ตอนที่ 532
เจอบ่อเลือดมังกรอีกแล้ว
สีแดง สีทอง สีเขียว สีขาว สีม่วง…
ลำแสงห้าชนิดพุ่งขึ้นอาบย้อมทั่วทั้งผืนฟ้า ชั้นเมฆเหล่านั้นเปลี่ยนเป็นห้าสีงดงามมาก
แสงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนในสุสานเทพและสุสานมารตกตะลึง
พวกเขาเงยหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วพากันวิเคราะห์
“นั้นคืออะไรน่ะ เหตุใด จู่ๆ ถึงได้เกิดแสงสีสันงดงามเช่นนี้ขึ้นมาได้”
“หรือว่ามีสมบัติอะไรปรากฎออกมา”
“ดูจากระยะทางแล้วดูเหมือนจะห่างจากพวกเราไกลมาก แต่ทำให้ชั้นเมฆเปล่งแสงสีสันสวยงามเช่นนี้ได้จะต้องเป็นสมบัติที่ลํ้าค่าอย่างแน่นอน”
“แต่ภายในสุสานเทพจะมีสมบัติอะไรเล่า”
“หรือจะเป็นสิ่งของฝังร่วมของคนใดคนหนึ่งในเผ่าเทพ”
“โง่เง่า!”
เสียงเย้ยหยันขัดจังหวะการสนทนาของพวกคนรุ่นเยาว์ พวกเขาเงียบและหันไปมองคนที่พูด เมื่อเห็นชัดเจนแล้ว พวกเขาก็มีท่าทีเปลี่ยนไป พวกเขาถูกแสงห้าสีดึงดูดจึงไม่ได้สังเกตว่าด้านหลังมีปีศาจเฒ่าระดับข้ามผ่านเข้ามาใกล้
คนที่แต่เดิมกำลังวิเคราะห์อยู่ค่อยๆ ถอยไปด้านหลังเว้นระยะห่างจากปีศาจเฒ่าคนนั้น
การเคลื่อนไหวเล็กๆ ของพวกเขาอยู่ในสายตาของปีศาจเฒ่าทำให้เขายิ้มเยาะขึ้นมา สายตาของเขามองไปยังแสงห้าสาย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
มีคนอดไม่ไหวเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “ขอถามผู้อาวุโส เหตุใดถึงเกิดแสงห้าสายขึ้นอย่างกะทันหันได้หรือ”
ปีศาจเฒ่าคนนั้นสบถเสียงเย็น “มีคนกำลังเผชิญเคราะห์”
“เผชิญเคราะห์หรือ”
“เผชิญเคราะห์!”
ท่าทางแปลกใจของคนอื่นนั้นเขาไม่ได้สนใจ แต่พึมพำเอ่ยว่า “ถึงกับมีคนมีรากวิญญาณห้าชนิดพร้อมกัน พรสวรรค์เช่นนี้ช่างฝืนชะตาฟ้านัก เป็นใครกันแน่นะ ทั้ง ยังสามารถดึงดูดเคราะห์อัสนีในสุสานเทพได้!”
“รากวิญญาณห้าชนิด!” มีคนได้ยินเขาพึมพำจึงร้องขึ้นอย่างตกใจ
ชั่วขณะนั้นก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงอยู่ที่เดิม มองไปยังแสงห้าสายอย่างอัศจรรย์ใจ
“มีคนกำลังเผชิญเคราะห์!” ซีเซียนเสวี่ยมองไปยังแสงห้าสีที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “อีกทั้งยังสำเร็จแล้ว รากวิญญาณปรากฎออกมาแล้วด้วย”
“แสงห้าสายนี้…” นัยน์ตาของจีเหยาฮั่วฉายแววเคร่งขรึม รากวิญญาณห้าชนิดช่างทำให้คนยากที่จะจินตนาการถึง เป็นเรื่องอัศจรรย์จริงๆ
“สีแดงก็คือรากวิญญาณเพลิง สีทองคือรากวิญญาณทอง สีเขียวคือรากวิญญาณดิน ที่เหลืออีกสองสี สีขาวและสีม่วงคืออะไร” อิ๋งเจ๋อเอ่ยถามออกไป
เว่ยมั่วลี่เอ่ยว่า “สายฟ้าและช่องว่าง”
“สายฟ้าและช่องว่าง!” จีเหยาฮั่วโพล่งออกมา “รากวิญญาณสองชนิดนี้เป็นรากวิญญาณผ่าเหล่า อีกทั้งพันปีก็ยากจะปรากฎออกมาสักอัน ตอนนี้กลับปรากฎบนร่างของคนคนเดียวพร้อมกัน!”
