ตอนที่ 505
หนึ่งปี
“กล้าคิดเหลวไหลกับผู้หญิงของข้า พวกเจ้ารนหาที่ตาย!”
เสียงดุดันเย็นชาดังลงมาจากฟ้า ชั่วขณะนั้นบรรดาคนใต้กำแพงก็รู้สึกเหมือนมีภูเขากดทับลงมา ความกดดันบนไหล่ สายลมคมปลาบที่ไร้รูปร่างกำลังทิ่มแทงผิวหนังของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
“อ๊าก!”
มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนทนไม่ไหวส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา
ด้านล่างเต็มไปด้วยเสียงร้องระงม
มีเพียงคนจำนวนน้อยมากเท่านั้นที่สามารถต้านทานการกัดกร่อนจากพลังนี้ได้ แต่ก็ต้องกัดฟันแน่นจนเส้นเลือดเขียวปูดนูนถึงจะสามารถไม่ส่งเสียงร้องออกมา
เช่น อิ๋งเจ๋อจีเหยาฮั่ว เหยาชิงไห่…และเว่ยมั่วลี่
พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางผู้คน ต้านทานพลังที่โผล่เข้ามาอย่างกะทันหันใบหน้าเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูอย่างมาก
“เป็นใครกันถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้!” เซิ่งอวี้หลีถูกกดดัน จนล้มลงชันเข่าข้างเดียวลงกับพื้น เขาฝืนทนต่อความเจ็บปวดกัดฟันพูดออกมา
แม้จะเป็นเช่นนี้เขาก็ยังปกป้องฉินอี้เหยาเอาไว้ก่อนที่จะคุกเข่าลงไป ช่วยนางแบ่งเบาพลังกดดันไปไม่น้อย
เจี่ยงเทียนเฮ่าก็อยู่ข้างกายเขา ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาสักเท่าไหร่
เขาพยายามเงยหน้าขึ้นมองไปบนฟ้า ดูเหมือนคิดจะหาว่าเสียงดังมาจากไหน
“เป็นมหาปราชญ์!” ฉินอี้เหยาที่ถูกเซิ่งอวี้หลีคุ้มครองเอาไว้พูดออกมา
คำพูดของนางเพิ่งจะหลุดออกไป เงาร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำสนิทก็เหมือนจะแหวกฟ้าก้าวออกมา ใช้นัยน์ตาที่ดูเย็นชาไร้ความรู้สึกกวาดมองทุกคนด้านล่างกำแพง ในแววตาแฝงไปด้วยไอสังหาร
พริบตาเดียวทุก คนก็รู้สึกเหมือนตัวเองตกเข้าไปในถํ้านํ้าแข็ง หนาวเย็นไปทั้งร่าง ขยับไม่ได้ทำได้แต่ปล่อยไปตามชะตากรรม
‘เขาเป็นใคร?’
‘เหตุใดถึงมีไอสังหารที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้?’
‘แข็งแกร่งมาก! ความแข็งแกร่งของคนคนนี้ดูเหมือนจะเหนือกว่าทุกอย่าง!’
‘คำพูดก่อนหน้านี้ของเขานั้นหมายความว่าอย่างไร?’
‘คนที่แข็งแกร่งเช่นนี้เป็นเทพมาจากไหนกัน?’
การปรากฎตัวของซือมั่วทั้งยังมีพลังกดดันจากเขา ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแต่ลืมรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่ธรรมดาของเขาและถูกพลังของเขาทำให้ตกตะลึงไป
“หรือเขาจะเป็นคนในใจของชิงเกอ?” จีเหยาฮั่วจับหน้าอก ข่มความเจ็บปวดพูดกับอิ๋งเจ๋อที่อยู่ข้างกาย
อิ๋งเจ๋อเม้มปากแน่น ออกแรงพยักหน้า
คำพูดที่อหังการนั่นก็ไม่ใช่ว่าเปิดเผยทุกอย่างแล้วหรือ?
“ข้ารู้สึกว่าคนคนนี้คุ้นตามาก แต่กลับนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน” ทันใดนั้นจีเหยาฮั่วก็พูดออกมา
แต่เขาเพิ่งพูดจบ ภายในหัวก็เหมือนมีแสงวาบผ่าน ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ “อา! เป็นเขา! บนทุ่งหญ้าอัสดง คนลึกลับที่ทำเอาข้าเกือบตายคนนั้น!”
