Skip to content

พลิกปฐพี 541

ตอนที่ 541

ข้าร่วมกับเจ้า!

“ข้าไม่อนุญาต!”

เงาร่างในชุดสีดำทมิฬสูงใหญ่เบียดออกมาจากช่องว่างที่ถูกฉีกออกอย่างอหังการ

การปรากฎตัวของเขาทำให้คนในสุสานแปลกใจ และก็ทำให้หวงฝู่ฮ่วนลอบถอนหายใจในใจว่า ‘เกือบไปแล้ว’

“เขาเป็นใครน่ะ”

“เขาเป็นใครกัน”

“เหตุใดถึงโผล่ออกมาในสุสานได้’’

“เขาเข้ามาสุสานที่มีกลไกซับซ้อนและเต็มไปด้วยอันตรายง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร”

“เขา…ดูเหมือนจะเป็นคนที่ปรากฎตัวอย่างกะทันหันในลั่วซิงเฉิงเมื่อหนึ่งปีก่อน…” จีเหยาฮั่วมองซือมั่วแล้วพึมพำออกมา

เหยาชิงไห่ต่อคำพูดของเขา “คู่หมั้นของชิงเกอ’’

ประโยคนี้ของเขาทำให้บรรดาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นและมองเห็นซือมั่วประกาศอย่างอหังการรวมทั้งมู่ชิงเกอยังยอมรับด้วยตนเอง ล้วนแต่พยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว

นัยน์ตาเรียวยาวของหานฉายไฉ่มืดทึบลง

เมื่อเห็นซือมั่วปรากฎตัว ความกังวลใจต่อมู่ชิงเกอของเขาก็ผ่อนคลายลง ‘เขามาแล้ว เจ้าก็ไม่เป็นอะไรแล้ว’

“คู่หมั้นของชิงเกอ…” ซีเซียนเสวี่ยมองซือมั่วด้วยท่าทีที่ซับซ้อน ผู้ชายคนนี้ทำให้คนตกตะลึงได้จริงๆ ไม่เพียงแต่รูปโฉมภายนอกที่สมบูรณ์แบบ แม้แต่กลิ่นอายก็ทำให้คนรู้สึกว่าสูงส่ง

‘ผู้ชายที่จะคู่ควรกับชิงเกอก็คงมีแต่ผู้ชายเช่นนี้แล้ว’ ซีเซียนเสวี่ยเอ่ยในใจ เพียงแต่ในใจของนางกลับรู้สึกผิดหวัง

ข่าวที่มู่ชิงเกอมีคู่หมั้นได้ดังกระฉ่อนไปทั่วโลกแห่งยุคกลางตั้งแต่หนึ่งปีก่อนแล้ว ตอนนั้นนางก็ยังสามารถสงบใจได้อยู่ แต่มาตอนนี้ เมื่อได้เห็นเองแล้ว ในใจของนางกลับเกิดความรู้สึกหดหู่ยากที่จะอธิบาย

ทุกคนคิดไปต่างๆ นานา ซึ่งเป็นเวลาเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น

ซือมั่วปรากฎตัวก็เป็นเพียงแค่พริบตาเดียว

เขาไม่ได้สนใจคนในห้องสุสานเลย เมื่อมองเห็นมู่ชิงเกออยู่ในช่องว่างอีกช่องหนึ่งและถูกแสงสีฟ้าก้อนหนึ่งโอบคลุมตัวไว้เหมือนเปลวไฟที่กำลังโอบล้อม นัยน์ตาสีอำพันของเขาก็ดูเหมือนอยากจะพ่นไฟออกมา ไอสังหารอันอำมหิตลุกโชนขึ้นในดวงตา ใบหน้าเย็นชาขึ้นหลายส่วน

เขาก้าวยาว พุ่งเข้าไปในเกราะช่องว่างนั้นในทันที

การกระทำที่เรียบง่ายและรุนแรงเช่นนี้ทำให้ทุกคนในห้องสุสานหวาดผวา เมื่อครู่มีพวกเขากี่คนที่ต้านทานเกราะไม่ได้ มีกี่คนที่ไม่สามารถทำอะไรมันได้ แต่กลับถูกเขาทำลายไปตรงๆ เช่นนี้น่ะหรือ

“เจ้า…เจ้าแห่งมาร…”

ในบรรดาผู้ฝึกวิถีมาร คนที่จดจำสถานะของซือมั่วได้ก็ตื่นเต้นจนอดหายใจเบาๆ ออกมาไม่ได้

