Skip to content

พลิกปฐพี 443

ตอนที่ 443

ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ!

ซือมั่วมึนเมาอยู่ในจูบของมู่ชิงเกอ วาดฝันสู่จินตนาการอันหอมหวาน

แต่ในตอนที่เขาคลายความระวังลงนั่นเอง สายฟ้ากลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้าไปในร่างกายของเขา ทำให้จิตใต้สำนึกของเขาเข้าสู่สภาวะหลับลึกทันที

เมื่อผู้ชายใต้ร่างถูกไฟฟ้าช็อตจนหมดสติแล้วมู่ชิงเกอถึงได้ผละออกจากริมฝีปากที่ถูกนางจูบจนบวมเจ่อนั่น

มู่ชิงเกอมองใบหน้าสงบนิ่งของเขา ใบหน้าหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกไม่ยินยอมนั้นทำให้นางอดยิ้มอย่างมีความสุขขึ้นมาไม่ได้

มู่ชิงเกอจูบเบาๆ บนริมฝีปากของเขาอีกครั้งก่อนลงมาจากร่างกายของเขา ยืนขึ้นแล้วจัดเสื้อผ้าของตนเอง นางควบคุมสายฟ้าได้ดีมาก สามารถทำให้ซือมั่วหลับ ไปตื่นหนึ่งได้อย่างสบายๆ จะได้ทำให้เขาเลิกคิดเหลวไหลทุกครั้งที่มีเวสาว่างเสียที มู่ชิงเกอดึงมุมผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ซือมั่ว จากนั้นก็จัดผมให้เขา…

วันนี้ซือมั่วไม่ได้มัดผม ทำให้ผมสีดำของเขาแผ่กระจายอยู่กลางหลังราวกับผ้าต่วนสีดำ ส่วนชุดสีดำบนร่างก็สวมเพียงหลวมๆ

“นอนพักผ่อนสักงีบเถอะ” นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววขบขัน ก้มลงไปจูบหน้าผากของเขาอีกครั้งถึงได้ออกไปจากช่องว่าง

เมื่อออกมาปรากฎบนดาดฟ้าอีกครั้ง บนดาดฟ้าก็ยังไม่มีคนเหมือนเดิม

แต่ท้องฟ้ากลับมีการเปลี่ยนแปลง

มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำทะมึน แล้วก็เกิดความสงสัย

นางเข้าไปในช่องว่างเพียงแค่พริบตาเดียว เหตุใดท้องฟ้าที่สดใสถึงได้เปลี่ยนเป็นดำทะมึนเช่นนี้ได้?

ครืน!

ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าฟาดลงมายังผิวทะเล

พลังทำลายล้างพร้อมด้วยแสงสว่างแสบตาทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน

นํ้าทะเลที่เคยเรียบนิ่งเริ่มเกิดคลื่นขนาดใหญ่ เรือที่ลอยอยู่ในทะเลเริ่มแกว่งไปมา

มู่ชิงเกอจับราวเอาไว้แน่น ร่างกายโคลงเคลงไปพร้อมกับเรือ นางขมวดคิ้วน้อยๆ ‘เกิดอะไรขึ้น?’

ตอนนี้เองก็มีเสียงเตือนดังมาจากด้านหลังของนาง

“นี่! เหตุใดเจ้าถึงยังยืนอยู่ที่นี่อีก? รีบกลับไปห้องโดยสารของเรือเร็ว!”

มู่ชิงเกอหันกลับไปก็เห็นว่าคนที่พูดก็คือคนควบคุมเรือ ซึ่งกำลังถือหางเสือเอาไว้อย่างแน่นหนา เขายืนอยู่ด้านหน้าเรือ สองเท้าดุจหิน ใส่พลังจิตลงไปในเรือ เชื่อมร่างกายของตนเองเข้ากับตัวเรือ

เส้นเลือดที่หน้าผากของเขาปูดนูนขึ้นมา เพียงมองก็รู้ทันทีว่าเขากำลังใช้พลังทั้งหมดเพื่อควบคุมทิศทางเรือเอาไว้ไม่ให้เรือเปลี่ยนทิศและไม่ยอมให้เรือพลิกควํ่าไปกับคลื่น

“ยังจะดูอะไรอีก? ข้ารับเงินจากเจ้าก็ต้องพาเจ้าไปส่ง ถึงอีกฝั่งอย่างปลอดภัย! รีบกลับไป” คนคุมเรือเห็นมู่ชิงเกอมองมาทางเขาแต่ไม่ขยับตัว จึงตะโกนออกมา