คำพูดของเขาทำให้นัยน์ตาของอิ๋งเจ๋อหดตัวลง มองซือมั่วอย่างตกตะลึง
ซือมั่วกวาดตามองทุกคนแวบหนึ่ง แล้วก็ก้าวอีกก้าวท่ามกลางความหวาดกลัวของทุกคน เงาร่างหายไปชั่วขณะ และเมื่อปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งก็ไปยืนอยู่บนกำแพงข้างกายมู่ชิงเกอ
“เจ้ามาได้อย่างไร!” มู่ชิงเกอมองซือมั่วที่มาปรากฎตัวอยู่ที่นี่อย่างแปลกใจ หลุดปากเอ่ยออกไป
ซือมั่วกลับยกยิ้มเย็น ยื่นแขนยาวออกไปโอบเอวของมุ่ชิงเกอ แล้วดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดของตนเองพูดด้วยนํ้าเสียงที่ดูอันตรายว่า “อย่างไรกัน? เสี่ยวเกอเอ๋อร์ไม่อยากให้ข้าปรากฎตัวอยู่ที่นี่งั้นหรือ? หรือจะบอกว่าการปรากฎตัวของข้าทำให้การเลือกคู่ของเจ้าเมืองมู่ต้องล่าช้าไป?”
มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก กัดฟันอธิบายว่า “นี่เป็นแค่ข่าวลือ!”
“เช่นนั้นเสี่ยวเกอเอ๋อร์ไม่คิดถึงข้าบ้างหรือ? กลับมาจากแม่นํ้ารั่วก็ไม่มีเวลาว่างมาพบข้าเลย” ซือมั่วกอดมู่ชิงเกอไว้แน่นกระซิบบอกถึงความไม่พอใจของเขา
เขารออยู่ด้านนอกถึงสามปีกว่าจะได้พบกับคนที่เขาเฝ้าคิดถึง!
“ไม่ใช่ว่าข้าส่งจดหมายให้เจ้าแล้วงั้นหรือ?” มู่ชิงเกอพึมพำ
เพียงแค่นางออกมาก็ส่งข่าวให้ซือมั่วทันที จะพูดได้อย่างไรว่าไม่คิดถึงเขา อีกทั้งสองวันมานี้กระดิ่งก็ไม่ได้ดังแค่เพียงครั้งเดียวกระมัง
“แต่ในข่าวที่เจ้าส่งมาก็ไม่ได้พูดถึงผู้ชายด้านล่างเหล่านี้ นี้” ซือมั่วชี้มือไปยังผู้คนที่ถูกพลังของเขากดดันเอาไว้ด้านล่าง แขนเสื้อกว้างตกลงอย่างเป็นธรรมชาติ
มู่ชิงเกอพูดอย่างหมดทางเลือกว่า “วันนี้ข้าก็กำลังจะแก้ไขเรื่องนี้อยู่”
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ตั้งใจจะอธิบายอย่างไร?” ซือมั่วเอ่ยถาม
มู่ชิงเกอยักไหล่ “ยังสามารถอธิบายอย่างไรได้อีก? ก็พูดอย่างชัดเจนว่าข้าไม่ได้มีความคิดจะเลือกคู่ ทุกอย่างล้วนแต่เป็นเพียงข่าวลือที่ไม่มีมูลเท่านั้น”
“คำอธิบายนี้ไม่ดี” ซือมั่วขมวดคิ้ว
“เช่นนั้นเจ้ามีแผนดีๆ หรือไม่?” มู่ชิงเกอเลิกคิ้วมองเขา
ซือมั่วหัวเราะขึ้นมา
เพียงแต่ในรอยยิ้มของเขากลับทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกถึงแผนการบางอย่าง
“ข้าก็อยู่นี้แล้วไม่ใช่หรือ? เจ้าประกาศไปตรงๆ เลยว่าข้านั้นเป็นคู่หมั้นของเจ้า เพียงเท่านี้ก็สามารถหยุดความคิดของคนพวกนี้ลงได้แล้ว?” ซือมั่วหัวเราะ
มู่ชิงเกอหรี่ตามองเขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็คล้ายไม่ยิ้ม
ซือมั่วกอดนางแน่นขึ้นพูดเสียงเบาว่า “เดิมทีข้าอยากจะฆ่าคนเหล่านี้ให้หมดไปซะ”
มู่ชิงเกอหมดคำจะพูด ผู้ชายคนนี้กำลังข่มขู่นางงั้นหรือ?
แต่เรื่องในวันนี้ถูกเขาก่อกวนเช่นนี้ใต้หล้านี้จะยังมีใครไม่รู้อีกว่านางมีคู่หมั้นแล้ว?
