Skip to content

พลิกปฐพี 493

ตอนที่ 493

คำนับถามวิถี โอกาสฆ่ามาถึง

คนที่มาใส่ชุดผ้าธรรมดา รูปโฉมหล่อเหลา ดวงตาสดใส แฝงความมั่นคงและแน่วแน่ สองมือของเขาโอบดาบหนักขนาดใหญ่เดินเข้ามาตรงหน้าของมู่ชิงเกอ หลังจากเอ่ยปากพูดกับมู่ชิงเกอแล้วก็ทำให้นางมึนงงไป

“ข้าแบกรับความผิดให้เจ้า”

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น ยังพยายามนึกว่าคนตรงหน้านี้เป็นใครกัน

และในตอนนี้เอง เหยาชิงไห่ที่อยู่ข้างกายนางก็พึมพำออกมาอย่างตกตะลึงว่า “เว่ยมั่วลี่!”

เว่ยมั่วลี่หรือ?

คนคนนี้คือเว่ยมั่วลี่หรือ?!

มู่ชิงเกอเบิกตากว้าง มองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางพยายามค้นหาภาพของเว่ยมั่วลี่ออกมาจากความทรงจำแล้วเทียบกับคนตรงหน้าดู

ใช่แล้วในตอนแรกที่นางพบเว่ยมั่วลี่ในสนามรบโบราณแห่งเทพมารนั้น สติของเขาก็ไม่สมบูรณ์มาหลายปี ดู บ้าๆ บอๆ บ้าคลั่งและผมเผ้ารกรุงรัง นางจึงไม่ทันได้พิจารณาถึงรูปร่างหน้าตาของเขาอย่างละเอียด

ภาพลักษณ์ของคนตรงหน้านี้ค่อยๆ ทับซ้อนกับภาพในความทรงจำของนาง

ในที่สุดนางก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาบ้างแล้ว

คนคนนี้ก็คือเว่ยมั่วลี่จริงๆ

‘ดูแล้วเขาจะฟื้นตัวได้ไม่เลว เพียงแต่…ที่เขาพูดนั้น หมายความว่าอย่างไร?’ มู่ชิงเกอกำลังจะถาม เว่ยมั่วลี่ก็พูดขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “แต่เจ้าเคยช่วยข้าไว้ ความผิดในครั้งนี้ข้าจะแบกรับแทนเจ้าเอง”

พูดแล้วเว่ยมั่วลี่ก็หันกลับก้าวเท้ายาวๆ ออกไปอย่างสุขุม

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว มุมปากกระตุก มองเงาหลังของเว่ยมั่วลี่ที่จากไปแล้วก็พูดในใจว่า ‘คงยังไม่หายดี!’

พูดมาทีหัวประโยคกับท้ายประโยคไม่สอดคล้องก้นเลย พูดไม่ชัดเจนเช่นนี้ยิ่งทำให้นางรู้สึกมึนงงเข้าไปใหญ่

นางคิดไม่ออก ว่าตนเองมีโทษอะไรให้เว่ยมั่วลี่แบกรับให้ได้

“เจ้าเคยช่วยเขางั้นหรือ?” เหยาชิงไห่ได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึง แล้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

เขาไม่รู้ว่าระหว่างมู่ชิงเกอและเว่ยมั่วลี่นั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกัน

ห้าลำดับแรกบนทำเนียบชิงอิงดูเหมือนจะถูกเกี่ยวโยงเข้าด้วยกันเพราะมีความสัมพันธ์กับมู่ชิงเกอ ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่บนทำเนียบชิงอิงมาตั้งนานแต่ก็เพียงรู้จักและมีมิตรภาพต่อกันบ้างเท่านั้น

มีบางครั้งที่มีโอกาสได้พบกันก็ล้วนแต่เป็นเพราะเดินผ่านหรือไม่ก็พยักหน้าให้กันเท่านั้น

แต่การปรากฎตัวของมู่ชิงเกอกลับเหมือนสิ่งที่เชื่อมโยงพวกเขาเอาไว้ด้วยกัน!