ความตกตะลึงของเขาและคนอื่นๆ ทำให้พวกเขาไม่ได้ใส่ใจเสียงพึมพำของสวี่สวี่ “ถึงกับมีรากวิญญาณช่องว่างเช่นเดียวกัน! ข้ายังคิดว่ามีแต่ข้าคนเดียวเสียอีก”
“เป็นใครกันแน่ จะใช่ชิงเกอไหม! นอกจากนางแล้ว ข้าก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครเก่งกาจเหมือนปีศาจเช่นนี้ได้อีก!” จีเหยาฮั่วเอ่ย
ซีเซียนเสวี่ยขมวดคิ้วส่ายหน้า “ชิงเกอเพิ่งจะเข้าสู่ระดับข้ามผ่าน อิงตามหลักแล้วไม่น่าจะเผชิญเคราะห์อัสนีครั้งแรกเร็วขนาดนี้”
“เช่นนั้นจะยังมีใครอีก” อิ๋งเจ๋อเอ่ยถาม
ยังจะมีใครอีก
ยังจะมีใครเก่งกาจและทำให้ทุกคนตกตะลึงได้เช่นนี้ได้อีก
“ไฟ ทอง ไม้ สายฟ้ ช่องว่าง รากวิญญาณห้าชนิดปรากฎขึ้นบนตัวคนคนเดียวพร้อมกัน คนคนนี้เป็นใครกัน ข้าอยากจะเห็นนักว่าเป็นใครกันที่ร้ายกาจขนาดนี้” นัยน์ตาเรียวยาวของหานฉายไฉ่มองไปยังแสงห้าสีแล้วพึมพำออกมา
“นายน้อย ต่อไปพวกเราจะไปทางไหนดีขอรับ” คนสนิทข้างกายเขาเดินเข้ามาถาม
นัยน์ตาของหานฉายไฉ่สั่นไหวเล็กน้อย สั่งคนสนิทว่า “ไปยังพื้นที่ทับซ้อนระหว่างสุสานเทพและสุสานมาร”
บริเวณที่สุสานเทพและสุสานมารทับซ้อนกัน ในป่าสีม่วงเข้มแฝงด้วยกลิ่นอายเลือนราง มู่ชิงเกอนั่งอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ แสงห้าสายโอบล้อมตัวนาง เมฆเคราะห์เหนือหัวของนางปล่อยพลังลงมาอีกครั้ง เคราะห์อัสนีสายหนึ่งผ่าลงที่วิญญาณเทวะของนาง
พลังนั้นทำให้ผู้ฝึกวิถีมารนับร้อยสีหน้าเปลี่ยนไป
หวงฝู่ฮ่วนกับเฉินปี้เฉิงเองก็ตกใจขึ้นมา
เปรี้ยง!
