ตอนที่ 394
มีทางช่วยเว่ยมั่วลี่แล้ว?
บนซากสนามรบเหลือเพียงแค่มู่ชิงเกอยืนอยู่คนเดียว ทวนหลิงหลงเหยียดตรงอยู่ในมือของนาง แผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกดุดันเข้ากับนางเป็นอย่างมาก
ซีเซียนเสวี่ยได้สติขึ้นมา ค่อยๆ เดินออกมาจากที่ซ่อน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วถึงได้วิ่งเข้าไปหามู่ชิงเกอ อย่างรวดเร็ว
“พวกมัน…” ซีเซียนเสวี่ยอ้าปาก แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงไหนดี ถ้าหากจะพูดว่าก่อนหน้านี้ที่มู่ชิงเกอไม่ถูกการโจมตีทางจิตวิญญาณทำร้ายได้ง่ายๆ นั้นเป็นเพราะนางเป็นอาจารย์หลอมศาสตราและอาจารย์ปรุงยา เช่นนั้นแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ล่ะ จะอธิบายอย่างไร?
เขาใช้วิธีอะไรกันแน่ถึงได้ฆ่าตัวประหลาดที่ฆ่าไม่ตายเหล่านี้ให้ตายหมดได้!
ในใจของซีเซียนเสวี่ยมีคำถามที่สงสัยมากเกินไป แต่ว่าในตอนที่เผชิญหน้ากับมู่ชิงเกอนั้น ในใจของนางกลับมีเสียงหนึ่งบอกนางว่า ‘มีบางอย่างไม่อาจถามมากได้ และมีบางเรื่องที่ไม่ควรคิดมาก’
ดังนั้นในตอนที่คำพูดมาถึงริมฝีปากนั้น คำถามที่เดิมจะถามว่า ‘พวกมันตายได้อย่างไร’ ก็เปลี่ยนเป็นอีกประโยคแทน “พวกมันตายไปหมดแล้วงั้นหรือ?”
ซีเซียนเสวี่ยมองฝุ่นผงสีขาวเหล่านั้น
มู่ชิงเกอพยักหน้า “น่าจะตายแล้ว”
อีกทั้งยังตายไปแบบสิ้นซากด้วย
ซีเซียนเสวี่ยขบริมฝีปากเบาๆ ห้ามไม่ให้ตัวเองถามออกไปอีก
มู่ชิงเกอมองมาที่นาง เมื่อเห็นท่าทางของนางแล้วจึงพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ข้าหาวิธีที่จะฆ่าพวกมันได้แล้ว”
ซีเซียนเสวี่ยชะงัก เงยหน้าขึ้นสบตากับมู่ชิงเกอ ในใจคาดเดาว่า ‘เขาจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังเองงั้นหรือ?’
“ตัวประหลาดเหล่านี้แยกหน้าที่กันอย่างชัดเจน ตัวใหญ่ทำหน้าที่สั่งการ ส่วนตัวเล็กนั้นเป็นแรงงาน” มู่ชิงเกอเอ่ยปาก
ซีเซียนเสวี่ยตั้งใจฟัง ส่วนในใจกลับลอบหัวเราะตนเองที่แต่ก่อนคิดมากเกินไป เดิมคิดว่ามู่ชิงเกอจะพูดถึงเรื่องที่เขาสามารถฆ่าตัวประหลาดเหล่านั้นได้
แต่ว่านางก็ทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว นางหาเหตุผลที่เหมาะสมให้กับตนเอง นั้นก็คือวิธีที่มู่ชิงเกอใช้ บางทีอาจจะไม่ใช่วิธีที่ใครๆ ก็ใช้ได้ อีกทั้งทุกๆ คนก็ล้วนแต่มีไพ่ตายของตนเอง แล้วจะบอกเรื่องไพ่ตายของตนเองให้คนอื่นรู้ง่ายๆ ได้อย่างไร?
