Skip to content

พลิกปฐพี 389

ตอนที่ 389

พลัดหลงกัน! ตาม

เมื่อมองเห็นฉากนี้ทั้งสี่คนก็ตกใจมาก

ตัวประหลาดเหล่านี้ยังมีฝีมือเช่นนี้ด้วย ทั้งยังเก็บงำเอาไว้ไม่ใช้ตั้งแต่แรก ดูแล้วคงคิดที่จะใช้เศษวิญญาณดึงดูดความสนใจของพวกเขา

‘เจ้าเล่ห์จริงๆ!’

ในใจของมู่ชิงเกอหนักอึ้ง

เวลานี้บรรดาเศษวิญญาณล้วนถูกถุงสองถุงดูดเข้าไป บรรดาเหล่าตัวประหลาดตัวเล็กที่ถูกจีเหยาฮั่วควบคุมลมให้พัดลอยขึ้นไปกลางอากาศและพัวพันเข้ากับเหล่าเศษวิญญาณก็ทยอยตกลงมา

ร่างแยกของตัวประหลาดตัวเล็กร้อยกว่าตัวพุ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งสี่คนอย่างบ้าคลั่ง

เพียงมองออกไปก็ดุจดั่งมีแม่นํ้าสีเขียวไหลบ่ามาทางพวกเขา

ดวงตาของทั้งสี่คนหดตัวลง มู่ชิงเกอกำลังคิดที่จะกุมทวนหลิงหลงฆ่าล้างออกไปแต่กลับถูกซีเซียนเสวี่ยที่อยู่ด้านข้างคว้าจับไว้

ซีเซียนเสวี่ยส่ายหน้า เอ่ยกับนางอย่างร้อนใจว่า “พวกมันฆ่าไม่ตายยิ่งฆ่าก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ พวกเหล่านี้ก็คือร่างที่แยกออกจากสองตัวในตอนแรก!”

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเย็นยะเยือก คว้าจับข้อมือของซีเซียนเสวี่ยจากนั้นก็พานางพุ่งตัวไปด้านหน้า

จีเหยาฮั่วและอิ๋งเจ๋อก็ทำเช่นเดียวกัน ทั้งสี่คนพยายามลอยตัวไปด้านหน้า ส่วนด้านหลังก็มีตัวประหลาดสีเขียวตัวเล็กไล่ตามมาไม่หยุด

มู่ชิงเกอหันหน้าไปมองก็พบว่าตัวประหลาดตัวใหญ่สองตัวยังคงสั่งการให้ตัวประหลาดตัวเล็กไล่ตามพวกเขามา

ตอนนี้ตัวประหลาดที่ไล่ตามพวกเขามาไม่ใช่เพียงแค่สองตัวก่อนหน้านี้แล้ว แต่ตัวประหลาดตัวเล็กทั้งสิบกว่าตัวรอบกายตัวประหลาดตัวใหญ่ก็ล้วนแต่เข้ามาร่วมไล่ล่าพวกเขา

เสียงที่แสบแก้วหูดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนหัวของทั้งสี่คนแทบจะระเบิด

มู่ชิงเกอเคยคิดที่จะปล่อยเสี่ยวไฉ่ออกมาเพื่อหนี แต่ว่าการโจมตีจิตวิญญาณไม่ได้ละเว้นเสี่ยวไฉ่ พวกเขายังสามารถใช้พลังจิตคุ้มครองส่วนหัวฝืนทนต่อไปได้

แล้วเสี่ยวไฉ่ละ?

มู่ชิงเกอไม่อยากจะเอาเสี่ยวไฉ่ออกมาเสี่ยง

“ทำเช่นนี้ต่อไปไม่ใช่วิธีที่ดี พวกเราจำเป็นต้องแยกกันหนี ดึงดูดให้ตัวประหลาดเหล่านี้แยกทางกัน แรงกดดันถึงจะได้ลดลง” จีเหยาฮั่วพยุงอิ๋งเจ๋อพร้อมเอ่ยกับมู่ชิงเกอ นี่ถือเป็นวิธีที่ไม่เลว แต่ว่าหากว่าแยกกันแล้วต่อไปอาจจะพบอันตรายมากกว่านี้อีก

จีเหยาฮั่วพูดอย่างร้อนใจว่า “ไม่มีเวลาลังเลแล้ว! ระดับความเร็วของข้าเร็วมากสามารถพาอิ๋งเจ๋อหนีไปได้ส่วนเจ้าก็พาธิดาเทพซีไป รอจนสลัดพวกมันหลุดแล้วพวกเราค่อยมารวมตัวกัน!”