แต่เขาเพิ่งเอ่ยออกไปก็ถูกหวงฝู่ฮ่วนถลึงตากลับไป ใช้สายตาห้ามไม่ให้เขาเผยสถานะของซือมั่วออกมา เขาไม่ได้กลัวว่าคนเหล่านี้จะรู้สถานะของซือมั่ว เพียงแต่ไม่อยากให้สถานะของซือมั่วทำให้บรรดาผู้ฝึกวิถีเทพในโลกแห่งยุคกลางนำปัญหาอะไรที่ไม่จำเป็นมาให้แก่มู่ชิงเกอ

เขาเชื่อว่าท่านอาจารย์ของเขาก็คงจะคิดเช่นนี้

ผู้ฝึกวิถีมารที่ถูกหวงฝู่ฮ่วนถลึงตาใส่ได้สติขึ้นมาในทันที ปิดริมฝีปากทันที หดคอหลุบตาลง พยายามลบการคงอยู่ของตนเองลง

ซือมั่วบุกเข้ามาในช่องว่างที่ถูกปิดผนึก

ในสายตาคนนอก เขาก้าวเข้าไปในช่องว่างอย่างผ่อนคลายและง่ายดาย แต่ในความเป็นจริง มีเพียงแต่เขาที่รู้ดีว่าในตอนที่เขาก้าวเข้าไปในขอบเขตที่บรรพเทพจัดวางเอาไว้นั้น ร่างกายก็โดนทิ่มแทงจากสายฟ้านับหมื่นในพริบตา ความเจ็บปวดนี้สามารถทำให้คนธรรมดาตายไปนับร้อยครั้ง

“เจ้ามาได้อย่างไร” มู่ชิงเกอถูกแสงสีฟ้าเข้มดุจดังเปลวเพลิงโอบคลุมตัวไว้ นางยังไม่ทันได้รับความเจ็บปวดจากการเสียสละวิญญาณก็มองเห็นชายคนนี้ปรากฎตัว ขึ้นอย่างกะทันหันและบุกเข้ามาแล้ว

เสียงของนางยังไม่ทันจบลง ผู้ชายคนนั้นก็ยื่นมือเข้าไปในแสงสีฟ้าเข้ม จับข้อมือของนางแล้วดึงนางออกมาปะทะเข้ากับอ้อมอกของเขา

“ใครอนุญาตให้เจ้าทำเช่นนี้” ความโกรธเกรี้ยวในดวงตาของซือมั่วนั้นยากที่จะระงับเอาไว้แล้ว

เขาไม่เคยโมโหเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยแค้นเคืองจนอยากจะฆ่าคนทั้งโลกเพื่อดับความโมโหของตนเองเช่นนี้ ผู้หญิงคนนี้กล้าเกินไปแล้ว

มู่ชิงเกอมองเขามึนงง อ้าปากค้างเล็กน้อย

ซือมั่วแค้นจนขบฟัน นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวมองดูนาง “เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่คืออะไร มันจะติดไปกับวิญญาณของเจ้า หลังจากพันปีแล้วก็จะกลืนกินเจ้าจน เกลี้ยง!”

เขาไม่กล้าคิดเลยว่าหากตนเองมาช้าไปอีกก้าวหนึ่งแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

น่าตายนัก ผู้หญิงคนนี้อยากให้เขาปวดใจใช่ไหม

“ข้ารู้แล้ว” มู่ชิงเกอพูดออกมาสามคำอย่างสงบนิ่ง ซึ่งไม่ได้ลดความโมโหของซือมั่วลงแต่กลับทำให้ความโกรธในนัยน์ตาของเขาโหมทะลุออกมาด้านนอก

‘รู้แล้ว? นางรู้แล้ว! รู้แล้วกลับยังกล้าทำเช่นนั้นอีก!’

ซือมั่วรู้สึกว่าหน้าอกของตนเองเหมือนถูกค้อนทุบ ปวดจนหายใจลำบาก ภายในร่างกายเหมือนถูกไฟเผาผลาญ จนเกือบจะเผาไหม้เขาจนหมดสิ้น

เขามองท่าทางที่สงบนิ่งของมู่ชิงเกอแล้วก็โมโหมาก ก้มหน้าลงกัดริมฝีปากของมู่ชิงเกออย่างรุนแรง ดูดกลืนความหวานลํ้าในปากของนางอย่างบ้าคลั่ง

มู่ชิงเกอเบิกตากว้างชะงักอยู่ที่เดิม ที่นางตกตะลึงไม่ใช่เพราะมีคนนอกขอบเขตตั้งมากมายกำลังมองดูอยู่ แต่เป็นเพราะนางสัมผัสได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของซือมั่ว นางไม่ได้ขัดขืน เพราะนางเข้าใจถึงความโมโหของซือมั่วดี หากนางรู้ว่าซือมั่วจะสละวิญญาณ เกรงว่านางคงจะมีปฏิกิริยารุนแรงยิ่งกว่าซือมั่วหลายเท่า

