Skip to content

พลิกปฐพี 439

ตอนที่ 439

โยนนางลงหลุมงูเห่า

เยี่ยนหย่าถูกองครักษ์มารลากเข้าไปในพระราชวังไท่ฮวง ตอนที่ผ่านสาวใช้ที่หน้าวังนั้น เยี่ยนหย่าก็ยิ้มอย่างซาบซึ้งใจไปให้นาง

เพียงแต่สภาพของนางในตอนนี้นั้นสะบักสะบอมมาก ทำให้รอยยิ้มของนางไม่มีความงดงามอยู่เลย

นางถ่ายทอดเสียงไปว่า ‘เจ้าวางใจได้ รอข้ากลับคืนสู่สถานะเดิมแล้ว จะต้องขอบคุณเจ้าอย่างดีแน่นอน’

เมื่อสาวใช้ได้ยินแล้วก็ชะงัก รอจนนางได้สติ เยี่ยนหย่าก็ถูกลากไปไกลแล้ว ทำให้นางไม่มีโอกาสจะอธิบาย ‘เจ้าเมืองย่อย ไม่ใช่ข้า! ข้ายังไม่ได้พบหน้าองค์ราชา เลย!’

สำหรับคำพูดของเยี่ยนหย่าที่ว่าจะตอบแทนนางนั้น ทำให้แผ่นหลังของนางเกิดความเย็นยะเยือกขึ้นมา ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่นางจะได้เห็น

เจ้านายของตนเอง

“นำตัวนักโทษเยี่ยนหย่าเข้าตำหนัก!” องครักษ์มารสองคนลากสองแขนของเยี่ยนหย่าเข้าไปในตำหนักโดยไม่ทะนุถนอมเลยแม้แต่น้อย แล้วก็โยนนางลงตรงหน้าของซือมั่วและมู่ชิงเกอ

เหล่ามารในตำหนักมองเห็นสภาพของนางแล้วก็ลอบพูดคุยกันขึ้นมา

นี่ยังเป็นเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าผู้งดงามสูงส่งและหยิ่งยโสผู้นั้นอีกหรือ?

ทุกคนลอบตกตะลึงในใจ ค่อยๆ รับรู้ถึงเหตุผลที่ว่า… คนที่ล่วงเกินพระชายา หากนางต้องการเอาความขึ้นมาจะต้องไม่มีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอน

เยี่ยนหย่าถูกโยนลงตรงหน้าของซือมั่ว เขามองผู้หญิงที่ร่างกายเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดคนนี้แล้วก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

มู่ชิงเกออยู่ด้านข้างมองดูท่าทางของเขา แล้วก็พบว่าในแววตาของเขามีแต่ความรังเกียจ

ราวกับว่าเขาจำไม่ได้ว่าเยี่ยนหย่าคือใคร

“นางเป็นใคร? ทำอะไรผิด?” ซือมั่วพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา นํ้าเสียงไม่มีความรู้สึกใดๆ

เวลานี้เองเยี่ยนหย่าไม่รอคำตอบจากคนอื่น นางเงยหน้าขึ้นใช้นํ้าเสียงน่าสงสารพูดว่า “องค์ราชา พระชายาต้องการทำร้ายข้า!”

นางร้องเสียงดังสะท้อนไปทั่วตำหนักไท่ฮวง

คำพูดของนางทำให้มู่ชิงเกอยิ้มออกมาเล็กน้อย นัยน์ตาฉายแววดูแคลน

ส่วนซือมั่วก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นเพราะคำพูดของนาง นัยน์ตาปรากฎจิตสังหารอันเย็นเยียบ

“ทหาร ลากนางไปโยนลงหลุมงูเห่า” ทันใดนั้นคำพูดของซือมั่วก็ทำให้ทั้งตำหนักตกตะลึง

มู่ชิงเกอเองก็มองเขาอย่างแปลกใจ กะพริบตาปริบๆ

“เจ้ายังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีข้าอาจจะใส่ร้ายนางจริงๆ ก็ได้?” มู่ชิงเกอเอ่ยออกมา

ซือมั่วหันกลับมามองนาง ดวงตาเย็นเยียบทรงอำนาจ เขาค่อยๆ พูดทำให้เสียงกังวานได้ยินไปทั่วทั้งตำหนักไท่ฮวง “นางกล้ากล่าวโทษเจ้าก็มีโทษถึงตายแล้ว”

อะไรนะ!

