ตอนที่ 524
มู่ชิงเกอตายแล้วงั้นหรือ
บังเอิญพบงั้นหรือ
โชคของพวกเขาช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าเหนือมังกรแล้ว พวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“หากพูดเช่นนี้ก็แสดงว่าเหตุการณ์ที่เทียนหลัวจวินและหลินเสวียนเฟิ่งต่อสู้กันก็เป็นความจริง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพวกเขาถึงไม่มีใครได้สิทธิ์แห่งเทพอันนี้ไป’’มู่ชิงเกอเอ่ย
ผู้เฒ่าเหนือมังกรพยักหน้า “ในสิบส่วนมีโอกาสเป็นไปได้แปดถึงเก้าส่วน”
พูดแล้วเขาก็เอ่ยด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้มว่า “สิทธิ์แห่งเทพจะได้มาง่ายๆ ได้อย่างไร”
มู่ชิงเกอมองเขา ทันใดนั้นก็เอ่ยถามว่า “จุดมุ่งหมายที่ผู้อาวุโสเข้ามาในสุสานเทพนั้นคืออะไรหรือ แล้วเหตุใดถึงมาใกล้ชิดกับพวกเรา หากว่าข้าเดาไม่ผิดก่อนหน้านี้ที่นอกตำหนักเทพเป็นผู้อาวุโสที่ลอบใช้กลิ่นอายจับจ้องข้าใช่หรือไม่”
คำถามต่อเนื่องทำให้บรรยากาศที่แต่เดิมผ่อนคลายเปลี่ยนไปชั่วขณะ
ผู้เฒ่าเหนือมังกรยังคงยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทางฝั่งมู่ชิงเกอนอกจากนางแล้วอีกห้าคนที่เหลือก็ไม่แสดงท่าทีผ่อนคลายอีกต่อไป แต่มองปู่หลานคู่นั้นอย่างระมัดระวัง กลุ่มที่เดิมทีเดินมาด้วยกันแบ่งออกเป็นสองฝั่งทันที
“นี่! พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ ท่านปู่ของข้าไม่ได้ทำร้ายพวกเจ้าสักหน่อย!” สวี่สวี่พูดอย่างโมโห
ผู้เฒ่าเหนือมังกรตบหลังมือของนางเบาๆ เพื่อปลอบโยนนาง
จีเหยาฮั่วเหลือบมองสวี่สวี่แวบหนึ่ง ทั้งยังมองผู้เฒ่าเหนือมังกรอย่างระมัดระวังแล้วเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ข้างนอกเขาจ้องมองเจ้าอย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเกอส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในตำหนักเทพข้า รู้สึกว่ามีกลิ่นอายจับจ้อง แต่หลังจากข้ารู้สึกตัวกลิ่นอายนั้นก็ถอนกลับไป”
“เด็กน้อย พวกเจ้าไม่ต้องตกใจขนาดนั้น” ผู้เฒ่าเหนือมังกรพูดขึ้น รอยยิ้มไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
เขาผ่อนคลายมาก แต่พวกอิ๋งเจ๋อ เหยาชิงไห่กลับไม่อาจผ่อนคลายได้เลย
ต้องรู้ว่าผู้เฒ่าเหนือมังกรที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขาใน ตอนนี้เป็นผู้แข็งแกร่งที่ผ่านเคราะห์อัสนีมาแล้วสามครั้งเมื่อร้อยปีก่อน หากสุสานเทพเปิดขึ้นเมื่อร้อยปีก่อน เกรงว่าเขาคงจะไปแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารนานแล้ว
อีกอย่างในตำนานยังกล่าวไว้ว่าผู้เฒ่าเหนือมังกรนี้มีรากวิญญาณสองอย่างคือนํ้าและไม้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้พวกเขาก็ไม่กล้าชะล่าใจ
“ผู้อาวุโสคงไม่ได้ตามพวกเรามาตลอดหรอกใช่ไหม” อิ๋งเจ๋อเอ่ยถามอย่างระแวง
“อะไรเรียกว่าพวกเราตามพวกเจ้ากัน พวกเราใช้ประตูกันคนละบานนะ” สวี่สวี่อธิบายออกมา
