Skip to content

พลิกปฐพี 396

ตอนที่ 396

พวกเจ้าเอาอะไรมาด้วย

ตัวประหลาดสีเขียวตัวใหญ่ตกลงตรงหน้าของซีเซียนเสวี่ยอย่างรุนแรง นางใส่พลังจิตของตนเองเข้าไปในนํ้าที่พันรอบตัวประหลาดตัวใหญ่ ทำให้น้ำกลายเป็นก้อนนํ้าแข็งขึ้นมา แช่แข็งตัวประหลาดตัวใหญ่เอาไว้ด้านใน

ตัวประหลาดตัวใหญ่ถูกแช่เอาไว้ในก้อนนํ้าแข็ง ทำให้ตัวประหลาดตัวเล็กที่เหลืออยู่ทั้งสี่ตัวสูญเสียสติสั่งการ หยุดชะงักอยู่ที่เดิมในทันที

แสงสีทองในดวงตาของมู่ชิงเกอฉายแวววาววาบ จัดการตัวประหลาดตัวเล็กทั้งสี่ตัวในพริบตา

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็มายังข้างกายของซีเซียนเสวี่ยแล้วพูดขึ้นอย่างแปลกใจ “เจ้าสามารถเปลี่ยนนํ้าให้เป็นนํ้าแข็งได้ด้วยหรือ!”

ในบรรดาผู้มีพลังพิเศษที่นางรู้จักในชาติก่อน มีผู้มีพลังพิเศษสายนํ้าแข็งอยู่น้อยมาก นักวิจัยพลังพิเศษเคยพูดว่าสายนํ้าแข็งเป็นสายที่เปลี่ยนไปจากพลังพิเศษสายนํ้า นํ้าแข็งสามารถกลายเป็นนํ้าได้ แต่การที่จะทำให้นํ้ากลายเป็นนํ้าแข็งนั้นไม่ง่ายดายเลย

ดังนั้นการที่ซีเซียนเสวี่ยสามารถทำเช่นนี้ได้นั้นทำให้นางรู้สึกเหนือความคาดหมายมาก

สีหน้าของซีเซียนเสวี่ยค่อนข้างซีดขาว นางยิ้มให้กับมู่ชิงเกอแล้วพยักหน้าพูดว่า “สามารถทำได้ แต่จำเป็นต้องใส่พลังจิตเข้าไปจำนวนมาก เพราะว่าต้องสูญเสีย พลังจิตมากเกินไป ดังนั้นตามปกติแล้วข้าจึงไม่ทำเช่นนี้’

เมื่ออธิบายเสร็จนางก็ชี้มือไปยังก้อนนํ้าแข็งที่บรรจุตัวประหลาดตัวใหญ่อยู่ แล้วพูดกับมู่ชิงเกอว่า “ก้อนนํ้าแข็งนี้สามารถทำให้มันหมดสติไร้ความรู้สึกได้”

มู่ชิงเกอพยักหน้าแล้วพูดกับซีเซียนเสวี่ยว่า “ในเมื่อจับได้แล้ว พวกเราก็กลับกันเถอะ ตอนนี้พวกจีเหยาฮั่วก็น่าจะเดินทางไปยังถํ้าแห่งนั้นแล้ว”

“ดี” ซีเซียนเสวี่ยพยักหน้า

ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็เอ่ยถามว่า “ก้อนนํ้าแข็งก้อนนี้ของเจ้าสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน?”

ซีเซียนเสวี่ยอธิบายว่า “เพียงแค่ข้าใส่พลังจิตลงไปเรื่อยๆ มันก็สามารถคงอยู่ได้ตลอด”

มู่ชิงเกอคิดคำนวณในใจแล้วก็พยักหน้า จากนั้นก็พาซีเซียนเสวี่ยและก้อนนํ้าแข็งขนาดใหญ่จากไป ในตอนที่พวกเขาจากมานั้นก็ได้ทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้ด้าน นอกถํ้า ดังนั้นจึงไม่ได้กังวลว่าจะหาไม่พบหรือจะไปผิดทาง

หลังจากผ่านไปประมาณยี่สิบกว่าวัน มู่ชิงเกอกับซีเซียนเสวี่ยก็ได้นำก้อนนํ้าแข็งขนาดใหญ่กลับมาถึงตรงหน้าถํ้าที่ถูกพวกเขาปิดผนึกเอาไว้

