Skip to content

พลิกปฐพี 397

ตอนที่ 397

ต่อไป ข้าจะลืมเจ้า

“อ๊าก!” เว่ยมั่วลี่ฟื้นขึ้นมาในทันใด ใช้สองมือกุมหัวของตนเองแน่น ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา กลิ้งไปบนพื้นไม่ยอมหยุด

“เจ้าสารเลวนี้คิดจะเล่นแง่!” นัยน์ตาของจีเหยาฮั่วหดตัวลง เปิดพัดในมือออก เตรียมป้องกันเผื่อเว่ยมั่วลี่เกิดบ้าคลั่งขึ้นมากะทันหัน

อิ๋งเจ๋อกุมอาวุธยาวในมือของตนเองแน่น จ้องมองเขา

ปลายนิ้วของซีเซียนเสวี่ยมีสายนํ้าพันรอบ มองไปยังมู่ชิงเกอเพื่อรอคำสั่ง เพียงมู่ชิงเกอออกปากนางก็สามารถผนึกตัวประหลาดตัวใหญ่อีกครั้งได้ในทันที

ในทั้งสี่คนมีเพียงท่าทีของมู่ชิงเกอเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนไป นางยังคงมีใบหน้าที่เคร่งขรึมจ้องมองเว่ยมั่วลี่ แต่แสงสีทองในดวงตาของนางกลับค่อยๆ เข้มข้นขึ้น

และแล้วเว่ยมั่วลี่ก็ไม่ได้โจมตีพวกเขา เพียงแต่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างเจ็บปวด ก้มหัวใช้สองมือทุบหัวของตนเอง

ตัวประหลาดตัวใหญ่ที่ถูกมู่ชิงเกอใช้ทวนหลิงหลงจ่อที่หว่างคิ้ว ส่งเสียงออกมาจากหลอดเนื้ออีกครั้ง

ทันใดนั้นเว่ยมั่วลี่ก็ชะงัก ทั้งตัวคนเหมือนถูกแช่แข็ง ไม่ขยับเลยสักนิด

ทันใดนั้นทั้งสี่คนก็มองเห็นเส้นสีเขียวเข้มค่อยๆ โผล่ออกมาจากหัวของเขา ลอยออกจากส่วนหัวของเว่ยมั่วลี่ไปยังตัวประหลาดตัวใหญ่

ในตอนที่เส้นสีเขียวเข้มเข้าไปในหลอดเนื้อของตัวประหลาดตัวใหญ่แล้ว เว่ยมั่วลี่ก็เบิกตากว้างขึ้นทำให้จีเหยาฮั่วที่อยู่ใกล้ที่สุดตกใจ

ภายในดวงตาของเว่ยมั่วลี่ไม่มีร่องรอยของความบ้าคลั่งอีกแล้ว มีแต่ความเรียบสงบ

เขากวาดตามองไปยังทั้งสี่คน แล้วก็มองไปยังตัวประหลาดตัวใหญ่ตัวนั้น รวมถึงทวนหลิงหลงบนหว่างคิ้วของมัน

“ขอบคุณ” เว่ยมั่วลี่ใช้นํ้าเสียงที่แห้งผากพูดออกมา แล้วก็สลบลงไปอีก

จีเหยาฮั่วพุ่งเข้าไปข้างกายของเขาแล้วก้มลงสำรวจทันที จากนั้นเขาก็เงยหน้าพูดกับมู่ชิงเกอว่า “เขาสลบไปอีกแล้ว”

มู่ชิงเกอพูดกับเขาว่า “พยุงเขาเข้ามา”

จีเหยาฮั่วและอิ๋งเจ๋อพยุงเว่ยมั่วลี่คนละข้าง พาเขามายังข้างกายของมู่ชิงเกอในทันที นางใช้มือที่ว่างวางไว้บนชีพจรของเว่ยมั่วลี่ ผ่านไปครู่หนึ่ง นางถึงได้พยักหน้าให้กับพวกจีเหยาฮั่ว

