ตอนที่ 411
คุณชายฟาดดอกท้อจนแหลก
“เจ้าเรียกใครว่าน้องสาว?” มู่ชิงเกอหรี่ดวงตาเล็กลงอย่างอันตราย
นางยอมรับว่านางอายุน้อยกว่าเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าคนนี้มาก แต่…ใครให้ความกล้าแก่นางมาเรียกพระชายาว่าน้องสาว? คิดจะเปิดเผยความคิดของนางออกมางั้นหรือ?
“พระชายาลงโทษด้วย!” เยี่ยนหย่ารู้ว่าตนเองพูดผิดไปจึงรีบคุกเข่าลงกับพื้น แสดงท่าทีหวาดกลัว
นางก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป อาจเป็นเพราะคำพูดของมู่ชิงเกอเสียดแทงใจเกินไป นางคิดจะโต้ตอบโต้จึงกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้
มู่ชิงเกอยิ้มเยาะในใจ “ลงโทษ? ลงโทษอะไร?”
“ข้า…ข้า…” เยี่ยยนหย่าพยายามทำให้ตนเองสงบลงมา แล้วค่อยเงยหน้ามองมู่ชิงเกอใหม่อีกครั้ง พร้อมกับยิ้ม “พระชายาเข้าใจข้าผิดแล้ว ที่เรียกพระชายาว่าน้องสาว อาจดูเหมือนว่าเยี่ยนหย่าไม่เคารพ แต่ทว่าในใจของเยี่ยนหย่าคิดว่าพระชายาเพิ่งเข้ามาสู่พระราชวังไท่ฮวงเป็นครั้งแรก ไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นี่ ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นเพียงเจ้าเมืองย่อย แต่ก็เคยมาพระราชวังไท่ฮวงหลายครั้ง ทั้งยังอาศัยอยู่ในเมืองหลวงนี้มาตลอด ทุกอย่างของที่นี่นั้นข้าคุ้นเคยกว่าพระชายา บวกกับที่ข้ามีอายุมากกว่าพระชายา หากพระชายาไม่ถือสา พวกเรามาเรียกขานกันเป็นพี่สาวน้องสาวดีหรือไม่?”
รอยยิ้มขี้เล่นที่มุมปากของมู่ชิงเกอถูกกดลึกลงไปอีก นางมองเข้าไปในแววตาของเยี่ยนหย่าอย่างดูแคลน ‘จะกระชับความสัมพันธ์ให้ข้าสนิทด้วยก่อน หลังจากได้รับความไว้วางใจแล้วก็ค่อยแย่งผู้ชายของข้ารึ? หน้าของข้าสลักคำว่าโง่เอาไว้ด้วยงั้นหรือ? หรือคิดว่าข้าหูหนวกตาบอดกัน?’
ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็อยากดูเยี่ยนหย่าแสดงต่อไป
นางเอ่ยกับกู่หยาและกู่เย่ว่า “พวกเจ้าถอยออกไปเถอะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าตามประสาพี่สาวน้องสาว”
กู่หยาและกู่เย่ไม่ค่อยวางใจ กังวลว่ามู่ชิงเกอจะถูกทำร้าย
แต่เมื่อคิดดูอีกที มู่ชิงเกอจะโดนทำร้ายได้ง่ายๆ งั้นหรือ? นางไม่ไปทำร้ายใครเข้าก็ถือว่าดีแล้ว!