เคราะห์อัสนีฟาดลงมากลายเป็นแสงสายฟ้านับไม่ถ้วน ไหลบนร่างกายของมู่ชิงเกอ แต่นางยังคงหลับตาด้วยท่าทีนิ่งสงบ ราวกับเคราะห์อัสนีไม่ได้ผ่าลงบนตัวนางและไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ในความเป็นจริงนั้น นางเพียงคุ้นชินกับความรู้สึกถูกสายฟ้าฟาดผ่ามานานแล้ว ดังนั้นถึงสามารถเผชิญหน้าด้วยความผ่อนคลายได้
ร่างกายของนางถูกเคี่ยวกรำจนแข็งแกร่งมากแล้ว แค่เคราะห์อัสนีไม่กี่สายจะทำอะไรนางได้
ในที่สุดเมฆเคราะห์ก็กระจายหายไป
แสงห้าสีรวมตัวกันในร่างของมู่ชิงเกอ บนหว่างคิ้วของนางปรากฎลวดลายที่ลึกลับขึ้น
ลวดลายสีขาวเป็นดุจดั่งดอกบัว สีเขียวเป็นใบ สีทองเป็นเกสร สีแดงเป็นเหมือนเปลวเพลิงเผาไหม้บนดอกบัวยังมีแสงสีม่วงเปล่งประกายวิบวับ
ลวดลายเล็กเพียงปลายนิ้วสลักอยู่บนหว่างคิ้วของมู่ชิงเกอ ทำให้รูปโฉมของนางงดงามและดูมีเสน่ห์ดึงดูดมาก ตอนนี้หากเป็นคนที่รู้จักรากวิญญาณดีมาเห็นจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน เพราะรากวิญญาณทั้งห้าของมู่ชิงเกอนั้นกลับกลมกลืนและตอบรับกันและกันเป็นอย่างดีในร่างของนาง
รากวิญญาณของนางสอดประสานกันไม่เหมือนของผู้เฒ่าเหนือมังกรที่รากวิญญาณสองชนิดกลายเป็นลวดลายที่แยกจากกันอย่างชัดเจนไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
รอยสลักภาพดอกบัวโผล่มาให้เห็นวับๆ แวมๆ
เคราะห์อัสนีครั้งแรกเพียงแค่ทำให้รากวิญญาณปรากฎหลังจากผ่านเคราะอัสนีสามครงแล้วรากวิญญาณถึงจะแข็งแกร่งและหลอมรวมออกมาเป็นประตูสวรรค์
เมื่อประตูสวรรค์ปรากฎและหลอมรวมกับสิทธิ์แห่งเทพ ก็จะสามารถเปิดประตูไปสู่แผ่นดินเทพ เข้าไปในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมารได้
รอบด้านเงียบลง
แสงห้าสีกลางอากาศได้หายไปแล้ว ชั้นเมฆกลับคืนสู่สีปกติ
มู่ชิงเกอค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อนัยน์ตาสดใสลืมขึ้นก็ทำให้
ใบหน้าที่งดงามเปลี่ยนเป็นมีจิตวิญญาณขึ้นมา นางยกมือขึ้นมาลูบหว่างคิ้วของตนเองเบาๆ ใช้ปลายนิ้วลูบไปตามลวดลายที่หว่างคิ้ว มู่ชิงเกอรู้สึกว่า รากวิญญาณในร่างกายของนางบริสุทธิ์และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
“ขอแสดงความยินดีกับพระชายา!”
“ขอแสดงความยินดีกับพระชายา!”
ผู้ฝึกวิถีมารนับร้อยได้สติขึ้นมาจากอาการตกตะลึง รีบชันเข่าเคารพประสานเสียงแสดงความยินดีขึ้นในทันที มู่ชิงเกอยืนขึ้นมาจากก้อนหินขนาดใหญ่ เรือนร่างที่หยัดตรงและปราดเปรียวของนางให้ความรู้สึกดุจดั่งกระบี่ที่ทรงพลัง นางไพล่มือไว้ด้านหลัง ชุดและผมปลิวไสวไปกับสายลม
ภาพลักษณ์ของนางเปลี่ยนเป็นดูสูงส่งในสายตาของผู้ ฝึกวิถีมารนับร้อย วินาทีนี้พวกเขารู้สึกจริงๆ ว่าพระชายาของตนเองเหนือฟ้าเหนือแผ่นดิน…ไม่สิ! เป็นแหวกฟ้าทลายพิภพต่างหาก!