ทั้งสองคนรู้ความหมาย พาเว่ยมั่วลี่กลับไป เวลานี้มู่ชิงเกอก็ได้หันไปมองตัวประหลาดตัวใหญ่อีกครั้ง

เมื่อเห็นนางมองมา ตัวประหลาดตัวใหญ่ตัวนั้นก็มองนาง เผยรอยยิ้มเอาใจในทันที เพียงแต่รอยยิ้มนั้นดูสยดสยองมาก ไม่มีความรู้สึกว่างดงามเลย

มู่ชิงเกอยิ้มให้มัน เพียงแต่รอยยิ้มนั้นส่งไปไม่ถึงดวงตา “ขอบคุณ”

เสียงของนางยังไม่ทันได้หายไป ทวนหลิงหลงก็แทงเข้าไปในสมองของตัวประหลาดตัวใหญ่แล้ว ทั้งสามคนได้ยินเพียงเสียง ‘อึก’ เบาๆ ก็มองเห็นตัว ประหลาดตัวใหญ่ตายตาไม่หลับ

จากนั้นร่างกายของมันก็แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นฝุ่นผงสีเทาไปเหมือนกับตัวก่อน

ซีเซียนเสวี่ยเก็บพลังจิตกลับทำให้ก้อนนํ้าแข็งขนาดใหญ่ก้อนนั้นกลายเป็นนํ้าในพริบตา รวมเข้ากับผงสีเทานั้น

“เจ้าฆ่ามัน?” จีเหยาฮั่วถามมู่ชิงเกออย่างแปลกใจ

มู่ชิงเกอมองอย่างเย็นชา “ไม่อย่างนั้นจะทำอย่างไรเล่า? ปล่อยเอาไว้พากลับบ้านไปฉลองปีใหม่ด้วยงั้นหรือ?”

อา…

สีหน้าของจีเหยาฮั่วแข็งทื่อ ไร้คำพูดจะตอบโต้

เอาละ เขายอมรับว่ามู่ชิงเกอพูดมีเหตุผล เมื่อไม่ใช่เผ่าเดียวกันฆ่าไปจะดีกว่า เพียงแต่ว่า ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามู่ชิงเกอจะทำตามคำพูดที่ให้ไว้กับตัวประหลาดตัวใหญ่ว่าจะปล่อยมันหากช่วยเว่ยมั่วลี่ได้

“ข้าเพียงแต่พูดว่าอาจจะ ต้องโทษที่มันไม่ฟังให้ดี” มู่ชิงเกอเข้าใจความคิดของเขาจึงอธิบายออกมา

จีเหยาฮั่วชะงัก นัยน์ตาฉายแววนับถือหันไปสบตากับเขาแล้วพูดว่า “เกลียดนัก เจ้าเล่ห์จริงๆ!”

นํ้าเลียงเง้างอนเช่นนี้ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกขนลุก

“แต่ว่าข้าชอบ! ฮ่าๆๆๆๆๆ!” จีเหยาฮั่ว หัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา

ซีเซียนเสวี่ยส่ายหน้าอย่างไร้คำพูด นางรับรู้ข้อบกพร่องที่สองของจีเหยาฮั่วแล้ว

อิ๋งเจ๋อนั้นเห็นจนชินชานานแล้ว จึงไม่สนใจความบ้าของจีเหยาฮั่ว

มู่ชิงเกอเดินไปยังเว่ยมั่วลี่แล้วหยิบเม็ดยาออกมาเม็ดหนึ่ง ใส่ลงไปในปากของเขา ใบหน้าของเขาถูกผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงบิดบังเอาไว้ทำให้มองเห็นรูปลักษณ์ไม่ชัดเจน บนคางก็มีหนวดขึ้นยาวปิดบังหน้าของเขาเอาไว้ครึ่งหนึ่ง

“เขาไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” ซีเซียนเสวี่ยเดินเข้ามา แล้วเอ่ยถาม