เมื่อพูดจบเขาก็เสริมไปอีกหนึ่งประโยคว่า “ไปรวมกันยังถํ้าที่ขังเว่ยมั่วลี่ไว้”

มู่ชิงเกอพยักหน้า

จีเหยาฮั่วก็ไม่ได้ชักช้าพาอิ๋งเจ๋อหนีไปอีกด้านในทันที เขาใช้รากวิญญาณลมโดยกำเนิดของตนเองเพิ่มความเร็วจนร่างกายเหลือเพียงเงา

ส่วนตัวประหลาดตัวเล็กเหล่านั้นก็เป็นเหมือนอย่างที่เขาคิด แยกออกครึ่งหนึ่งไล่ตามเขาต่อ

เหลืออีกครึ่งหนึ่งยังคงไล่ตามมู่ชิงเกอและซีเซียนเสวี่ยไป

มู่ชิงเกอพยุงซีเซียนเสวี่ยจากไปอย่างรวดเร็วและความเร็วของนางก็ไม่ได้ช้าไปกว่าจีเหยาฮั่วเลย!

สายนํ้าสีเขียวแยกออกเป็นสองสายพุ่งไปยังสองทิศทางที่ต่างกัน

ตัวประหลาดสีเขียวตัวใหญ่สองตัวสบตากันแวบหนึ่ง แล้วก็แบ่งกันตามออกไปคนละด้าน พวกมันเหมือนคิดที่จะจับพวกมู่ชิงเกอให้ได้ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ยอมเลิกรา

มู่ชิงเกอใช้พลังจิตอย่างต่อเนื่องเร่งบินลอยออกไป

การโจมตีจิตวิญญาณเหล่านั้นค่อยๆ อ่อนลงเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงทิ่มแทงสติของพวกนางอยู่ ตัวนางยังดีที่ไม่ได้รับผลกระทบอะไรแล้ว แต่เมื่อดูจากท่าทางทรมานของซีเซียนเสวี่ยแล้วก็รู้ได้เลยว่านางยังได้รับผลกระทบอยู่ มู่ชิงเกอมองซีเซียนเสวี่ย นางเริ่มจะไม่ไหวแล้ว เลือดไหลออกจากบาดแผลไม่หยุด มู่ชิงเกอกัดฟัน เร่งความเร็วขึ้นอีกสร้างระยะห่างจากพวกที่ตามมาด้านหลังให้ ไกลออกไปอีก

ภายในสนามรบโบราณอันว่างเปล่า มู่ชิงเกอไม่รู้ว่าตนเองหนีออกมานานแค่ไหน ด้านหลังของนางมองไม่เห็นเงาร่างของตัวประหลาดสีเขียวเหล่านั้นอีกแล้ว ทั้งสีหน้า ของซีเซียนเสวี่ยก็ดีขึ้นไม่ดูทรมานอีก

‘หนีพ้นแล้วงั้นหรือ?’ มู่ชิงเกอพูดในใจ

มู่ชิงเกอไม่กล้าชะล่าใจพาซีเซียนเสวี่ยหนีต่อไปด้านหน้าอีกสักพักนึง

หลังจากแน่ใจแล้วว่าตัวประหลาดเหล่านั้นไม่ได้ไล่ตามมาแล้ว นางเลือกสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อพักผ่อน

ซีเซียนเสวี่ยสลบลงไปแล้ว ถูกนางโอบกอดไว้ในอ้อมอก สูญเสียเลือดไปมาก ทำให้สีผิวของนางเปลี่ยนเป็นขาวซีด จนดูเหมือนกระดาษขาว