มู่ชิงเกอยิ้มอย่างขมขื่น เดิมทีนางก็ไม่อยากจะประกาศเรื่องส่วนตัวของตนเองให้คนอื่นรู้ แต่เมื่อมองเห็นท่าทีของคนด้านล่างกำแพงแล้ว คงไม่อาจนิ่งเงียบต่อไปได้
นางคิดในใจ ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่านางมีคู่หมั้นก็ไม่ใช่ว่าจะมีอะไรที่ไม่ดี
อย่างน้อยเรื่องในวันนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก นางก็จะลดปัญหาลงไปได้เยอะ ที่สำคัญก็คือสามารถทำให้ผู้ชายตรงหน้าวางใจได้
คิดแล้วก็ไม่มีอะไรเสียหาย มู่ชิงเกอพยักหน้าพูดกับซือมั่วว่า “เจ้าคลายพลังกดดันให้พวกเขาก่อนเถอะ”
“เจ้าตกลงแล้ว!” นัยน์ตาสีอำพันของซือมั่วเผยร่องรอยของความดีใจออกมา
มู่ชิงเกอพยักหน้ายิ้มแล้วเอ่ยว่า “เดิมทีนี่ก็ไม่ใช่ความลับอะไร”
คำพูดของนางทำให้ซือมั่วเผยรอยยิ้มดีใจออกมา
เขาโบกมือใหญ่คลายพลังกดดันบนร่างของทุกคน
ความผ่อนคลายอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนด้านล่างกำแพงรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยภาระหนักอึ้งลง พวกเขาลอบถอนหายใจโล่งอก เงยหน้าขึ้นไปมองไปยังคู่รักที่กำลังกอดกระซิบกันอยู่ ชั่วขณะนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ไม่ว่าจะเป็นคนที่มาเพราะมู่ชิงเกอหรือว่ามาเพราะฐานอำนาจเบื้องหลังนาง ตอนนี้ล้วนแต่คิดในใจว่า สีดำและสีแดงสองสายนี้ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ!
ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน คนที่สามยากที่จะเข้าไปสอดแทรกได้
“หล่อมาก!” ในตอนนี้เองก็มีคนสังเกตเห็นใบหน้าอันงดงามสมบูรณ์แบบของซือมั่ว
แม้จะห่างออกไปไกล มองเห็นไม่ชัดแต่ก็ยังทำให้คนรู้สึกว่าหล่อเหลาจนน่าตกตะลึงอยู่ดี
ดูเหมือนว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา พวกเขานั้นจะกลายเป็นแค่เพียงคนธรรมดา ส่วนเขานั้นคือเทพที่อยู่สูงขึ้นไป!
“ผู้ชายหล่อเหลาเช่นนี้สนิทกับเจ้าเมืองมู่ขนาดนี้หรือว่า…”
“ยังจะมีหรือว่าอะไรอีกเล่า? ไม่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่หรืออย่างไร?”
“คำพูดอะไร?”
“ท่านผู้นี้พูดว่าเจ้าเมืองมู่นั้นเป็นผู้หญิงของเขา!”
“อา!”
ใช่ เมื่อครู่นี้พวกเขาได้ยินแล้ว
‘ที่แท้เจ้าก็มีคนในใจแล้วงั้นหรือ?’ มองดูเงาร่างสองสายที่เหมาะสมกันแล้ว ภายในใจของเหยาชิงไห่ก็เกิดความรู้สึกขมขื่นขึ้นมา
หานฉายไฉ่ยืนอยู่ในกลุ่มคนมองไปยังใบหน้าที่แฝงรอยยิ้มเขินอายของมู่ชิงเกอแล้วก็พึมพำออกมาว่า “มีเพียงต่อหน้าเขาเท่านั้นหรือเจ้าถึงจะเผยความเอียงอายอย่างผู้หญิงเช่นนี้ออกมา?”
เว่ยมั่วลี่ก็มองคนทั้งคู่บนกำแพง ในดวงตาที่สงบนิ่งของเขาไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
มู่ชิงเกอหันมา สายตากวาดลงไปใต้กำแพง นางพูดขึ้นว่า “ทุกท่าน ข้าไม่รู้ว่ามีข่าวลือมาจากที่ไหน แต่วันนี้พวกท่านก็ได้เห็นแล้ว…”
นางชี้ไปที่ซือมั่วแล้วพูดเสียงดังอย่างไม่รู้สึกเก้อกระดากว่า “นี่คือผู้ชายของข้ามู่ชิงเกอ อดีต ปัจจุบัน อนาคตก็จะมีแค่เพียงเขาเท่านั้นที่จะสามารถยืนอยู่ข้างกายของข้าได้ ดังนั้นพวกท่านแยกย้ายกันกลับไปเถอะ”
ทุกคนตะลึง!
ที่ตะลึงนั้นไม่ใช่เพราะมู่ชิงเกอพูดว่าตนเองมีคู่หนั้นแล้ว แต่ตะลึงที่นางเป็นผู้หญิงคนหนึ่งกลับกล้าพูดคำพูดที่ใจกล้าเช่นนี้ออกมาได้!