ทุกคนในตำหนักสูดหายใจเข้า เยี่ยนหย่าตกตะลึง เบิกตากว้างมองไปยังซือมั่ว อย่างไม่อยากจะเชื่อ

องค์ราชาของนางพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาหรือ?

หรือว่า…นางเทียบไม่ได้กับผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้าที่นั่งอยู่ข้างกายเขา?

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก เอ่ยกับซือมั่วว่า “หลังจากเจ้าฟังเรื่องราวจบแล้วค่อยตัดสินเถอะ”

เมื่อเสียงของนางหลุดออกไป นัยน์ตาของชิงเจ๋อก็ไหววูบ เขาก้าวออกมาแล้วพูดกับซือมั่วว่า “เรียนองค์ราชา เรื่องราวเป็นเช่นนี้”

เขาชี้ไปที่เยี่ยนหย่าผู้ถูกคำพูดไร้ความรู้สึกของซือมั่วทำร้ายจนเจ็บปวด “ผู้นี้ก็คือหัวหน้าเผ่าเยี่ยนอวี่ และก็คือเจ้าเมืองย่อยเมืองเยี่ยนอวี่ เยี่ยนหย่า ไม่กี่วันก่อนนาง ได้เข้ามาในวังและ…”

ชิงเจ๋อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกมา คำพูดของเขาไม่เอนเอียงเข้าข้างใคร ไม่ได้ใส่ไฟและไม่ได้เสริมเติมแต่งเรื่องราวแต่อย่างใด แต่เมื่อเขาพูดจบ เยี่ยนหย่าก็ได้สติขึ้นมา และรีบแก้ต่างให้ตนเองว่า “ไม่! เขาพูดโกหก! องค์ราชา ข้าไม่ได้ต้องการจะทำร้ายพระชายาและไม่ได้คิดร้ายต่อองค์ทายาท! ทุกอย่างล้วนแต่เป็นแผนการร้าย เป็นแผนการทำร้ายข้า! พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน เป็นพวกเดียวกัน! องค์ราชา ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้านะเพคะ!”

คำแก้ต่างของนางแทบไม่มีนํ้าหนักเลย ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ในตอนนี้ใครที่ฉลาดสักหน่อยก็รู้ดีว่าจะแก้ต่างอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเยี่ยนหย่าไม่ได้มีน้ำหนักอะไรเลยในหัวใจขององค์ราชา

ส่วนพระชายา…

นับตั้งแต่นี้ไปทั่วทั้งวังไท่ฮวงและแดนมารจะมีใครกล้าล่วงเกินพระชายาอีก? ท่าทางขององคราชาก็ได้แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาโปรดปรานพระชายาผู้ นี้มาก!

คำพูดของเยี่ยนหย่าสะท้อนไปทั่วทั้งตำหนัก

รอบด้านเงียบลงไป ไม่มีใครกล้าสอดคำ

ในตอนที่เยี่ยนหย่ามองซือมั่วนั้นก็คาดหวังจะให้เขาพูดให้นาง แม้จะเพียงแค่ประโยคเดียวก็ตาม

เพียงแต่คำพูดที่เขาพูดออกมากลับทำให้คนรู้สึกหนาวจับใจ

“กล้าคิดร้ายต่อทายาทของข้า ดูแล้วโยนเจ้าลงไปในหลุมงูเห่านั้นจะสบายเจ้าจนเกินไป เช่นนั้นก็ถลกหนังเจ้าออกก่อน แล้วค่อยโยนลงหลุมงูเห่าแล้วกัน ข้าจะพาพระชายาไปชม”

ปัง!

หัวใจของเยี่ยนหย่าแหลกสลาย

นางเบิกตากว้าง มองซือมั่วอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางฟังผิดไปหรือเปล่า? ใช่หรือไม่? คำพูดที่เหี้ยมโหดขององค์ราชาไม่ได้พูดกับนางใช่หรือไม่?

แต่เมื่อนางมองสายตาของคนรอบด้านที่มองมาแล้ว นางก็รับรู้ได้ว่าตนเองไม่ได้ฟังผิดไป ผู้ชายเพียงคนเดียวที่นางรักมาทั้งชีวิตกลับโหดเหี้ยมอำมหิตกับนางได้ถึงเพียงนี้!

“ไม่! องค์ราชา ท่านไม่อาจทำเช่นนี้กับข้าได้! ข้ารักท่าน! ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็รักท่าน! เหตุใดท่านถึงได้อำมหิตกับข้าเช่นนี้!” เยี่ยนหย่าตะโกนออกไป

การสารภาพรักก่อนตายนี้ทำให้แววตาของมู่ชิงเกอฉายแววเยาะเย้ยขึ้นมา

ส่วนซือมั่วกลับแสดงสีหน้ารังเกียจออกมา “ยังรออะไรอีก?”