การจูบกันอย่างดูดดื่มของคนในขอบเขตทำให้คนในห้องสุสานเงียบลง

ดูเหมือนทุกๆ คนจะเบิกตากว้างมองดูฉากนี้ และไม่รู้ว่าด้านในนั้นทำอะไรกันอยู่

พวกเขาไม่ได้ยินเสียง แต่สามารถมองเห็นได้

ริมฝีปากของมู่ชิงเกอถูกซือมั่วกัดจนเจ็บ

เขาเพียงแต่กำลังลงโทษการกระทำโดยพลการของนาง ลงโทษความกล้าดีของนาง

มู่ชิงเกอรองรับความโมโหของเขา ในตอนที่จูบของเขาเปลี่ยนจากการลงโทษเป็นลึกซึ้งขึ้นนั้น นางถึงได้ใช้สองมือผลักเขาออกเบาๆ จบการจูบนี้ลง

อารมณ์ของซือมั่วสงบลงแล้ว เขามองดวงตาอันสดใสจนหาที่เปรียบไม่ได้ของมู่ชิงเกอ นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยความปวดใจ

“เหตุใดถึงได้ทำเช่นนี้ มีเหตุผลอะไรกันที่บีบให้เจ้าต้องทำเช่นนี้” มือทั้งสองของซือมั่วประคองแก้มของมู่ชิงเกอ เอ่ยถามเสียงเข้ม

เสียงนี้ฟังดูแล้วดูน่าสงสารมาก เหมือนสัตว์เลี้ยงที่ถูกเจ้าของทิ้งก็ไม่ปาน มันเต็มไปด้วยการอ้อนวอน

มือของมู่ชิงเกอวางทาบบนหลังมือของซือมั่ว ใช้น้ำเสียงที่สงบนิ่งพูดกับเขาว่า “ข้าอยากได้สิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นก็ต้องทำเช่นนี้”

“สิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้น…” ซือมั่วพึมพำเอ่ยออกมา ในที่สุดสายตาของเขาก็ละจากใบหน้าของมู่ชิงเกอกวาดมองไปยังก้อนแสงสองก้อนบนกล่องหิน

หลังจากก้องแสงสีฟ้าเข้มสูญเสียเป้าหมายแล้วก็หดตัวกลับเป็นก้อน ลอยอยู่เหนือกล่องหินเหมือนเดิม สายตาของซือมั่วตกไปบนก้อนแสงสีแดง นัยน์ตาสี อำพันหดตัวลง ‘นั่นคือ…’

เขาอยู่มาหลายหมื่นปี ทั้งยังเป็นเจ้าแห่งมารของแดนมาร รู้เรื่องที่คนอื่นไม่เข้าใจ มากมาย

เขาสามารถมองทะลุผลลัพธ์ของแสงสีฟ้าได้ในแวบเดียว แน่นอนว่าสามารถมองผลลัพธ์ของแสงสีแดงออกในแวบเดียวเช่นกัน

“สังเวยวิญญาณ…สังเวยความรู้สึก…” น้ำเสียงของซือมั่วดูสั่นสะท้านทั้งยังตกตะลึง

มู่ชิงเกอพยักหน้า เอ่ยด้วยนํ้าเสียงที่เรียบสงบว่า “นี่เป็นการทดสอบของสิทธิ์แห่งเทพฮุ่นตุ้น ข้าจำเป็นต้องเลือกทางใดทางหนึ่งในสองทางเลือกนี้”

สำหรับนางแล้ว การล่มสลายหายไปหลังจากพันปีง่ายดายกว่าการลืม

ซือมั่วมากนัก บรรพเทพไท่อีพูดว่านี่เป็นการค้าขายที่ขาดทุน แต่ในความเป็นจริง ในใจของนางรู้ดีว่าหากเลือกเสียสละความรู้สีก นั่นถึงจะเป็นทางเลือกที่น่าเสียใจและขาดทุนที่สุดในชีวิตของนาง

“จะทำเช่นนี้จริงๆ น่ะหรือ” ซือมั่วถามด้วยนํ้าเสียงที่สั่นเทา

มู่ชิงเกอไม่รู้ว่าเขาที่เป็นถึงเจ้าแห่งมารผ่านเรื่องราวมากมายมานับหมื่น มาตอนนี้จะต้องสะเทือนใจแค่ไหนถึงสามารถทำให้เสียงของเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้เช่นนี้