มู่ชิงเกอเหลือบมองซีเซียนเสวี่ยแวบหนึ่ง แล้วก็วางนางไว้บนพื้นอย่างระมัดระวัง

เมื่อยืนขึ้นมาแล้วนางก็หันไปมองรอบด้าน ปล่อยจิตวิญญาณของนางออกไปตรวจดูความเคลื่อนไหวรอบด้าน เพียงแค่ตัวประหลาดเหล่านั้นไล่ตามมาอีก นางก็จะพาซีเซียนเสวี่ยหนีไปในทันที

‘ฆ่าไม่ตาย! ยิ่งฆ่าก็ยิ่งเยอะมากขึ้น!’ มู่ชิงเกอขมวดคิ้วแน่น สิ่งนี้ทำให้คนปวดหัวมากที่สุด

ตัวประหลาดเหล่านี้อันตรายกว่าที่นางคิดเอาไว้เสียอีก!

‘ไม่รู้ว่าพวกจีเหยาฮั่วหนีพันแล้วหรือยัง?’ มู่ชิงเกอถามตนเองในใจ

นางหันหน้ากลับไปนั่งลงตรงหน้าของซีเซียนเสวี่ยแล้วรักษาแผลให้นาง

“จีเหยาฮั่ว เจ้าปล่อยข้าแล้วหนีไปเถอะ” อิ๋งเจ๋อถูกจีเหยาฮั่วโอบไหล่เอาไว้ จีเหยาฮั่วจับมือเขาไว้แน่นอีกมือก็หิ้วเข็มขัดของเขา เขามองจีเหยาฮั่วที่มีสีหน้าซีดขาวแล้วจึงเอ่ยขึ้น

บนใบหน้าของอิ๋งเจ๋อเต็มไปด้วยเลือด ร่างกายก็มีบาดแผลไม่น้อย สถานการณ์ดูแย่มาก

“เจ้าล้อเล่นอะไรกัน? ให้ข้าทิ้งเจ้าไว้กับเหล่าตัวประหลาดพวกนั้นงั้นหรือ?” จีเหยาฮั่วพูดออกมาอย่างแค้นใจ แล้วพูดต่อว่า “หากให้เทียนเทียนรู้เข้า นางคงฆ่าข้าแน่!”

อิ๋งเจ๋อยิ้มออกมาอย่างขมขื่นหลุบตาเอ่ยว่า “เจ้าหนีไปคนเดียวก็จะเร็วกว่านี้โอกาสที่จะมีชีวิตก็จะมากยิ่งขึ้น”

“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว! เก็บพลังไว้รักษาชีวิตเถอะ! ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้เลยว่า ถึงแม้ว่าข้าจะตายอยู่ที่นี่ ก็จะไม่ทิ้งเจ้าไว้แล้วหนีไปคนเดียวอย่างเด็ดขาด” จีเหยาฮั่วพูดแล้วก็เร่งความเร็วขึ้นไปอีก

ส่วนด้านหลังของพวกเขา จุดที่ไกลออกไปบรรดาตัวประหลาดสีเขียวเหล่านั้นยังคงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จอนผมของจีเหยาฮั่วมีเหงื่อเย็นหยดลงมาไม่หยุด เขา ลอบหยิบยาเสริมพลังจิตออกมากินแล้วก็พาอิ๋งเจ๋อหนีต่อไป

ความจุของพลังจิตของเขามีไม่เยอะเท่ามู่ชิงเกอ ทั้งนำผู้ชายคนหนึ่งมาด้วย ทั้งยังผ่านศึกครั้งใหญ่ ร่างกายมีบาดแผลมากมาย ในความเป็นจริงนั้นฝืนไม่ไหวมาตั้ง นานแล้ว

ตอนนี้ที่เขายังสามารถพาอิ๋งเจ๋อหนีได้ ก็อาศัยความมุ่งมั่นเท่านั้น!