เสียงชุดเกราะดังขึ้น องครักษ์มารเข้ามาลากเยี่ยนหย่า ออกไปจากตำหนัก

พวกเขาทำตามคำสั่งของซือมั่ว ถลกหนังออกก่อนแล้วค่อยโยนนางลงหลุมงูเห่า!

“องค์ราชา! องค์ราชา!”

เสียงของเยี่ยนหย่ายังคงดังสะท้อนอยู่ในตำหนัก

ซือมั่วพูดออกมาเบาๆ ประโยคหนึ่งซึ่งมีเพียงแค่มู่ชิงเกอเท่านั้นที่ได้ยิน

“ผู้หญิงน่ารังเกียจ”

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้นมองไปยังเขา

เมื่อรับรู้ถึงสายตาของนาง ซือมั่วก็หันมาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เจ้านั้นพิเศษ”

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุกเล็กน้อย รู้สึกอยากจะสวนกลับไปว่า ‘ข้าต้องขอบคุณเจ้าไหมเนี่ย!’

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ อยากดูไหม? หลุมงูเห่าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง” ซือมั่วมองนาง นัยน์ตาสีอำพันเต็มไปด้วยการรอคอย

เดิมทีมู่ชิงเกอก็ไม่ได้สนใจกับฉากการทรมานคนเช่นนี้ แต่เมื่อซือมั่วสนใจ นางจะปฏิเสธได้อย่างไร?

ดังนั้นหลังจากคิดครู่หนึ่งแล้วนางก็พยักหน้า

งูเห่าก็คืองู

หลุมงูเห่าก็คือหลุมงู วันนี้ก็ถือว่านางไปชมการลงโทษของแดนมารก็แล้วกัน

เมื่อนางพยักหน้าแล้วซือมั่วก็ยิ้มออกมา เงาร่างของทั้งสองคนจางลงแล้วหายไปจากตำหนักไท่ฮวง

ในตอนที่ปรากฎตัวออกมานั้น มู่ชิงเกอก็ได้กลิ่นคาวเลือด

นางมองออกไปก็เห็นว่าทั้งสองคนยืนอยู่บนแท่นสูง ใต้แท่นมีหลุมลึกประมาณสามจั้ง ด้านในมีงูพิษจำนวนนับไม่ถ้วน

มู่ชิงเกอพบว่างูพิษเหล่านี้ล้วนแต่เป็นงูพิษธรรมดา หากอิงตามร่างกายของเผ่ามารแล้ว หากถูกกัดพิษก็จะไม่ออกฤทธิ์เร็วเกินไป

ก็หมายความว่า ถึงแม้จะถูกงูเหล่านี้กัด คนที่อยู่ด้านในก็จะยังไม่ตายในทันที แต่นางจะได้รับความทรมานอย่างแสนสาหัสก่อนที่จะตาย

วิธีเช่นนี้โหดเหี้ยมมาก พวกเขาเพิ่งมาถึงเพียงครู่เดียว รอบหลุมก็มีแสงมาร แวบขึ้น คนที่อยูในตำหนักก่อนหน้านี้ก็ทยอยพากันมาที่นี่

เวลานี้เองก็มีองครักษ์มารหลายคนอุ้มไหเดินไปยังหลุมงู

เมื่อพวกเขาเดินมาถึงข้างหลุมแล้วก็เปิดจุกบนปากไห แล้วเทเหล้าด้านในลงไปในหลุมงู

“นั่นคืออะไรหรือ?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามอย่างสงสัย

หรือก่อนจะดำเนินการลงทัณฑ์ต้องป้อนเหล้าให้งูก่อนงั้นหรือ ?

“ยากระตุ้น” คำตอบของซือมั่วเด็ดขาด

มู่ชิงเกอสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าลึก มองเขาอย่างตะลึง

การลงโทษนี้ยังต้องให้ยากระตุ้นแก่งูเหล่านี้ด้วย! เมื่องูโดนยากระตุ้นเข้าไปอีก เกรงว่า…

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์” ทันใดนั้น ซือมั่วก็หันมองนาง นัยน์ตาสีอำพันนั้นเหมือนมีบางอย่างไหลเวียนอยู่ในนั้น

มู่ชิงเกอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ นัยน์ตาเต็มไปด้วยคำถาม

ซือมั่วจับมือของมู่ชิงเกอแน่น ใช้นิ้วโป้งนวดบนหลังมือของนาง พูดด้วยนํ้าเสียงเปี่ยมเสน่ห์ว่า “ก่อนหน้านี้ข้าตามใจเจ้า ถึงเวลาที่เจ้าควรตามใจข้าบ้างแล้วใช่ ไหม?”

