Skip to content

พลิกปฐพี 478

ตอนที่ 478

มอบหม้อผลาญสวรรค์ออกมา!

เสี่ยวไฉ่ร่อนลงพื้นแล้วมู่ชิงเกอก็กระโดดลงจากหลังของมัน

นางเก็บเสี่ยวไฉ่กลับเข้าช่องว่างแล้วก็มองไปยังกลุ่มคนที่ไล่ตามนางมา อสูรเวหาเหล่านี้พุ่งนี้เข้ามาในหมอกสีขาวหนาแน่น คนที่ขี่อยู่บนอสูรเวหาสวมชุดคลุมสีดำ บนใบหน้ามีหน้ากากปิดบังรูปโฉมของตนเองไว้อย่างหนาแน่น

คนที่ไล่ตามนางมามีถึงสามสี่ร้อยคน!

มู่ชิงเกอหรี่ตาลง หันหน้าวิ่งไปทางหมอกหนาแน่น

ส่วนคนใส่หน้ากากที่เดิมทีขี่บนหลังอสูรเวหาก็พากันกระโดดลงจากหลังอสูรเวหามาไล่ตามนาง ในมือพวกเขาล้วนแต่ถืออาวุธ มองไปแล้วดูดุร้ายมากคงไม่ได้มาถามทางนางอย่างแน่นอน!

ถํ้าจิ่วเฉวียนเป็นสถานที่อันตรายที่มีชื่อเสียงของภาคตะวันออก

ที่นี่มีขอบเขตหลายร้อยลี้ และเต็มไปด้วยถํ้าและหลุมต่างๆ ภายในถํ้ามีถํ้าและหลุม ซึ่งแต่ละหลุมก็เชื่อมต่อกัน มีบางหลุมอยู่บนพื้น มีบางหลุมก็อยู่ใต้พื้นดิน เป็นเหมือนกับเขาวงกต ส่วนภายในซ่อนอะไรไว้นั้นก็ไม่มีใครรู้

ส่วนที่เรียกว่าจิ่วเฉวียน ก็เป็นเพราะที่นี่มีตานํ้าพุร้อนเก้าแห่งทุกๆแห่งนั้นมีผลลัพธ์แตกต่างกัน

พูดกันว่าหากดื่มนํ้าในบ่อแล้วจะทำให้รูปโฉมงดงาม ชะลออายุให้เยาว์วัยไปตลอดกาล มีบางบ่อที่เป็นยาพิษหากสัมผัสเพียงหยดเดียวก็จะทำให้ท้องทะลุ มีบางบ่อสามารถรักษาเนื้องอก และก็มีบางบ่อที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้

แต่จิ่วเฉวียนก็ลึกลับมากยากที่จะหาพบ ถึงแม้จะหาพบแล้วก็ไม่สามารถแน่ใจถึงผลลัพธ์ของนํ้าพุร้อนได้ เพราะว่าหากมองเผินๆ แล้วบ่อนํ้าพุร้อนทั้งเก้าจะเหมือนกัน

หมด ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย

ไอหมอกเหล่านี้ มีคนพูดว่าพุ่งขึ้นมาจากจิ๋วเฉวียนแล้ว ก็ยังมีคนพูดว่าภายในถํ้านั้นมีสัตว์อสูรประหลาดพ่นไอหมอกออกมา

สรุปแล้วมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับถํ้าจิ๋วเฉวียนมากมาย ใครก็ไม่รู้ว่าอันไหนคือเรื่องจริง

เดิมทีถํ้าจิ๋วเฉวียนก็ลึกลับอยู่แล้ว เมื่อถูกหมอกสีขาวปกคลุมตลอดเวลาก็ยิ่งทำให้ดูลึกลับเป็นพิเศษ

เท้าของมู่ชิงเกอเหยียบอยู่บนหินขัดสีทอง กระโดดไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ภายในหมอกหนาด้านหลังของนาง กลุ่มคนเหล่านั้นยังไล่ตามมาไม่ยอมถอย

