Skip to content

พลิกปฐพี 442

ตอนที่ 442

หันหน้าสู่ทะเลแสดงความรัก

ลมทะเลสดชื่นนัก

มู่ชิงเกอยืนอยู่บนดาดฟ้า เส้นผมข้างแก้มพัดไปตามลม นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ภายในอากาศมีกลิ่นเกลือของนํ้าทะเลแต่มันก็ทำให้คนรู้สึกสดชื่นได้ในพริบตา

หลังกลับมาจากแดนมารแล้วนางก็รีบควบม้าไม่หยุดมาขึ้นเรือมุ่งหน้าไปภาคตะวันออกทันที

ระหว่างเมืองซีฝูของภาคเหนือกับเมืองอินถูของภาคตะวันออกนั้นมีทะเลกั้นอยู่ ชื่อว่าทะเลหยางไห่ เพียงแค่ข้ามทะเลนี้ไปยังเมืองอินถู จากนั้นก็ใช้ประตูมิติในเมืองไปยังเมืองชิงชางแห่งภาคตะวันออก

สำนักวิถีโอสถอยู่ข้างป่าตันเฉวียนไม่ไกลจากเมืองชิงชาง

มู่ชิงเกอวาดภาพเส้นทางในหัวเงียบๆ

‘ศิษย์พี่เหมยก็น่าจะรวมตัวกับพวกศิษย์พี่จ้าว ศิษย์พี่ซาง ศิษย์พี่จูแล้ว’ นางลอบเอ่ยในใจ นางไปที่แดนมารประมาณเดือนหนึ่งแล้ว

จะข้ามทะเลแห่งนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือน จากนั้นก็ใช้อีกประมาณครึ่งเดือนเดินทางไปสำนักวิถีโอสถ ตอนนี้นางอยู่ในทะเลมาหลายวันแล้ว ส่วนเหมยจื่อจ้งนั้นใช้ประตูมิติไปสู่ภาคตะวันออกโดยตรง ส่วนนางกลับซวย ที่สิทธิ์ใช้ประตูมิติเดือนหน้าถูกขายจนเกลี้ยง ทำให้นางต้องเปลี่ยนเป็นนั่งเรือ เมื่อคำนวณเวลาแล้ว เหมยจื่อจ้งก็คงพบกับพวกเขาทั้งสามคนแล้ว

เพื่อนเก่าพบหน้ากันอีกครั้ง…

มู่ชิงเกอยิ้มออกมา เพียงแต่ว่ายังไม่ทันยิ้มจนสุด นางก็คิดไปถึงเจียงหลีที่หายสาบสูญไป

รอยยิ้มแฝงความโศกเศร้า

นางไม่รู้ว่าตอนนี้เจียงหลีเป็นอย่างไรบ้าง และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหานางพบ…

“หวังว่าเจ้าจะสบายดี รอข้านะ” มู่ชิงเกอพึมพำออกมา ความคิดที่จะตามหาเจียงหลีไม่เคยหายไปจากใจของนางเลย

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ เจ้าให้ใครรอเจ้าหรือ?” เสียงหึงหวงของซือมั่วดังขึ้นมาในหัวของมู่ชิงเกอ ภายในนํ้าเสียงแฝงความอันตราย

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก ตอบในใจว่า “เพื่อนเก่าคนหนึ่งน่ะ เจ้าเองก็รู้จักเพียงแต่ตอนนี้เจ้าจำไม่ได้”

“เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง” ซือมั่วถามออกมาอย่างไม่ยอมแพ้

“ผู้หญิง” มู่ชิงเกออธิบายอย่างขบขัน

ตอนนี้ซือมั่วทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมากกว่าเดิม ขอเพียงเป็นสิ่งมีชีวิต หากเข้ามาใกล้นางเกินสามฉื่อก็จะถูกเขาส่งความเย็นยะเยือกออกไปทิ่มแทง ซือมั่วไม่ได้พูดต่ออีก

ครู่หนึ่งเขาถึงได้บ่นออกมาว่า “เหตุใดข้าถึงไม่สามารถออกไปเดินทางกับเจ้าได้?” เหตุใดข้าต้องรออยู่ในช่องว่าง? ข้าอยากจะร่วมชมบรรยากาศกับเสี่ยวเกอเอ๋อร์นะ”

“…” มู่ชิงเกอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งถึงได้อธิบายว่า “ข้ารับปากกู่หยาและกู่เย่แล้วว่าจะคุ้มครองความปลอดภัยของเจ้า เจ้าอยู่ในช่องว่างนั้นปลอดภัยที่สุด”