ในตอนที่พวกนางมาถึงนั้นด้านนอกปากถํ้าก็มีคนอยู่สองคน

คนหนึ่งยืนตรงดุจต้นสน ส่วนอีกคนกลับนั่งอยู่อีกข้างอย่างเกียจคร้าน

เมื่อมองเห็นพวกนางปรากฎตัวแล้วนัยน์ตาของทั้งสองคนก็ฉายแววยินดีออกมา

“ชิงเกอ! ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมาแล้ว เจ้าคงจะคิดถึงข้าแทบตายแล้วใช่หรือไม่!” เพียงเห็นพวกนางปรากฎตัว จีเหยาฮั่วก็รีบยืนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น อ้าสองแขนออกพุ่งเข้าไปหามู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอพลิกตัวหลบเงาร่างของจีเหยาฮั่ว

“ไอ้หยา!” จีเหยาฮั่วพุ่งเข้าไปกอดอย่างรุนแรง แต่กลับกอดไปโดนก้อนนํ้าแข็งที่ผนึกตัวประหลาดตัวใหญ่เอาไว้ กลิ่นอายที่เย็นยะเยือกทำให้ตัวเขาสั่น พ่นลม เย็นออกมาจากปาก

“ชี้ด! นี่คืออะไรกัน!” จีเหยาฮั่วรีบคลายมือออกแล้วกระโดดไปอีกข้างในทันที สองมือโอบกอดแขนและถูเบาๆ

เมื่อมองเห็นก้อนนํ้าแข็งที่มู่ชิงเกอและซีเซียนเสวี่ยนำมาอย่างชัดเจนแล้ว ท่าทางของเขาก็ยิ่งดูแปลกประหลาดขึ้นไปอีก”พวกเจ้าไปขุดก้อนนํ้าแข็งขนาดใหญ่นี้มาจากไหน? เตรียมจะนำกลับไปลดความร้อนในฤดูร้อนหรืออย่างไร?”

ซีเซียนเสวี่ยรู้สึกขำในคำพูดของเขาจนหลุดหัวเราะออกมา แต่ก็ไม่ได้อธิบายเพียงแต่มองไปยังมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอก็ไม่ได้สนใจเขา เดินเข้าไปยังปากถํ้าแล้วก็ยกมือขึ้นลูบบนก้อนหินใหญ่ที่ปิดผนึกปากถํ้าอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งนางถึงได้วางมือลงแล้วพูดกับคนอื่นๆ ว่า “อาคมต้องห้ามยังอยู่”

“พวกเราเฝ้าอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว ภายในนั้นเงียบมาก” อิ๋งเจ๋อยืนอยู่ข้างปากถํ้าพูดออกมาบ้าง

“พวกเจ้ามาได้กี่วันแล้ว?” ซีเซียนเสวี่ยถามอย่างสนใจ

จีเหยาฮั่วหรี่ตาลงครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วก็พูดว่า “น่าจะประมาณวันสองวันแล้ว”

ท่าทางของซีเซียนเสวี่ยซึมลงเล็กน้อย เหลือเวลาอีกเพียงแค่วันสองวัน นางก็ต้องออกจากสนามรบโบราณไปก่อนแล้ว ถึงตอนนั้นนางก็ต้องทำตามที่ตนเองเคยพูด

ตัดความคิดทุกอย่างที่มีต่อมู่ชิงเกอทิ้ง

“ชิงเกอ ข้าจะเล่าให้ฟังนะ พวกเราผ่านอันตรายมาตลอดทาง…” จีเหยาฮั่วเริ่มเล่าเรื่องไม่หยุด

มู่ชิงเกอทำเป็นไม่ได้ยิน เอ่ยกับอิ๋งเจ๋อว่า “พวกเราช่วยกันเปิดปากถํ้ากันเถอะ”

“ได้” อิ๋งเจ๋อตอบ

มู่ชิงเกอคลายอาคมที่ผนึกก้อนหินตรงปากถํ้าออกแล้วก็ให้อิ๋งเจ๋อช่วยยกก้อนหินยักษ์นั้นออกไปวางไว้อีกข้าง เปิดปากถํ้าออกมา

“เข้าไปข้างในกันเถอะ” มู่ชิงเกอเอ่ย

“รอเดี๋ยว” จีเหยาฮั่วห้ามมู่ชิงเกอ สายตาฉายแววระมัดระวัง พูดว่า “ถ้าเกิดว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วเป็นบ้าอยู่ข้างในล่ะจะทำอย่างไร? พวกเรายังหาวิธีที่จะแก้ไขปัญหาบนร่างกายของเขาไม่ได้ จะพาเขาออกไปก่อนจึงค่อยคิดหาวิธีงั้นหรือ?”