พื้นถํ้าจิ่วเฉวียนเต็มไปด้วยหินสีทองเหล่านี้ หินเหล่านี้นั้นเรียบลื่นมาก ดูเหมือนเป็นถาดที่กองซ้อนกันอยู่บนพื้น

การเดินทางอยู่บนถํ้าจิ่วเฉวียน จำเป็นต้องระมัดระวังมากเพราะอาจจะตกลงไปในถํ้าและหลงเข้าไปในเขาวงกตได้ง่ายๆ

“ถึงกับกระโดดเข้าสู่ถํ้าจิ๋วเฉวียนเลยหรือ! ไล่ตามไป!”

คนที่สวมหน้ากากสีทองส่งเสียงแหบไม่น่าฟังออกมาสั่งการลูกน้องที่สวมหน้ากากสีเงินเหล่านั้น เมื่อเสียงของเขาหลุดออกมาบรรดาคนในหน้ากากสีเงินสามสี่ร้อยคน ก็พุ่งตัวออกมาจากซ้ายและขวาของเขาเพิ่มความเร็วไล่ตามเงาร่างสีแดงที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในหมอกหนาด้านหน้า

มู่ชิงเกอไม่ได้หันหน้ากลับไปมอง เพียงแต่เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ท่าก้าวดาราก่อกำเนิดใต้เท้าของนางเปลี่ยนเป็นคลุมเครือ ทำให้เงาร่างของนางเกิดเป็นเหมือนเงาภาพลวงตา

ตามจริงนางสามารถหลบเข้าไปอยู่ในช่องว่างได้

แต่เมื่อใช้ช่องว่างนางก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ หากนางหลบเข้าไปก็ได้แต่หยุดอยู่ที่เดิม คนเหล่านี้ดูเหมือนต้องการไล่ล่านางให้ได้ จะต้องไม่จากไปง่ายๆ แน่นอน

หากเป็นเช่นนั้นแล้ว นางไปหลบอยู่ในช่องว่างจะมีความหมายอะไร?

‘ยังไม่ถึงขั้นนั้น!’ มู่ชิงเกอเม้มริมฝีปากแล้วพูดกับตนเองในใจ

ตอนนี้ระดับพลังของนางอยู่ที่ระดับสีทองขั้นหนึ่ง หากว่าต้องหนีทุกครั้งที่พบกับการไล่ฆ่าก็เหมือนเป็นการทำให้การฝึกปรือของตนเองฝึกมาอย่างเสียเปล่าน่ะสิ

‘อย่างน้อยก็ต้องรู้ถึงจุดมุ่งหมายของพวกเขาก่อน ว่าจะเหมือนกับที่คาดคิดเอาไว้หรือไม่!’ มู่ชิงเกอหรี่ตาลง ทันใดนั้นนางก็หยุดลงแล้วหันกลับไป

นางกำมือขวา แสงสีทองวาบขึ้น ทวนหลิงหลงถูกนางกำไว้ในมือ

เพิ่งจะเตรียมทุกอย่างเสร็จ คนสวมหน้ากากเหล่านั้นก็พุ่งเข้ามาถึงตรงหน้าแล้ว

บึ้ม!

ทันใดนั้นบนร่างของมู่ชิงเกอก็มีเปลวไฟลุกขึ้นโอบล้อมรอบกายนาง ฉากนี้ทำให้คนใส่หน้ากากที่ไล่ตามมาหยุดเท้าลง นัยน์ตาที่อยู่ด้านหลังหน้ากากฉายแววตกตะลึง

เมื่อเปลวไฟถอยออกไปก็ปรากฎชุดเกาะสีแดงงดงามบนร่างของมู่ชิงเกอ

นางหรี่ตาลง ความอำมหิตในดวงตาพุ่งออกไป ชูทวนหลิงหลงขึ้นมาแล้วชี้ไปทางคนใส่หน้ากากเหล่านั้น

ฆ่า!

