Skip to content

พลิกปฐพี 631

ตอนที่ 631

เตรียมของขวัญวันเกิดชิ้นหนึ่ง

ดินแดนอู๋หวา แผ่นดินเทพใต้

มู่ชิงเกอลงมาจากเรืออากาศ สิ่งที่ปรากฎเข้าสู่สายตาก็คือเมืองที่เจริญรุ่งเรืองแห่งหนึ่ง

“หยุดก่อน!” มีมนุษย์เทพแววตาดุร้ายใบหน้าเคร่งขรึมมาขวางนางเอาไว้ สายตาที่คมกริบกวาดมองมู่ชิงเกอตลอดทั้งร่าง รวมทั้งอีกสามคนที่ตามมาข้างหลังด้วย

มู่ชิงเกอยิ้มจางๆ ยกมือคว้าอากาศ แผ่นป้ายพลันปรากฎขึ้นในมือของนาง นางยื่นป้ายให้มนุษย์เทพที่ขวางทางคนนั้น

มนุษย์เทพคนนั้นรับป้ายไปด้วยแววตาระแวดระวัง แต่เมื่อเห็นชัดถึงสัญลักษณ์ที่ป้าย ทั้งยังบ่งบอกฐานะด้วยแล้วตาดำก็หดลงทันที สีหน้าเคร่งขรึมเปลี่ยนเป็นเคารพนบนอบ

คิ้วที่ดูโหดร้ายนั้นอ่อนลง สองมือยื่นป้ายคืนมู่ชิงเกอด้วยท่าทีเอาอกเอาใจ “ที่แท้ราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยมาเยือน ข้าน้อยบกพร่องในการต้อนรับ ขอราชาเทวะน้อยอย่าได้ขุ่นเคือง”

มู่ชิงเกอกระดิกนิ้ว ป้ายก็บินออกจากมือมนุษย์เทพกลับมาถึงมือมู่ชิงเกอแล้วหายวับไป

มุมปากนางผุดรอยยิ้มนิดๆ ไม่ได้ยินดียินร้ายต่อการเอาใจของมนุษย์เทพ “ข้าท่องเที่ยวหาประสบการณ์มาถึงที่นี่ ได้ยินว่าราชาเทวะดินแดนอู๋หวา จะจัดงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบ 73,000 ปี จึงเข้ามาดูว่าจะมีวาสนาได้ร่วมแสดงความยินดีด้วยหรือไม่”

มนุษย์เทพยิ้มหน้าชื่นตาบาน พูดอย่างประจบว่า “ราชาเทวะน้อยมาได้ ราชาเทวะรู้ข่าวย่อมยินดีอย่างยิ่ง หลายวันมานี้พวกข้าเฝ้าระวังเข้มงวดก็เพราะเรื่องนี้ ไม่อยากให้ระหว่างฉลองวันเกิดมีคนมาก่อกวน”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” มู่ชิงเกอแสดงท่าทีเข้าใจ

นางแกล้งทำเป็นพูดอย่างสงสัยว่า “แต่ข้าไม่ได้รับเทียบเชิญ การไปร่วมยินดีคงทำไม่ได้”

พูดจบ นางยังแสดงท่าทีเสียดาย

“ราชาเทวะน้อยมิต้องกังวล ด้วยฐานะของราชาเทวะน้อยนั้นต่อให้ไม่มีเทียบเชิญก็สามารถเข้าร่วมงานฉลองได้ เพียงแต่งานฉลองยังอีกหลายวันกว่าจะเริ่ม หลายวันนี้ราชาเทวะน้อยจะเลือกพักในเมืองอู๋หวา หรือจะตรงไปพบราชาเทวะที่วังอู๋หวาแล้วพักในวังก็ได้ขอรับ” มนุษย์เทพแนะนำมู่ชิงเกออย่างเต็มที่

มู่ชิงเกอฟังแล้วยิ้ม พยักหน้านิดๆ “ขอรบกวนแล้ว”

“ราชาเทวะน้อยเกรงใจแล้ว เชิญเข้าเมืองเถอะ” มนุษย์เทพยิ้มทั้งใบหน้า

ท่าทีนั้นเมื่อเทียบกับความเคร่งขรึมแต่แรก ช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน

มู่ชิงเกอผงกศีรษะนิดๆ ก้าวเท้าเข้าไปข้างใน สามคนข้างหลังก็เดินตามติดมาด้วย มนุษย์เทพมองสามคนนี้ ตาดำหดลงยิ้มแล้วกระซิบว่า “ราชาเทวะน้อย สามคนนี้เป็น…”

มู่ชิงเกอกวาดตามองแล้วบอกเขาว่า “อ๋อ ผู้ติดตามข้าเอง”

พอรู้ฐานะแล้ว มนุษย์เทพที่รับผิดชอบตรวจสอบคนเข้าเมืองก็ลดความระแวงในสายตาลงทันที เขายิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “ที่แท้เป็นผู้ติดตามราชาเทวะน้อยนี่เอง”

ดังนั้น พวกมู่ชิงเกอทั้งสี่คนจึงสามารถเข้าเมืองอู๋หวาได้อย่างสง่าผ่าเผย

“ชิงเกอ” หยินเฉินรีบเดินขึ้นมาจนห่างจากมู่ชิงเกอเพียงครึ่งก้าวแล้วกระซิบข้างหูนางว่า “พวกเราไปวังอู๋หวาเลยหรือ”