ไม่ได้มาทางประตูเดียวกัน เช่นนั้นก็ไม่ได้เดินทางเดียวกันแต่กลับสามารถพบกันในสุสานเทพที่ไร้ขอบเขตได้นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ น่ะหรือ
‘ชิงเกอ เจ้าแน่ใจนะว่าเขาไม่ได้ทิ้งจิตวิญญาณไว้บนร่างกายของเจ้าน่ะ’ เหยาชิงไห่ถ่ายทอดเสียงไปถามมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอพยักหน้า
จุดนี้นางแน่ใจเพราะจิตวิญญาณของนางแข็งแกร่งมาก ภายในโลกแห่งยุคกลางไม่มีใครที่สามารถทิ้งจิตวิญญาณไว้บนตัวของนางโดยที่นางไม่รู้ได้
“เด็กน้อย ข้ามาเพราะเจ้าจริงๆ” ผู้เฒ่าเหนือมังกรเอ่ยปาก
ประโยคนี้ของเขาพูดกับมู่ชิงเกอโดยตรง ชั่วขณะนั้นพวกเหยาชิงไห่ก็เผยท่าทีระแวดระวังขึ้นมา พลางโอบล้อมมู่ชิงเกอเอาไว้ด้านใน
สวี่สวี่สูดจมูก “พวกเจ้าแค่ไม่กี่คนรวมกันมาก็สู้มือข้างเดียวของท่านปู่ข้าไม่ได้พวกเจ้าคิดว่าหากพวกเราคิดร้ายแล้วพวกเจ้าจะขวางได้งั้นหรือ”
มู่ชิงเกอยกมือห้ามการโต้เถียงที่ไร้สาระนี้
นางก้าวไปข้างหน้ามองผู้เฒ่าเหนือมังกรแล้วเอ่ยถาม ตรงๆ ว่า “ผู้อาวุโสมีอะไรจะชี้แนะหรือ”
“เด็กน้อย เจ้าตามข้ามา” ผู้เฒ่าเหนือมังกรยิ้มแล้วเอ่ยออกมา
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว พยักหน้าเล็กน้อย
“ชิงเกอ” หลังจากที่นางพยักหน้าซีเซียนเสวี่ยก็เข้ามาคว้าข้อมือของมู่ชิงเกอเอาไว้แล้วส่ายหน้าน้อยๆ
มู่ชิงเกอยิ้มเอ่ยกับนางว่า “วางใจเถอะ หากว่าผู้อาวุโสคิดจะทำอะไรข้าหรือทำร้ายพวกเรา ก็ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายขนาดนี้อาศัยความสามารถของเขา พวกเราไม่ใช่คู่มือของเขาด้วยซํ้า”
หลังจากปลอบใจซีเซียนเสวี่ยแล้ว นางก็กวาดตามองดูรอบๆ จึงเดินตามผู้เฒ่าเหนือมังกรไปอีกทาง
สวี่สวี่ไม่ได้ตามไปด้วยแต่เดินเข้าไปใกล้ทั้งห้าคน
ท่าทีที่ดูเหมือนไม่ได้เตรียมป้องกันอะไรของนาง ความจริงแล้วก็เพื่อที่จะปลอบโยนความกังวลใจของทั้งห้าคน จุดนี้จะสามารถเห็นได้ถึงความคิดที่ละเอียดอ่อนของนาง
“นี่ เจ้าเป็นธิดาเทพไม่ใช่หรือไร เป็นผู้หญิงที่มีสถานะสูงที่สุดในโลกแห่งยุคกลาง เมื่อพบกับพี่สาวมู่ที่เป็นผู้หญิงที่โดดเด่นเช่นนี้ เจ้าไม่ควรอิจฉางั้นหรือ เหตุใดถึงได้ดีต่อนางขนาดนั้นเล่า” สวี่สวี่ไพล่สองมือไว้ด้านหลัง พุ่งไปตรงหน้าของซีเซียนเสวี่ยแล้วเอ่ยถามอย่างสนใจ นํ้าเสียงของนางราวกับสนิทสนมกับมู่ชิงเกอมาก
ซีเซียนเสวี่ยเหลือบมองนางแวบหนึ่งแล้วถอนสายตากลับ ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับมู่ชิงเกอนั้นเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนชนิดหึ่ง จะพูดอย่างชัดเจนได้อย่างไร
อีกทั้งนางจะบอกเรื่องนี้ให้คนที่เพิ่งรู้จักและไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรูรู้ได้อย่างไร
“อย่าเงียบสิ!” สวี่สวี่ยังคงซักไซ้ถามไม่ยอมเลิกรา
ซีเซียนเสวี่ยเม้มปากแน่น หันกายเดินไปที่ด้านหลังของเหยาชิงไห่ ความหมายของการปฏิเสธแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