ความสงสัยในใจของซีเซียนเสวี่ยหายไปในพริบตา นางรวบรวมสติฟังมู่ชิงเกอพูดต่อ
“พลังการโจมตีของพวกแรงงานนั้นแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังฆ่าด้วยวิธีปกติไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นจะเป็นเหมือนกับที่พวกเจ้าเจอก่อนหน้านี้ที่ยิ่งฆ่ายิ่งเยอะ ส่วน ตัวสั่งการนั้นไม่มีความสามารถในการโจมตี รวมถึงพลังป้องกันก็แย่มาก”
คำพูดของมู่ชิงเกอทำให้ซีเซียนเสวี่ยถามออกไปอย่างอดใจไม่ได้ “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?”
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? เหตุใดถึงมีการแบ่งอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้อยู่ด้วย
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วพูดความคิดของตัวเองออกไป “ข้าคิดว่า ตัวประหลาดตัวเล็กเหล่านี้น่าจะวิวัฒนาการออกมาจากตัวประหลาดตัวใหญ่ เจ้าสามารถทำความเข้าใจได้ว่าตัวประหลาดตัวเล็กเหล่านั้นก็คือร่างแยกของมัน หรืออาจจะพูดว่าเป็นวิธีการโจมตีของมัน”
“หา?” ซีเซียนเสวี่ยยิ่งฟังยิ่งงง
มู่ชิงเกอหัวเราะ “ข้ารู้ว่ามันยากที่จะเข้าใจ พวกเราลองเปิดใจคิดดูสักหน่อยว่าตัวประหลาดที่พวกเราพบเจอนี้ เป็นเผ่าที่พิเศษเผ่าหนึ่ง ส่วนตัวประหลาดตัวใหญ่ก็เป็นส่วนหนึ่งของเผ่า พวกมันไม่มีเพศ และการมาที่นี่ก็ไม่ใช่เพื่อฝึกฝน แต่น่าจะมาที่นี่เพื่อเก็บรวบรวมของบางอย่างในสนามรบโบราณมากกว่า ดังนั้นข้าคิดว่า พวกมันน่าจะมีระดับไม่สูงมากในเผ่าของพวกมัน ส่วนความสามารถพิเศษของพวกมันก็คือสามารถแบ่งร่างได้”
“แบ่งร่าง?” ซีเซียนเสวี่ยครุ่นคิดถึงทุกๆ ประโยคที่มู่ชิงเกอพูดอย่างละเอียด ดูเหมือนว่าจะค่อยๆ เข้าใจขึ้นมาแล้ว “ความหมายของเจ้าก็คือตัวประหลาดตัวเล็ก เหล่านี้ล้วนแต่เป็นร่างที่แบ่งออกมาจากตัวประหลาดตัวใหญ่ ทั้งพลังการโจมตีในร่างกายของมันก็ถูกแบ่งออกมาด้วย ส่วนตัวของมันเองกลับเหลือเพียงแค่หน้าที่คอยสั่งการเท่านั้น”
“ไม่ผิด!” มู่ชิงเกอพยักหน้า “กลุ่มที่พวกเราพบก่อนหน้านี้ ภายในนั้นมีตัวประหลาดตัวใหญ่สองตัว ส่วนตัวประหลาดตัวเล็กก็ฟังคำสั่งจากตัวประหลาดตัวใหญ่คนละตัว ที่ไม่สามารถใช้วิธีปกติฆ่าตัวประหลาดตัวเล็กให้ตายได้นั้นก็เป็นเพราะว่าพวกมันไม่ใช่ร่างที่แท้จริง พวกมันเป็นเพียงแค่ร่างที่แบ่งออกมาจากตัวประหลาดตัวใหญ่เท่านั้น อีกทั้งร่างกายของพวกมันยังได้รับความสามารถในการแบ่งร่างมาอีกด้วย ดังนั้นจึงทำให้ยิ่งฆ่ายิ่งเยอะขึ้น”