“ช่องว่างคงจะเสถียรแล้วใช่ไหม” มู่ชิงเกอเอ่ยเรียบๆ
เสียงของนางเบามากแต่กลับดูทรงอำนาจ
หวงฝู่ฮ่วนชะงัก เอ่ยตอบในทันทีว่า “เสถียรแล้ว”
“คนที่สมควรมา มาหมดแล้วหรือยัง” นางถามอีก
เฉินปี้เฉิงก้าวไปข้างหน้า เอ่ยปากว่า “คนที่ได้รับสัญญาณเรียกตัวล้วนแต่มาถึงแล้ว”
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอมองไปทางเขาและก็มองเห็นผู้ฝึกวิถีมารสิบกว่าคนกำลังมองมาที่นางด้วยสีหน้าตื่นตะลึง กลิ่นอายของพวกเขานั้นแข็งแกร่งมาก จะต้องเป็นเหล่าปีศาจเฒ่าระดับข้ามผ่านแน่นอน
ในตอนที่นางหันกลับมานั้น เหล่าปีศาจเฒ่าสิบกว่าคนก็คุกเข่าลงคำนับในทันที
แค่พวกเขาเข้าสู่แดนมารก็คือประชาชนของแดนมาร อยู่ต่อหน้าพระชายาจะไร้มารยาทได้อย่างไร
มู่ชิงเกอหรี่ตาลง มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ เอ่ยสั่งว่า “ออกเดินทาง!”
นางไม่กลัวคำครหาของคน นางพาผู้ฝึกวิถีมารเข้าสู่สุสานเทพแล้วจะเป็นอย่างไร หากไม่ยอมก็มาสู้กัน! คนของตำหนักเทพอยากจะให้นางตาย หรือนางจะยอมถูก
จับโดยไม่ต่อสู้งั้นหรือ
อีกอย่างที่นางไปก็คือพื้นที่ทับซ้อนใครจะกล้าพูดได้เต็มปาก?
มู่ชิงเกอพาผู้ฝึกวิถีมารนับร้อยจากไป นางจะไปหาผู้เฒ่าเหนือมังกร จากนั้นก็หาสิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นเพื่อทำภารกิจในครั้งนี้ให้สำเร็จ
จากนั้นรอนางออกไปจากสุสานเทพ ก็จะเป็นเวลาชำระบัญชีกับตำหนักเทพแล้ว นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววดุดัน รอยยิ้มเย็นที่มุมปาก เด่นชัดขึ้นหลายส่วน
สุสานเทพและสุสานมารทับซ้อนกัน สามารถไปมาหาสู่ระหว่างกันได้นี่ทำให้ภายในสุสานเทพปรากฎเงาร่างของผู้ฝึกวิถีมารจำนวนไม่น้อย และภายในสุสานมารก็ปรากฎคนในสุสานเทพไม่น้อยเช่นกัน
ผู้ฝึกวิถีมารคนหนึ่งไล่ล่าผู้ฝึกวิถีเทพคนหนึ่งผ่านหน้าผู้เฒ่าเหนือมังกรและเหยาชิงไห่ไป
ทั้งสองช่อนตัวมองดูทุกอย่าง
“เหตุใดผู้อาวุโสถึงไม่ยื่นมือออกไปช่วย” เหยาชิงไห่เอ่ยถาม
ผู้เฒ่าเหนือมังกรยิ้มบางๆ เอ่ยตอบว่า “มารแล้วจะอย่างไร เทพแล้วจะอย่างไร เป็นมารหรือเป็นเทพ ที่ดูไม่ใช่วิถีฝึกฝนแต่เป็นจิตใจต่างหาก”
พูดแล้วเขาก็เลิกคิ้วมองเหยาชิงไห่ เอ่ยถามอย่างสนใจ ว่า “เจ้าเป็นแนวหน้าของรุ่นเยาว์ในโลกแห่งยุคกลาง เหตุใดจึงไม่ยื่นมือเข้าช่วย”
เหยาชิงไห่เผยรอยยิ้มอ่อนนุ่ม “ข้าก็มีความคิดเช่นเดียวกันกับผู้อาวุโส”
นัยน์ตาของผู้เฒ่าเหนือมังกรเปล่งประกาย พยักหน้าเอ่ยว่า “เป็นอัจฉริยะที่น่าคาดหวัง”
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชม” เหยาชิงไห่ก้มหัวเอ่ยอย่างถ่อมตน
แต่ผู้เฒ่าเหนือมังกรกลับส่ายหน้าเอ่ยว่า “น่าเสียดายที่ยึดติดเกินไป”
เหยาชิงไห่ชะงัก กะพริบตาไม่รู้ว่าควรจะโต้กลับอย่างไร ทำได้แค่ส่ายหน้ายิ้มอย่างขมขื่น
ทันใดนั้นก็มีเสียง’ฝีเท้าดังขึ้นมา เขารวมรวมสติมองไป ยังด้านที่มีเสียงดังเข้ามาอย่างระมัดระวัง ในตอนที่เงาคนปรากฎตัวขึ้นนั้น นัยน์ตาของเขาก็เบิกกว้าง “พวกเจ้ามาแล้ว!”