ดังนั้นทั้งสองคนจึงออกไป เมื่อเดินไปถึงนอกตำหนัก กลับไม่ได้จากไปไกล เพียงแต่เฝ้าอยู่ด้านนอกเงียบๆ อาศัยระดับพลังของเยี่ยนหย่าไม่สามารถรับรู้ได้ว่าพวกเขาอยู่ด้านนอก
เมื่อมองเห็นกู่หยาและกู่เย่จากไป รวมทั้งคำพูดของมู่ชิงเกอเมื่อครู่ ทำให้เยี่ยนหย่าเผยรอยยิ้มออกมา ไม่รอให้มู่ชิงเกอพูด นางก็ลุกขึ้นมาจากพื้น
มู่ชิงเกอมองการเคลื่อนไหวของนางอย่างเย็นชา มุมปากยังคงมีรอยยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ได้ทักท้วงอะไร
การ ‘ยอมตามใจ’ ของมู่ชิงเกอทำให้เยี่ยนหย่ากล้ามากยิ่งขึ้น
ในใจของนางคิดว่า ก่อนหน้านี้ในตำหนักใหญ่ที่ผู้หญิงคนนี้แสดงท่าทีที่ดูร้ายกาจออกมานี้นคงเป็นเพราะว่ามีกู่หยาและกู่เย่คอยสอนอยู่ด้านหลัง
ตอนนี้เมื่อไม่มีสองคนนั้นแล้ว นางก็ถูกคำพูดไม่กี่คำของตนเองทำให้เออออตามจนเริ่มเชื่อใจแล้วสินะ?
มู่ชิงเกอไม่พลาดรอยยิ้มกระหยิ่มในชัยชนะของเยี่ยนหย่า ส่วนตัวนางเองก็ยิ้มอยู่ ทั้งยังกดลึกลงไปอีก แต่น่าเสียดายที่เยิ่ยนหย่ามองไม่ออกว่านางกำลังยิ้มเรื่องอะไร
“เจ้าเมืองเยี่ยนหย่าไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่งเถอะ” มู่ชิงเกอพูด
เยี่ยนหย่าก็ไม่เกรงใจ ตรงเข้าไปยังเก้าอี้ที่ใกล้กับมู่ชิงเกอมากที่สุดแล้วนั่งลง
เพียงแค่นางนั่งลงก็มีสาวใช้เข้ามารินชา
เยี่ยนหย่านั่งลงแล้วก็อดมองไปยังท้องน้อยๆ ของมู่ชิงเกอไม่ได้ ส่วนลึกของนัยน์ตาฉายแววโกรธแค้น
“น้องสาวพระชายาโปรดอย่าได้ถือสา ข้าเพียงแค่คิดว่าเจ้าเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในพระราชวังไท่ฮวง ทั้งยังตั้งครรภ์กลัวว่าเจ้าจะเบื่อดังนั้นจึงมาพูดคุยเล่นเป็นเพื่อนเจ้า” เยี่ยนหย่าพูด
“เจ้าเมืองเยี่ยนหย่ามีใจแล้ว” มู่ชิงเกอตอบไป
เยี่ยนหย่าหัวเราะ สายตาตกไปอยู่ที่ท้องของมู่ชิงเกอแล้วก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงว่า “เด็กดื้อหรือไม่?”
สายตาของมู่ชิงเกอมองตามนางไปยังท้องของตนเอง นางยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นวางไว้บนนั้นแล้วก็ยิ้มให้กับเยี่ยนหย่าว่า “ไม่ดื้อเลย”
ไม่ดื้ออะไร! ไม่มีอะไรเลยต่างหาก?