สวี่สวี่คิดจะไล่ตามไปแต่ก็ถูกเหยาชิงไห่ขวางเอาไว้ เขายิ้มแล้วเอ่ยว่า “แม่นางสวี่สวี่ ชิงเกอกับปู่ของเจ้า พูดคุยกันไม่จบ เจ้าเงียบไว้จะดีกว่า”
สวี่สวี่หมดทางเลือก ขบริมฝีปากแล้วถอยออกไปอย่างไม่ยินยอมนัก
อีกด้านหนึ่งมู่ชิงเกอเดินตามผู้เฒ่าเหนือมังกรมาไกล จนระยะทางพอสมควรแล้ว ผู้เฒ่าเหนือมังกรจึงได้ยกมือขึ้นสร้างขอบเขตโปร่งแสงกั้นเสียงของคนทั้งสองไว้
“ผู้อาวุโสคิดจะพูดอะไรหรือ” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม
ดวงตาชาญฉลาดของผู้เฒ่าเหนือมังกรฉายแวววาววาบ เขายิ้มแล้วเอ่ยว่า “เด็กน้อยเจ้าเองก็มีรากวิญญาณเยอะเหมือนกันสิใช่ไหม”
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง ไม่ตอบคำ
“เจ้าไม่ต้องตกใจ คำเล่าลือด้านนอกนั้นเป็นความจริง ข้านั้นมีรากวิญญาณคู่” ผู้เฒ่าเหนือมังกรพูดแล้วก็ยกมือแตะที่หว่างคิ้วของตนเองเล็กน้อย ฉากต่อมาทำให้มู่ชิงเกอเบิกตากว้าง
หว่างคิ้วของผู้เฒ่าเหนือมังกรปรากฎอักขระขึ้นมาสองตัว
ตัวหนึ่งเป็นสีฟ้าอ่อนดุจดั่งคลื่นนํ้า อีกตัวเป็นสีเขียวดุจดั่งใบไม้อักขระสองตัวนี้โผล่ขึ้นมาให้เห็นอย่างเลือนราง
ส่องสะท้อนซึ่งกันและกัน
“นี่ก็คือรากวิญญาณที่กลายเป็นประตูสวรรค์หรือ!” มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นรูปร่างของรากวิญญาณ ในใจรู้สึกตกตะลึงมาก “ไม่ นี่ยังไม่ใช่ประตูสวรรค์” ผู้เฒ่าเหนือมังกรส่ายหน้า อักขระสองตัวบนหว่างคิ้วของเขาหายไปในทันที “ประตูสวรรค์นั้นเป็นประตูที่ต้องใช้รากวิญญาณที่ว่างเปล่าดึง ดูดเข้ามาและทะลวงเมื่อจะเข้าสู่แผ่นดินใหญ่แห่งเทพมาร หลังผ่านประตูสวรรค์แล้วถึงจะเข้าไปสู่แผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารได้ถึงแม้ว่ารากวิญญาณของข้าจะ ผ่านการเคี่ยวกรำเรียบร้อยแต่เพราะยังหาสิทธิ์แห่งเทพที่เหมาะสมไม่พบจึงไม่สามารถสร้างประตูสวรรค์ได้”
มู่ชิงเกอนิ่งเงียบ ดวงตามืดมิดยากเข้าใจ
ผู้เฒ่าเหนือมังกรพูดต่อว่า “เด็กน้อย หากว่าข้าเดาไม่ผิด เจ้าก็มีรากวิญญาณเยอะเหมือนกันใช่ไหม สามารถหลอมศาสตราและปรุงยาได้พร้อมกัน รากวิญญาณของเจ้าไม่สมควรจะมีแค่ไฟแต่เกรงว่าคงมีทองและไม้ด้วย เจ้ามีรากวิญญาณสามชนิดใช่ไหม”
รากวิญญาณสามชนิด ไม่ ไม่เพียงแค่นั้น
แต่มู่ชิงเกอก็ไม่ได้อธิบาย ความเงียบของนางจึงดูเหมือนการยอมรับ
ผู้เฒ่าเหนือมังกรถอนหายใจและพยักหน้า “ใต้หล้าไม่สิ้นไร้ผู้มีความสามารถจริงๆ คลื่นลูกใหม่มาแทนคลื่นลูกเก่า พวกข้าแก่แล้วแต่พวกเจ้ากลับยังหนุ่มสาวอยู่ เด็กน้อย ก่อนที่เจ้าจะเข้ามาในสุสานเทพได้คิดหรือยังว่าสิทธิ์แห่งเทพเช่นไรถึงจะมีประโยชน์ต่อคนที่มีรากวิญญาณเยอะเช่นพวกเรา”
ในใจของมู่ชิงเกอเกิดความรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เป็นอย่างนั้นจริงๆ…
