ตอนที่ 521
หลุมฝังศพ
ภูเขาค่ายกลเหมือนอยู่ใต้เท้า มู่ชิงเกอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนได้เห็นภูเขาอาคมทั้งหมดเหล่านั้นปรากฎอยู่ตรงหน้าของนาง ภูเขายังเป็นภูเขาลูกนั้น และก็เหมือนไม่ใช่ภูเขาลูกนั้น นัยน์ตาสดใสปรากฎวิธีคำนวณอันซับซัอนนับพันนับหมื่นแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
นางเบิกตากว้าง ไม่ยอมพลาดอะไรไปแม้แต่นิด คิดจะจดจำอาคมที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้ในใจ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าในร่างกายของตนเองมีของอะไรบางงอย่างแตก ดัง แกรก ขึ้นมา พลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่งพุ่งผ่านทุกส่วนของร่างกายนางในพริบตา
สองเท้าเพิ่งจะสัมผัสพื้นดิน มู่ชิงเกอก็รีบนั่งสมาธิในทันที หลับตาลงเข้าสู่สภาวะฝึกปรือ
ด้านหลังของนาง ซีเซียนเสวี่ยปรากฎตัวอยู่ข้างกายของนางก่อน ตามมาด้วยเว่ยมั่วลี่ จีเหยาฮั่ว เหยาชิงไห่และ อิ๋งเจ๋อสี่คน พวกเขาแบ่งกันตกลงข้างกายของมู่ชิงเกอ เมื่อมองเห็นท่าทางฝึกปรือของนางแล้วก็ล้วนชะงักไป
“ชิงเกอนาง…”
“เกรงว่าชิงเกอคงจะทะลวงขอบเขต พวกเราอย่าไปรบกวนนาง” ซีเซียนเสวี่ยส่งเสียงตัดบทพูดของจีเหยาฮั่ว
“นางจะทะลวงขอบเขตอีกแล้ว! ไม่วิปริตขนาดนี้จะได้หรือไม่!” จีเหยาฮั่วอดพูดออกมาไม่ได้
สายตาที่มองมู่ชิงเกอเต็มไปด้วยความอิจฉา!
เหยาชิงไห่ยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหน้า “ข้าละทิ้งความคิดที่จะแข่งขันกับนางนานแล้ว มิเช่นนั้นข้าคงสงสัยว่าตนเองมีชีวิตอยู่ทำไม”
ประโยคนี้ของเขาลํ้าลึกจนจีเหยาฮั่วเห็นด้วย ชูนิ้วโป้งให้เขา
ฟิ้ว
เสียงของทั้งสองคนเพิ่งจะหลุดออกไป บริเวณที่มู่ชิงเกอนั่งสมาธิก็มีแสงสีทองลวดลายลึกลับสาดกระจายออกมา ลวดลายเหมือนดอกบัวเปล่งแสงสีทองโอบคลุมมู่ชิงเกอเอาไว้ภายใน
สีทองศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนรอบกายนางมีชั้นสีทองทาบอยู่ ทำให้รูปโฉมที่งดงามของนางเพิ่มความสูงส่งสง่างามเข้ามาเหมือนเทพ
ภาพเช่นนี้ทำให้ทั้งห้าคนชะงักถูกตรึงอยู่กับที่
“หลังจะระดับสีทองชั้นหกแล้วจะทะลวงเป็นอะไร?” จีเหยาฮั่วเอ่ยถาม
คนที่เอ่ยตอบเขาเป็นซีเซียนเสวี่ย “ระดับข้ามผ่าน”