บางทีอาจจะเป็นเพราะสถานการณ์ที่ยํ่าแย่ในตอนนี้ทำให้เสียงของเขาแฝงด้วยความร้อนรน มู่ชิงเกอก็ไม่ได้สนใจ หันกายเดินไปทางห้องโดยสารเรือ ทะเลหยางไห่ค่อนข้างจะแปลกประหลาด เพราะไม่ว่านกหรืออสูรเวหาก็บินอยู่กลางอากาศไม่ได้ มิเช่นนั้น นางคงขี่เสี่ยวไฉ่ไปแล้ว ไหนเลยจะต้องมาลำบากเช่นนี้ อีก?

ท่าเรือในทะเลหยางไห่ มีเรือที่คอยส่งคนไปสู่ภาคตะวันออกทุกวัน แล้วก็รับคนภาคตะวันออกมาภาคเหนือ ส่วนราคาของเรือก็ถูกกว่าราคาประตูมิติ

ดังนั้น เรือจึงเป็นพาหนะโดยสารอย่างที่สองระหว่างภาคเหนือและภาคตะวันออก

มู่ชิงเกอเพิ่งเดินเข้ามาในห้องโดยสาร ก็ได้ยินเสียงที่ข้างหูว่า “ไอ้หยา” จากนั้นก็มีเงาร่างผอมเพรียวล้มเข้ามาที่อ้อมอกของตนเอง

มู่ชิงเกอยื่นมือออกไปพยุงเงาร่างที่ล้มมาที่ตนเองอย่างกะทันหันเอาไว้ ขวางไม่ให้นางล้มเข้ามาในอ้อมอกของตนเอง

“ขอบ…อา…”

ภายในห้องโดยสารสั่นไหวไปตามคลื่นขนาดใหญ่ คนๆ นั้นยังไม่ทันพูดจบก็ร้องออกมาอย่างตกตะลึง พุ่งเข้าไปในอ้อมอกของมู่ชิงเกอ

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอวาววาบ ออกแรงพยุงสองแขนของนางมากขึ้น จัดท่าร่าง หลีกเลี่ยงการพุ่งเข้ามาชนของนาง

เวลานี้เองเรือก็ค่อยๆ สมดุลขึ้น

คนที่ถูกเขย่าไปมาจนเวียนหัวภายในห้องโดยสารถึงยืนได้อย่างมั่นคง

“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ” เสียงของผู้หญิงดังขึ้นที่ข้างกายของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอมองออกไปถึงได้พบว่า ผู้หญิงที่พุ่งเข้ามายังตนเอง กำลังพูดกับตนเองอยู่ นางพิจารณาผู้หญิงตรงหน้า ถือเป็นสาวงามที่หาได้ยากคนหนึ่ง

ที่สำคัญก็คือนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ทำให้คนรู้สึกว่านางไม่ใช่ผู้หญิงที่เสแสร้งทำเป็นอ่อนแอ

“ไม่ต้องเกรงใจ” มู่ชิงเกอปล่อยมือ ค่อยๆ ถอยไปหนึ่งก้าวเพื่อสร้างระยะห่าง

จากประสบการณ์มากมายก่อนหน้านี้ ทำให้ตอนนี้มู่ชิงเกอเรียนรู้ที่จะสร้างระยะห่างจากทั้งผู้ชายและผู้หญิง เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด

นางเพียงเหลือบมองแล้วก็ถอนสายตากลับ ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็กำลังพิจารณามู่ชิงเกออยู่เช่นกัน บางทีอาจเป็นเพราะรูปโฉมที่โดดเด่นของมู่ชิงเกอทำให้นางตกตะลึง นางมองอยู่นาน สองแก้มแดงก่ำขึ้นมา

“แค่ก” มู่ชิงเกอถูกนางมองจนทำตัวไม่ถูก อดไอออกมาไม่ได้

ส่วนผู้หญิงคนนี้กลับไม่ได้รู้สึกกระดากใจเพราะเรื่องนี้เลย เพียงโต้กลับมาหนึ่งประโยคว่า “คุณชาย ท่านรูปงามจริงๆ”

มู่ชิงเกอชะงัก หลุบตาลงแล้วพูดว่า “ขอบคุณ”

พูดจบแล้วนางก็หันกายเดินเข้าไปในส่วนลึกของห้องโดยสาร

ผู้โดยสารภายในห้องโดยสารไม่ได้มีเพียงนางแค่คนเดียว บวกกับผู้หญิงคนเมื่อครู่และคนอื่นๆ แล้วก็มีเกือบยี่สิบสามสิบคน ดีที่ห้องโดยสารใหญ่พอ