ที่สำคัญก็คือซือมั่วต้องการพักรักษาตัว ช่องว่างนั้นเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนฝึกวิชา

เพียงแต่…

มู่ชิงเกอรู้สึกแปลกใจ ในตอนที่นางพาซือมั่วเข้าไปในช่องว่างนั้น เหมิงเหมิงกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ดูเหมือนเหมิงเหมิงจะกลัวเขา

คิดไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เหมิงเหมิงมองทะลุสถานะเจ้าแห่งมารของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ มู่ชิงเกอก็รู้สึกว่าเหมิงเหมิงน่าจะรู้อะไรบางอย่าง แต่ตอนนี้นางกลับไม่มีโอกาสไปถามให้ชัดเจน

ส่วนซือมั่ว ถึงแม้จะเข้าไปในช่องว่างของนางเป็นครั้งแรก แต่ก็เงียบสงบมากไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาดเลย

จุดนี้มู่ชิงเกอสามารถเข้าใจได้ เพราะซือมั่วเองก็มีโลกของเขาเช่นกัน

“ความปลอดภัยของข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาคุ้มครอง” ซือมั่วพูดอย่างหงุดหงิด

เขาไม่คุ้นเคยกับสภาพในตอนนี้ของตนเลย

มู่ชิงเกอเอ่ยปลอบว่า “บาดแผลเก่าของเจ้าไม่สามารถใช้พลังสะกดเอาไว้ได้แล้ว ตอนนี้เจ้าไม่สามารถเร่งรีบเดินทางได้ อยู่พักรักษาตัวในช่องว่างดีที่สุดแล้ว”

“เช่นนั้นเจ้าเช้ามาอยู่เป็นเพื่อนข้า” ซือมั่วเสนอออกไป

“แค่ก” มู่ชิงเกอไอเบาๆ เหลือบมองช้ายขวา ถึงแม้จะไม่มีคนแต่นางก็ยังถูกคำพูดมีเลศนัยของซือมั่วทำให้แก้มร้อนผ่าวขึ้นมา

“เรื่องนั้นคํ่าแล้วค่อยพูดกัน’’ มู่ชิงเกอเบี่ยงประเด็น

เสียงของซือมั่วดังออกมาในทันทีว่า “ตอนนี้เสี่ยวเกอเอ๋อร์ยุ่งมากงั้นหรือ?”

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก พึมพำเอ่ยว่า “ก็ไม่ยุ่ง เพียงแต่…”

“เช่นนั้นยังจะลังเลอีกทำไม?” ซือมั่วตัดบทคำพูดของนาง

เขาเร่งไม่หยุดทำให้ความแน่วแน่ของมู่ชิงเกอถูกสั่นคลอน พูดตามจริงหากเทียบการยืนมองบรรยากาศบนดาดฟ้ากับอยู่กับซือมั่วแล้ว นางเลือกอย่างหลังมากกว่า เมื่อแน่ใจว่ารอบกายไม่มีคนสังเกตแล้ว มู่ชิงเกอก็หายตัวไปจากที่เดิม

เมื่อลืมตาอีกครั้ง ตัวนางก็เข้าไปยืนอยู่ในตำหนักภายในช่องว่าง

แล้วก็มีมือใหญ่ข้างหนึ่งโอบเอวนางจากทางด้านหลัง ดึงนางเข้าไปในอ้อมอก

อ้อมกอดด้านหลังแข็งแรงและอบอุ่นมาก

มู่ชิงเกอพิงเข้าไปในอ้อมอกด้านหลัง รับรู้ถึงกลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากร่างของเขา

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์…” ซือมั่วก้มหน้าลงไปสูดดมกลิ่มหอมสดชื่นบนผมของมู่ชิงเกอ อย่างหลงใหล เขาถูแก้มไปบนเส้นผมของมู่ชิงเกอเบาๆ ทุกครั้งที่สัมผัสก็ทำให้ เขาใจสั่นไม่อาจหยุดได้

เขาค่อยๆ ก้มหน้าลง ใช้ริมฝีปากสีแดงสัมผัสกับหูของมู่ชิงเกอและกระซิบเบาๆ ว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ที่แต่งกายเป็นชายก็น่าหลงใหลมาก”

มู่ชิงเกอรับรู้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่รินรดใบหู ยังมีความชาหนึบที่เกิดจากริมฝีปากสัมผัสกันเบาๆ ทำให้ร่างกายแข็งทื่อขึ้นมา สองมือที่โอบรอบเอวของนางเริ่มซุกซนขึ้นมา