ปัญหานี้ จีเหยามั่วและอิ๋งเจ๋อก็สนใจเช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรเว่ยมั่วลี่ก็เป็นอันดับหนึ่งบนทำเนียบชิงอิง ทั้งยังอยู่บนนั้นมาตั้งหลายปี ถ้าหากต้องตายไปเช่นนี้คงจะทำให้พวกเขารู้สึกเศร้าใจไม่น้อย

“ไม่สามารถพูดว่าหายเป็นปลิดทิ้งได้” มู่ชิงเกอเอ่ย นางมองไปยังซีเซียนเสวี่ยแล้วเอ่ยว่า”ก่อนหน้านี้ข้า เคยพูดกับเจ้าว่าหลังจากจิตวิญญาณได้รับความเสีย หายแล้วจะฟื้นฟูได้ช้ามาก โอสถส่วนมากก็มีผลเฉพาะต่อร่างกาย สำหรับจิตวิญญาณนั้น…ของในการใช้การฟื้นฟูและรักษาจิตวิญญาณนั้นมีน้อยเกินไป”

“ความหมายของเจ้าก็คือ…” ซีเซียนเสวี่ยขมวดคิ้ว

มู่ชิงเกอเอ่ยว่า “พิษในร่างกายของเขาถูกขจัดออกไปแล้ว และจะไม่กัดกร่อนเขาต่อไปอีก แต่ว่าก่อนหน้านี้ จิตวิญญาณของเขาได้รับความเสียหายหนักมาก จำ เป็นต้องค่อยๆ รักษา”

“เช่นนั้นเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป? คงจะไม่กลายเป็นคนปัญญาอ่อนใช่ไหม?” จีเหยาฮั่วพูดอย่างรวดเร็ว

อันดับหนึ่งของทำเนียบชิงอิงกลายเป็นคนปัญญาอ่อน?!

ความเป็นไปได้นี้คงจะทำให้ตระกูลทั้งหลายในโลกแห่งยุคกลางอ้าปากค้างเป็นแน่

มู่ชิงเกอส่ายหน้า “ไม่ถึงขั้นนั้น เพียงแต่สมองและความรู้สึกอาจจะช้ากว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น ต้องรอให้เขาตื่นขึ้นมาแล้ว ค่อยๆ สัมผัสเองถึงจะรู้”

คำพูดของนางทำให้ทั้งสามคนเงียบลงไป ครู่หนึ่งอิ๋งเจ๋อถึงพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นเขาจะตื่นขึ้นเมื่อไหร่?”

มู่ชิงเกอคิดเล็กน้อยถึงได้เอ่ยว่า “จิตวิญญาณของเขาได้รับความเสียหายไม่น้อย มาถึงตอนนี้เพิ่งจะได้รับการถอนพิษ อาจจะหลับไปหลายวัน หรือจะหลายเดือน”

พูดแล้ว นางก็มองเว่ยมั่วลี่ “เขาจะฟื้นขึ้นเมื่อไหร่ก็ต้องดูที่ตัวของเขาเองแล้ว” พูดจบแล้วนางก็มองไปยังซีเซียนเสวี่ย “ตระกูลของเจ้ากับเขาล้วนอยู่ในภาคกลาง หลังจากออกไปแล้ว เจ้าก็ต้องกลับไปภาคกลางใช่ไหม?”

ซีเซียนเสวี่ยเข้าใจความหมายของนาง จึงพยักหน้าทันที “ใช่ ข้าจะกลับไปอยู่แล้ว พวกเจ้าวางใจได้ ตอนที่ข้าจะจากไปจะบีบทำลายยันต์เคลื่อนย้ายของเขา พาเขา กลับไปส่งยังตระกูลเว่ยที่ภาคกลางอย่างปลอดภัย”

“ดี” มู่ชิงเกอพยักหน้า

จากมุมมองของหมอ นางไม่คาดหวังให้คนไข้ของตนเองเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นก่อนที่จะหายดี มีซีเซียนเสวี่ยส่งเขากลับตระกูลเว่ย ให้คนในตระกูลดูแลรักษานั้นดีที่สุดแล้ว

“เช่นนั้นต่อไปพวกเรา…,

จีเหยาฮั่วยังพูดไม่จบ ทุกคนก็มองเห็นร่างกายของซีเซียนเสวี่ยเริ่มเปล่งแสงสีทองจางๆ ออกมา

แสงสีทองปรากฎทำให้ท่าทีของซีเซียนเสวี่ยชะงัก นางมองมู่ชิงเกอเอ่ยกับนางว่า “เวลาของข้ามาถึงแล้ว!”