รอยยิ้มของมู่ชิงเกอ แฝงไว้ด้วยความนุ่มนวล
แต่เมื่ออยู่ในสายตาของเยี่ยนหย่าแล้วก็เหมือนกับความยินดีที่จะได้เป็นแม่คนครั้งแรก
สิ่งนี้ทิ่มแทงนัยน์ตานางนัก
นางพยายามฝืนยิ้มออกมา เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ไม่ดื้อก็ดีแล้ว หากว่าเป็นเด็กดื้อ น้องสาวพระชายาอาจต้องได้รับความยากลำบากตามไปด้วย”
“เจ้าเมืองเยี่ยนหย่าดูมีประสบการณ์มาก” มู่ชิงเกอเลิกคิ้วมองดูนาง พูดด้วยท่าทางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยนหย่าแข็งค้างไป แล้วก็เอ่ยออกมาว่า “น้องสาวพระชายาล้อเล่นแล้ว ข้ายังไม่ได้แต่งงานจะมีประสบการณ์ในเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร”
“อา! ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง เป็นข้าคิดผิดไปเอง” แล้วมู่ชิงเกอก็พูดออกมาว่า “เห็นเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ทั้งยังมีความเข้าใจในเรื่องเช่นนี้อีก ข้า จึงคิดว่าเจ้ามีลูกหลายคนแล้วเสียอีก”
‘หมายความว่าอย่างไร? จะบอกว่าข้าแก่งั้นหรือ?!’ เยี่ยนหย่าพูดในใจ แต่ใบหน้าก็ยังต้องยิ้มอยู่ พูดกับมู่ชิงเกอว่า “น้องสาวพระชายาล้อเล่นแล้ว ถึงแม้ข้าจะมีอายุ มากกว่าเจ้าหน่อย แต่อายุเช่นข้าในเมืองแห่งมารก็ยังถือว่าเยาว์วัยอยู่”
‘อายุมากกว่าหน่อยงั้นหรือ? ไม่อายตนเองเลย!’ มู่ชิงเกอพูดในใจ พยักหน้าแล้วพูดกับเยี่ยนหย่าว่า “เจ้าเมืองเยี่ยนหย่ารูปโฉมงดงาม ทั้งยังมีสถานะสูงส่ง แต่เหตุใดจึงไม่หาคู่ครอง? หรือกำลังรอใครอยู่งั้นหรือ?”
หัวใจของเยี่ยนหย่าเต้นแรงขึ้น ลอบมองมู่ชิงเกอ แต่กลับเห็นว่าดวงตาของนางดูสดใสและเรียบสงบ
นางไม่รู้ว่ามู่ชิงเกอได้ยินอะไรมาถึงได้ถามเช่นนี้อย่างกะทันหัน หรือว่าถามเรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้น แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใดก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับนาง
“ไม่ปิดบังน้องสาวพระชายา ในใจของข้านั้นมีคนอยู่มานานแล้ว นอกจากเขาแล้วข้าก็ไม่ต้องการใคร” เยี่ยนหย่าเหน็บผมที่ตกลงมาไว้หลังหู
“เอ? เป็นใครกันที่สามารถทำให้เจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่า ถูกใจได้ไม่สู้พูดออกมา ข้าจะเป็นธุระให้เป็นอย่างไร?” มู่ชิงเกอยิ้มอย่างสนิทสนม
แต่ในความเป็นจริงนั้น มีเฉพาะคนที่ใกล้ชิดกับนางเท่านั้นถึงจะรู้ว่า ภายในดวงตาที่จริงจังของนางนั้นซ่อนความเย็นยะเยือกและดุดันเอาไว้
“เรื่องนี้…” เยี่ยนหย่าเผยท่าทีเอียงอายออกมา พูดแล้วก็หยุดลงกลางคัน
“เหตุใดเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าถึงไม่ยอมพูดเล่า? หรือว่าคนในใจของเจ้าคือองค์ราชางั้นหรือ?” มู่ชิงเกอพูดเหมือนหยอกล้อ
หัวใจของเยี่ยนหย่าเต้นแรงเงยหน้าขึ้นมองมู่ชิงเกอ
นางจงใจเผยท่าทีตะลึงออกมา นางเชื่อว่า ไม่ว่าใครก็ต้องเดาความคิดในใจนางออก
และคำพูดต่อมาของมู่ชิงเกอก็ทำให้นางได้ใจขึ้นมาหลายส่วน
“คนในใจของเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าคือองค์ราชาจริงๆ!” มู่ชิงเกอพูดอย่างแปลกใจ แต่ก็เข้าใจในทันที “ก็ถูก อิงจากรูปโฉมขององค์ราชาแล้ว ใต้แผ่นฟ้านี้จะมี ผู้หญิงคนไหนที่ไม่หลงใหลเขาได้”
นางทำให้ผลลัพธ์ที่เยี่ยนหย่าต้องการพลิกกลับไปในอีกทิศทางหนึ่งและกลับคืนสู่อารมณ์สงบนิ่งดังเดิม
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เยี่ยนหย่าต้องการ
ใบหน้าของนางดูกระดากใจขึ้นเล็กน้อย แล้วค่อยกัดฟันเอ่ยว่า “น้องสาวพระชายา ที่จริงแล้ว…ความรักระหว่างข้ากับองค์ราชาเกิดขึ้นมานานแล้ว เวลานั้นเกรงว่าองค์ราชายังไม่ทันได้รู้จักกับน้องสาวด้วยซํ้า”
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ
ด้านนอกตำหนัก กู่หยาและกู่เย่ลอบฟังความเคลื่อนไหวด้านใน เมื่อได้ยินเยี่ยนหย่าพูดเช่นนี้กู่หยาก็อดพูดไม่ได้ ว่า “นางพูดจาเหลวไหล! องค์ราชาเคยรักชอบกับนางที่ไหนกัน? องค์ราชาแทบจะไม่เคยมองนางด้วยซ้ำ!”