‘ข้าก็ว่าแล้ว!’ มู่ชิงเกอพึมพำในใจ ใช้สองมือคว้ามือใหญ่ที่กำลังซุกซนอยู่ตรงเอวของตนเองไว้

เพียงแต่นางเพิ่งจะหยุดการบุกรุกของมือใหญ่ได้สำเร็จ ติ่งหูซ้ายของนางก็ถูกซือมั่วขบเม้ม

มู่ชิงเกอเบิกตากว้างสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ส่งมาจากหูซ้าย

“บนของสิ่งนี้มีกลิ่นอายของข้า” ซือมั่วปล่อยติ่งหูที่แดงกํ่า แล้วกระซิบที่ข้างหูนาง

ไร้ยางอาย!

ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!

มู่ชิงเกออดไม่ได้ ดึงมือของเขาลง แล้วดิ้นออกมาจากอ้อมอกของเขา

เขาทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเอาเปรียบนาง แต่ยังหาเหตุผลให้ตนเองอีก?

เมื่อมองเห็นใบหน้ามืดทะมึนของมู่ชิงเกอแล้ว นัยน์ตาของซือมั่วก็ฉายแววไร้เดียงสา เอ่ยถามว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ เป็นอะไรไป?”

มู่ชิงเกอตอบอย่างไม่พอใจว่า “ใช่สิ เครื่องมือมายาชิ้นนี้เจ้าเสริมพลังให้ข้า แน่นอนว่าต้องมีกลิ่นอายของเจ้าอยู่แล้ว”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!” ซือมั่วยิ้มออกมา แต่กลับทำให้มู่ชิงเกอไม่แน่ใจว่าเขาสงสัยจริงๆ หรือว่าแกล้งกันแน่!

“แต่ว่า…” ซือมั่วยกมือขึ้น ใช้นิ้วมือเรียวยาวสัมผัสหูซ้ายของมู่ชิงเกอแล้วก็ใช้นิ้วนวดคลึงเบาๆ

สัมผัสนี้เหมือนกับมีสายฟ้าแล่นผ่านร่างกายของมู่ชิงเกอทำให้ร่างกายนางสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

นางมองผู้ชายที่กำลังยั่วยวนนางไม่หยุดด้วยความโมโห

แต่ซือมั่วกลับทำเหมือนไม่รู้ว่านางกำลังโมโห ยังคงนวดคลึงต่อไป

ลมหายใจของมู่ชิงเกอถี่กระชั้น นางเคยต้องพ่ายแพ้เช่นนี้เมื่อไหร่กัน?

นัยน์ตาสดใสฉายแววดุดัน

สายฟ้าเส้นเล็กบางทะลุผิวหนังของนางออกมาพุ่งไปที่นิ้วของซือมั่ว อยู่ดีๆ ก็มีสายฟ้าโจมตีเข้ามาที่นิ้ว ทำให้ซือมั่วรีบถอนมือกลับในทันที

เขาลูบๆ ปลายนิ้ว มองมู่ชิงเกออย่างแปลกใจ นัยน์ตาสีอำพันฉายแววดีใจ “ที่แท้เสี่ยวเกอเอ๋อร์มีรากวิญญาณสายฟ้าโดยกำเนิด!”

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก เรื่องนี้แต่เดิมซือมั่วก็รู้ แต่มาตอนนี้กลับเหมือนได้เห็นเป็นครั้งแรก นัยน์ตาของมู่ชิงเกอมืดมนลง ทำให้ซือมั่วเก็บรอยยิ้มกลับ เขาโอบมู่ชิงเกอเข้ามาในอ้อมอกเบาๆ มองนาง แล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์กำลังโทษที่ข้าลืมเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าไปใช่หรือไม่ ?”

“ไม่ใช่” มู่ชิงเกอตอบอย่างไม่ลังเล นางจะโทษซือมั่วได้อย่างไร?

จะโทษก็ต้องโทษหลียวนคนนั้น

“แต่ข้าก็ยังรู้สึกผิดต่อเสี่ยวเกอเอ๋อร์อยู่ดี ข้าทำให้เจ้าเสียใจใช่ไหม?” ซือมั่วเอ่ย ปลายนิ้วของเขาสัมผัสเบาๆ ที่แก้มของมู่ชิงเกอ ไล่มาที่คอสัมผัสขึ้นและลงเหมือนกำลังนวด เครื่องมือมายาทุกชนิดเป็นเพียงวิธีปิดบังสายตาชั้นสูงชนิดหนึ่งก็เท่านั้น ของที่ถูกอำพราง ดวงตาอาจมองว่าเป็นของจริง แต่เมื่อใช้มือสัมผัสก็จะรู้ได้ว่าจริงหรือเท็จ แต่ใครบนโลกนี้จะสามารถใกล้ชิดมู่ชิงเกอได้อย่างซือมั่วอีก?