คำถามคำตอบระหว่างสองคน ที่จริงแล้วการแบ่งระดับขอบเขตนี้พวกเขาล้วนแต่รู้ดีในใจ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็ยังทำให้พวกเขาอดถามออกมาไม่ได้ ระดับข้ามผ่าน…ระดับข้ามผ่าน…
คนที่สามารถเข้าไปสู่ระดับข้ามผ่านได้นั้นล้วนถูกเรียกว่าปีศาจเฒ่า! เพราะว่าคนเหล่านั้นล้วนแต่มีอายุหลายร้อยปี หรือนับพัน นับตั้งแต่โบราณมา ยังไม่เคยมีใคร ทะลวงขอบเขตสู่ระดับข้ามผ่านภายในช่วยอายุร้อยปีมาก่อน
ที่สำคัญก็คือ มู่ชิงเกอเพิ่งจะอายุได้ยี่สิบกว่าปีเท่านั้นยัง ไม่ถึงสามสิบปี
ความสำเร็จของนาง…
“นางไม่สามารถถูกเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของรุ่นเยาว์แล้ว อิงตามพรสวรรค์และความเร็วในการฝึกปรือของนาง ความสามารถของนางนั้นไม่เคยมีใครสามารถทำได้มาก่อน” อิ๋งเจ๋อเอ่ยเสียงเข้ม
ประโยคนี้ คิดจะโต้กลับก็ไม่มีทางโต้กลับ
ทั้งห้าคนมองมู่ชิงเกอเงียบๆ ถอนหายใจในใจ มองเห็นคนๆ หนึ่งที่เคยสู้ตนเองไม่ได้แต่กลับเหนือลํ้าตนเองได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปีสั้นๆ ทั้งยังข้ามผ่านจุดที่ตนเองหวังเอาไว้ ความรู้สึกนี้ช่างซับซ้อนยิ่งนัก
ทันใดนั้นแสงสีทองก็ถูกมู่ชิงเกอเก็บเข้าไปในร่างกาย ลวดลายสีทองลึกลับใต้ร่างของนางก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น บรรยากาศรอบกายไม่เหมือนดั่งแต่ก่อน
“ชิงเกอ ข้ายอมเจ้าแล้ว แค่เจ้าคลายอาคมก็สามารถทะลวงขอบเขตได้!” จีเหยาฮั่วยิ้มอย่างขมขื่นเอ่ยออกมา
มู่ชิงเกอยิ้ม “โชคดีเท่านั้น”
ส่วนเป็นโชคดีหรือไม่นั้น ในใจของนางรู้ดี เพียงแต่ของที่ไร้ร่องรอยเช่นนี้นางยากจะอธิบายให้จีเหยาฮั่วฟังได้
“ชิงเกอ ตอนนี้เจ้าเข้าไปในระดับข้ามผ่านก็ต้องเตรียมรับเคราะห์อัสนี แต่เจ้าเพิ่งจะเข้าสู่ระดับข้ามผ่านเคราะห์อัสนีอันแรกจะไม่มาเร็วเกินไป ข้าเคยเห็นบันทึก ในตำหนักเทพระบุว่าหลังจากเข้าสู่ระดับข้ามผ่านแล้ว เคราะห์อัสนีอันแรกที่มาเร็วที่สุดก็คือหนึ่งปี” ซีเซียนเสวี่ยเตือนมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”
เคราะห์อัสนีสามครั้ง รากวิญญาณแสดงประตูสวรรค์ปรากฎ ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสของนางและก็เป็นโอกาสของคนอื่น
มู่ชิงเกอยืนขึ้น
จีเหยาฮั่วเข้าไปใกล้อย่างสนใจ แล้วเอ่ยว่า “ชิงเกอ หลังเข้าไปในระดับข้ามผ่านแล้ว มีอะไรต่างไปจากระดับสีทองบ้าง?”