ซีเซียนเสวี่ยพยักหน้า มู่ชิงเกอพูดมีเหตุผล อีกทั้งนอกจากการอธิบายนี้แล้ว นางก็ไม่สามารถหาคำอธิบายอื่นที่เหมาะสมกว่ามาแทนได้
“ดังนั้น ขอเพียงแค่ฆ่าตัวประหลาดตัวใหญ่ได้ ตัวประหลาดตัวเล็กเหล่านั้นถึงจะหายไปเองหรือ?” ซีเซียนเสวี่ยพูด
“ใช่!” มู่ชิงเกอพยักหน้า “คิดจะจบเรื่องทุกอย่างก็ต้องฆ่าตัวประหลาดตัวใหญ่ ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดว่า เพราะตัวประหลาดตัวใหญ่แบ่งร่างออกมาเป็นตัว ประหลาดตัวเล็กร่างกายของมันจึงได้สูญเสียพลังในการป้องกันไป ดังนั้นทุกครั้งที่ออกเดินทาง มันจึงปกป้องตนเองไว้เป็นอย่างดี หลบอยู่ท่ามกลางตัว ประหลาดตัวเล็ก แล้วสั่งการให้ตัวประหลาดตัวเล็กต่อสู้”
“แต่…ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้วิธีทำลายพวกมัน แต่มีตัวประหลาดตัวเล็กมากมายขนาดนั้นขวางอยู่ พวกเราก็ยากที่จะฆ่ามันได้” ซีเซียนเสวี่ยขมวดคิ้วขึ้น
“นี่เป็นสิ่งที่ตัวประหลาดตัวใหญ่คิด มันคิดว่าตนเองอยู่ท่ามกลางการคุ้มครองของตัวประหลาดตัวเล็ก แล้วจะปลอดภัย แต่ว่า…” มู่ชิงเกอยิ้มเย็นออกมา ‘ตัวสูงขนาดนั้นก็คือเป้าที่มีชีวิตเท่านั้น ต้องการเพียงมือปืนสไนเปอร์เพียงคนเดียว ก็สามารถเอาชีวิตมันได้แล้ว’
จากนั้นนางก็หัวเราะขึ้นมา
ในโลกนี้คนที่มีมือปืนสไนเปอร์คงมีเพียงแต่นางคนเดียว
“แต่ว่าอะไร?” ซีเชียนเสวี่ยถามอย่างแปลกใจ
มู่ชิงเกอเก็บความคิดที่ลอยออกไปกลับมา เปลี่ยนคำพูดเอ่ยกับซีเซียนเสวี่ยว่า “แต่ว่า ถ้าหากมีมือยิงเทวดา พวกเขาสามารถยิงหัวตัวประหลาดตัวใหญ่ได้จากระยะไกล เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วพวกมันจะยังน่ากลัวอีกหรือ?”
นัยน์ตาของซีเซียนเสวี่ยเปล่งประกายขึ้นเผยรอยยิ้มออกมา “ไม่ผิด! เพียงแค่มีความสามารถในการโจมตีระยะไกลก็มีโอกาสฆ่าตัวประหลาดตัวใหญ่ได้”
“แน่นอนว่าก็ไม่ได้ง่ายดายถึงขนาดนั้น” มู่ชิงเกอเอ่ยเตือน “ก่อนอื่นการจะยิงให้ได้ผลนั้นจะต้องมีระยะห่างที่เพียงพอ อีกทั้งเขายังต้องสามารถต้านทานการรบกวนจากการโจมตีทางจิตวิญญาณได้ด้วย”
“ไม่ผิด” ซีเซียนเสวี่ยเก็บรอยยิ้มกลับไปขมวดคิ้วเอ่ยออกมา
มู่ชิงเกอมองดูนางครุ่นคิด แล้วก็ยิ้มบางๆ ออกมา นางเพียงแค่เสนอแผนการศึกอย่างหนึ่งเท่านั้น เข้าใจความหมายชัดเจนก็พอแล้ว มือยิงเทวดาหรือจะสู้มือปืน สไนเปอร์ของนางได้?