มู่ชิงเกอปัดมือของเขาออก ก้าวเข้าไปด้านใน

ซีเซียนเสวี่ยมองจีเหยาฮั่วแวบหนึ่ง แล้วก็ตามมู่ชิงเกอเข้าไป แต่นางเพิ่งก้าวได้สองก้าวก็หันมาพูดกับจีเหยาฮั่วและอิ๋งเจ๋อว่า “รบกวนประมุขน้อยทั้งสองนำก้อนนํ้าแข็งเข้ามาในถํ้าด้วย”

พูดแล้วนางก็ตามมู่ชิงเกอเข้าไปในถํ้าก่อน

จีเหยาฮั่วดูมึนงง มองไปยังอิ๋งเจ๋อแล้วถามว่า “เพียงแค่ก้อนนํ้าแข็งเท่านั้น นางจำเป็นต้องใส่ใจขนาดนี้เลยหรือ?”

อิ๋งเจ๋อกลับคิดลึกกว่าเขา พูดว่า “ไม่แน่พวกเขาอาจจะหาทางช่วยเว่ยมั่วลี่ได้แล้ว”

นัยน์ตาของจีเหยาฮั่วเปล่งประกาย ยกมือขึ้นตบหัวของตนเอง “ใช่แล้ว! เหตุใดข้าจึงคิดไม่ถึง? ชิงเกอฉลาดขนาดนั้น น่าจะหาวิธีได้แล้ว!”

ในตอนที่ทั้งสองคนนำก้อนนํ้าแข็งเข้าไปในถํ้านั้น ภายในถํ้าก็ได้กลับคืนสู่ความสว่างไสวแล้ว ซีเซียนเสวี่ยนั่งอยู่ข้างกองไฟ ส่วนมู่ชิงเกอกำลังคลายอาคมภายในถํ้า

เมื่อวางก้อนนํ้าแข็งลงแล้ว พวกจีเหยาฮั่วถึงได้ไปแบกเว่ยมั่วลี่ออกมา

“เขายังคงสลบอยู่” จีเหยาฮั่วพูดอย่างแปลกใจ

มู่ชิงเกอจับชีพจรของเว่ยมั่วลี่ ครู่หนึ่งนางถึงได้ปล่อยข้อมือของเขา แล้วก็พูดกับทั้งสามคนที่รอคอยอยู่ว่า “ชีพจรของเขายังถือว่าสงบอยู่ ถึงแม้ว่าพิษยังกัดกร่อน อยู่แต่ก็ยังอยู่ภายในขอบเขต”

“เจ้าหาวิธีช่วยเขาได้แล้วงั้นหรือ?” อิ๋งเจ๋อเอ่ยถามไปตรงๆ

มู่ชิงเกอชี้มือไปยังก้อนนํ้าแข็งที่วางอยู่ในถํ้า “วิธีอาจจะอยู่ด้านในนั้น”

“อยู่ในนั้น?!” จีเหยาฮั่วมองก้อนนํ้าแข็งแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ

ซีเซียนเสวี่ยอธิบายให้ทั้งสองคนฟังว่า “พวกเราจับตัวประหลาดสีเขียวตัวใหญ่มาตัวหนึ่ง”

“อะไรนะ!”

“อะไรนะ!”

นัยน์ตาของจีเหยาฮั่วและอิ๋งเจ๋อหดตัวลง มองทั้งสองอย่างตกใจ

“ข้าจะบ้าตาย! พวกเราทั้งสองคนถูกตัวประหลาดเหล่านั้นไล่ล่าจนวิ่งหนีอย่างหัวซุกหัวซุน ในตอนนั้นยังไปพบตัวประหลาดโครงกระดูกอะไรอีก ตลอดเส้นทาง ผ่านมาได้อย่างทุลักทุเล กลับมาถึงที่นี่เพิ่งจะได้พักผ่อน แต่พวกเจ้าทั้งสองกลับจับตัวประหลาดตัวเป็นๆ กลับมาด้วย! ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?” จีเหยาฮั่วพูดด้วยสีหน้าที่ดูมึนงง