“ไม่ขอปิดบังเจ้า ครั้งนี้ข้ามาเพื่อหาสิทธิ์แห่งเทพสองอย่าง อย่างแรกคือสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสี อีกอย่างคือสิทธิ์แห่งเทพที่เหมาะสมกับสวี่สวี่” ผู้เฒ่าเหนือมังกรเอ่ย มู่ชิงเกอลอบถอนหายใจในใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกหนักอึ้งในใจด้วย
ถึงแม้ว่าจุดมุ่งหมายแรกของนางไม่ใช่สิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสี แต่หากนางหาสิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นไม่พบก็ทำได้แค่หาสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีแล้ว สิ่งนี้เหมือนกับจุดมุ่งหมายของผู้เฒ่าเหนือมังกร ถึงตอนนั้นแล้วเกรงว่าทั้งสองฝ่ายคงต้องต่อสู้กัน
สิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีมีเพียงแค่อันเดียว ในสถานการณ์ที่พวกเขาไร้ซึ่งตัวเลือกอื่น จึงได้แต่ต้องใช้ความสามารถแย่งมา!
“จุดมุ่งหมายของเจ้าคือสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีใช่ไหม” ผู้เฒ่าเหนือมังกรพูดขึ้นในทันใด
มู่ชิงเกอยิ้มแล้วถามกลับว่า “ผู้อาวุโสยังมีคำชี้แนะที่ดีกว่านี้อีกหรือ”
นางเพียงแค่โต้กลับไปเล็กน้อยเท่านั้น ผลักไปตามน้ำทำเหมือนว่าเป็นไปตามการคาดเดาของผู้เฒ่าเหนือมังกร
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าผู้เฒ่าเหนือมังกรจะพยักหน้าเอ่ยว่า
“ไม่ผิด ข้ามีคำชี้แนะที่ดีกว่า ในบรรดาสิทธิ์แห่งเทพนั้นยังมีอีกอันที่เหมาะกับเจ้ามากกว่า นั้นก็คือสิทธิ์แห่งเทพฮุ่นตุ้น!”
ในใจของมู่ชิงเกอลอบเอ่ยอย่างตกใจว่า ‘เขารู้จักสิทธิ์แห่งเทพอุ่นตุ้น!’
แต่สีหน้ากลับไม่เผยร่องรอยประหลาดใจใดๆ ออกมา
นางถามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดผู้อาวุโสถึงไม่ไปหาสิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นเองเล่า”
ผู้เฒ่าเหนือมังกรส่ายหน้ายิ้มแล้วเอ่ยว่า “สิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นนั้นเป็นสิทธิ์แห่งเทพของบรรพเทพผู้เปิดโลก ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเอามาได้ข้ารู้ว่าตัวเองไม่มีโชคขนาดนั้น สิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีสำหรับข้านั้นถือว่าเพียงพอแล้ว ส่วนเจ้านั้นไม่เหมือนกัน เจ้าเกิดมาก็เป็นคนที่มีโชค อายุยังน้อยก็ประสบความสำเร็จขนาดนี้แล้ว เจ้าสามารถรับสิทธิ์แห่งเทพฮุ่นตุ้นได้ ที่ข้าบอกเรื่องเหล่านี้แก่เจ้าก็เพราะคิดจะแลกเปลี่ยนกับเจ้า เจ้าช่วยข้าเอาสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีมาส่วนข้าจะช่วยเจ้าแย่งเอาสิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นมา”
“อาศัยความสามารถของผู้อาวุโสยังต้องการให้ข้าช่วยอีกหรือ” มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
ผู้เฒ่าเหนือมังกรส่ายหน้าเอ่ยว่า “คนในโลกรู้แต่เพียงว่าต้องเลือกสิทธิ์แห่งเทพ แต่กลับไม่รู้ว่าสิทธิ์แห่งเทพก็เลือกคนเช่นเดียวกัน สำหรับข้าแล้วเจ้าดึงดูดสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีมากกว่า”
มู่ชิงเกอเข้าใจแล้ว