นี่เป็นความสามารถอะไรกัน?

เหยาชิงไห่ตกตะลึงอยู่ในใจ เขาอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ‘หากว่ามีวันไหนที่เจ้านี่พูดว่ามีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับธิดาเทพซี ข้าก็ไม่รู้สึกแปลกใจแล้ว’

“พบเจอกันโดยบังเอิญเลยได้ยื่นมือช่วยเหลือเท่านั้น” มู่ชิงเกอถอนสายตากลับ เอ่ยต่อเรียบๆ

คำตอบเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าไม่อยากพูดต่อ

เหยาชิงไห่นั้นเป็นคนรู้จักมารยาทดี แน่นอนว่าจะไม่ซักไซ้ถาม

มู่ชิงเกอคิดอยากจะไปถามเว่ยมั่วลี่ให้ชัดเจน แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม นางกวาดตามองไปรอบๆ แม่น้ำรั่ว กลุ่มคนเหล่านี้มีทั้งศิษย์ของตระกูลต่างๆ และก็มีบรรดาหลิวเค่อ

พวกเขาต่างหาตำแหน่งปักหลักรอการเริ่มต้นของแม่น้ำรั่วถามวิถี

สุดท้ายสายตาของมู่ชิงเกอก็ไปหยุดอยู่ที่แม่นํ้ารั่ว

‘แม่นํ้ารั่ว…ที่แท้นี่ก็คือแม่นํ้ารั่ว…’ มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสดใสเผยร่องรอยตกตะลึง แต่เดิมนางคิดว่าแม่นํ้ารั่วก็คือแม่นํ้าสายหนึ่งที่อยู่ระหว่างทะเลหยินและพื้นดินก็เท่านั้น แต่เมื่อได้เห็นด้วยตาแล้วถึงรับรู้ว่าไม่ใช่

แม่นํ้ารั่ว ไหลลงมาจากฟ้า ไม่มีที่มาและจุดสิ้นสุด

ไม่มีที่มา และไม่มีที่ไป แม่นํ้าสายนี้โผล่ออกมาและก็หายไป ในรอยแตกนี้เหลือไว้เพียงนํ้าไหลเหมือนนํ้าตกสีเงินยวงเท่านั้น

มู่ชิงเกอเดินไปข้างหน้าสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว เข้าไปใกล้กับแม่น้ำรั่วเล็กน้อย นางรู้สึกสงสัยว่าแม่น้ำรั่วนั้นเป็นแม่นํ้าไหลจริงๆ หรือไม่ ภายในแม่นํ้าสีเงินนี้ซ่อนวิถีอะไรเอาไว้

“ชิงเกอ เจ้าเองก็มาจริงๆ ด้วย!” เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำให้มู่ชิงเกอหลุดออกจากภวังค์แล้วหันไปมองคนที่มา

นางเลิกคิ้วขึ้น จีเหยาฮั่ว และอิ๋งเจ๋อ เดินเคียงกันมา

เหยาชิงไห่ก็หันมองไป เมื่อมองเห็นสองคนนี้แล้วก็หัวเราะขึ้น “ดูแล้ว ห้าอันดับแรกบนทำเนียบชิงอิงจะมารวมตัวกันที่แม่นํ้ารั่วหมด”

คำพูดของเขาเพิ่งจะจบลง ผู้คนรอบด้านก็สังเกตเห็นพวกเขาแล้ว

เสียงวิเคราะห์พูดคุยค่อยๆ ดังขึ้นข้างหูของพวกเขา

“ให้ตายเถอะ! ห้าอันดับแรกบนทำเนียบชิงอิงมาหมดแล้ว!”

“ประมุขน้อยเหยา ประมุขน้อยจี ประมุขน้อยอิ๋งยังมี อดีตอันดับหนึ่งคุณชายใหญ่เว่ยมั่วลี่อีก คุณชายที่สวมชุดแดงอีกคนก็คงเป็นอันดับหนึ่งคนปัจจุบันของทำเนียบชิงอิง เจ้าเมืองมู่กระมัง?”

