ตอนที่ 534
ความลึกลับของสุสานบรรพเทพ
เวลานี้เองผู้เฒ่าเหนือมังกรก็คํ้าไม้เท้าหัวมังกรเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ถอนหายใจเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “เจ้าช่างเป็นคนที่มีบุญจริงๆ รากวิญญาณห้าชนิดที่คนเป็นพันเป็นหมื่นก็ยากที่จะมีสักอัน เรื่องที่หลายหมื่นปีมานี้ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนกลับปรากฎขึ้นบนร่างของเจ้า”
คำพูดของเขาพิสูจน์การคาดเดาของพวกจีเหยาฮั่ว
ลวดลายบนหว่างคิ้วของมู่ชิงเกอเป็นตราประทับของรากวิญญาณทั้งห้า คนที่มีรากวิญญาณห้าชนิดและทำให้คนทั้งโลกตกตะลึงเป็นมู่ชิงเกอจริงๆ!
พวกเขายากที่จะจินตนาการว่าหากข่าวนี้ถูกเล่าลือออกไปจะดึงดูดให้เกิดความเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่ขนาดไหนในโลกแห่งยุคกลาง พรสวรรค์เช่นนี้อาจจะนำปัญหามากมายมาให้มู่ชิงเกอ
“มีเพียงผ่านเคราะห์อัสนีครั้งที่สองแล้วเท่านั้นถึงจะสามารถปิดซ่อนตราประทับรากวิญญาณบนหว่างคิ้วได้ตามต้องการ” ซีเซียนเสวี่ยเอ่ยอย่างกังวลใจ
นั้นก็หมายความว่าหลังจากมู่ชิงเกอออกไปจากที่นี่แล้วจะกลายเป็นคนที่ยุ่งมาก
บรรดาปีศาจเฒ่าะดับข้ามผ่านที่ไม่มีรากวิญญาณล้วนแต่จับจ้องคิดจะแย่งรากวิญญาณของนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางมีรากวิญญาณห้าชนิดที่แตกต่างกัน
มู่ชิงเกอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว นางมองไปทางผู้เฒ่าเหนือมังกรเอ่ยถามว่า “เรื่องที่ผู้อาวุโสรับปากข้าไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ทำได้แล้วหรือยัง”
คำพูดของนางเพิ่งจะจบลง สวี่สวี่ก็เดินมาข้างหน้าพูดกับนางอย่างซาบซึ้งใจว่า “พี่สาวมู่ ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือข้า หากไม่ได้ท่าน สวี่สวี่คงตายไปแล้ว”
มู่ชิงเกอกวาดตามองนางแวบหนึ่ง ส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า นี่เป็นเพียงข้อตกลงระหว่างข้ากับปู่ของเจ้าเท่านั้น”
พูดแล้วนางก็มองไปที่ผู้เฒ่าเหนือมังกร รอคำตอบของเขา
นัยน์ตาของผู้เฒ่าเหนือมังกรเลื่อนไปอยู่ที่ร่างของผู้ฝึกวิถีมารนับร้อยข้างหลังมู่ชิงเกอ เอ่ยถามว่า “เจ้ากับเผ่ามารมีความสัมพันธ์อะไรกัน”
“ชิ ผู้เฒ่าเหนือมังกร ดูแคลนพวกเราผู้ฝึกวิถีมารอย่างนั้นหรือ ต้องการวัดกับข้าสักหน่อยไหมเล่า” ปีศาจเฒ่าระดับข้ามผ่านเคราะห์อัสนีสามครั้งคนหนึ่งเดินออกมา
นํ้าเสียงของเขาดูเหมือนจะรู้จักกับผู้เฒ่าเหนือมังกร
ส่วนผู้เฒ่าเหนือมังกรก็มองเขา ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจแต่อย่างใด เพียงค่อยๆ เอ่ยว่า “หยวนซู่ ข้ากำลังคุยกับนังหนูมู่ ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า”
พวกเขารู้จักกันจริงเสียด้วย
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแวววาววาบ
“บังอาจ!” หยวนซู่ตะคอกเสียงดังยกมือขึ้นคิดจะลงมือ แต่กลับถูกมู่ชิงเกอยกมือขึ้นห้ามเอาไว้
“ถอยไป” มู่ชิงเกอสั่งเสียงเข้ม
หยวนซู่หมดทางเลือกทำได้แค่ถอยไป ใบหน้ายังเผยความรู้สึกไม่ยินยอมออกมา เพียงแค่คำสั่งเดียวจากมู่ชิงเกอสามารถสั่งปีศาจเฒ่าผู้ฝึกวิถีมารระดับข้ามผ่านเคราะห์อัสนีสามครั้งได้ ฉากนี้ทำให้พวกจีเหยาฮั่วตกตะลึงและทำให้นัยน์ตาของผู้เฒ่าเหนือมังกรฉายแวววาววาบ
ในตอนนี้เองมู่ชิงเกอก็ได้เข้าใจ ‘ดูแล้วผู้ฝึกวิถีมารและผู้ฝึกวิถีเทพล้วนแต่เหมือนกัน มีระดับเช่นเดียวกัน เหมือนกับในหลินชวน ที่สุดท้ายแล้วหวงฝู่ฮ่วนและเฉินปี้เฉิงก็เลือกเดินในวิถีมาร โลกแห่งยุคกลางก็น่าจะเป็นเช่นนี้ เมื่อมีผู้ฝึกวิถีเทพก็มีผู้ฝึกวิถีมาร เพียงแต่ก่อนหน้านี้นางไม่เคยพบเจอก็เท่านั้น ส่วนคนที่อยู่ร่วมยุคเดียวกัน ส่วนมากก็รู้จักกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นบุญคุณหรือความแค้นเท่านั้น สุสานมารและสุสานเทพเปิดขึ้นพร้อมกัน ทุกคนก็แค่ไปตามทางใครทางมันเท่านั้น’
มู่ชิงเกอเดินไปทางผู้เฒ่าเหนือมังกร เอ่ยปากว่า “ข้ามีความสัมพันธ์อะไรกับเผ่ามารเกี่ยวอะไรกับของที่ข้าต้องการหรือ”
นัยน์ตาของผู้เฒ่าเหนือมังกรวาววาบ เหลือบมองมู่ชิงเกอ ดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
มู่ชิงเกอโค้งริมฝีปากยิ้ม “หรือว่าในใจของผู้อาวุโสนั้น ระหว่างมารกับเทพนั้นแยกออกจากกันได้อย่างชัดเจน”
คำพูดของนางเต็มไปความยั่วยุและหยอกเย้า
หนังตาของผู้เฒ่าเหนือมังกรกระตุก ถอนหายใจเอ่ยว่า “เอาเถอะ เจ้าไม่ยอมบอกว่าระหว่างเจ้ากับเผ่ามารมีความสัมพันธ์อะไรกันก็ไม่เป็นไร ข้าจะไม่ยุ่ง เจ้าพูดถูก เทพกับมารยากที่จะแยกจากกันอย่างชัดเจนได้ ข้าเพียงแต่หวังว่าการกระทำของเจ้าในวันนี้จะไม่นำเคราะห์ภัยมาให้เจ้า แต่ข้าดูแล้วเจ้าก็ไม่ใช่คนชั่วช้าเลวทรามอะไร เรื่องที่ตกลงกับเจ้าเอาไว้ก็จะทำให้ได้อย่างแน่นอน”
“ขอบคุณผู้อาวุโส” มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ
เวลานี้เองจีเหยาฮั่วก็ถ่ายทอดเสียงไปหามู่ชิงเกอว่า ‘ชิงเกอ บนร่างของตาเฒ่าคนนี้มีแผนที่สุสานเทพ ที่เทียนหลัวจวินและหลินเสวียนเฟิ่งโจมตีเขาในก่อนหน้านี้ก็เพราะแผนที่บนร่างเขา’
หูของมู่ชิงเกอขยับ เผยยิ้มออกมา เอ่ยกับผู้เฒ่าเหนือมังกรว่า “ได้ยินว่า ผู้อาวุโสมีแผนที่สุสานเทพหรือ”
ผู้เฒ่าเหนือมังกรกลับไม่ได้ดูแปลกใจ เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่ามู่ชิงเกอจะถามเช่นนี้
เวลานี้เอง เหยาชิงไห่ก็เอ่ยปากว่า “ดูเหมือนผู้อาวุโสจะเข้าใจค่ายกลบ่อเลือดมังกรไม่น้อยเลย”
รอยยิ้มที่มุมปากของมู่ชิงเกอยิ่งกดลึกขึ้น ผู้เฒ่าเหนือมังกรกระแอมไออย่างกระดากอายเล็กน้อย ถลึงตามองเหยาชิงไห่แวบหนึ่ง
ในตอนนี้เอง สวี่สวี่ก็เอ่ยปากว่า “ท่านปู่ ท่านก็ศึกษาแผนที่อันนั้นมาหลายร้อยปีแล้ว ถึงอย่างไรก็มองอะไรไม่ออกอยู่ดี เอาให้พี่สาวม่ดูเถอะ เขาเป็นคนช่วยชีวิตข้านะ!”
“เจ้าเด็กคนนี้เห็นแก่คนอื่นมากกว่าข้ารึ!” ผู้เฒ่าเหนือมังกรทำท่าจะตีสวี่สวี่ ฝ่ายหลังกลับใช้สองมือกุมหัว แลบลิ้นอย่างซุกซน
ผู้เฒ่าเหนือมังกรปล่อยมือลงอย่างจนใจ ถอนหายใจเอ่ยว่า “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยกันบีบข้าหรอก เรื่องที่ข้ารับปากไว้ก็จะไม่คืนคำแน่ หากข้าไม่ยินยอม พวกเจ้าหลายคนมาบังคับก็ไม่มีประโยชน์”
“เช่นนั้นก็เชิญผู้อาวุโสอธิบายให้พวกเราฟังเถอะ” มู่ชิงเกอเอ่ย
ผู้เฒ่าเหนือมังกรกระแอมไอแล้วเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ที่จริงถึงแม้ข้าจะเอาแผนที่ออกมาก็ไม่มีประโยชน์หากไม่ใช้เวลาเป็นร้อยปีก็อย่าดิดที่จะเข้าใจมันได้”
สองมือเขากุมไม้เท้าหัวมังกรโยกหัวอธิบายแก่พวกมู่ชิงเกอฟัง “แผ่นที่นี้ข้าได้มาโดยบังเอิญ เริ่มแรกข้าก็ไม่รู้ว่านี่คือแผนที่สุสานเทพ ตอนหลังถึงได้รู้ว่าเส้นสายที่ยุ่งเหยิงนั้นคือแผนที่สุสานเทพ ส่วนในนี้ก็แสดงเพียงสองสถานที่”
ผู้เฒ่าเหนือมังกรยื่นนิ้วออกมาสองนิ้ว มองไปที่มู่ชิงเกอแล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าเดาว่าสองสถานที่นี้คือที่ไหน”
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแวววาววาบ เอ่ยตอบว่า “มีสุสานของสิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นและสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสี”
“ไม่ผิด!” ผู้เฒ่าเหนือมังกรพยักหน้าเอ่ย
“สิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นและสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีอะไรกัน” จีเหยาฮั่วเอ่ย ด้วยสีหน้างุนงง
ผู้เฒ่าเหนือมังกรกลับมองเขา ถลึงตาเอ่ยว่า “ผู้ใหญ่กำลังพูด รุ่นเยาว์อย่าสอด!”
มุมปากของจีเหยาฮั่วกระตุก หุบปากลงทันที
ผู้เฒ่าเหนือมังกรจึงพอใจแล้วเอ่ยว่า “สิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นและสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีล้วนแต่เป็นสิทธิ์แห่งเทพชนิดพิเศษ พูดง่ายๆ ก็คือเตรียมไว้ให้กับคนที่มีราก
วิญญาณหลายชนิด คนที่มีรากวิญญาณชนิดเดียวได้ไปก็ไม่มีประโยชน์ส่วนภายในนั้น สิทธิ์แห่งเทพฮุ่นตุ้นเกิดมาพร้อมกับการเบิกฟ้าดิน เป็นสิทธิ์แห่งเทพของบรรพเทพ เวลานั้นไม่มีการแบ่งแยกเผ่าเทพและเผ่ามาร บรรพเทพนั้นเป็นบรรพบุรุษของเผ่าเทพและมาร สิทธิ์แห่งเทพของเขาจะธรรมดาได้อย่างไร”
มู่ชิงเกอเอ่ยปากขึ้นว่า “ข้อตกลงของข้าและผู้อาวุโสคือ เขาต้องการสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีส่วนข้าต้องการสิทธิ์แห่งเทพฮุ่นตุ้น เขาจะช่วยข้าเอาสิทธิ์แห่งเทพฮุ่นตุ้นมาก่อน”
ที่นางพูดเพราะกังวลว่าผู้เฒ่าเหนือมังกรจพูดยืดเยื้อเสียเวลา นางจึงพูดเหตุและผลออกมาอย่างชัดเจนเพื่อลดคำพูดไร้สาระของเขา
คำพูดของมู่ชิงเกอทำให้พวกจีเหยาฮั่วเข้าใจในทันที
ไม่เพียงแต่พวกเขาที่เข้าใจ หวงฝู่ฮ่วนและเฉินปี้เฉิงและผู้ฝึกวิถีมารคนอื่นๆ ก็เข้าใจเหตุผลนี้ด้วยเช่นกัน
ผู้เฒ่าเหนือมังกรขบริมฝีปาก ได้แต่พูดว่า “อืม เป็นแบบนั้นแหละ”
“ดังนั้น ตอนนี้ผู้อาวุโสก็ควรบอกพวกเราได้แล้วว่า สุสานของบรรพเทพอยู่ที่ไหน ข้าจะได้สิทธิ์แห่งเทพฮุ่นตุ้นมาได้อย่างไร ตอนนี้เวลาเหลือไม่มากแล้ว หาก ชักช้าต่อไป ข้าอาจจะเปลี่ยนเป้าหมายไปแย่งสิทธิ์แห่งเทพเจ็ดสีกับท่านก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว สิทธิ์แห่งเทพเลือกใคร ข้าก็ไม่อาจรับรองได้” มู่ชิงเกอเอ่ย
ผู้เฒ่าเหนือมังกรเอ่ยว่า “ข้ากำลังจะพูดอยู่นี่ไงเล่า เด็กน้อยเจ้าไม่ต้องข่มขู่ข้าหรอก ข้าเพียงแค่แก่และพูดช้าไปหน่อยก็เท่านั้น”
“ผู้อาวุโส” มู่ชิงเกอเอ่ยเสียงเข้ม ความอดทนของนางมาถึงขีดจำกัดแล้ว
ผู้เฒ่าเหนือมังกรโบกมือแล้วพูดว่า “ข้าก็กำลังจะพูดอยู่นี่ไง สิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นอยู่ในสุสานบรรพเทพ ส่วนสุสานบรรพเทพนั้น…เด็กน้อย ข้าต้องบอกเลยจริงๆ ว่า โชคของเจ้านั้นดีมาก เจ้ารู้หรือไม่ว่าสุสานบรรพเทพนั้นไม่ได้หาเจอได้ทุกเวลา จำเป็นต้องมีเวลา ฟ้าดิน คน ประสานกัน”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว “อะไรคือเวลา ฟ้าดิน คน ประสานกัน”
ผู้เฒ่าเหนือมังกรชี้ไปที่ฟ้า แล้วก็ชี้ไปที่ดิน “ทุกๆ พันปี สุสานเทพและสุสานมารถึงจะทับซ้อนกันสักครั้ง เจ้าคิดว่าเพื่ออะไรเล่า”
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแวววาววาบ พูดออกไปว่า “สุสานบรรพเทพอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน!”
“ไม่เลว!” ผู้เฒ่าเหนือมังกรเผยท่าทีพอใจออกมา
“หวงฝู่!” มู่ชิงเกอหรี่ตาลง
หวงฝู่ฮ่วนก้าวมาข้างหน้าในทันทีแล้วเอาแผนที่สามมิติในก่อนหน้านี้ออกมา
สุสานเทพและสุสานมารที่ดูดุจดั่งรูปร่างมายาย่อขนาด เผยขึ้นต่อหน้าทุกคน ครู่หนึ่งนัยน์ตาของผู้เฒ่าเหนือมังกรก็เปล่งประกายขึ้นมา พึมพำว่า “ผู้ฝึกวิถีมารมีของดีขนาดนี้เชียว!”
แต่กลับไม่มีใครสนใจเขา
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอจ้องมองไปยังบริเวณที่สุสานเทพและสุสานมารทับซ้อนกัน พูดอย่างมั่นใจว่า “สุสาน บรรพเทพต้องอยู่ที่นี่แน่!”
“เจ้ายังคงเฉลียวฉลาดเช่นเคย” ผู้เฒ่าเหนือมังกรพยักหน้าเห็นด้วย
แต่ ตอนนี้มู่ชิงเกอไม่มีอารมณ์สนใจคำชมเหล่านี้ นางเงยหน้ามองผู้เฒ่าเหนือมังกร เอ่ยถามว่า “จะหาทางเข้าสุสานได้อย่างไร”
“เจ้าคิดว่าบ่อเลือดมังกรเอาไว้ปกป้องสุสานของใครเล่า” ผู้เฒ่าเหนือมังกรหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นในทันใด
มู่ชิงเกอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพรูลมหายใจออกมา
เข้าใจแล้ว นางเข้าใจทั้งหมดแล้ว
“บ่อเลือดมังกรมีไว้เพื่อคุ้มครองสุสานบรรพเทพหรือ” เหยาชิงไห่พูดออกมา
ผู้เฒ่าเหนือมังกรยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเป็นอะไรเล่า ภายในแผ่นดินใหญ่แห่งเทพมาร จะมีใครมีคุณสมบัติเช่นนี้อีก ฆ่ามังกรตั้งมากมายไม่กลัวเผ่ามังกรตามมาล้างแค้นงั้นหรือ มีแค่บรรพเทพเท่านั้นแหละ ถึงเผ่ามังกรจะถูกฆ่าจนสิ้นก็ไม่กล้าร้องสักคำแน่”
“แต่ว่า…” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วมีบางส่วนที่นางยังไม่ค่อยเข้าใจ นางรู้ความหมายที่บ่อเลือดมังกรคงอยู่แล้ว รู้สถานที่ตั้งของสุสานบรรพเทพแล้ว เข้าใจเวลาฟ้าดินคน ประสานที่ผู้เฒ่าเหนือมังกรพูดแล้ว
แต่ที่นางไม่เข้าใจก็คือ
“บ่อเลือดมังกรเป็นค่ายกลฆ่าล้าง ขอเพียงเป็นพื้นที่ที่มีบ่อเลือดมังกร รอบด้านเป็นวงกลมสิบลี้ล้วนแต่เป็นสถานที่แห่งความตาย แต่เพียงอ้อมผ่านบ่อเลือดมังกรก็จะไม่ได้รับอิทธิพลเช่นนั้นแล้วบ่อเลือดมังกรจะคุ้มครองสุสานบรรพเทพได้อย่างไร” มู่ชิงเกอโยนคำถามไปที่ผู้เฒ่าเหนือมังกร
ตอนนี้ไม่เพียงแต่พวกมู่ชิงเกอเท่านั้น แม้แต่ผู้ฝึกวิถีมารนับร้อยก็รอคำตอบของผู้เฒ่าเหนือมังกรอย่างสนใจเช่นเดียวกัน
ผู้เฒ่าเหนือมังกรถอนหายใจเอ่ยว่า “บ่อเลือดมังกรเป็นสถานที่แห่งความตาย แต่นี่ก็เป็นเพียงหนึ่งในประโยชน์ของมันเท่านั้น เจ้าสังเกตถึงตำแหน่งของบ่อเลือดมังกรเหล่านี้หรือไม่”
เขาพูดไปก็ยื่นมือออกมา ปลายนี้วชี้ไปมาเป็นจุดบนแผ่นที่ของหวงฝู่ฮ่วน สถานที่ที่เขาชี้ปรากฎจุดสีแดงหลายจุดขึ้น
คนที่ไม่เข้าใจค่ายกลแม้จะจ้องจุดสีแดงเหล่านี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ มีเพียงแค่มู่ชิงเกอและเหยาชิงไห่เท่านั้นที่มองเบาะแสออกนิดหน่อย
แต่เหยาชิงไห่รู้จักค่ายกลเพียงเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะมองการจัดวางจุดสีแดงเหล่านี้ออกว่ามีความเกี่ยวข้องอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องอะไรกัน
ส่วนมู่ชิงเกอก็เม้มริมฝีปากแน่น จ้องมองจุดสีแดงเหล่านั้น
จุดเหล่านี้เหมือนกับกระโดดออกมาจากแผนที่
ที่ผู้เฒ่าเหนือมังกรชี้นั้นไม่เพียงแต่เป็นบ่อเลือดมังกรในสุสานเทพแต่ยังรวมถึงภายในสุสานมารด้วย แต่เหตุใดเขาถึงรู้จักตำแหน่งบ่อเลือดมังกรในสุสานมาร บางที อาจจะเป็นเพราะสัญลักษณ์ในแผนที่ที่เขาได้รับแผ่นนั้น
จุดสีแดงเหล่านั้นค่อยๆ ปรากฎขึ้นในหัวของนาง
ใช้เส้นสายเชื่อมต่อทำให้เกิดรูปร่างหนึ่งปรากฎขึ้นมา!
‘ดาวมฤตยู!’ นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง รู้สึกตกตะลึงในใจ
เมื่อบ่อเลือดมังกรเชื่อมต่อกันก็ปรากฎดาวมฤตยู นางกะพริบตามองไปที่แผนที่ของหวงฝู่ฮ่วนอีกครั้ง นางพบว่าบริเวณที่สุสานเทพและสุสานมานทับซ้อนกันนั้นเป็นใจกลางของดาวมฤตยูพอดี
ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องบังเอิญงั้นหรือ
เป็นไปไม่ได้!
“มองอะไรออกแล้วใช่ไหม” ผู้เฒ่าเหนือมังกรยิ้มหรี่ตามองมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอสูดลมหายใจเข้าลึก มองผู้เฒ่าเหนือมังกรแล้วเอ่ยว่า “บ่อเลือดมังกรกลายเป็นใจกลางของค่ายกลมฤตยูก็คือตำแหน่งของสุสานบรรพเทพ พวกมัน…ใช้เพื่อซ่อนสุสานบรรพเทพหรือ”
มู่ชิงเกอเอ่ยการคาดเดาของตนเองออกมา
ผู้เฒ่าเหนือมังกรยิ้มพยักหน้า “ไม่ผิด นอกจากบ่อเลือดมังกรจะเป็นพื้นที่แห่งความตายแล้ว เมื่อกลายเป็นค่ายกลก็มีผลให้เปลี่ยนฟ้าพลิกแผ่นดิน ข้าเดาว่าเดิมที สุสานเทพและสุสานมารนั้นอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน แต่เป็นเพราะค่ายกลนี้ทำให้แบ่งออกเป็นสองส่วน ทุกๆ พันปีในตอนที่ค่ายกลอ่อนแอที่สุด ถึงจะมารวมตัวกันได้อีกครั้ง และก็จะแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งของสุสานบรรพเทพอย่างชัดเจน”
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเข้า เผยความตกตะลึงออกมา
“อีกอย่าง หากคิดจะเข้าไปในสุสานบรรพเทพก็ต้องผ่านอาณาเขตของบ่อเลือดมังกรเข้าไป ทะลุพื้นที่แห่งความตาย!” ผู้เฒ่าเหนือมังกรเอ่ยออกมาหนึ่งประโยค
มู่ชิงเกอนิ่งเงียบ
บ่อเลือดมังกรนั้นมีคำร่ำลือว่าเข้าไปแล้วต้องตายอย่างแน่นอนที่นางไม่เข้าไปก็เพราะนางไม่มีความมั่นใจว่าจะคลายค่ายกลแห่งความตายนี้ได้หากว่าฝืนบุกเข้าไป ก็เกรงว่าจะทำให้คนอื่นต้องตายไปด้วย
นางเงยหน้าขึ้น เอ่ยถามผู้เฒ่าเหนือมังกรว่า “ผู้อาวุโสมีวิธีทำลายค่ายกลหรือไม่”