ละทิ้งสิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นหรือ

ซือมั่วไม่ได้เอ่ยคำขอเช่นนั้นออกไป เพราะเขารู้ว่ามู่ชิงเกอจะต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน

ตอนนี้เขารู้สึกแค้นตนเอง แค้นที่ทำไมต้องไปบอกมู่ชิงเกอเรื่องสิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นด้วย หากนางไม่รู้เรื่องสิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นก็จะไม่ต้องมาเผชิญหน้ากับทางเลือกเช่นนี้ใช่หรือไม่

มู่ชิงเกอพยักหน้า นางเม้มริมฝีปากแน่น นางก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นางละทิ้งสิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้นไม่ได้

นางเอามือของตนเองออกจากมือของซือมั่ว ค่อยๆ ถอยหลัง นางเอ่ยว่า “ซือมั่ว วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร พันปีถึงจะไม่ยาวแต่ก็ไม่สั้นมาก บางที…อาจจะมีทางแก้”

ประโยคนี้นางใช้ปลอบตนเอง หรือว่าปลอบซือมั่ว…แม้แต่ตัวมู่ชิงเกอเองก็ยังไม่แน่ใจ

นางถอยไปข้างกล่องหินของแสงสีฟ้าเข้ม สบตากับซือมั่ว

หลังจากแสงสีฟ้าสัมผัสได้ว่านางเข้าใกล้ ก็เปล่งแสงออกมาอีกครั้ง โอบคลุมนางเอาไว้ภายใน มู่ชิงเกอค่อยๆ รู้สึกถึงความหนาวเย็นเสียดกระดูกที่แทรกเข้ามาในวิญญาณเทวะดำดิ่งลงไปถึงจิตวิญญาณของนาง ดูเหมือนจะเผาไหม้ส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณนางจากนั้นก็ประทับลงบนจิตวิญญาณที่เหลือ

นางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นรับทั้งหมดนี้อย่างสงบ

ทุกคนที่อยู่ในห้องนอกขอบเขตมองเห็นฉากนี้แล้ว ในใจก็เกิดการคาดเดาต่างๆ นานา

‘นางกำลังทำอะไรน่ะ’

“แสงสีฟ้านั่นหมายความว่าอย่างไรกัน ไม่ใช่อะไรที่มีประโยชน์งั้นหรือ”

“มีประโยชน์หรือ ข้าดูจากสีหน้าแล้วไม่เหมือนได้สมบัติเลยนะ”

เสียงวิเคราะห์ดังขึ้นเหมือนเสียงยุง

แต่ตอนนี้ไม่มีใครมีเวลาว่างไปสนใจคำวิเคราะห์เหล่านี้ บรรดาเพื่อนของมู่ชิงเกอล้วนแต่จับตามองมู่ชิงเกอเขม็ง อดร้อนใจขึ้นมาไม่ได้

แสงสีฟ้าหมายความว่าอย่างไรนั้นพวกเขาไม่เข้าใจ

แต่พวกเขาดูจากสีหน้าของซือมั่วและมู่ชิงเกอแล้วก็พอจะคาดเดาบางอย่างออกมาได้

มู่ชิงเกอรู้สึกว่าจิตวิญญาณของตนเองเหมือนถูกอะไรบางอย่างกลืนกิน…รสชาติของจิตวิญญาณถูกกลืนกินนั้น.. .ขอโทษที่นางอธิบายออกมา เป็นคำพูดไม่ได้เลย

แต่ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ยากที่จะรับได้แค่ไหน นางก็ไม่เผยท่าทางทรมานออกมา ยิ่งจะไม่ส่งเสียงร้องออกมา

ทันใดนั้น เงาร่างสูงใหญ่สายหนึ่งก็ถลันเข้ามาโดยไม่พูดจา แขนยาวโอบเอวของนางเอาไว้ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดของตนเอง

แสงสีฟ้าโอบคลุมร่างกายของทั้งสองคน

มู่ชิงเกอมองผู้ชายที่โอบกอดนางอย่างตกตะลึง เอ่ยอย่างดุดันว่า “เจ้าเข้ามาทำไม! ออกไปนะ!”

นางไม่แน่ใจว่าการเสียสละวิญญาณนี้สามารถยืนยันตัวตนได้หรือไม่ ซือมั่วบุก เข้ามาเช่นนี้จะได้รับอิทธิพลหรือไม่

การกระทำของซือมั่วทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านนอกตกใจ แต่เขากลับมองมู่ชิงเกอแล้วเผยยิ้มออกมา “ในเมื่อขวางการตัดสินใจของเจ้าไม่ได้ ข้าก็ทำได้เพียงแค่ร่วม เผชิญไปกับเจ้าเท่านั้น”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version