“ที่แตกต่าง…ก็คือรู้สึกว่าพลังจิตเปลี่ยนเป็นเหนียวแน่นขึ้น เส้นเลือดที่ส่งพลังจิตก็กว้างขึ้นและหนาขึ้น ดูเหมือนสามารถสัมผัสวิถีที่ไม่แน่นอนบางอย่างได้ รับรู้ถึงกฎของสรรพสิ่ง แต่ก็เหมือนจะไม่รู้สึกอะไรเลย” มู่ชิงเกอพูดสิ่งที่ตัวเองรู้สึกอย่างจริงจัง
“ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับข้ามผ่าน ส่วนปีศาจเฒ่าราคีธนูกลับผ่านเคราะห์อัสนีถึงสามรอบแล้ว รอแค่เพียงสิทธิ์แห่งเทพและประตูสวรรค์ก็สามารถโผบินได้” อิ๋งเจ๋อพูดในทันใด
มู่ชิงเกอมองเขา พยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าเข้าใจ ข้าจะไม่ชะล่าใจ” นางฟังออกว่าอิ๋งเจ๋อกำลังเตือนนาง ห้ามชะล่าใจเพราะทะลวงขอบเขต
พวกปีศาจเฒ่าที่เข้ามาในสุสานเทพดูเหมือนจะผ่านเคราะห์อัสนีมาแล้วทั้งหมดมีเพียงจำนวนครั้งที่ผ่านเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน ทุกครั้งที่ผ่านเคราะห์อัสนีก็จะนำ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาให้
“ในเมื่อชิงเกอทะลวงขอบเขตสำเร็จแล้ว พวกเราก็ไปต่อเถอะ ตอนนี้ดูแล้วในที่สุดพวกเราก็เดินออกจากภูเขาค่ายกลได้” เหยาชิงไห่มองไปรอบด้าน
ตอนนี้พวกเขายืนอยู่บนยอดหน้าผาแห่งหนึ่ง ใต้เท้าของพวกเขาดูเหมือนเป็นโลกใบใหม่
“พวกเรากระโดดลงจากหน้าผาชัดๆ เหตุใดถึงพลิกกลับมาอยู่ยอดภูเขาได้?” จีเหยาฮั่วเอ่ยอย่างสงสัย
มู่ชิงเกอเอ่ยตอบว่า “อาคมอันสุดท้ายนั้นเป็นอาคมตรงข้ามอันหนึ่ง พวกเราดูเหมือนว่าขึ้นภูเขาแต่ในความเป็นจริงพวกเรากำลังลงจากภูเขา”
“ดังนั้น พวกเรากระโดดลงหน้าผาถึงได้กลายเป็นทางออกของอาคม” อิงเจ๋อมองมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอพยักหน้า
ซีเซียนเสวี่ยหยิบเข็มทิศเวลาออกมา มองแล้วก็พูดกับทั้งห้าคนว่า “พวกเราเข้ามาได้หนึ่งเดือนสามวันแล้ว”
เร็วมาก! เวลาผ่านไปถึงหนึ่งในสามส่วนแล้ว!
นัยน์ตาของทุกคนหดตัวลง ต้องรู้ว่าพวกเขายังไม่ทันได้เข้าไปในสุสานเลย
“ดูท่าต้องเร่งเวลาแล้ว” มู่ชิงเกอพูด
จุดมุ่งหมายของนางก็คือสิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นและสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีเป็น ทางเลือกตามที่ซือมั่วพูดถึง
ดังนั้นเกรงว่านางต้องใช้เวลานานกว่าคนธรรมดาไปหา
ใช่แล้ว! นางยังต้องหาสิทธิ์แห่งเทพของเทพบรรพบุรุษตระกูลซางเพื่อเปลี่ยนสายเลือดตระกูลซางใหม่!