คนใส่หน้ากากถืออาวุธพุ่งเข้ามา

คนห้าหกสิบคนพุ่งเข้ามาต่อสู้กับมู่ชิงเกอ

พลังจิตเปล่งแสงวาบวาบ มู่ชิงเกอถึงได้รู้ว่าคนกลุ่มนี้ล้วนแต่เป็นยอดฝึมือระดับสีเงิน!

‘ระดับสีเงิน! คนระดับสีเงินห้าหกสิบคนและยังมีอีกนับร้อยที่ยังไม่ได้ขยับนั้น เป็นใครกันแน่ ถึงได้ทุ่มทุนลงแรงขนาดนี้!’ มู่ชิงเกอโบกสะบัดทวนหลิงหลง ทั้งต่อสู้และคิดในใจ

คนใส่หน้ากากที่เหลือไล่ตามมาถึงและโอบล้อมมู่ชิงเกอเอาไว้

ทันใดนั้นเงาคนก็แยกออก หัวหน้าที่ใส่หน้ากากสีทอง สวมผ้าคลุมสีดำเดินออกมายืนอยู่ตรงหน้าของกลุ่มคน มองฉากการต่อสู้ที่ดุเดือด

“ส่งมอบหม้อผลาญสวรรค์ออกมาแล้วจะไว้ชีวิตเจ้า!” คนใส่หน้ากากสีทองพูดออกมา

นํ้าเสียงแหบไม่น่าฟังดูเหมือนกับถูกยาพิษกัดเซาะ

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว เลียงเช่นนี้นางฟังก็รู้แล้วว่าใช้ยาพิเศษเปลี่ยนเสียงมา

คนที่มาไล่ฆ่านางไม่เพียงแต่ซ่อนอยู่หลังหน้ากาก ปกคลุมทั้งร่างกาย แต่ยังใช้ยาพิเศษเปลี่ยนเสียงของตนเองอีกด้วย หากไม่ใช่เป็นคนที่นางรู้จักและสามารถเดาเสียงออกได้ ก็ต้องเป็นคนที่มีสถานะไม่ธรรมดา ไม่อาจทำเรื่องที่ชั่วร้ายเช่นนี้อย่างโจ่งแจ้งได้ จึงได้แต่ปกปิดตัวตน! นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววหนักอึ้ง

ที่สำคัญก็คือคนเหล่านี้มาเพราะหม้อผลาญสวรรค์จริงๆ!

มุมปากของมู่ชิงเกอปรากฎรอยยิ้มเย็นออกมา

นางจะปล่อยให้ของของนางถูกแย่งไปง่ายๆ ได้อย่างไร?!

เหมือนทวนหลิงหลงจะรู้ความคิดของเจ้านายจึงส่งเสียงสดใสออกมา แสงอันเย็นยะเยือกบนปลายทวนขยับ ทุกครั้งที่ตวัดออกไปก็จะได้มาหนึ่งชีวิต

มู่ชิงเกออยู่ระดับสีทอง เมื่อต่อสู้กับระดับสีเงินกลุ่มนี้ก็ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร

เมื่อคนเหล่านี้ต้องการจะฆ่านางก็ต้องเตรียมตัวที่จะถูกฆ่าด้วย!

อา!

“อัก!”

เสียงร้องก่อนตายดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง คนห้าหกสิบคนที่รุมโจมตีมู่ชิงเกอ ล้มลงไปกับพื้นถึงสามสี่สิบคนอย่างรวดเร็ว เลือดไหลลงเต็มพื้น สีแดงเปื้อนไปบนหินอันแปลกประหลาดของถํ้าจิ่วเฉวียน

คนที่เหลืออีกสิบกว่าคนไม่กล้าโจมตีต่อ ทำได้แต่โอบ ล้อมมู่ชิงเกอ นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัว ถอยหลังไปไม่หยุด

แต่พวกเขาเพิ่งถอยไปได้ไม่กี่ก้าว ด้านหลังก็ปรากฎแสงออกมาสิบกว่าสายฟันเข้าด้านหลังของพวกเขา