ซือมั่วลูบไล้ไปมาคล้ายตั้งใจและไม่ตั้งใจทำให้มู่ชิงเกอโมโหขึ้นมา

นางข่มความรู้สึกรุ่มร้อนในร่างกาย ดันซือมั่วไปที่เตียงใหญ่แล้วกดตัวลงบนร่างของเขา ใช้ท่อนแขนกดขวางลงตรงหน้าอกของเขา ไม่ให้เขาเคลื่อนไหว

“ข้าขอเตือนเจ้า อย่าหยอกข้า! หรือยั่วยวนข้าอีก!” มู่ชิงเกอขบฟันพูดกับผู้ชายใต้ร่างอย่างแค้นเคือง

ซือมั่วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยิ้มบางๆ “หากว่าข้าทำต่อเล่า?”

นัยน์ตาสีอำพันของเขาซ่อนความขบขันและคาดหวังเอาไว้

ถึงเขาจะจำไม่ได้ แต่ในใจกลับชอบที่เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาเริ่มต้นเองเช่นนี้ “ต่องั้นหรือ?” มู่ชิงเกอยิ้มเยาะ มองเขาอย่างดุดัน แล้วก็พูดข่มขู่ว่า “เช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้าพักผ่อนให้ดี!”

พักผ่อน?

พักผ่อนอย่างไร?

นัยน์ตาของซือมั่วเต็มไปด้วยความสงสัย ในตอนที่เขากำลังสงสัยนั้น มู่ชิงเกอก็ใช้นิ้วเชยคางของเขาขึ้นมา แล้วจูบลงไปที่ริมฝีปากสีแดงของเขา

มู่ชิงเกอที่เป็นฝ่ายเริ่มเองเช่นนี้ทำให้นัยน์ตาของซือมั่วฉายแววยินดี

ความอ่อนนุ่มและอ่อนโยนของหญิงสาวทำให้เขาชื่นชอบจนไม่อยากปล่อยมือ อยากจะเกี่ยวพันกับนางเช่นนี้ไปตลอด ร่างกายของเขาค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้นมา เขา กำลังรอคอยเรื่องสนุกที่กำลังจะมาถึง

เขาไม่เคยคิดเลยว่าการถูกผู้หญิงกดเอาไว้ใต้ร่างจะมีความสุขขนาดนี้

และที่มาของความสุขก็เพราะผู้หญิงที่กดอยู่บนร่างของเขานั้นคือเสี่ยวเกอเอ๋อร์ หากว่าเปลี่ยนเป็นคนอื่น…

หึ…

มู่ชิงเกอจูบซือมั่ว นางไม่ค่อยเป็นคนเริ่มเช่นนี้บ่อยนัก

ซือมั่วไล้มือไปมาบนร่างกายของนางอย่างไม่รู้ตัว

แต่ในตอนที่มือของเขาสัมผัสโดนจุดอ่อนไหวบนร่างของนาง มือของเขาก็ถูกนางคว้ากลับมาแล้วกดลงบนเตียง ทำให้ขยับไปไหนไม่ได้

ซือมั่วรู้สึกขบขันในใจ

เขาไม่ได้ตอบโต้ แต่โอนอ่อนผ่อนตามมู่ชิงเกอ

เขาอยากจะดูว่าเสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาจะใจกล้าได้ถึงขั้นไหน เขาคาดหวังมาก

การจูบอย่างลึกซึ้งนี้ทำให้ซือมั่วมึนเมา ได้สูดดมกลิ่มหอมดึงดูดใจทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยนํ้าแข็งของเขาเริ่มอบอุ่นขึ้นมา ความรู้สึกนี้ทำให้เขาไม่อยากปล่อยมือ แม้จะต้องสูญเสียทุกอย่างไปก็ตาม

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์…อย่า…อย่าเอาแต่…จูบ…อย่าง เดียว…,” ซือมั่วถูกมู่ชิงเกอกระตุ้นจนร่างกายอึดอัดขึ้นมา ผิวหนังรุ่มร้อน ความรู้สึกของร่างกายแสดงออกมาอย่างซื่อสัตย์

เขาต้องการมากกว่านี้…มากกว่านี้…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version