“ครั้งนี้เป็นบุญตาของพวกเราแล้ว ได้พบกับห้าสุดยอดบนทำเนียบชิงอิงพร้อมกัน!”

“แม่นํ้ารั่วถามวิถี ร้อยปีมีหนึ่งครั้ง บรรดาผู้มีความสามารถอย่างพวกเขาไม่มีทางปล่อยให้พลาดไป”

“เหอ เหอ ไม่รู้ว่าห้าคนนี้มารวมกันจะมีอะไรน่าดูให้ดูหรือไม่!”

“อะไรน่าดูหรือ?”

“เจ้าโง่! ทั้งห้าคนถูกจัดอันดับบนทำเนียบชิงอิง เป็นธรรมดาที่จะถูกคนอื่นเปรียบเทียบ ในใจของพวกเขาก็แน่นอนว่าต้องไม่ยอมกันอยู่ ตามปกติต่างคนก็ต่างอยู่ ในภาคใครภาคมัน ยากที่จะพบเจอกัน ทำได้เพียงลอบแข่งขันกันอย่างลับๆ ตอนนี้ได้มาอยู่ด้วยกันแล้ว ยังจะ ไม่ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งบนทำเนียบชิงอิงอีกหรือ?”

“เอ้อ ดูเหมือนจะมีเหตุผลนะ!”

“ข้าเดาว่าก่อนที่แม่น้ำรั่วถามวิถีจะเริ่มต้น ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะต่อสู้กัน พวกเราก็มีบุญได้ชมดูแล้ว!”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ การรอคอยที่น่าเบื่อก็ไม่ถือว่าน่าเบื่อเกินไปแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขานั้นใครจะอ่อนแอและแข็งแกร่งกว่ากัน”

“พวกเรารอดูเรื่องสนุกเถอะ!”

ถึงแม้เสียงวิเคราะห์เหล่านี้จะเบามาก แต่ก็ยังลอยเข้าไปในหูของทั้งสี่คนไม่น้อย ส่วนเว่ยมั่วลี่ที่เดินออกไปไกลแล้วนั้น ก็เงียบดุจดั่งรูปปั้นและก็ไม่รู้ว่าได้ยินหรือไม่ได้ยิน

จีเหยาฮั่วพูดอย่างขบขันว่า “ได้ยินหรือยัง? คนเหล่านี้ล้วนแต่คาดหวังให้พวกเราต่อสู้กัน พวกเขารอดูเรื่องสนุกกันอยู่”

“น่าเบื่อ” อิ๋งเจ๋อเอ่ยวิจารณ์ออกมาทันที

คำว่า ‘น่าเบื่อ’ นี้แน่นอนว่าพูดให้เหล่าคนที่รอดูความคึกคักพวกนั้นฟัง

ต่อสู้หรือ?

พวกเขาคิดมากไปแล้ว

การวัดระดับนั้น พวกเขาทำเป็นการส่วนตัวไม่รู้กี่ครั้งแล้ว และก็ไม่มีอารมณ์จะสู้แล้ว

นอกจากมู่ชิงเกอที่ต่อสู้กับพวกเขาทุกคนไปรอบหนึ่งแล้ว พวกเขาสามคนก็ได้ต่อสู้กันในป่าตันเฉวียนหลังจากจบงานชุมนุมใหญ่ของสำนักวิถีโอสถแล้ว

เหยาชิงไห่หัวเราะแล้วเอ่ยว่า “คนในโลกมักจะอยากดูความคึกคักเป็นธรรมดา”

มู่ชิงเกอเม้มปากครุ่นคิดแล้วก็ก้าวเท้าเข้าไปหาเว่ยมั่วลี่ เพียงแค่นางขยับตัวก็ดึงดูดความสนใจของคนมากมาย