“เรื่องอะไรหรือ?” หลังมือของมู่ชิงเกอถูกเขานวดจนรู้สึกชา แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความหมายในคำพูดของเขา แต่ซือมั่วกลับไม่พูดต่อ เพียงแต่ยิ้มให้นาง “เจ้าจำเพียงว่าติดค้างข้าเรื่องหนึ่งก็พอ”

มู่ชิงเกอมองเขาอย่างสงสัย กำลังคิดจะถามก็มองเห็นองครักษ์มารหามผู้หญิงที่ถูกถลกหนังมาข้างๆ บ่องู

นางเก็บคำพูดที่กำลังจะพูดกลับ มองฉากนั้นเงียบๆ

“องค์ราชา…องค์ราชา…” เยี่ยนหย่าถูกถลกหนังออกทำให้เลือดเนื้อ เส้นเลือดรวมทั้งกระดูกถูกเผยออกมาให้เห็น

แต่นางยังคงเรียกหาแต่ซือมั่ว

มู่ชิงเกอยิ้มเย็นให้ผู้ชายข้างกาย “ดูแล้วนางรักเจ้าอย่างล้ำลึกทีเดียว!”

ซือมั่วขมวดคิ้ว พูดอย่างรังเกียจว่า “ผู้หญิงเช่นนี้ข้าเห็นมามากแล้ว”

พูดแล้วเขาก็มองมู่ชิงเกอ ความรังเกียจในแววตาจางหายไป เปลี่ยนเป็นจริงจัง “ข้ารักเพียงแค่เจ้าคนเดียว”

มู่ชิงเกอถูกสารภาพรักอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ ก็ทำให้ใบหน้าหนาๆ ของนางรับไม่ไหวอยู่บ้าง แก้มจึงอาบย้อมไปด้วยสีแดงในทันที

เยี่ยนหย่าที่อยู่ใต้แท่นไม่มีใครสงสาร

เพราะนางคิดอยากจะได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของของตนเอง

นางถูกองครักษ์มารโยนลงไปในบ่องู

เมื่อร่างกายที่เต็มไปด้วยคาวเลือดถูกโยนลงไปในบ่องู บรรดางูที่ถูกยากระตุ้นจนแทบทนไม่ไหวก็พุ่งเข้าไปหานางในทันที

“อา! ไม่! พวกเจ้าอย่าเข้ามา! อา!”

เสียงร้องโหยหวนของเยี่ยนหย่าดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ

หากเป็นคนที่เพิ่งเคยพบเห็นความโหดเหี้มเช่นนี้ เป็นครั้งแรกอาจจะกลายเป็นภาพติดตา ดีที่มู่ชิงเกอไม่ใช่นักบุญ และก็ไม่คิดจะสงสารผู้หญิงไม่ดีที่คิดจะแย่ง ผู้ชายของนาง นางมองไปยังหลุมงูอย่างเรียบเฉย เมื่อมองเห็นเยี่ยนหย่าที่ถูกงูนับหมื่นพันร่าง อยู่ๆ นางก็หมดความสนใจขึ้นมา

“ไปเถอะ” นางเสนอ

ซือมั่วค่อยๆ พยักหน้า ไม่ได้ฝืนใจนางให้ดูต่อ

เขาพานางหายตัวไปจากสายตาของกลุ่มมาร

เมื่อพวกเขาไปแล้ว บรรดามารที่อยู่รอบหลุมงูเห่าถึงได้พูดคุยกันขึ้นมา “ดูแล้วพระชายาผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ”

“พระชายาที่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจขององค์ราชาได้ จะธรรมดาได้อย่างไร?”

“พระชายาผู้นี้มาจากที่ไหนกัน?”ทุกคนต่างพากันสงสัยในที่มาของมู่ชิงเกอ แต่ซือมั่วจำเป็นต้องอธิบายให้ใครฟังด้วยหรือ? ท่าทีที่เขามีต่อมู่ชิงเกอได้พิสูจน์ทุกอย่างแล้ว ไม่ว่านางจะมีที่มาอย่างไร เพียงแค่เขาโปรดปรานนาง นางก็คือนายหญิงเพียงหนึ่งเดียวของแดนมารแห่งนี้!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version