คุยกันมาตั้งนาน สิ่งที่ผู้เฒ่าเหนือมังกรกังวลก็คือสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีจะเลือกนาง จึงได้เข้ามาเกริ่นก่อนให้นางเป็นฝ่ายละทิ้งมันเอง แล้วก็จะชดเชยให้นางด้วยสิทธิ์ แห่งเทพฮุ่นตุ้น
‘หากว่าผู้เฒ่าเหนือมังกรช่วยนางหาสิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นพบจริงๆ เช่นนั้นทิ้งสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีให้เขาจะ เป็นอะไรไปเล่า’ มู่ชิงเกอคิดในใจ
นัยน์ตาของนางกลอกไปมา เอ่ยถามว่า “ผู้อาวุโสรู้หรือว่าสิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นอยู่ที่ไหน”
ผู้เฒ่าเหนือมังกรยิ้มแล้วพยักหน้า “ร้อยกว่าปีมานี้ของข้าไม่ได้ใช้ชีวิตมาเปล่าๆ ข้ากล้าพูดได้เลยว่าไม่มีใครรู้จักตำแหน่งของสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีและสิทธิ์แห่งเทพ ฮุ้นตุ้นได้ดีกว่าข้าอีกแล้ว”
มู่ชิงเกอยิ้มอย่างขี้เล่นขึ้นมา “เช่นนั้นไม่สู้ผู้อาวุโสพาข้าไปหาสิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นก่อน เพียงข้าได้สิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นมาไว้ในมือก็จะไม่สนใจสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีอีก”
“เจ้าเด็กคนนี้ถือว่าฉลาด…”
ผู้เฒ่าเหนือมังกรยังพูดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงสั่นสะเทือน ดังมาจากใต้พื้นดิน ราวกับพื้นดินฉีกขาด ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปเอ่ยขึ้นอย่างดุดันว่า “เป็นใคร แตะต้องอาคม!”
เสียงของเขาเพิ่งจะจบลงก็มองเห็นเงาร่างสองร่างพุ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
มู่ชิงเกอหรี่ตาลง มองเห็นคนที่พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหันนี้ เป็นเทียนหลัวจวินและหลินเสวียนเฟิ่งนั่นเอง
“เจ้าสุนัขสองตัวนี้! จะต้องเป็นพวกเขาแตะต้องอาคมอย่างแน่นอน” ผู้เฒ่าเหนือมังกรพูดอย่างแค้นเคือง พูดแล้วเขาก็ฉีกขอบเขตออกไปคิดจะเข้าไปดึงสวี่สวี่ที่หวาดกลัวจนสีหน้าซีดขาวมาไว้ข้างกาย
หลานสาวของเขาอ่อนแอเกินไป หากว่าเขาไม่ปกป้อง นางก็อาจจะตายอยู่ที่นี่ได้ตลอดเวลา
ในขณะเดียวกัน มู่ชิงเกอก็พุ่งเข้าไปหาพวกจีเหยาฮั่ว นางพุ่งตัวผ่านสวี่สวี่ไป และในตอนนั้นเอง…ใต้เท้าของสวี่สวี่ก็ยุบลงเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ ด้านในมีเปลวไฟล้อมรอบลึกจนมองไม่เห็นก้น
“อ้า!” สวี่สวี่กรีดร้องอย่างตกใจและตกลงไปด้านล่าง
ผู้เฒ่าเหนือมังกรตอนนี้ถูกเทียนหลัวจวินและหลินเสวียนเฟิ่งขัดขวางเอาไว้ ยากที่จะลงมือช่วยเหลือได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างตะโกนบอกมู่ชิงเกอว่า “เด็กน้อยช่วยสวี่สวี่ด้วย ข้าจะพาเจ้าไปหาของที่เจ้าต้องการทันที!”
เมื่อคำนี้หลุดออกมาร่างกายของมู่ชิงเกอก็ชะงัก หันหลังไปมองหลุมขนาดใหญ่ที่ด้านหลังของตนเอง
“ชิงเกอ!”
“ชิงเกอ อันตราย!”
“ชิงเกอรีบกลับมา!”