‘เร็วขึ้นอีก! เร็วขึ้นอีก! เร็วขึ้นอีก!’จีเหยาฮั่วท่องอยู่ในใจไม่หยุด ดูเหมือนคิดจะเร่งตนเองให้เร็วกว่านี้ ภายในดวงตาของเขามีร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อย แต่กลับยังคงกัดฟันฝืนต่อไป

อิ๋งเจ๋อมองเห็นเขาเป็นเช่นนี้จึงรวบรวมพลังที่เหลืออยู่ มาไว้ในใจกลางฝ่ามือแล้วก็ออกแรงผลักไปที่หลังของจีเหยาฮั่ว

เพียงแต่ว่าถึงเขาจะออกแรงแล้วก็ยังผลักไม่ไป

เขามองไปยังจีเหยาฮั่วอย่างตกตะลึง แล้วก็พบว่าที่มุมปากของจีเหยาฮั่วมีเลือดไหล กำลังยิ้มเย็นมองมาที่เขา “คิดจะผลักข้าออกแล้วตนเองรั้งอยู่เพื่อเป็นวีรบุรุษอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!”

“เจ้า!” อิ๋งเจ๋อโมโหจนตัวสั่น

เขาคิดไม่ถึงว่าจีเหยาฮั่วจะมองความคิดของเขาออก ถึงกับยอมรับฝ่ามือของเขายอมให้ตนเองบาดเจ็บแต่ไม่ยอมปล่อยเขาทิ้ง

“พี่น้อง ถือว่าข้าขอร้องเจ้าล่ะ อย่าได้เคลื่อนไหวอะไรอีกเลย พี่น้องของเจ้าจะไม่ไหวแล้ว” จีเหยาฮั่วส่งยิ้มให้เขา

ทันใดนั้นหางตาของเขาก็กวาดมองไปเห็นสีเขียวที่ด้านหลัง นัยน์ตาของเขาหนักอึ้ง เพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก พุ่งออกไปเหมือนสายลม

เขาใช้พลังจิตอย่างบ้าคลั่ง ทำให้รากวิญญาณลมโดยกำเนิดในร่างกายของเขาไหลเวียนอย่างรวดเร็วเปล่งประกายแสงสีครามออกมา

จีเหยาฮั่ววิ่งจนสองขารู้สึกชา หนักจนแทบยกขาไม่ขึ้น ทั้งตัวคนก็เหนื่อยล้าง่วงนอนจนแทบจะสามารถหลับได้ตลอดเวลา

ทันใดนั้นร่างกายของอิ๋งเจ๋อก็รู้สึกว่าหนักแล้วก็พบว่าสองมือของจีเหยาฮั่วที่กอดตนเองไว้แน่นค่อยๆ คลายออก เขาเบิกตากว้างตะโกนไปยังเขาว่า “จีเหยาฮั่ว! เจ้าตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้”

จีเหยาฮั่วได้รับการกระตุ้นชั่วขณะก็ฝืนดึงสติกลับคืนมาได้

“เหนื่อยแล้วก็พักผ่อนเถอะ” อิ๋งเจ๋อพูดกับเขา

แต่จีเหยาฮั่วกลับส่ายหน้า “ไม่ได้! ยังสลัดตัวประหลาดเหล่านั้นไม่หลุดเลย!” “เจ้ามาถึงขีดสุดแล้ว!” อิ๋งเจ๋อเอ่ยเตือน

จีเหยาฮั่วกลับยิ้มเอ่ยว่า “ขีดสุดของข้างั้นหรือ? ยังเร็วไปหน่อย!”

พูดแล้วเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เร่งความเร็วขึ้นไปอีก

ในตอนนี้เองเขาก็ใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายไปจนเหมือนกับโคมไฟที่นํ้ามันหมดลง

ในเวลานี้เอง รากวิญญาณลมโดยกำเนิดภายในร่างกายของเขาก็เปล่งแสงสว่างออกมา สาดเข้าไปในกระดูกทั่วร่างกายของเขา ชั่วขณะนั้นจีเหยาฮั่วก็รู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลายลง ทั้งตัวเต็มไปด้วยเรี่ยวแรง พาอิ๋งเจ๋อวิ่งหนีไปได้สบายมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงของจีเหยาฮั่วนั้น อิ๋งเจ๋อสัมผัสได้

เขามองจีเหยาฮั่วอย่างแปลกใจ แล้วก็มองเห็นท่าทางยินดีของเขา “ดูแล้วข้าก็ได้รับโชคจากเคราะห์ร้ายเช่นกัน!”