พูดแล้วเขาก็คิดจะพุ่งเข้าไปด้านใน
แต่กลับถูกกู่เย่ดึงเอาไว้พูดกับเขาว่า “เจ้าคิดว่าคุณชายจะเชื่อคำพูดของนางงั้นหรือ?”
กู่หยาขมวดคิ้ว พึมพำว่า “จากความฉลาดของคุณชายแล้วจะต้องไม่ถูกนางหลอกแน่นอน แต่ถึงจะเป็นเรื่องเท็จก็ยังทำให้คนฟังโมโหได้อยู่ดี”
“คุณชายจะต้องสั่งสอนนางแน่ พวกเรารอดูละครอยู่ที่นี่ก็พอ” กู่เย่พูดปลอบ
กู่หยาชะงัก พยักหน้าอย่างเห็นด้วยว่า “ลูกไม้เด็กๆ เช่นนี้ของนาง อ่อนด้อยเกินไปจริงๆ คุณชายลงมือเพียงนิดเดียวก็ทำให้นางยอมแพ้ได้แล้ว”
ความนิ่งเงียบของมู่ชิงเกอทำให้เยี่ยนหย่าพูดต่อว่า “ตอนนี้องค์ราชาไม่อยู่ แน่นอนว่าข้าจะต้องดูแลน้องสาวพระชายาแทนเขา จะไม่ให้เจ้าต้องอดสู เจ้าอยู่ในพระราชวังไท่ฮวง หากว่ามีคนรับใช้ไม่ดีหรือว่าขาดแคลนอะไร เจ้าก็อย่าได้เกรงใจข้า บอกข้าตามตรงได้เลย”
รอยยิ้มบนมุมปากของมู่ชิงเกอยิ่งดูชัดเจนขึ้น
ในใจของนางเอ่ยว่า ‘ซือมั่วนะซือมั่ว ตัวเจ้าหายไปไหนไม่รู้ กลับต้องให้ข้ามาคอยจัดการเหล่าดอกท้อให้เจ้า’
นางเป็นถึงพระชายา จำเป็นต้องให้เจ้าเมืองย่อยคนหนึ่งมาดูแลด้วยงั้นหรือ?
นางอาศัยอะไร?
คู่ควรหรือ?
มีสิทธิ์หรือไร?
มู่ชิงเกอยิ้มมองไปยังเยี่ยนหย่า ไม่ได้ใส่ใจคำพูดที่เปรียบตนเป็นดังเจ้าบ้านของนาง เพียงแต่พูดอย่างสงสัยว่า “ในเมื่อองค์ราชาชอบพอกันกับเจ้าเมืองย่อย เยี่ยนหย่ามาตั้งนาน แล้วเหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่เล่า?”
เยี่ยนหย่าชะงัก ตกตะลึงอยู่กับที่
มู่ชิงเกอยิ้มจนตาโค้ง “ความรักระหว่างเจ้าเมืองย่อยกับองคราชาลึกลํ้า แต่ข้ากลับไม่เคยได้ยินองค์ราชาพูดถึงเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่ามาก่อน ดูแล้วองค์ราชาก็เป็นคนหลายใจคนหนึ่ง!”