ความเร็วของทั้งหกคนรวดเร็วมาก เดินจากยอดเขาลงมาผ่านหุบเขาลำธารและในที่สุดก็มาถึงโลกอันสดใส
“ที่นี่เป็นห้องสุสานของสุสานเทพงั้นหรือ?” จีเหยาฮั่วเอ่ย ที่นี่ใช้ฟ้าดินเป็นสุสาน ฝังไว้กับภูเขาและแม่นํ้า โลงศพถูกมัดด้วยโซ่ขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ระหว่างเสาหิน เสาหินนั้นเหมือนคํ้าระหว่างฟ้าและดิน มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
นํ้าตกที่แขวนอยู่กลางอากาศ ยาวนับพันลี้ไม่รู้ว่ามาจากไหนและไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสและนํ้าพุสีเหลืองล้วนแต่รวมอยู่ในนั้น
ภูเขาซับซ้อนสีเขียวขจี ดอกไม้ใบหญ้าแย่งกันแบ่งบาน นี่เป็นโลกแห่งความตายแต่กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
“ที่นี่…ฝังศพของเผ่าเทพไว้มากขนาดไหนกัน?” กลิ่นอายเซียนวนรอบ จนแม้แต่เว่ยมั่วลี่ที่เฉยชาก็ยังอดพูดออกมาไม่ได้
คำถามนี้ของเขาเป็นเหมือนคำอุทาน!
เพราะเมื่อมองออกไป โลงศพที่ถูกแขวนไว้ระหว่างฟ้าดินนี้หนาแน่นเต็มไปหมดไม่มีทางนับจำนวนได้
ทั้งหกคนเดินไปท่ามกลางความตกตะลึงต่อสุสานเทพ ในระหว่างที่พวกเขาเดินเข้าไปด้านในก็รู้สึกว่าพวกเขามีขนาดเล็กมาก ขนาดของโลงศพเหล่านั้นใหญ่เพียงพอ สำหรับบรรจุพวกเขาทุกคน
“แผ่นดินเทพสมุทรตะวันออก หลุมฝังศพเทพแห่งสุราอู๋ซาง!”
“แผ่นดินเทพสมุทรตะวันตก หลุมฝังศพองค์รัชทายาทกงอวี่…”
“แผ่นดินเทพสมุทรเหนือ…”
“แผ่นดินเทพสมุทรใต้หลุมฝังศพราชาเทวะเซวียนฮว่า!”
แต่ละโลงศพสลักชื่อของผู้ตายเอาไว้และบนโลงศพก็มีสิทธิ์แห่งเทพของพวกเขาที่เป็นผลึกแก้วลอยเหมือนเปลวไฟ ตลอดทางที่ผ่านจีเหยาฮั่วก็อ่านสิ่งที่สลักไว้บนโลงศพเหล่านั้นเงียบๆ
ทั้งหกคนค่อยเข้าใจเกี่ยวกับแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรคร่าวๆ แล้ว โลกแห่งนั้นดูเหมือนจะแบ่งออกเป็นสี่แผ่นดินเทพ ตะวันออก ใต้ ตะวันตกและเหนือ และใช้สมุทรเป็นชื่อ ทำให้คนเกิดความคาดเดาว่า หรือแผ่นดินเทพทั้งสี่นี้จะลอยอยู่เหนือมหาสมุทรกัน?
หลุมฝังศพของ…หลุมฝังศพของ…
สิทธิ์แห่งเทพที่เอื้อมถึงได้เปล่งแสงระยิบระยับของมันอย่างต่อเนื่อง
แต่ทั้งหกคนกลับไม่มีใครไปแย่งมาง่ายๆ
พวกเขาล้วนแต่เป็นพวกใจเย็น เมื่อมาถึงที่นี่ก็จะไม่รีบร้อนเคลื่อนไหวง่ายๆ
“พวกเจ้าดูนั่น!” ทันใดนั้นอิ๋งเจ๋อก็ยกมือขึ้นชี้ไปยังมุมๆ หนึ่งด้านหน้า ทั้งห้าคนมองไปก็พบโครงกระดูกยักษ์อันหนึ่ง
“มังกร! เป็นโครงกระดูกของมังกร!” เหยาชิงไห่เอ่ยอย่างแปลกใจ