อย่าพูดถึงระยะการยิงเลย เพียงแค่กำลังก็เทียบปืนสไนเปอร์ของนางไม่ได้แล้ว
“ยังมีอีกทางหนึ่ง” มู่ชิงเกอพูดออกมา
ซีเซียนเสวี่ยตั้งใจฟังด้วยความสนใจ
“ต่อสู้เป็นกลุ่ม แบ่งกลุ่มตามจำนวนของตัวประหลาดตัวเล็ก ให้ผู้ช่วยคอยป้องกันขัดขวางและล่อศัตรู ส่วนผู้ต่อสู้หลักก็ให้บุกเข้าไปเพื่อฆ่าราชา” มู่ชิงเกอพูดวิธีที่จะฆ่าตัวประหลาดเหล่านี้เพิ่มมาอีกหนึ่งวิธี ก่อนหน้านี้ที่รู้สึกหมดสิ้นหนทางก็เพราะไม่รู้จักตัวประหลาดพวกนี้ดี
ตอนนี้หลังจากที่มู่ชิงเกอฉีกม่านแห่งความลึกลับของพวกมันออกแล้ว พวกมันก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไร และเมื่อเข้าใจมากยิ่งขึ้นก็ยิ่งคันพบวิธีที่จะฆ่าพวกมันได้มากยิ่งขึ้น
ซีเซียนเสวี่ยจดจำทุกคำพูดของมู่ชิงเกอไว้ในใจ นางก็ไม่รู้ว่าทำไมนางต้องจำด้วย เห็นได้ชัดว่าหลังจากออกจากสนามรบโบราณไปแล้ว อาจจะไม่ได้พบเจอตัว ประหลาดพวกนี้อีก แต่นางก็รู้สึกว่าจำเอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไร
“พวกเราไปกันเถอะ” มู่ชิงเกอเก็บทวนหลิงหลงแล้วก็ เอ่ยกับซีเซียนเสวี่ย
ซีเซียนเสวี่ยพยักหน้า “อืม”
ทั้งสองคนเดินทางไปข้างหน้าต่อ ซีเซียนเสวี่ยถามว่า “พวกเราจะไปรวมตัวกับพวกจีเหยาฮั่วและอิ๋งเจ๋อใช่ไหม?”
ใครจะรู้ว่ามู่ชิงเกอจะส่ายหน้า “พวกเราไปตามหาตัวประหลาดก่อน”
“หาตัวประหลาด!” ซีเซียนเสวี่ยตกใจ ในใจลอบเอ่ยว่า ‘คงไม่ใช่ว่าเมื่อครู่ฆ่าได้อย่างสะใจ มาตอนนี้จึงคิดจะฆ่าตัวประหลาดต่ออีกหรอกนะ?’
“บางที อาจมีทางช่วยเหลือเว่ยมั่วลี่แล้ว” มู่ชิงเกอพูดออกมา
“เจ้าพูดอะไรนะ?” ซีเซียนเสวี่ยตื่นเต้นจนอ้อมไปที่ข้างหน้าของเขา ขวางทางเขาเอาไว้ สิ่งนี้ทำให้นางระงับความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้ การโจมตีของตัวประหลาดตัวเล็กที่ทำให้คนปวดหัวมากที่สุดก็คือการโจมตีจิตวิญญาณ ใครก็ไม่อยากเป็นเหมือนกับเว่ยมั่วลี่ หากว่ามู่ชิงเกอมีวิธีแก้ไขปัญหาของเว่ยมั่วลี่ได้ เช่นนั้นในตอนที่พวกเขาต่อสู้กับตัวประหลาดเหล่านั้นก็ไม่ต้องกลัวหรือกังวลอะไรอีกแล้ว
มู่ชิงเกอมองนางแล้วเอ่ยว่า “เป็นเพียงความคิดหนึ่งก็เท่านั้น ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้ไหม ดังนั้นในตอนนี้ พวกเราต้องไปหาตัวประหลาดเหล่านั้นเพื่อทดสอบเสียหน่อย”
“อืม” ซีเซียนเสวี่ยพยักหน้า
จากนั้นดวงตาของนางก็หม่นแสงลงฉับพลัน