ซีเซียนเสวี่ยและพวกจีเหยาฮั่วพุ่งไปที่นางแล้วร้องออกมา
แต่มู่ชิงเกอ เหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกก็ไม่ปาน
นางกระโดดลงไปทันที
ฉากนี้เป็นเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ฉากที่มู่ชิงเกอกระโดดลงไปนี้ทำให้เพื่อนทั้งห้าคนของนางชะงักค้างอยู่กับที่
หลังจากได้สติเว่ยมั่วลี่และซีเซียนเสวี่ยก็ล้วนแต่พุ่งไปยังหลุมขนาดใหญ่หลุมนั้น แต่กลับถูกเหยาชิงไห่และอิ๋งเจ๋อดึงเอาไว้ได้ทัน
“ฮ่าๆๆๆๆๆ! นั้นเป็นถึงเพลิงเทพเชียวนะ แม้จะเป็นพวกเราตกลงไปก็ยังถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน พวกนางตายแน่นอน!” หลินเสวียนเฟิ่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เหตุใดพวกเขาถึงโผล่ออกมาอย่างกะทันหันแล้วเหตุใดถึงร่วมมือกันเพื่อสังหารผู้เฒ่าเหนือมังกร
พวกจีเหยาฮั่วไม่เข้าใจจริงๆ ตอนนี้รู้แต่เพียงว่ามู่ชิงเกอตกอยู่ในอันตรายไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
“ชิงเกอจะต้องไม่ตาย!” ซีเซียนเสวี่ยตะโกนเสียงดังออกมา ท่ามกลางเสียงกรีดร้องนั้นนางก็ร้องไห้ออกมา
ปัง
ภายในหลุมขนาดใหญ่เปลวเพลิงลุกโหมแผ่กระจายไปทั่วทำให้ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ราวกับว่าเพียงแค่เข้าใกล้ ก็จะถูกเปลวไฟเผาทำลายจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
“ชิงเกอจะต้องไม่เป็นอะไร! พวกเจ้าใจเย็นหน่อย!” จีเหยาฮั่วดึงตัวซีเซียนเสวี่ยเอาไว้แน่นแล้วเอ่ยกับคนอื่นๆ
“จะไม่เป็นไรหรือ พวกเจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว” เทียนหลัวจวินหัวเราะเยาะ
ผ่านไปนานแล้วผู้เฒ่าเหนือมังกรก็ยังมองไม่เห็นสวี่สวี่ เขาข่มความโกรธแค้นในใจไม่อยู่อีกต่อไป สองตาของเขาแดงฉาน ลงมือโหดเหี้ยมมากขึ้น ฝ่ามือหนึ่งฟาด เข้าที่ไหล่ของหลินเสวียนเฟิ่งแล้วตะคอกว่า “หากสวี่สวี่เป็นอะไรไป ข้าจะให้สุนัขสองตัวอย่างพวกเจ้าตายตามนางไป!”
“ชิ หากเจ้ายอมส่งแผนที่สุสานเทพออกมา วันนี้หลานสาวของเจ้าก็ไม่ต้องตาย!” เทียนหลัวจวินสบถอย่างเย็นชา
แผนที่สุสานเทพหรือ!
ผู้เฒ่าเหนือมังกรมีแผนที่สุสานเทพ!
คำพูดของเทียนหลัวจวินทำให้พวกเหยาชิงไห่ทั้งห้าคนตกตะลึง
นัยน์ตาของผู้เฒ่าเหนือมังกรดุดันขึ้น ไอสังหารพุ่งไปรอบด้าน “เป็นเพราะข้าใจอ่อนเกินไปถึงไม่ได้ฆ่าพวกเจ้าสองคนตั้งแต่ด้านนอกสุสานเทพ! วันนี้คือวันตาย ของพวกเจ้า”
ผู้เฒ่าเหนือมังกรอยู่ระดับข้ามผ่านขั้นสูงสุดและผ่านเคราะห์อัสนีมาถึงสามครั้ง เมื่อระเบิดพลังทั้งหมดออกมาก็บีบให้เทียนหลัวจวินและหลินเสวียนเฟิ่งถอยร่นไปไม่หยุด
พวกเขาร่วมมือกันก็ยังไม่ใช่คู่มือของผู้เฒ่าเหนือมังกร มิน่าถึงทำได้แค่ลอบโจมตี
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้แต่การหายตัวไปของสวี่สวี่ทำให้ผู้เฒ่าเหนือมังกรเกิดความคิดจะสังหารคนแล้ว เขาใช้ไม้เท้าหัวมังกรกระแทกกระดูกไหล่ของหลินเสวียนเฟิ่งจนแหลก ทั้งยังใช้มันแทงทะลุหัวใจของเทียนหลัวจวิน
“อ๊าก!”
“อ๊าก!”
เสียงร้องโหยหวนสองเสียงดังขึ้นตามกัน