เสียงร้องดังขึ้นมาอีกครั้ง

สุดท้ายแล้วคนสิบกว่าคนนี้ก็ไม่ได้ตายภายใต้เงื้อมมือของมู่ชิงเกอ แต่กลับตายภายใต้เงื้อมมือของเพื่อนตนเอง

“ใครหนี ฆ่า!” คนใส่หน้ากากสีทองพูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต

เสียงของเขาเงียบสงบมาก ดูเหมือนชีวิตของคนสิบกว่าคนนี้สำหรับเขาแล้วไม่มีค่าอะไรเลย

มู่ชิงเกอยืนอยู่ที่เดิม ใต้เท้าของนางนอกจากซากร่างแล้วก็คือรอยเลือด นางยืนตรงผมยาวปลิวไสวเอง กลิ่นอายอันดุดันของทวนหลิงหลงแผ่กระจายออกมา ทำให้นางในตอนนี้ดูเหมือนกับเทพแห่งสงคราม

ใบหน้าของนางเคร่งขรึมมาก มองไปยังคนใส่หน้ากากสีทองคนนั้น

“ระดับสีทองชั้นหนึ่ง ดูแล้วที่มาครั้งนี้ข้าเตรียมตัวได้ไม่ผิด” คนใส่หน้ากากสีทองคนนั้นพูดขึ้นมา ฟังจากนํ้าเสียงดูเหมือนจะคุ้นเคยกับความสามารถของมู่ชิงเกอดี

คนที่คุ้นเคยกับนางจะมาเพื่อหม้อผลาญสวรรค์งั้นหรือ?

จะเป็นใคร…

“ส่งหม้อผลาญสวรรค์ออกมาแล้วเจ้าจะสามารถเดินออกไปจากที่นี่ได้ หากว่าต่อต้านเจ้าก็ต้องทิ้งชีวิตไว้ที่ถํ้าจิ่วเฉวียนนี้” คนใส่หน้ากากสีทองพูดขึ้นอีกครั้ง

มู่ชิงเกอยิ้มเยาะ “เจ้าฝันไปเถอะ”

นัยน์ตาของคนใส่หน้ากากสีทองฉายแววเย็นชาเสียดกระดูก สบถอย่างเย็นชาว่า “ไม่รู้ดีชั่ว!”

แต่คำนี้กลับทำให้มุมปากของมู่ชิงเกอปรากฎรอยยิ้มเยาะขึ้นมา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความดูแคลนและเยาะเย้ย “แค่พวกหนูที่ไม่กล้าใช้ใบหน้าจริงของตนเองมาเผชิญหน้า ทำได้แต่ร้องอย่างโอหังอยู่ในมุมมืด คิดจะทำให้ข้ายอม เจ้ากำลังมองตัวเองสูงไปหรือว่ามองข้าตํ่า ไปกันแน่?”

“รนหาที่ตาย!” คนใส่หน้ากากสีทองพูดอย่างโมโห

ก่อนหน้านี้เขายังแสดงท่าทีสูงส่งออกมา แต่มาตอนนี้กลับถูกมู่ชิงเกอทำให้โมโหได้อย่างง่ายดาย

นัยน์ตาของเขาฉายไอสังหาร ทั้งเสียงที่แหบพร่าไม่น่าฟังก็เต็มไปด้วยไอสังหารเช่นเดียวกัน

“ใครรนหาที่ตายยังไม่แน่!” มู่ชิงเกอพูดยั่วยุ นางไม่ได้ถามว่าพวกเขาเป็นใคร ในเมื่อพวกเขาปิดบังตัวตนเอาไว้อย่างหนาแน่นขนาดนั้น ก็หมายความว่าไม่อยากให้คนรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร

ตอนนี้ที่มู่ชิงเกอจงใจยั่วให้หัวหน้าคนนั้นโกรธก็คิดจะให้เขาเผยพิรุธออกมา เพื่อที่นางจะสามารถระบุสถานะที่แท้จริงของเขาได้!