แต่เดิมนางยังคิดว่ามีเวลาอีกวันสองวัน คิดไม่ถึงว่าเวลาจะมาถึงแล้ว

จีเหยาฮั่วมองอิ๋งเจ๋อดูเหมือนกำลังถามว่า ‘ไม่ใช่เจ้าพูดว่าพวกเรายังเหลือเวลาอีกสองสามวันมิใช่หรือ? ตอนนี้ เวลาของธิดาเทพซีมาถึงแล้ว ส่วนพวกเราก็เหลือเวลาอีกไม่นานก็ต้องออกไปแล้วใช่ไหม?’

อิ๋งเจ๋อมองเขาแล้วอธิบายว่า “อุปกรณ์คำนวณเวลาทำได้เพียงแค่ประมาณการเท่านั้น คลาดไปหนึ่งถึงสองวันก็เป็นเรื่องธรรมดา”

“พวกเจ้าช่วยออกไปก่อนสักครู่ได้หรือไม่? ข้าอยากจะพูดกับมู่ชิงเกอเป็นการส่วนตัว” ทันใดนั้นซีเซียนเสวี่ยก็หันไปมองจีเหยาฮั่วและอิ๋งเจ๋อ พูดคำขอร้องของตนเองออกไป

จีเหยาฮั่วชะงัก เข้าใจในทันที รีบลากอิ๋งเจ๋อที่เหมือนท่อนไม้เดินออกไปนอกถํ้า ทั้งพูดทั้งเผยรอยยิ้มมีเลศนัยออกมา “เหอ เหอ พวกเจ้าคุยกันเถอะ ค่อยๆ คุย พวก เราจะอยู่ด้านนอก รับรองว่าจะไปให้ไกลๆ”

มู่ชิงเกอส่ายหน้าอย่างไร้คำจะพูด แม้ว่านางจะบอกจีเหยาฮั่วอย่างชัดเจนแล้ว ว่าความสัมพันธ์ของตนเองกับซีเซียนเสวี่ยนั้นไม่ใช่อย่างที่เขาคิด แต่เขาก็ยังเย้าแหย่ทุก ครั้งที่มีโอกาส นางควบคุมความคิดอันแปลกประหลาดของเขาไม่อยู่จริงๆ

จีเหยาฮั่วกับอิ๋งเจ๋อออกไปจากถํ้าแล้ว ภายในถํ้าก็เหลือเพียงแต่เว่ยมั่วลี่ที่สลบไร้ความรู้สึกอยู่ แสงสีทองบนร่างกายของซีเซียนเสวี่ยเปล่งแสงสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ นางมองมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณเจ้ามาก”

มู่ชิงเกอไม่รู้ว่านางขอบคุณอะไร นางค่อยๆ ส่ายหน้า และไม่ได้พูดมาก

“สามเดือนมานี้ ข้ามีความสุขมาก แต่นับจากวันนี้ไป ข้าจะลืมเจ้าอย่างเด็ดขาด” ซีเซียนเสวี่ยพูดกับมู่ชิงเกอด้วยนํ้าเสียงที่ดูสงบนิ่ง

มีเพียงตัวนางเองเท่านั้นที่รู้ว่ามือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของนางกำลังบีบแน่น หัวใจปวดร้าว

นางกำลังลอบคาดหวังในใจว่าหากมู่ชิงเกอมอบโอกาสให้นาง ถึงแม้จะเพียงนิดเดียว นางก็จะไม่สนใจอะไร พยายามหาหนทางเพื่ออยู่ข้างกายของเขาตลอดไป

