพวกมันไม่มีความแตกต่างกัน และก็ไม่ได้แยกเพศชายหรือหญิง หูใหญ่ฟันแหลมคม นิ้วมือเหมือนกรงเล็บ
ตัวสูงนั้นด้านหลังห้อยถุงตัวละใบ ดูเหมือนว่าจะเอาไว้เก็บของอะไรที่ตัวประหลาดตัวเล็กหามาได้จากสนามรบโบราณ