คำพูดของมู่ชิงเกอทำให้คนใส่หน้ากากสีทองโมโหมาก เขาโบกมือให้คนใส่หน้ากากด้านหลังอีกร้อยคนพุ่งเข้าไปหามู่ชิงเกอ

กองกำลังกลุ่มนี้เห็นได้ชัดว่าดีกว่าก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าจะมีระดับพลังสูงกว่าสีเงินชั้นสี่ นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง ท่าทีดูเคร่งเครียดขึ้นมา

กำลังของคนที่ไล่ฆ่านางนั้นล้วนแต่สูงกว่าบรรดาตระกูลเล็กๆ เสียอีก

นี่ก็แสดงให้เห็นได้ชัดแล้วว่า กำลังของคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นยิ่งใหญ่มากกว่าที่นางเห็นในตอนนี้ไม่รู้กี่เท่า! สามารถมีกำลังเช่นนี้ในโลกแห่งยุคกลางได้นั้นต้องมีความสามารถขนาดไหนกัน?

การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้งแต่มู่ชิงเกอก็ยังได้เปรียบอยู่

คนในหน้ากากสีทอง ดูเหมือนจะไม่ได้คิดจะฆ่ามู่ชิงเกอให้ตายในทันที ยังคิดจะแกล้งเขาเล่น หลังจากทรมานเขาแล้วก็ค่อยๆ บีบบังคับให้เขาส่งหม้อผลาญสวรรค์ออกมา

“ยอมเสียเถอะ เจ้าหนีไม่พ้นหรอก ข้าไม่กลัวที่จะบอกเจ้าว่าแม้เจ้าจะฆ่าคนเหล่านี้ไปจนหมด แต่ชะตาชีวิตของเจ้าในวันนี้ก็ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว” คนในหน้ากากสีทองใช้คำพูดทำลายกำลังใจของมู่ชิงเกอ

แต่มู่ชิงเกอกลับไม่ได้รับอิทธิพลใดๆ กลับกันนางที่อยู่ในการต่อสู้ ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งคล่องมือ ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งฮึกเหิมขึ้น ดูเหมือนว่าระดับสีเงินที่ถูกส่งมาเหล่านี้มาช่วยนางฝึกซ้อมกระบวนท่าให้ใช้ได้คล่องมือมากยิ่งขึ้น

ส่วนนางก็พร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากหินลับมีดเหล่านี้

นัยน์ตาของคนในหน้ากากสีทองฉายแววดุดันอำมหิตมากยิ่งขึ้น

เขาหรี่ตาลง เพิ่มความรุนแรงขึ้น เขายกมือขึ้นโบก คนสิบกว่าคนเดินมาถึงข้างกายของเขา

“มู่ชิงเกอ!” ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนออกมา

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววดุดัน ใช้ทวนแทงคนหนึ่งคนแล้วก็มองมาทางเขา

เห็นเพียงคนใส่หน้ากากสีทองออกแรงกำมือ คนสิบกว่าคนที่ยืนอยู่ข้างซ้ายและขวาของเขา ก็เผยพลังจิตสีทองออกมาพร้อมกัน ความแข็งแกร่งของพลังจิตไม่อ่อนแอไปกว่านางเลย

“มองเห็นหรือยัง? พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับพลังสีทองชั้นสองถึงชั้นสามจำนวนสิบกว่าคน มาต่อกรกับเจ้าคนเดียว เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะสามารถหนีรอดได้หรือ?” คนใส่หน้ากากสีทองพูดออกมา ภายในนํ้าเสียงปิดบังความได้ใจเอาไว้ไม่มิด

เขาอยากจะเห็นความหวาดกลัวหรือตกตะลึงบนใบหน้าของมู่ชิงเกอ แต่เขาก็พบว่าในตอนที่มู่ชิงเกอมองเห็นกำลังของฝ่ายเขาและก็ได้ยินคำพูดที่เขาพูดแล้ว กลับเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วก็ถอนสายตากลับไป สนใจการต่อสู้ต่อ

อะไรที่ทำให้พวกที่ระดับพลังสูงกว่าโมโหตายได้น่ะหรือ ก็คือการไม่สนใจเจ้าอย่างไรเล่า?!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version