เพียงแต่นี่ไม่ใช่เรือหรูหราอะไร เป็นเพียงแค่เรือโดยสาร ดังนั้นห้องใต้ท้องเรือจึงเล็กมาก พอให้แค่คนๆ เดียวนั่งขัดสมาธิได้เท่านั้น สิ่งที่ดีเพียงอย่างเดียวก็คือห้องเหล่านี้แยกกัน เมื่อปิดประตูแล้วก็จะเป็นห้องปิดตาย

สามารถปิดกั้นการรบกวนจากคนอื่นได้ มู่ชิงเกอเดินลงไปชั้นล่าง ไม่คิดจะอยู่รวมกับคนอื่นที่นี่

ที่ข้างหูมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์แผ่วเบาดังแว่วมาทำให้นางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนทะเลหยางไห่ ทำไมอยู่ๆ ฟ้าถึงเปลี่ยนสี

“ข้าเคยได้ยินมานานแล้วว่าอากาศในทะเลหยางไห่นั้น เหมือนกับสีหน้าของเด็กน้อย เปลี่ยนไปมาตามใจ วันนี้ถึงได้สัมผัสด้วยตาตนเอง”

“ใช่! พวกที่กล้าทำการค้าบนทะเลหยางไห่ก็ต้องมีความสามารถจริงๆ ต้องคุ้นเคยกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปมาบนทะเลหยางไห่เป็นอย่างดี”

“เหตุใดข้าได้ยินมาว่าภายในก้นทะเลหยางไห่มีสัตว์อสูรยักษ์ดุร้ายอยู่ตัวหนึ่ง ทุกครั้งที่มันพลิกตัว บนผิวนํ้าก็จะเกิดคลื่นยักษ์ ทุกครั้งที่มันคำรามด้วยความโมโห ท้องฟ้าบนทะเลหยางไห่ก็จะเกิดฟ้าร้องและฟ้าผ่า หากไม่ใช่คนที่ชำนาญเส้นทาง อาจจะไหลไปตามนํ้าทะเล เข้าสู่ปากของสัตว์อสูรยักษ์ได้”

“เรื่องเล่านี้ข้าก็เคยได้ยินมา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นแค่เรื่องเล่า หลายปีมานี้มีใครบ้างที่เคยเห็นสัตว์อสูรยักษ์?”

“ฮ่ะ เรื่องเล่าก็ไม่ใช่ว่าสร้างขึ้นลอยๆ อย่างน้อยก็ต้องใกล้เคียงกับความจริงบ้าง”

“เอาละ อย่าพูดเลย วันนี้พวกเราล้วนอยู่บนเรือ มองในแง่ดีได้หรือไม่? อากาศแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องปกติในทะเลหยางไห่ และก็มีเรือน้อยลำที่เกิดเรื่อง”

“ไม่ผิด ไม่ผิด! ก่อนข้าจะขึ้นเรือก็ได้ฟังเรื่องของคนคุมเรือของพวกเรามาบ้าง เขานั้นข้ามทะเลหยางไห่ไปมาหลายร้อยปีแล้ว มีประสบการณ์มากมาย”

มู่ชิงเกอเดินลงบันได เสียงพูดคุยที่ข้างหูก็ค่อยๆ จางลง ไม่ว่าจะเป็นอากาศเปลี่ยนแปลงตามปกติหรือสัตว์อสูรยักษ์ในตำนาน นางก็ไม่ได้กังวลใจ ตอนที่นางข้ามทะเลแห่งทุกข์นั้นนางมีกำลังเพียงแค่นั้นก็ยังฆ่าฉวีอวี้ได้ ตอนนี้นางอยู่ระดับสีทองแล้วยังจะกังวลเรื่องสัตว์อสูรยักษ์ไปทำไมอีก?