“น้องสาวพระชายา ไม่อาจพูดจาเช่นนี้ได้” ทันใดนั้น เยี่ยนหย่าก็ลุกขึ้นมา มองดูมู่ชิงเกอด้วยท่าทีที่ดูเข้มงวด
มู่ชิงเกอเงยหน้ามองนางอย่างไร้เดียงสา มุมปากเผยรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้มออกมา ทำให้เยี่ยนหย่าเกิดความรู้สึกวุ่นวายใจขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
เยี่ยนหย่าพยายามยิ้ม แล้วก็นั่งลงอธิบายว่า “น้องสาวพระชายาอย่าได้ถือสา ข้าเพียงแต่ร้อนใจไปชั่วขณะ ในสายตาของข้า องค์ราชานั้นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ไม่อาจยอมให้ใครมาพูดจาไม่ดีถึงเขาได้”
‘แสดงออกว่าหลงใหลมากงั้นหรือ?’ มู่ชิงเกอยิ้มเย็นอยู่ในใจ
นางพูดว่า “ที่แท้เจ้าเมืองย่อยเยิ่ยนหย่าก็รักองค์ราชามาก ช่างทำให้ข้าซึ้งใจยิ่งนัก”
“น้องสาวพระชายาล้อเล่นแล้ว” เยิ่ยนหย่าหลุบตาลงตอบอย่างเอียงอาย
ฉากนี้ทำให้กู่หยาและกู่เย่รู้สึกขนลุก
กู่หยาถูๆ แขนของตนเอง มองไปยังกู่เย่อย่างไม่เข้าใจว่า “คุณชายคิดจะเล่นอะไร? เหตุใดข้าจึงมองไม่ออกเลย?”
“ความคิดของคุณชายคาดเดาได้ยากเสมอมา เทียบกันแล้ว ข้าสงสัยว่าเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าผู้นี้มาทำไมมากกว่า?” กู่เย่หรี่ตาลง
กู่หยาชะงัก “ยังจะมีอะไรอีก มาจงใจพูดให้คุณชายเอาใจออกห่างจากองค์ราชามิใช่หรือ? ”
กู่เย่ส่ายหน้า “กลัวว่าจะไม่ได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น”
“เช่นนั้นยังจะมีอะไรอีก?” กู่หยาพูดอย่างมึนงง น่าเสียดายที่กู่เย่ส่ายหน้า พูดกับเขาว่า “ดูต่อไปก็รู้”
ทั้งสองคนแอบอยู่ด้านนอกลอบดูต่อไป
ภายในตำหนัก มู่ชิงเกอมองดูท่าทีของเยี่ยนหย่าแล้วก็เอ่ยขึ้นในทันทีว่า “เจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่ารักองค์ราชาถึงขนาดนี้ แม้แต่ข้าก็ยังซาบซึ้งใจ ไม่สู้ทำเช่นนี้ รอให้ องค์ราชากลับมาแล้ว ข้าจะพูดกับเขาเองว่าให้รับเจ้าเมืองย่อยเยียนหย่าเข้าสู่พระราชวังไท่ฮวงเป็นอย่างไร?”
“อา!”
เยี่ยนหย่ามองมู่ชิงเกออย่างตกตะลึง
คำพูดของนางสำหรับเยี่ยนหย่าแล้ว ก็คล้ายกับเป็น ‘ความสุขที่มาอย่างกะทันหัน!’
แม้แต่นางก็ยังไม่เชื่อหูของตนเอง จึงพูดอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่า “น้องสาวพูดว่าอะไรนะ?”