“ชิงเกอจะทำอะไร? นั่นคือ…เว่ยมั่วลี่หรือ? เขาก็มาด้วยหรือ? ชิงเกอไปหาเขาทำไม?” จีเหยาฮั่วพูดออกมา

อิ๋งเจ๋อมองการกระทำของมู่ชิงเกอแล้วก็ค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น

เหยาชิงไห่อธิบายออกมาหนึ่งประโยคว่า “เหมือนพวกเขาสองคนจะรู้จักกัน”

แต่กลับไม่รู้ว่าคำอธิบายนี้ของเขาจะดึงดูดสายตาดูแคลนจากจีเหยาฮั่ว พวกเขารู้อยู่แล้วว่ามู่ชิงเกอและเว่ยมั่วลี่รู้จักกัน ไม่เพียงแค่รู้จักแต่ยังมีอะไรเกี่ยวข้องกันมากมายอีกด้วย

“รีบดูนั่น เจ้าเมืองมู่เดินเข้าไปหาคุณชายใหญ่เว่ยแล้ว!”

“โอ้!เรื่องสนุกเริ่มขึ้นเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?”

“สำหรับเรื่องที่เจ้าเมืองมู่กลายเป็นอันดับหนึ่งของทำเนียบชิงอิงอย่างกะทันหันนั้น มีบางคนพูดว่าเขาได้ต่อสู้กับคุณชายใหญ่เว่ยหนึ่งครั้ง และก็มีคนพูดว่าตำหนักเทพประเมินความสามารถในการรบของเจ้าเมืองมู่แล้วกำหนดเอาเอง ส่วนจะเป็นแบบไหนกันแน่นั้น? จะเปิดเผยในวันนี้แล้วหรือ?”

“เดินไปใกล้แล้ว ใกล้แล้ว! จะต่อสู้แล้วหรือ? ตื่นเต้นจริงๆ ทำอย่างไรดี!”

สถานที่ที่มีคนมักไม่อาจจะห้ามการสอดรู้สอดเห็นได้

มู่ชิงเกอรู้สึกขบขันในใจกับการคาดเดาของคนเหล่านี้ นางเดินไปถึงข้างกายของเว่ยมั่วลี่ ยกมือขึ้นสะบัดสร้างเกราะปิดกั้นเสียงเอาไว้ด้านนอกพวกเขาทั้งสองคน

เว่ยมั่วลี่เงยหน้าขึ้นมองนาง นัยน์ตายังคงสงบนิ่ง

“ที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้หมายถึงอะไร?” มู่ชิงเกอถามออกไปตรงๆ

เว่ยมั่วลี่มองนางแวบหนึ่งแล้วถึงค่อยๆ พูดขึ้นว่า “ช่วงนี้ซีเซียนเสวี่ยถูกตำหนักเทพกักบริเวณ”

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น พูดในใจว่า ‘เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซีเซียนเสวี่ยงั้นหรือ?’

“นักบวชเทวะในตำหนักเทพคิดว่านางมีความรัก คิดว่าคนที่ทำให้ใจนางหวั่นไหวก็คือข้า เพราะว่านางส่งข้ากลับไปตระกูลเว่ย ทั้งยังใส่ใจเป็นพิเศษ” เว่ยมั่วลี่อธิบายด้วยนํ้าเสียงที่เรียบเฉย

มู่ชิงเกอชะงักอยู่ที่เดิม นางเข้าใจแล้วว่าคำพูดของเว่ยมั่วลี่หมายถึงอะไร

ไม่รู้ว่าภายในนั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงได้ทำให้ตำหนักเทพคิดว่าคนที่ทำให้ซีเซียนเสวี่ยหวั่นไหวนั้นเป็นเว่ยมั่วลี่ หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่เว่ยมั่วลี่พูดว่าแบกรับความผิดให้นางนั้นก็ไม่ผิด

แต่ด้วยความสามารถของซีเซียนเสวี่ย จะทำให้คนอื่นสัมผัสได้ว่านางหวั่นใจได้อย่างไร? อีกอย่างนางก็เคยพูด แล้วว่าหลังจากกลับไปแล้วจะตัดใจ?