‘เจ้าเมืองมู่ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาจริงๆ!’
ผู้คนด้านล่างพากันเอ่ยในใจ
ซือมั่วไม่สนใจว่าคนด้านล่างจะตกตะลึงแค่ไหน เขาพึงพอใจกับคำพูดของมู่ชิงเกอมาก เขาหัวเราะขึ้นเสียงดัง กอดมู่ชิงเกอแล้วก็ก้มหน้าลงจูบที่ริมฝีปากของนาง
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ ข้าดีใจมาก” เขาแสดงความรู้สึกของตนเองอย่างไม่เกรงกลัว
ส่วนมู่ชิงเกอกลับถูกการบุกโจมตีนี้ของเขาทำให้อายจนหน้าแดงดูมีเสน่ห์งดงามมาก
ภาพคนสองคนจูบกันตกอยู่ในสายตาของทุกคน พริบตาเดียวก็มีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่หัวใจแตกสลายหล่นกระจายลงบนพื้น เวลานั้นพวกเขารู้สึกตกตะลึงในความใจกล้าของทั้งสองคนนี้มาก!
เจ้าเมืองมู่ผู้โด่งดังมีชื่อเสียงก้องไปทั้งโลกแห่งยุคกลางนั้นมีเจ้าของแล้ว?!
พวกเขาถูกองครักษ์เขี้ยวมังกร ‘คุ้มก้น’ ออกไปจากลั่วซิงเฉิงพร้อมกับความเสียใจและตกตะลึง
มู่ชิงเกอกับซือมั่วจากไปพร้อมกันในวันที่สอง
นางพูดว่านางอยากไปฝึกฝนในช่องว่างที่พวกหวงฝู่ฮ่วนพูดถึง ซือมั่วก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ เพียงแต่คืนนั้นเขาก็ได้เสนอขอค่าตอบแทนล่วงหน้า ทั้งยังทวงคืนความคิด
ถึงภายในสามปีนี้ของเขา
มู่ชิงเกอเร่งรีบกลับมาแล้วก็จากไปอย่างเร่งรีบ
ฝีเท้าของนางไม่เคยหยุดนิ่ง คอยก้าวเดินบนเส้นทางของผู้แข็งแกร่งต่อไปเรื่อยๆ
เวลาหนึ่งปีไม่ยาวและก็ไม่สั้น
ภายในช่องว่างสีเลือด ฝูงสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่สีแดงสะท้อนตาสายนั้น พวกมันอ้าปากกว้าง ท่าทางดุร้ายเต็มไปด้วยไอสังหารอันอำมหิต ความโหดเหี้ยมอำมหิตเต็มไปทั่วทุกมุม
ทวนยาวสีเงินแทงทะลุเข้าไปในกลุ่มสัตว์อสูร เกิดเป็นเลือดสาดกระจาย มาพร้อมกับเสียงล้มลงกับพื้นของสัตว์อสูรอย่างต่อเนื่อง
“ทวนดูดวิญญาณ!” เสียงสดใสน่าฟังของผู้หญิงดังขึ้น
จากนั้นภายในช่องว่างสีแดงก็เกิดฉากระเบิดอันงดงาม
ทุกที่ที่มีเงาทวนวาบผ่านจะต้องมีเปลวไฟลุกโชน สัตว์อสูรนับไม่ถ้วนตัวระเบิดออกเหมือนดอกไม้ไฟ
พลังทำลายอันทรงพลังดูเหมือนจะเกินกว่าขอบเขตที่ช่องว่างจะรับไหว
เพียงได้ยินเสียง ‘แครก’ หลายเสียงดังขึ้นแล้วทั้งช่องว่างก็แตกกระจายเหมือนเศษกระจกกลายเป็นแสงดาว
พริบตาเดียวมู่ชิงเกอก็ยืนอยู่ในสถานที่ที่งดงามดุจภาพวาดและมีกลิ่นอายเซียนล้อมรอบ
ข้างหูยังมีเสียงนกร้องดูเงียบสงบ มู่ชิงเกอยืนอยู่ที่เดิม ทวนหลิงหลงยังอยู่ในมือ บนร่าง กายนางดูเหมือนจะยังมีไอสังหารอยู่ ร่างของนางเปื้อนไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ดูไม่เข้ากับทุกอย่างของที่นี่เลยแม้แต่น้อย
แต่เงาร่างสีดำที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ในป่ากลับทำให้ใจที่ตึงเครียดในหนึ่งปีนี้ของนางผ่อนคลายลงในพริบตา
ผู้ชายหล่อเหลาใต้ต้นไม้ คิ้วงามดุจภาพวาดคลายออกอย่างผ่อนคลาย ยิ้มให้นางอย่างเอ็นดู “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ มาสิ”