ซีเซียนเสวี่ยส่ายหน้า ชี้ไปที่ก้อนนํ้าแข็งขนาดใหญ่แล้วพูดว่า “มันถูกผนึกไว้ด้านในนั้น”

จากนั้นนางก็พูดความคิดของมู่ชิงเกอให้ทั้งสองคนฟังอย่างละเอียด

“…ดังนั้น ชิงเกอคิดว่าหากต้องการช่วยเว่ยมั่วลี่ก็ต้องลงมือบนตัวสั่งการตัวนี้ ไม่แน่ว่าบนร่างของมันอาจจะมีของที่สามารถใช้ถอนพิษในร่างกายของเว่ยมั่วลี่อยู่ก็ได้” ซีเซียนเสวี่ยพูด

“นี่…ด้านในนี้มีตัวประหลาดตัวใหญ่อยู่จริงๆ หรือ?” จีเหยาฮั่วมองก้อนนํ้าแข็งขนาดใหญ่ก้อนนั้นอย่างตกใจ เขาไม่อยากจะเชื่อเลย เมื่อครู่ในตอนที่เขานำก้อนนํ้าแข็งเข้ามานั้นก็ได้สัมผัสมันอย่างใกล้ชิด ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไปแล้วก็รู้สึกขนลุกจนหนังหัวชาขึ้นมา

“ตอนนี้พวกเราจะต้องทำอย่างไร? จะรู้ได้อย่างไรว่าส่วนไหนบนตัวของตัวประหลาดมีประโยชน์ต่อเว่ยมั่วลี่?” อิ๋งเจ๋อพูดปัญหาหลักออกมา

พูดถึงปัญหานี้แล้ว จีเหยาฮั่วก็เงียบลง

ทั้งสามคนมองไปทางเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย

เมื่อถูกทั้งสามคนจ้องมอง มู่ชิงเกอก็ขมวดคิ้วขึ้น “นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้น ส่วนจะทำอย่างไรนั้นข้าก็ไม่รู้”

“แม้แต่เจ้าก็ไม่รู้? เช่นนั้นพวกเราต้องทำอย่างไรต่อไป?” จีเหยาฮั่วมองมู่ชิงเกออย่างมึนงง

ดวงตาของมู่ชิงเกอขยับไปมา ในที่สุดก็ไปหยุดอยู่ที่ก้อนนํ้าแข็งก้อนนั้น แล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ต้องดูที่มันแล้ว’’

ทั้งสามคนไม่ค่อยเข้าใจความคิดของมู่ชิงเกอสักเท่าไหร่ ส,วนมู่ชิงเกอก็ไม่ได้อธิบายมาก เพียงแค่สั่งซีเซียนเสวี่ยว่า “คลายนํ้าแข็งบนส่วนหัวของมันออก”

“คลายออก? หากมันตื่นขึ้นมาล่ะจะทำอย่างไร? หากเป็นตามที่เจ้าพูด ตัวประหลาดตัวเล็กก็แบ่งตัวออกมาจากมันเกิดว่ามีตัวประหลาดตัวเล็กกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมา…,” จีเหยาสั่วสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

อิ๋งเจ๋อก็ขมวดคิ้วขึ้น

แต่ซีเซียนเสวี่ยกลับไม่ได้สงสัยและก็เพราะว่าในใจของนางนั้นเชื่อในมู่ชิงเกอมาก

หลังจากมู่ชิงเกอสั่งแล้ว นางก็เพียงแต่พยักหน้าอย่างสงบ เดินไปข้างๆ ก้อนนํ้าแข็งขนาดใหญ่ แล้วก็สลายพลังจิตที่ปกคลุมส่วนหัวของตัวประหลาดตัวใหญ่ออก

เมื่อไม่มีพลังจิตสนับสนุน นํ้าแข็งบริเวณส่วนหัวก็ละลายกลายเป็นนํ้าไหลลงมาในพริบตา

ใบหน้าที่ดูน่ากลัวสยดสยองของตัวประหลาดสีเขียวเผยออกมาต่อหน้าของคนทั้งสี่

เมื่อมองเห็นตัวประหลาดนี้อีกครั้ง ทั้งยังอยู่ในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ กล้ามเนื้อของจีเหยาฮั่วและอิ๋งเจ๋อก็ขมวดเกร็งแน่นระมัดระวังตัวขึ้นมา