มู่ชิงเกอไม่เข้าใจ แต่เรื่องนี้ดูเหมือนจะอธิบายไม่ชัดเจนแล้ว นางมองเว่ยมั่วลี่ สุดท้ายก็พูดว่า “ระหว่างข้ากับซีเซียนเสวี่ยนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าหรือตำหนักเทพคิด”

“ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ข้าฟัง ข้าพูดแล้วว่า เจ้าเคยช่วยข้า ข้าก็จะช่วยเจ้าแบกรับเรื่องนี้เอง” เว่ยมั่วลี่ไม่ฟังคำพูดของมู่ชิงเกอ

เวลานี้เอง คนด้านนอกก็วิเคราะห์กันอย่างร้อนใจ

“เหตุใดถึงยังไม่ต่อสู้กันอีก?”

“นั่นสิ ยืนพูดคุยอะไรกัน มีอะไรน่าพูดคุย ต่อสู้กันเลยก็ได้แล้ว”

“หรือจะเอาชนะกันด้วยคำพูดงั้นหรือ?”

“ไอ้หยา ทำตัวลึกลับจนข้าร้อนใจแล้ว”

ทันใดนั้นบนแม่นํ้ารั่วก็เกิดแสงสีเงินขนาดใหญ่เข้าปกคลุมพื้นที่นี้

นัยน์ตาของเว่ยมั่วลี่เปล่งประกาย ใช้หมัดชกทำลายเกราะกั้นเสียงที่มู่ชิงเกอสร้างขึ้น มองไปยังแม่น้ำรั่ว พวกจีเหยาฮั่วสามคนก็รีบเดินเข้ามายืนรวมกับพวกเขา

ตอนนี้ทุกๆ คนต่างถูกแม่นํ้ารั่วดึงดูดความสนใจเอาไว้

“แม่นํ้ารั่ว คำนับถามวิถี”

เสียงแก่ชราสายหนึ่งดังลงมาจากฟ้า

มู่ชิงเกอมองเห็นคนรอบด้านรวมถึงอัจฉริยะสี่คนข้างกายชันเข่าข้างเดียวลงกับพื้น

“ชิงเกอ คุกเข่าลง ต้องโขกศีรษะถึงจะสามารถเข้าไปในแม่นํ้ารั่วได้!” จีเหยาฮั่วเอ่ยเตือนเบาๆ

มู่ชิงเกอคุกเข่าลง ในใจยังมีความสงสัยอยู่

เวลานี้เองนางก็ได้ยินเสียงของกู่หยาดังขึ้นที่ข้างหูว่า ‘คุณชาย ภายในแม่นํ้ารั่วนั้นมีเขตแดนขวางกั้น คนของเผ่ามารไม่อาจเข้าไปได้ ดังนั้นพวกเราไม่อาจเข้าไปกับท่านได้ ท่านอยู่ด้านในโปรดระมัดระวังตัวด้วย พวกเราสองคนจะรอท่านอยู่ด้านนอก’

มู่ชิงเกอพยักหน้าเล็กน้อย

นางไม่ใช่ดอกฝอยทองที่ต้องการให้คนมาคอยคุ้มครองอยู่ตลอดเวลา

นางคำนับตามทุกคน จากนั้นก็มองเห็นว่าในนํ้าตกสีเงินนั้นมีนํ้าวนอันหนึ่งอยู่ตรงกลาง ทุกคนพากันเข้าไปในนํ้าวนด้วยความยินดี

มู่ชิงเกอก็กระโดดตามเข้าไป พริบตาเดียวก็เหมือนตกเข้าไปอยู่ในช่องว่างอีกช่องว่างหนึ่ง

นางเพิ่งจะตกลงบนพื้นก็รู้สึกว่ามีไอสังหารปะทะเข้ามาจากรอบด้านในทันที…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version