พูดแล้วเขาก็พาอิ๋งเจ๋อเพิ่มความเร็วขึ้นอีกจนด้านหลังของพวกเขามองไม่เห็นเงาร่างของตัวประหลาดสีเขียวอีกแล้ว

ซีเซียนเสวี่ยตื่นขึ้นมาก็พบว่าบนร่างกายนั้นมีเสื้อคลุมสีแดงตัวหนึ่งคลุมตัวอยู่

ไม่ต้องคิดนานก็รู้แล้วว่าเป็นเสื้อของใครเพราะว่าด้านบนนั้นยังมีกลิ่นอายของมู่ชิงเกอหลงเหลืออยู่

ข้างกายของนางออกไปไม่ไกลมีกองไฟจุดเอาไว้ เปลวไฟที่ลุกไหม้ขับไล่ความหนาวเย็นรอบกายของนางออกไป

ซีเซียนเสวี่ยในตอนนี้ไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายของตนเองเจ็บปวดอีกต่อไป คิดแล้วก็รู้ว่าเป็นมู่ชิงเกอที่รักษาให้นาง นางเงยหน้ามองออกไปถึงได้พบว่ามู่ชิงเกอยืนอยู่ด้านนอกหันหลังให้นาง

ส่วนสถานที่ที่นางอยู่ในตอนนี้ รอบด้านนั้นเป็นภูเขาหินสีดำ ที่นางพิงอยู่ก็เป็นหินสีดำ มู่ชิงเกอเลือกที่นี่ เพราะที่นี่ถูกโอบล้อมด้วยหินสีดำเป็นรูปวงกลม มีทางออกเพียงทางเดียว และในตอนนี้มู่ชิงเกอก็ยืนอยู่ตรงด้านนอกทางออก ส่วนนางก็นั่งอยู่ด้านใน

ด้านบนยังคงเป็นท้องฟ้าสีเทา

ซีเซียนเสวี่ยค่อยๆ ดึงเสื้อที่คลุมบนตัวลงมา เผยให้เห็นชุดสีขาวหิมะที่ขาดหลุดลุ่ยของตนเอง

“เจ้าตื่นแล้วหรือ? เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ข้าจะไม่แอบมองอย่างแน่นอน” ทันใดนั้นเสียงของมู่ชิงเกอก็ดังเข้า มาทำให้ซีเซียนเสวี่ยตกใจ

นางมองออกไปก็พบว่าท่วงท่าของมู่ชิงเกอไม่ได้เปลี่ยนไป และก็ไม่ได้หันหน้ามา

คำรับรองของเขาทำให้ซีเซียนเสวี่ยอบอุ่นใจ

ในความเป็นจริงนั้นมีมู่ชิงเกอเฝ้าอยู่ที่นี่ ทำให้นางไม่รู้สึกกังวลเลย

“ได้” นางตอบไปหนึ่งคำแล้วก็เริ่มเปลี่ยนชุด ระหว่างการเปลี่ยนนั้นนางก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร และก็ไม่ได้แอบมองว่ามู่ชิงเกอจะหันกลับมาหรือเปล่า

นี่ไม่ใช่เพราะไม่ใส่ใจแต่เป็นเพราะนางเชื่อในคำพูดของมู่ชิงเกอ

ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากนางคาดสายคาดเอวเสร็จแล้วถึงได้ยืนขึ้นมาเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “เสร็จแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของนาง มู่ชิงเกอถึงได้หันไปมองดูซีเซียนเสวี่ย

เมื่อถูกเขามอง ซีเซียนเสวี่ยกลับรู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมา ก้มหน้าลงมองเสื้อผ้าบนร่างของตนเอง เมื่อไม่พบว่ามีจุดที่ผิดปกติแล้วถึงได้เงยหน้ามองไปยังมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยถามว่า “มีอะไรงั้นหรือ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version