เมื่อไม่มีนํ้าแข็งปกคลุมแล้วตัวประหลาดสีเขียวก็ค่อยๆ ตื่นขึ้น มันยังไม่ทันได้ฟื้นตื่นดีก็มีของแหลมอันหนึ่งจ่อทิ่มอยู่ที่หัวของมัน

ก้อนน้ำแข็งวางเป็นแนวขวาง ทำให้ตัวประหลาดสีเขียวได้เพียงแต่นอนอยู่เท่านั้น มันลืมตาขึ้นก็มองเห็นเพียงยอดถํ้าและก็ยังมีใบหน้าอันเย็นชาของมู่ชิงเกอ รวมถึงทวนหลิงหลงที่จ่ออยู่หว่างคิ้วของมัน

“อย่าขยับ เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าก่อนที่เจ้าจะแบ่งร่างเป็นตัวเล็กๆ เหล่านั้นออกมา ทวนของข้าจะแทงเข้าไปในสมองของเจ้าก่อน” มู่ชิงเกอส่งนํ้าเลียงอันเย็นชาออกไป ตัวประหลาดตัวใหญ่ชะงัก

สิ่งนี้ทำให้มู่ชิงเกอหรี่ตาลง เผยรอยยิ้มออกมา “ดีมาก เจ้าเข้าใจที่ข้าพูด”

ตัวประหลาดตัวใหญ่เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ไม่เพียงแค่มันเท่านั้นยังมีอีกสามคนที่เพิ่งจะเข้าใจว่าคำพูดของมู่ชิงเกอไม่เพียงแต่เป็นการเตือนแต่ยังเป็นการลองเชิงอีกด้วย

“วิธีการโจมตีของเจ้าก็คืออาศัยพวกตัวเล็กที่เจ้าแบ่งร่างออกมาเหล่านั้นใช่ไหม?” มู่ชิงเกอพูดต่อนํ้าเสียงของนางเต็มไปด้วยความยั่วยุทิ่มแทงหัวใจของตัว ประหลาดตัวใหญ่อยู่ตลอดเวลา ดวงตาของตัวประหลาดตัวใหญ่หดตัวลงตามคำพูดของนาง มันขบเคี้ยวกัดฟันคิดจะแสดงท่าทางที่ดูน่ากลัวออกมา

แต่มู่ชิงเกอกลับแทงทวนหลิวหลงลงมาใกล้ขึ้น แทงผิวตรงหว่างคิ้วของมัน ทำให้ของเหลวสีเขียวไหลออกมาจากบาดแผล

สิ่งนี้ทำให้มันตกใจขึ้นมากลัวว่ามู่ชิงเกอจะฆ่ามันจริงๆ

“กลัวตายงั้นหรือ?” มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นอีก

ตัวประหลาดตัวใหญ่ไม่กล้าขยับอีกเพียงแต่ใช้ดวงตาแสดงความหมายของมัน

ดวงตาที่ดูเหมือนกับดวงตาของกบขยับขึ้นลงไปมา แสดงความหมายว่ามันยังไม่อยากตาย

มู่ชิงเกอยิ้มหวานให้กับมัน แต่นํ้าเสียงกลับยังคงเย็นชาอยู่ “ดีมาก รู้จักกลัวตาย เช่นนั้นเรื่องต่อๆ ไปก็ง่ายที่จะแก้ไขแล้ว”

มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้น เลิกคิ้วไปยังอิ๋งเจ๋อและจีเหยาฮั่ว

อิ๋งเจ๋อขมวดคิ้ว ส่วนจีเหยาฮั่วกลับเข้าใจความหมายของมู่ชิงเกอในทันที เขาลากอิ๋งเจ๋อไปข้างกายของเว่ยมั่วลี่ แล้วก็แบกเขาเข้ามาใกล้ๆ

ส่วนซีเซียนเสวี่ยก็จับจ้องมองอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ตัวประหลาดตัวใหญ่แสดงท่าทีที่ไม่ถูกต้องออกมา นางก็จะผนึกมันในทันที

มู่ชิงเกอกวาดตามองไปยังเว่ยมั่วลี่แวบหนึ่งแล้วก็พูดกับตัวประหลาดตัวใหญ่ว่า “ดูนี่”