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น ในใจด่าว่า ‘ร้อนใจจนลืมคำว่าพระชายาไปเลยหรือ แต่ก็ใช่ คำๆ นี้นางก็ไม่ได้ยินยอมเรียกมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว’
“ข้าพูดว่าเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่ารักองค์ราชาถึงขนาดนี้ ทำให้คนซาบซึ้งใจ องค์ราชานั้นตรากตรำทำงานหนัก ข้างกายจำเป็นต้องมีคนคอยดูแล ตอนนี้ข้าตั้งครรภ์อยู่ เรี่ยวแรงไม่เพียงพอ หากมีเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าคอยดูแลองค์ราชา ข้าก็จะได้วางใจขึ้นหน่อย เพียงแต่ต้องทำให้เจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าอดสูเป็นชายารองแล้ว” มู่ชิงเกอพูดขึ้นมา
เยี่ยนหยาขบริมฝีปาก คำพูดของมู่ชิงเกอทำให้นางโมโห ตำแหน่งชายารอง…เยี่ยนหย่ายิ้มเยาะอยู่ในใจ ‘ใครเป็นพระชายาเอก ใครเป็นชายารองยังไม่แน่เลย? ตอนนี้เจ้าอาศัยเด็กในท้องของเจ้าถึงได้ตำแหน่งพระชายาไป? หากองค์ราชารู้ว่าเจ้าคุ้มครองเด็กในท้องไว้ไม่ได้แล้ว จะผิดหวังต่อเจ้าขนาดไหน? เมื่อไม่มีเด็กในท้องแล้วเจ้าจะเอาอะไรมาแย่งชิงกับข้าได้?’
นัยน์ตาของเยี่ยนหย่าฉายแววอำมหิต
“น้องสาวพูดจริงงั้นหรือ?” เยี่ยนหย่ายืนขึ้นมา มองมู่ชิงเกออย่างเอียงอาย
จากนั้นนางก็อธิบายอีกว่า “น้องสาวอย่าได้คิดมาก ข้าไม่เคยคิดจะแย่งอะไรจากเจ้า ความรักที่มีต่อองค์ราชานั้นข้าแอบซ่อนไว้ในใจมาโดยตลอด เพียงแค่องค์ราชากับน้องสาวมีความสุข ในใจของข้าก็มีความสุขแล้ว ดังนั้น น้องสาวไม่จำเป็นต้องสงสารข้าจนทำให้ตนเองลำบาก เช่นนี้จะทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจ”
‘เป็นหญิงร่านที่ต้องตั้งป้ายสรรเสริญให้เลยจริงๆ!’ มู่ชิงเกอสรรเสริญในใจ
ถึงแม้ว่านางจะเสียอารมณ์แต่ก็รู้ว่าอะไรคือดอกบัวขาว*[1]และอะไรคือชาเขียวสารเลว**[2]
แต่ที่อยู่ต่อหน้านาง เขย่าไปเขย่ามาก็ไม่ใช่ชาเขียวสารเลวงั้นหรือ?
“เจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าคิดมากไปแล้ว ที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริง องค์ราชานั้นเป็นถึงราชาของทั้งแดนมารวัง หลังของเขาจะเงียบเหงาได้อย่างไร?” มู่ชิงเกอหรี่ตายิ้มขึ้นมา
นอกตำหนัก เมื่อกู่หยาและกู่เย่ได้ยินแล้วกลับรู้สึกหนาวเย็นจนแผ่นหลังแข็งทื่อขึ้นมา
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าคุณชายกำลังขุดหลุมพราง?” กู่หยามองกู่เย่แล้วเอ่ยขึ้นมา
กู่เย่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เอ่ยกับเขาว่า “เชื่อข้า ไม่เพียงแต่เจ้าที่คิดเช่นนี้”
ทั้งสองคนนิ่งเงียบต่อไป
คุณชายกำลังขดหลุมพราง ทั้งยังเป็นหลุมที่ลึกมากอีกด้วย ที่น่ากลัวก็คือคนบางคนที่ถูกล่อให้ตกหลุมกลับไม่ได้รับรู้ถึงอะไรเลย ถูกคำพูดไม่กี่คำของคุณชายล่อ หลอกจนตายใจ…
*ดอกบัวขาว เป็นคำที่อุปมาถึงผู้หญิงที่ใสชื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ไม่มีพิษมีภัย
**ชาเขียวสารเลว เป็นคำที่อุปมาถึงผู้หญิงที่ภายนอกทำตัวไร้เดียงสา ใสซื่อ แต่ภายในกลับเป็นคนมากแผนการ ชอบเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น