แต่ว่าท่าทางของมู่ชิงเกอดูสงบเงียบไม่ได้มีท่าทีอาลัยอาวรณ์

นี่ทำให้ซีเซียนเสวี่ยรู้สึกปวดใจมากยิ่งขึ้น นางยิ้มแล้วเอ่ยว่า “รู้ว่ามีรสชาติอย่างไรแล้วถึงวางลงได้ ถึงแม้ว่าจะยากลำบากไปบ้างแต่ข้าก็เชื่อว่าข้าทำได้”

“เจ้าสมควรลืมข้าไปจริงๆ” ในที่สุดมู่ชิงเกอก็พูดขึ้น แต่คำพูดที่พูดออกมาไม่ใช่สิ่งที่ซีเซียนเสวี่ยต้องการจะฟัง มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้า นัยน์ตาของนางเรียบสงบมาก นางยกมือขึ้นลูบไปยังตุ้มหูบนหูด้านซ้ายของตนเอง แล้วพูดกับซีเซียนเสวี่ยว่า “เจ้าเป็นคนของตระกูลซี ทั้งยังเป็นธิดาเทพแห่งตำหนักเทพ น่าจะรู้จักเครื่องมือ มายาใช่ไหม?”

ซีเซียนเสวี่ยเบิกตากว้าง มองมู่ชิงเกออย่างตกตะลึง ท่าทางของนางทำให้มู่ชิงเกอดูออกว่านางรู้จักเครื่องมือมายา

“ตุ้มหูอันนี้ของข้าก็คือเครื่องมือมายาชิ้นหนึ่ง เป็นสิ่งที่มารดาของข้าหลอมขึ้นมาเองกับมือ” มู่ชิงเกอพูดขึ้นอีก

ขาของซีเซียนเสวี่ยรู้สึกอ่อนแรงลงเล็กน้อย นัยน์ตาของนางฉายแววไม่อยากจะเชื่อ พึมพำเอ่ยว่า “ข้าเคยได้ยินมาว่า เมื่อสามสิบปีก่อน มีคนในตระกูลซางหลอม เครื่องมือมายาออกมาได้ ผู้หญิงคนนั้นมีความสามารถในการหลอมยุทธภัณฑ์สูงมาก เคยเป็นความหวังของตระกูลซาง แต่ผ่านไปไม่นานนางกลับหายสาบสูญไป และผ่านไปอีกหลายปีถึงได้ถูกตระกูลซางตามหากลับมาได้ ข้ายังได้ยินมาอีกว่าเครื่องมือมายาสามารถบิดบังความจริง กลายเป็นภาพลักษณ์ที่ตรงกันข้ามกับ

ความจริงได้”

การอธิบายนี้…

มู่ชิงเกอพยักหน้า “สามารถเข้าใจเช่นนี้ได้”

“เช่นนั้นเจ้า…,” ซีเซียนเสวี่ยหลุดเสียงออกไป นัยน์ตาของนางดูสับสนวุ่นวายเอ่ยว่า “เจ้าคิดจะบอกข้าว่า เจ้าที่ข้ามองเห็นในตอนนี้นั้นไม่ใช่เจ้าจริงๆ งั้นหรือ? รูป โฉมของเจ้าไม่ได้หล่อเหลาโดดเด่น แต่เป็นธรรมดางั้นหรือ?”

เอ่อ…

มู่ชิงเกอชะงัก นางคิดไม่ถึงว่าซีเซียนเสวี่ยจะคิดผิดจากความจริงไปมากขนาดนี้

“เจ้าคิดว่าข้าชอบคนที่ภายนอกงั้นหรือ?” ร่างกายของซีเซียนเสวี่ยสั่นสะท้านเบาๆ รู้สึกเสียใจ

“ไม่ใช่” มู่ชิงเกอตัดบทพูดของนาง นางมองซีเซียนเสวี่ยแล้วเอ่ยว่า “ข้าจะบอกว่าเจ้าไม่ควรชอบข้า เพราะว่าข้านั้นเป็นเหมือนกันกับเจ้า”

นัยน์ตาของซีเซียนเสวี่ยหดตัวลง มองมู่ชิงเกออย่างตกตะลึง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version