ตัวประหลาดตัวใหญ่ทำตามที่นางพูด หันไปมองเว่ยมั่วลี่อย่างระมัดระวัง

“ช่วยได้หรือไม่?” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม

ตัวประหลาดตัวใหญ่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก มู่ชิงเกอก็เสริมไปอีกหนึ่งประโยคว่า “คิดให้ดีๆ ก่อนจะตอบ เขาเป็นเพียงแค่ความหวังเดียวที่อาจจะทำให้เจ้ามีชีวิตต่อไปได้ ถ้าหากว่าคำตอบของเจ้าทำให้ข้าไม่พอใจ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดต่อไปอีก”

ตัวประหลาดตัวใหญ่กลัวจนดวงตาหดตัวลงพยายามขยับตาขึ้นลง

มู่ชิงเกอยิ้มเล็กน้อย “ดีมาก ช่วยเขาให้ฟื้น”

ภายในดวงตาของตัวประหลาดตัวใหญ่ฉายแววลังเล มันกังวลว่าหลังจากที่มันช่วยเว่ยมั่วลี่แล้วจะต้องตายในทันที

มันคิดจะต่อรองกับมู่ชิงเกอ แต่มู่ชิงเกอไม่ได้มอบโอกาสให้มัน “รีบช่วยเขาเดี๋ยวนี้ ทำให้เขาหายดีมิฉะนั้นเจ้าจะต้องตายในทันที หากเขาหายดีแล้ว บางทีเจ้าอาจจะยังมีโอกาสมีชีวิตต่อไป อย่าลืมล่ะว่าภายในสนามรบโบราณแห่งนี้เจ้ายังมีพวกอีกมากมาย เจ้าไม่ใช่เพียงตัวเดียว หากเจ้าตายแล้วข้าก็ยังสามารถจับตัวอื่นกลับมาได้อีก”

คำพูดของมู่ชิงเกอได้ผลเป็นอย่างดี ทำลายความคิดต่อต้านของตัวประหลาดตัวใหญ่ไปจนหมด

ดูเหมือนว่าเผ่ามนุษย์ตรงหน้าจะจับมันเอาไว้อย่างแน่นหนา ทั้งยังไม่ยอมเหลือโอกาสที่จะต่อต้านให้มันเลย

ตัวประหลาดตัวใหญ่หมดหนทาง มองไปยังเว่ยมั่วลี่อีกครั้ง ค่อยๆ อ้าปากขึ้น

จีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อและซีเซียนเสวี่ยเคร่งเครียดขึ้นมา ส่วนดวงตาของมู่ชิงเกอก็เริ่มมีสีทองจางๆ โผล่ออกมา ชี้ทวนหลิงหลงตรงไปยังตัวประหลาด

ตัวประหลาดตัวใหญ่อ้าปากกว้างมาก ในตอนนี้ทั้งสี่คนถึงได้มองเห็นชัดว่าในปากของมันมีฟันแหลมคมเรียงเป็นชั้นๆ อย่างละเอียดถี่ยิบ ดูแล้วสยดสยองมาก

ลิ้นของมันเป็นสีเขียวเข้ม เรียวยาวดุจงู ส่วนปลายก็แหลมเต็มไปด้วยหนาม

มู่ชิงเกอสังเกตเห็นว่าบนลิ้นของมันมีหลอดเนื้ออยู่

มันอ้าปากแล้วก็ส่งเสียงออกมา ซึ่งในความเป็นจริงมู่ชิงเกอมองเห็นหลอดเนื้อนั้นสั่นไหว ส่วนเสียงก็ถูกส่งออกมาจากหลอดเนื้อนั้น

เสียงนี้เหมือนเสียงยุง ฟังดูแหลมแต่ไม่แสบหู และก็ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อทั้งสี่คน เกราะพลังจิตที่พวกเขาใช้คุ้มครองส่วนหัวก็ไม่เป็นอะไร แต่ว่าเว่ยมั่วลี่ที่ กำลังสลบอยู่นั้นหลังจากได้ยินเสียงนี้แล้วท่าทางที่เคยดูสงบก็เปลี่ยนเป็นเจ็บปวดบ้าคลั่งขึ้นมา

“อ๊าก!” ทันใดนั้น เขาก็ฟื้นขึ้นมาจากอาการสลบไสล สองมือกุมหัวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version