อีกอย่างไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพียงแค่ปกป้องตนเองได้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว

ขณะที่กำลังเดินลงไปด้านล่าง อยู่ๆ มู่ชิงเกอก็สัมผัสได้ว่ามีคนตามมา

นางหยุดฝีเท้าลงและหันมองไป ถึงได้พบว่าคนที่ตามตนเองมานั้นก็คือผู้หญิงที่นางเพิ่งช่วยดึงเอาไว้เมื่อครู่ เดิมทีผู้หญิงคนนี้ลอบตามหลังมู่ชิงเกอมาเงียบๆ เมื่อ คนตรงหน้าหยุดและหันกลับมาอย่างกะทันหันจึงทำให้นางตกใจ เกิดความรู้สึกเหมือนถูกจับได้ขึ้นมา

“เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้ตามเจ้ามานะ” นางรีบอธิบาย นางกลัวว่ามู่ชิงเกอจะไม่เชื่อจึงเอ่ยต่อว่า “ทางเข้าไปด้านล่างมีเพียงเส้นทางเดียว ข้าก็ไม่อยากอยู่รอบนนั้นต่อ”

มู่ชิงเกอหันกลับไปเงียบๆ เดินต่อไปข้างหน้า ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ตามมาข้างหลังนางต่อ

จนกระทั่งมู่ชิงเกอเดินมาถึงหน้าประตูห้องตนเองแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ยังตามมา จนเกือบจะชนเข้ากับแผ่นหลังของมู่ชิงเกอ

“อา!” หญิงสาวรีบถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง ไม่ได้ชน

มู่ชิงเกอมองนาง เหมือนกำลังสอบถาม

มุมปากของผู้หญิงคนนั้นกระตุกเบาๆ อธิบายกับมู่ชิงเกอว่า “ห้องของข้าอยู่…ด้านหน้า”

มู่ชิงเกอพยักหน้า ออกแรกผลักประตูห้องของตนเอง ก้าวเข้าไปแล้วก็ปิดประตูลงภายใต้สายตาของผู้หญิงคนนั้น

เสียงปิดประตูและแผ่นหลังที่หายไปจากสายตาทำให้ผู้หญิงที่อยู่นอกประตูชะงัก นางมองประตูแล้วบ่นว่า “จำเป็นต้องระวังข้าถึงขนาดนี้เลยหรือ? ข้าไม่ได้จะกิน เจ้าเสียหน่อย!”

หลังจากพูดแล้วนางถึงได้เดินผ่านประตูห้องของมู่ชิงเกอไปด้านหน้าต่อ

ถัดจากห้องที่มู่ชิงเกออยู่ไปสามห้อง ผู้หญิงคนนั้นก็หยุดลงเปิดประตูและเดินเข้าไป

มู่ชิงเกอยืนพิจารณาภายในห้องเล็กๆ อยู่ครู่หนึ่ง

นัยน์ตาของนางไม่มีร่องรอยของความรังเกียจ แต่กลับนั่งสมาธิลง เตรียมฝึกวิชา

การเดินทางไปแดนมารในครั้งนี้ ทำให้นางต้องการจะพัฒนาระดับพลังและความสามารถของตนเอง นางพบว่าศัตรูของนางนั้นต่อกรยากมากขึ้นตามพัฒนาการของตนเอง

ดังนั้น…ไม่ขยันไม่ได้!

แต่นางยังไม่ทันได้เข้าสู่สภาพการฝึกวิชาเต็มตัว ตัวเรือใต้ร่างนางก็เริ่มสั่นไหวขึ้นมาอย่างรุนแรง

การสั่นไหวในครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อนมาก ราวกับได้ ยินเสียงแตกร้าว ตัวเรือโคลงเคลงไปมาราวกับจะพลิกควํ่า เรือลำนี้ราวกับจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ครืน!

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นบนท้องทะเลราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงนี้ทำให้หัวใจคนสั่นสะท้าน

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วยืนขึ้นมา มองผ่านทางหน้าต่างออกไปด้านนอก เห็นคลื่นยักษ์บนทะเลทำให้สีนํ้าทะเลขุ่นขึ้นมา สีท้องฟ้าก็มืดครึ้มลง ราวกับตกเข้าสู่ความมืดมิด

ปัง ปัง ปัง!

เวลานี้เองก็มีคนมาเคาะประตูด้านหลังนางอย่างรุนแรง

มู่ชิงเกอโบกมือทำให้ประตูเปิดออกแล้วก็มีเงาร่างสายหนึ่งพุ่งเข้ามา

ครั้งนี้มู่ชิงเกอไม่ได้ยื่นมือเข้าไป แต่กลับมองเงาร่างสายนั้นถลาลงไปบนเตียงเล็กๆ ในห้อง คนที่มาก็คือผู้หญิงคนนั้น นางเงยหน้าขึ้นมองมู่ชิงเกอ ท่าทางของนางดูหวาดกลัวมากพร้อมพูดอย่างรวดเร็วว่า “เรือลำนี้คงฝืนอีกไม่ได้นานแล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version