ไม่ไกลออกไป โครงกระดูกมังกรยักษ์ดุจดั่งภูเขานอนอยู่เงียบๆ ไร้ซึ่งชีวิตมานานแล้ว พวกเขายังสังเกตเห็นว่าบนโครงกระดูกมังกรยังมีโซ่เหลืออยู่ ตอนที่มันยังมีชีวิตอาจจะถูกคนขังไว้ที่นี่ให้ค่อยๆ ตายไปเอง มุกมังกรสีแดงลูกหนึ่งอยู่ในกะโหลกขนาดใหญ่ของมัน โผล่ให้เห็นวับๆ แวมๆ พลังที่อยู่ในมุกมังกรกระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง พลังชนิดนี้ดึงดูดให้คนที่เข้าใกล้เกิดความโลภขึ้นในใจ คิดอยากได้มาครอบครอง
“เลือดมังกร!” เสียงอันสดใสของมู่ชิงเกอทำลายอุปสรรคที่ถูกมุกมังกรล่อลวงในพริบตา
“เลือดมังกร? ดินแดนแห่งความชั่วร้ายในตำนาน!” เหยาชิงไห่มองมู่ชิงเกออย่างตะลึง
“เลือดมังกรอะไร? ดินแดนแห่งความชั่วร้ายอะไร? พวกเจ้ากำลังพูดอะไร?” จีเหยาฮั่วเอ่ยถามด้วยสีหน้ามึนงง
เหยาชิงไห่มองมู่ชิงเกอแวบหนึ่ง เห็นนางพยักหน้าถึงได้อธิบายให้คนอื่นๆ ฟังว่า “ตามปกติค่ายกลจะถูกแบ่งเป็นคนสร้างขึ้นและตามธรรมชาติ อันแรกคือค่ายกลที่คนสร้างขึ้นโดยเจตนา ส่วนอันหลังคือธรรมชาติสร้างขึ้น เทียบกับอันแรกแล้ว ค่ายกลที่ธรรมชาติสร้างขึ้นนั้นจะคลายได้ยากกว่า มังกรยักษ์ตัวนี้ดูเหมือนถูกคนขังเอาไว้ ที่นี่จนตาย นี่หมายถึงว่ามีอาจารย์ค่ายกลคิดใช้โอกาส จงใจทำให้ค่ายกลเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ พวกเจ้าสังเกตเห็นบ่อเลือดตรงส่วนหัวของมังกรหรือไม่? นั้นทำขึ้นจากเลือดมังกรละลายไปกับความแค้นของมันกลายเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ที่ดุร้ายอันหนึ่ง สามารถทำให้คนสิ้นเปลืองความคิดจัดวางสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ ก็หมายถึงว่า ใกล้ๆ กับเลือดมังกรนี้จะต้องมีหลุมฝังศพของเทพ บางองค์ที่ไม่อยากให้คนรุ่นหลังมารบกวนอย่างแน่นอน”
“กลับยังมีทางอ้อมทางโค้งมากมายขนาดนั้นอีก!” จีเหยาฮั่วเอ่ยอย่างตะลึง
“หากว่าบุกเข้าไปในนั้นแล้วจะเป็นอย่างไร?” อิ๋งเจ๋อเอ่ยถาม
เหยาชิงไห่ตอบว่า “ตายอย่างแน่นอน”
เสียงพูดคุยสิ้นสุดลงตรงนี้
หากไม่แน่ใจ เหยาชิงไห่จะไม่พูดคำว่า ‘ตายอย่างแน่นอน’ ออกมา
ครู่หนึ่ง ซีเซียนเสวี่ยถึงได้ขมวดคิ้วครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “จะเป็นใครกันที่สร้างค่ายกลเช่นนี้ออกมา สิ่งที่เขาคิดจะปกป้องนั้นเป็นหลุมฝังศพของใคร?”
ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็หัวเราะเบาๆ ขึ้นมา นางถอนหายใจอย่างขมขื่นเอ่ยว่า “มีชีวิตแล้วมีความสุขหรือ ความตายน่ากลัวจริงหรือ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือว่าเทพมาร สุดท้ายแล้วก็หนีความตายไม่พ้น สิ่งที่เหลือไว้ได้ก็มีเพียงแค่ดินเหลืองย่อมหนึ่งเท่านั้น”