คนที่มานั้นเป็นพวกจีเหยาฮั่ว ซีเซียนเสวี่ยห้าคน
“ท่านปู่!” สวี่สวี่ได้พบกับผู้เฒ่าเหนือมังกรอีกครั้งก็ดีใจวิ่งไปยังข้างกายเขา
ผู้เฒ่าเหนือมังกรมองเห็นสวี่สวี่กลับมาอย่างปลอดภัยก็ยิ้มอย่างเบิกบาน
“คืบหน้าอย่างไรบ้าง” จีเหยาฮั่วเอ่ยถาม
ทั้งสี่คนสบตากันแวบหนึ่งแล้วก็พากันพยักหน้า
เวลานี้เอง สวี่สวี่ก็ลอบเอ่ยกับผู้เฒ่าเหนือมังกรว่า “ท่านปู่ ข้าก็หาสิทธิ์แห่งเทพที่เหมาะสมพบแล้ว อีกเดี๋ยวจะให้ท่านดู”
ผู้เฒ่าเหนือมังกรมองนางอย่างแปลกใจแล้วเอ่ยถามว่า “หาเจอได้อย่างไร”
สวี่สวี่เอ่ยว่า “เป็นมันหาข้าพบ”
พูดแล้วก็มองไปยังพวก ซีเซียนเสวี่ยแล้วเอ่ยว่า “ในตอนที่พวกเขากำลังหาสิทธิ์ แห่งเทพ สิทธิ์แห่งเทพก็มาหาข้าเอง”
ผู้เฒ่าเหนือมังกรถอนหายใจเอ่ยว่า “บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตาของเจ้า”
การเข้ามาในสุสานเทพครั้งนี้นอกจากเขาจะต้องหาสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีแล้ว ยังต้องหาสิทธิ์แห่งเทพที่เหมาะสมให้หลานสาวของตนเองอีกด้วย รากวิญญาณของหลานสาวเขานั้นพิเศษมาก เดิมทีเขาก็ไม่รู้ว่าจะหาที่เหมาะสมได้หรือไม่ แต่คิดไม่ถึงว่าในตอนที่หลานสาวจากเขาไปไม่กี่วันกลับถูกสิทธิ์แห่งเทพเลือกเข้า นี่เหมือนเป็นการทำเรื่องที่ค้างอยู่ในใจของเขาให้สำเร็จ
“ในเมื่อคนมาครบแล้วพวกเราก็ไปต่อเถอะ รีบหาเด็กน้อยนั่นให้พบ” ผู้เฒ่าเหนือมังกรเอ่ย
เรื่องหามู่ชิงเกอ แน่นอนว่าคนอื่นๆ ก็ไม่มีข้อโต้แย้งใด
มู่ชิงเกอนำผู้ฝึกวิถีมารนับร้อยเดินทางในพื้นที่ทับซ้อน นางไม่แน่ใจว่าผู้เฒ่าเหนือมังกรอยู่ที่ไหน แต่ถ้าหากว่า มากับเพื่อนของนางก็น่าจะมุ่งไปทางใจกลางสุสานแน่นอน
และนางก็เห็นว่าตำแหน่งของตนเองบนแผนที่ของหวงฝู่ฮ่วนอยู่ตรงพื้นที่ใจกลางพอดี
ทันใดนั้นนางก็หยุดฝีเท้า นัยน์ตาฉายแววเยียบเย็น ด้านหน้าของนางประมาณร้อยจั้ง มีโครงกระดูกมังกรขนาดยักษ์ บนกะโหลกขนาดใหญ่ของมังกรมีมุกมังกรอยู่ ขาทั้งสี่ของมังกรถูกโซ่ล่ามเอาไว้บริเวณใต้หัวของมันยังมีสีแดงเลือดหย่อมหนึ่ง
บ่อเลือดมังกร!