ในตอนที่มู่ชิงเกอกำลังเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยนั้น ซีเซียนเสวี่ยก็พูดออกมาอย่างหดหู่ใจว่า “ข้าตามเจ้ามาอย่างไม่มีประโยชน์อะไรเลย คอยแต่เป็นตัวถ่วงให้เจ้า”
ความแข็งแกร่งของมู่ชิงเกอนั้นนางได้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว
ถึงแม้เมื่อครู่มู่ชิงเกอจะพูดถึงสองวิธีที่สามารถใช้ต่อกรกับตัวประหลาดได้ออกมา แต่สำหรับตัวเขาเองแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เลย ตัวเขาเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการตัวประหลาดเหล่านั้นไปจนหมดได้
ความห่างชั้นนี้…
ซีเซียนเสวี่ยยิ้มอย่างขมขื่น ที่นางมาที่นี่ก็เพื่อฝึกฝน แต่กลับไม่คิดว่าไปที่ไหนก็จะต้องให้คนคอยช่วยเหลือและปกป้องอยู่ตลอดเวลา
“ไม่ต้องคิดมาก เจ้าไม่ได้ไร้ประโยชน์” มู่ชิงเกอเอ่ย
ซีเซียนเสวี่ยค่อยๆ ส่ายหน้า “ข้าอ่อนแอเกินไป หากไม่ได้พบกับพวกเจ้าที่นี่ เกรงว่าข้าคงตายไปนานแล้ว”
“เมื่อครู่นี้ข้าไม่ได้พูดเพื่อปลอบใจเจ้า” มู่ชิงเกอมองนางอย่างจริงจัง ที่นางพูดนั้นเป็นความจริง ถึงแม้ว่าพลังของซีเซียนเสวี่ยจะไม่เพียงพอ แต่นางก็เผยข่าวสาร ลับของตำหนักเทพให้นางรู้ไม่น้อย ทำให้ตนเองเข้าใจในสิ่งที่สงสัยและติดค้างในใจมาตลอด
อีกทั้งตลอดการเดินทาง นางก็พยายามทำทุกเรื่องที่สามารถทำได้ ไม่ได้พึ่งพาคนอื่นไปเสียทุกอย่าง
“หากว่าไม่มีเจ้าและอิ๋งเจ๋อใช้ตัวเข้าทดลอง จนรู้ความสามารถของตัวประหลาดตัวเล็กมากมาย ข้าก็คงจะไม่สามารถหาจุดอ่อนของมันออกมาได้เร็วขนาดนี้ได้” มู่ชิงเกอพูด
ทุกๆ กลุ่ม ไม่สามารถเป็นผู้กล้าได้ทุกคนและจิตวิญญาณของกลุ่มก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังของคนใดคนหนึ่ง
ซีเซียนเสวี่ยมองแววตาของเขา ดูชัดเจนและสงบนิ่งไม่มีร่องรอยของคำโกหก
ในที่สุดนางก็เผยรอยยิ้มออกมา “ได้ ต่อไปนี้ข้าจะไม่พูดว่าร้ายตนเองเช่นนั้นอีกแล้ว แต่ว่าต่อไปข้างหน้าหากมีอะไรต้องการให้ข้าทำ ก็ไม่ต้องเกรงใจ ถึงจะเสี่ยง แค่ไหนข้าก็ไม่กลัว”
“ได้” มู่ชิงเกอรับปาก
หลังจากแก้ปมในใจของซีเซียนเสวี่ยแล้ว ทั้งสองคนก็เดินไปด้านหน้าต่ออีกครั้ง จุดมุ่งหมายของพวกนางนั้นชัดเจน นั่นก็คือตามหาตัวประหลาดสีเขียวหรือตัว ประหลาดชนิดเดียวกันกับที่ก่อนหน้านี้ไล่ล่าพวกนางจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน!