Skip to content

พลิกปฐพี 536

ตอนที่ 536

แต่ละฝ่ายรวมตัวกัน ตกตะลึงไปทั้งโลก

จีเหยาฮั่วอ้าปากแล้วก็หุบลงอย่างหดหู่พลางถอยกลับไป เขากระทุ้งไหล่ของเหยาชิงไห่ พึมพำว่า “ข้าคิดว่าเจ้านั่นกับเจ้าคล้ายๆ กัน”

เหยาชิงไห่สงสัย เงยหน้ามองหวงฝู่ฮ่วนแวบหนึ่ง ฝ่ายหลังมองเขาพลางพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากเหยาชิงไห่ชะงักไปแล้ว ก็ยิ้มบางๆ พร้อมพยักหน้าให้ถือว่าได้ ทักทายกันแล้ว

จากนั้นเขาถึงได้มองไปทางจีเหยาฮั่ว เอ่ยถามว่า “หมายความว่าอย่างไร”

จีเหยาฮั่วเอ่ยว่า “ล้วนแต่เป็นพวกที่ชอบเก็บซ่อนความคิดเอาไว้ในใจ ไม่พูดเรื่องจริงออกมาสักคำ”

เหยาชิงไห่หัวเราะอย่างขมขื่น ไม่มีคำจะเอ่ยต่อ

เห็นจีเหยาฮั่วเดินกลับไปข้างกายอิ๋งเจ๋อด้วยสีหน้าดูแคลนแล้วในใจของเขาก็รู้สึกอดสูมาก เห็นได้ชัดว่าต่อหน้าพวกเขานั้นเขาจริงจังและจริงใจมาก ถึงแม้จะคิด อะไรอย่างละเอียดอ่อนก็ไม่ได้ใช้กับพวกเขาเสียหน่อย

“ตามมาให้ติดๆ ล่ะ” ผู้เฒ่าเหนือมังกรพูดออกมาประโยคหนึ่ง ดึงมือของสวี่สวี่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

มู่ชิงเกอตามไปติดๆ จากนั้น สายตานางก็พร่าเลือน เหมือนได้ก้าวจากช่องว่างหนึ่งไปยังอีกช่องว่างหนึ่ง

ไม่นาน ด้านหลังนางก็ปรากฎคนอื่นๆ ตามมา จีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อ เว่ยมั่วลี่ เหยาชิงไห่ ซีเซียนเสวี่ย หวงฝู่ฮ่วน เฉินปี้เฉิง แล้วก็ยังมีผู้ฝึกวิถีมารนับร้อย

“นี่คือที่ไหนน่ะ”

“ดูเหมือนจะเป็นห้องโถงใหญ่ห้องหนึ่ง”

“เป็นวังใต้ดินงั้นหรือ”

“ห้องโถงกว้างใหญ่ขนาดนี้…นี้…นี้…นี้…”

เสียงตกตะลึงของผู้คนดังสะท้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มู่ชิงเกอมองไปรอบด้าน สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างของผู้เฒ่าเหนือมังกร

ผู้เฒ่าเหนือมังกรเอ่ยว่า “ที่นี่เป็นอาณาเขตของสุสานบรรพเทพ แต่ยังห่างจากใจกลางสุสานไปอีกสักระยะหนึ่ง จากตอนนี้ไปให้ระมัดระวังด้วย”

ระมัดระวังหรือ

มู่ชิงเกอตื่นตัวขึ้น

ที่นี่เป็นห้องโถงอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง บนยอดประดับตกแต่งด้วยอัญมณีเหมือนกับดวงดาว บนพื้นถูก วาดเป็นช่องสี่เหลี่ยมหลายช่อง ไม่รู้ว่าใช้ทำอะไร

“ภายในสุสานบรรพเทพ มีการจัดวางกลไกต่างๆ เอาไว้ ทั้งยังมีค่ายกลอาคมอะไรอีก ซึ่งข้าเองก็ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง แต่สามารถแน่ใจได้เลยว่าต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน” ผู้เฒ่าเหนือมังกรพูดขึ้นอีก

สำหรับเรื่องนี้มู่ชิงเกอไม่ได้รู้สึกแปลกใจ

หากผู้เฒ่าเหนือมังกรรู้จักทุกอย่างในสุสานบรรพเทพเป็นอย่างดีต่างหาก นางถึงจะรู้สึกสงสัย

“ระวังใต้เท้าด้วย” มู่ชิงเกอสั่งคนด้านหลัง

นี่ทำให้ผู้คนที่กำลังตะลึงกับบรรยากาศตรงหน้าได้สติ และเริ่มจับตาดูความเคลื่อนไหวรอบด้าน

ผู้เฒ่าเหนือมังกรครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็โยนไม้เท้าหัวมังกรของตนเองออกไป ไม้เท้าหัวมังกรลอยวนอยู่ในห้องโถงใหญ่รอบหนึ่งแล้วก็กลับเข้ามาในมือของผู้เฒ่าเหนือมังกร

นัยน์ตาของเขาเผยร่องรอยสงสัย พึมพำเอ่ยว่า “ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกตินะ”

มู่ชิงเกอมองเขา นัยน์ตาหรี่เล็กลง เม้มปากไม่พูดจา

เงียบเกินไปกลับเป็นความผิดปกติ

ทันใดนั้น เสียงดังสนั่นก็ดังขึ้นมาจากใต้พื้นทำให้ทุกคนตกใจ

พวกเขาที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวว่าเกิดอะไรขึ้น พื้นสี่เหลี่ยมก็เริ่มพังทลายลงทีละชิ้นและเข้ามาใกล้พวกมู่ชิงเกอมากขึ้นเรื่อยๆ

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอหดตัวลง ยกมือขึ้นสั่งทุกคน “รีบถอย!”

ทุกคนถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ระมัดระวังอย่างเต็มที่

บรรดาช่องสี่เหลี่ยมพังทลาย เผยให้เห็นเหวลึกเป็นช่องๆ ดูเหมือนที่ส่วนลึกจะมีเปลวไฟเผาไหม้ทั้งยังดูเหมือนจะเลี้ยงอะไรบางอย่างที่น่ากลัวเอาไว้

พวกเขายังไม่ทันมองดูของด้านล่างที่แผ่กระจายกลิ่นอายอันตรายออกมา บนหลังคาห้องโถงก็มีแสงสีทองเป็นสายๆ พุ่งตกลงมาเหมือนฝนห่าใหญ่

ความผิดปกติกลางอากาศทำให้ทุกคนในห้องโถงเงยหน้าขึ้น

แสงสีทองที่เป็นเหมือนขนตกลงมาเหล่านั้นทำให้ในใจของคนเกิดความรู้สึกเย็นยะเยือก แม้แต่ผู้เฒ่าเหนือมังกรก็เบิกตากว้าง คุ้มครองสวี่สวี่แล้วตะโกนว่า “เร็ว! อย่าให้แสงสีทองเหล่านี้สัมผัสถูกตนเอง!”

คำพูดของเขาทันเวลาพอดี

คนนับร้อยรีบใช้พลังจิตของตนเองรวมกันเป็นเกราะแสงชั้นหนึ่งไว้บนหัว ขวางแสงสีทองที่ราวกับขนวัวเหล่านั้นเอาไว้

แสงสีทองชนเข้ากับเกราะแสงทุกคนที่คอยส่งพลังสนับสนุนเกราะไม่ให้แตกล้วนรู้สึกเหมือนถูกกัดกิน ทำให้ความกดดันของพวกเขาเพิ่มขึ้น

คนหลายร้อยคนรวมตัวเข้าด้วยกัน ร่วมมือกันต้านทาน

พลังจิตนานาชนิดรวมเป็นหนึ่งกลายเป็นเกราะแสงปกป้องทุกคนเอาไว้ด้านใน แต่แสงสีทองที่ตกลงมาจากฟ้าเหล่านี้กลับยิ่งรุนแรงยิ่งขึ้น จำนวนและความเร็วล้วนแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าหากทำลายเกราะป้องกันของพวกเขาไม่แตกก็จะไม่ยอมเลิกรา

พวกมู่ชิงเกอถูกล้อมเอาไว้ตรงใจกลาง รอบด้านล้วนแต่เป็นผู้ฝึกวิถีมาร

“นี่คืออะไรกันแน่” จีเหยาฮั่วมองไปที่แสงสีทองเหล่านั้นอย่างตกตะลึง อดถามไม่ได้

ส่วนมู่ชิงเกอในตอนนี้กลับมองไปที่ผู้เฒ่าเหนือมังกรอย่างเคร่งเครียดเพราะเขาเป็นคนเอ่ยเตือนออกมา…

“อย่ามองข้า ข้าบอกแล้วว่าที่นี่มีกลไกกับดักอะไรมากมายซึ่งข้าเองก็ไม่รู้จัก” ผู้เฒ่าเหนือมังกรมองออกถึงคำถามในสายตาของมู่ชิงเกอจึงอธิบายในทันที แต่การอธิบายเช่นนี้ไม่อาจทำให้มู่ชิงเกอพอใจได้ นัยน์ตาที่สดใสของนางจ้องไปยังผู้เฒ่าเหนือมังกรไม่ยอมให้เขาพูดหลบเลี่ยงได้

เมื่อผู้เฒ่าเหนือมังกรเห็นนางจับจ้องมาจึงพูดเสริมไปอีกหนึ่งประโยคว่า “ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าภายในแสงสีทองเหล่านี้มีอันตรายถึงได้เอ่ยเตือน” คำพูดของเขาเพิ่งจะจบลงก็ได้ยินเสียงดังเข้ามา

มู่ชิงเกอกับเขามองไปพร้อมกันก็เห็นว่าบนเกราะแสงที่ใช้พลังจิตสร้างขึ้นนั้นถูกแสงสีทองทำลายออกเป็นรูเล็กๆ มากมายและความวุ่นวายก็เกิดขึ้นจากสิ่งนี้

ไม่จำเป็นต้องให้ใครเอ่ยเตือน ผู้ฝึกวิถีมารนับร้อยก็เร่งเร้าพลังจิตมากขึ้นรีบซ่อมแซมเสริมรูเล็กๆ เหล่านั้น ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาจะรวดเร็วแค่ไหนก็ยังมีแสงสีทองสายหนึ่งที่หลุดรอดเข้ามาจากรูเล็กยิงลงมาใส่ดวงตาของผู้ฝึกวิถีมารคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว

“อ๊าก!” ผู้ฝึกวิถีมารที่ถูกแสงสีทองยิงโดนก็ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา ล้มกองลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด จากนั้นร่างกายของเขาก็เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น

ร่างกายของเขาแห้งลงไปอย่างรวดเร็วเหมือนมีบางอย่างเข้าไปกัดกินภายในร่างกายของเขา

เพียงแค่พริบตาเดียวเขาก็ถูกกัดกินจนหมดไม่เหลือแม้ แต่เลือดเนื้อสักหยด

คนที่อยู่รอบกายของเขาถูกฉากนี้ทำให้ตกตะลึงและพากันถอยออกไปด้านหลัง

พลังของแสงสีทองทำให้คนหวาดกลัว เกราะแสงบนหัวเกิดความสั่นไหว ดีที่มู่ชิงเกอลงมือได้เร็ว ยกมือสะบัดใส่พลังจิตของตนเองลงไป

ผู้เฒ่าเหนือมังกรที่อยู่ข้างกายของนางก็ลงมือพร้อมกัน สร้างความมั่นคงให้เกราะแสง

“ตั้งใจออกแรงหน่อย” นางส่งเสียงออกไปเตือนบรรดาผู้ฝึกวิถีมารที่กำลังตกตะลึง

พวกเขาที่ได้สติกลับมา ใส่พลังจิตเข้าไปในเกราะแสง โดยไม่สนใจว่ามันจะหมดหรือไม่ เพราะพวกเขาไม่มีใครอยากจะตายอยู่ที่นี่ ยิ่งไม่อยากเป็นเหมือนเช่นเพื่อนคนเมื่อครู่ที่ตายไปโดยไม่รู้ตัว

“ผู้อาวุโสมีความรู้กว้างขวาง สิ่งนี้คืออะไรกันแน่” เหยาชิงไห่เอ่ยถามผู้เฒ่าเหนือมังกรด้วยท่าทางที่ดูเคร่งเครียด

แต่สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือสีหน้าของผู้เฒ่าเหนือมังกร ก็ไม่น่าดูเช่นเดียวกัน เขาส่ายหน้า “ในเมื่อของเหล่านี้อยู่ในสุสานบรรพเทพ ก็จะต้องเป็นของโบราณ ถึงข้ามีความรู้มากแค่ไหนก็มีเพียงแค่ในช่วงเวลาพันปีเท่านั้น จะไปรู้ว่าแสงสีทองแปลกประหลาดนี้คืออะไรได้อย่างไร”

แครก!

ทันใดนั้นพื้นใต้เท้าที่พังทลายก็หยุดลง

เมื่อพื้นหยุดพังทลาย แสงสีทองแปลกประหลาดก็ค่อยๆ ลดน้อยลง สุดท้ายก็ดูเหมือนจะหายไปในหมู่ดาวเหล่านั้น

ทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดลงแล้ว

แต่ทุกคนยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ความแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

มู่ชิงเกอรู้สึกถึงกลิ่นอายอันตรายค่อยๆ กระจายออกมาจากใต้พื้นที่พังทลายเหล่านั้นค่อยๆ บีบเข้าใกล้พวกเขา มากเรื่อยๆ

ครืน!

เสียงเคลื่อนไหวดังออกมาจากใต้พื้นดินราวกับมีสัตว์ดุร้ายใต้พื้นกำลังตื่นและค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นมา

คนนับร้อยอดมองไปยังใต้จุดที่พื้นพังทลายไม่ได้

เวลานี้ด้านหลังก็มีเสียงดังขึ้น

ผู้คนหันกลับไปมองก็เห็นคนจำนวนไม่น้อยกำลังพุ่งเข้ามาที่นี่

เพียงแวบเดียวมู่ชิงเกอก็มองเห็นหานฉายไฉ่ภายในกลุ่มคน

ด้านหลังของเขายังมีผู้กล้าภาคเหนือตามมาด้วย คนเหล่านี้ส่วนมากล้วนแต่มีสีหน้ามึนงง ดูเหมือนว่าจะหลงบุกเข้ามาที่นี่

เมื่อพวกเขามองเห็นจีเหยาฮั่ว ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกายราวกับหาผู้นำพบ

แต่น่าเสียดายที่จีเหยาฮั่วไม่ได้มองพวกเขาเลยแม้แต่แวบเดียว

สายตาของมู่ชิงเกอปะทะกับสายตาของหานฉายไฉ่ กลางอากาศ แต่อยู่ภายใต้สถานการณ์คับขันใครก็ไม่อาจถามอะไรมากได้

หานฉายไฉ่สังเกตเห็นผู้ฝึกวิถีมารข้างกายของนางทำให้นัยน์ตาฉายแววหนักอึ้ง

เมื่อมองเห็นตราประทับดอกบัวบนหว่างคิ้วของนาง นัยน์ตาของเขาก็หดตัวลง เผยร่องรอยตกตะลึง เขาควรจะคิดออกได้นานแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองนั้นรู้จักมู่ชิงเกอดีแล้ว แต่กลับพบว่าเขาไม่ได้เข้าใจนางเลย ทั้งยังประเมินนางตํ่าไป ดูแคลนความสามารถของนาง

“คนที่ทำให้เกิดแสงห้าสีเมื่อครู่ขึ้นเป็นเจ้าเมืองมู่เองรึ!”

“อัจฉริยะเกินไปแล้ว เดิมทีเจ้าเมืองมู่ก็มีพรสวรรค์เหนือลํ้าอยู่แล้ว มาตอนนี้ยังครอบครองรากวิญญาณห้าชนิดอีก ไม่โจมตีคนเช่นนี้จะได้หรือไม่”

“ยังถูกเจ้าเมืองมู่โจมตีไม่พออีกหรือ ต่อไปข้าแทบไม่อยากพบหน้านางอีกแล้ว ทุกครั้งที่พบนางก็จะเกิดความรู้สึกถูกทำร้ายที่ยากจะบรรยายออกมาได้”

“เอ่อ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าเมืองมู่จะพบเจ้างั้นหรือ”

“…เจ้าเมืองมู่ยังไม่รู้จักข้า แต่ต่อไปข้าจะอ้อมสถานที่ที่นางอยู่ไปจะได้ไม่ต้องโดนโจมตีอีก ได้แล้วใช่ไหม!”

“เจ้าเมืองมู่ไม่ใช่คนที่พวกเราจะสามารถไปเปรียบเทียบได้!”

“ใช่แล้ว! ไม่เห็นหรือว่าเหล่าอัจฉริยะที่ร้ายกาจที่สุดในโลกแห่งยุคกลางของพวกเราล้วนแต่โอบล้อมอยู่ข้างกายนางถือเอานางเป็นหัวหน้าน่ะ”

ตราประทับดอกบัวบนหว่างคิ้วของมู่ชิงเกอทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนตกตะลึง

บรรดาผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่มาจากภาคต่างๆ ทั้งยังมีปีศาจเฒ่าที่เก็บตัวจากโลกภายนอกล้วนแต่สังเกตเห็น พวกรุ่นเยาว์นั้นต่างก็ตกตะลึงและมีสีหน้าเพ้อฝัน

ส่วนนัยน์ตาของเหล่าปีศาจเฒ่ากลับมืดมน ภายในความตกตะลึงนั้นมีความคิดบางอย่างอยู่ในใจ

“เอ๋ พวกนั้นไม่ใช่ผู้ฝึกวิถีมารงั้นหรือ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า”

ทันใดนั้นก็มีคนสังเกตเห็นผู้ฝึกวิถีมารนับร้อยที่ยืนอยู่กับพวกมู่ชิงเกอ

“เป็นผู้ฝึกวิถีมารจริงๆ ที่นี่เป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างสุสานเทพและสุสานมารพวกเขาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่เหตุใดถึงอยู่กับเจ้าเมืองมู่ ธิดาเทพซี ประมุขน้อยตระกูลจี ตระกูลอิ๋ง และตระกูลเหยาได้ คุณชายใหญ่เว่ยก็อยู่ในนั้นด้วย!”

“คนแก่กับเด็กสาวนั้น…”

“เฮ้ย! ดูเหมือนจะเป็นผู้เฒ่าเหนือมังกรปู่หลาน!”

“เหตุใดพวกเขาถึงมารวมตัวกันกับผู้ฝึกวิถีมารได้”

บรรดาคนที่บุกเข้ามาอย่างกะทันหันนี้มีถึงหกเจ็ดร้อยคน มีจำนวนพอๆ กับจำนวนของผู้ฝึกวิถีมาร คนสองฝั่งที่อยู่ตรงกันข้ามกันมาปรากฎตัวอยู่ในสถานที่เดียวกัน จึงเกิดความเป็นปรปักษ์ขึ้นชั่วขณะ

นี่ไม่เกี่ยวกับบุญคุณความแค้นส่วนตัว แต่เป็นความรู้สึกไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ที่ถูกบ่มเพาะมา

บึ้ม! เสียงกึกก้องดังขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่ทำให้มู่ชิงเกอต้องหวาดระแวงนั้นในที่สุดก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version