มู่ชิงเกอสั่นศีรษะช้าๆ “ยังไม่รีบ พวกเราหาที่พักในเมืองอู๋หวาก่อน”

“ดี” หยินเฉินผงกศีรษะ

ทั้งสี่คนเดินถึงโรงเตี๊ยมที่มีพลังเทพเข้มชันแห่งหนึ่ง แล้วหยุดยืนดูป้ายที่นอกประตู

“ถ้ำฟ้าแผ่นดินวาสนา” มู่ชิงเกออ่านตัวหนังสือเบาๆ เลิกคิ้วขึ้นตัดสินใจทันที “อยู่ที่นี่แล้วกัน”

นางตัดสินใจแล้ว หยินเฉินย่อมไม่คัดค้าน หุ่นเทพมารยิ่งไม่มีความเห็นใดๆ

ทั้งสี่คนเดินขึ้นบันไดเข้าไปข้างใน

เมื่อใช้หยกเทพแลกเปลี่ยนบ้านถํ้าสองห้องแล้ว พวกเขาก็ถูกมนุษย์เทพในโรงเตี๊ยมพาเข้าไปในบ้านถํ้า ก่อนออกไปมนุษย์เทพยังไม่ลืมสำทับว่า “ระหว่างนี้เป็นงานวันเกิดราชาเทวะ แขกเหรื่อมากมาย พวกท่านนับว่าโชคดี โรงเตี๊ยมเราเหลือเพียงสองห้องนี้เท่านั้น”

พอเขาออกไปแล้วหยินเฉินจึงบอกมู่ชิงเกอว่า “ครั้งนี้ พวกเรามาได้จังหวะเหมาะจริงๆ วังราชาเทวะอู๋หวาจัดงานวันเกิด พวกเราจะได้ถือโอกาสเข้าไปในวังราชาเทวะอู๋หวาเพื่อสืบข่าวเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่าง”

มู่ชิงเกอก็พยักหน้า “ครั้งนี้นับว่าโชคดี”

หุ่นเทพมารไม่ต้องการพักผ่อนอยู่แล้ว มู่ชิงเกอเพียงแค่คิด พวกเขาก็เดินไปเฝ้านอกประตูเองเพื่อระวังไม่ให้ใครเข้าใกล้

ระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่งอย่างพวกเขา ใครจะเข้าใกล้ก็ยากอยู่แล้ว

“ดีที่ดินแดนอู๋หวาอยู่ติดมหาสมุทรดวงดาว พวกเราจึงไม่ต้องเดินทางลำบากนัก” มู่ชิงเกอเลิกชายเสื้อแล้วนั่งในห้อง

หยินเฉินยืนอยู่เบื้องหน้านาง นัยน์ตาแฝงด้วยรอยยิ้ม

ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาอยู่ข้างกายเจ้านายอีกครั้งแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เขายินดีมากที่สุด

“จริงด้วย หยินเฉินเจ้าต้องมาอยู่กับข้าแบบนี้การบำเพ็ญจะล่าช้าลงหรือไม่” มู่ชิงเกอถาม

หยินเฉินยังคงน่ามองเช่นเดิม ตาแดงผมเงิน ใบหน้างดงามดังภาพวาด มีท่าทางเปี่ยมเสน่ห์ของเผ่าพันธุจิ้งจอก

“ไม่หรอก” ความกังวลของมู่ชิงเกอทำให้หยินเฉินสั่นศีรษะอย่างแน่วแน่

มู่ชิงเกอว่า “โห่วไม่ยอมออกมา ข้าคิดว่าเขาคงไม่อยากให้คู่แค้นรู้เรื่องที่เขากลับมาแล้ว ไป๋สี่ก็ต้องทะลวงขอบเขตยังออกมาไม่ได้ชั่วคราว คงเหลือเจ้าเท่านั้น เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องข้ามาก พยายามยกระดับการบำเพ็ญสำคัญกว่า”

หยินเฉินผงกศีรษะพูดกับมู่ชิงเกอว่า “การบำเพ็ญของข้า เจ้าวางใจได้ ถึงแม้จะไม่แข็งแกร่งนัก แต่ข้าจะพยายามต่อไป”

ไป๋สี่กับหยินเฉิน พวกเขามีพันธสัญญากับมู่ชิงเกออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องตีตราทาส อีกทั้งพวกเขาเป็นอสูร ไม่ใช่เทพไม่ใช่มาร ไม่มีข้อจำกัดเรื่องสิทธิ์แห่งเทพหรือจิตมาร

พวกเขาต่างบำเพ็ญตลอดเวลาในช่องว่างของมู่ชิงเกอ

ความแข็งแกร่งของหยินเฉินเวลานี้พอๆ กับขั้นถํ้าวิญญาณชั้นสอง หลังจากไป๋สี่ตื่นขึ้นในครั้งนี้นางคิดว่าน่าจะถึงชั้นถํ้าวิญญาณชั้นแปดระดับสูงสุด

ส่วนโห่ว เดิมเขามาจากแผ่นดินเทพมารอยู่แล้ว เมื่อกลับถึงที่นี่แล้วการบำเพ็ญที่ถูกกดอัดอยู่ก็กำลังฟื้นฟู

แต่ดูเหมือนเขาจะไม่อยากให้พวกที่วางแผนจัดการเขาครั้งนั้นรู้ว่าเขากลับมาแล้ว ดังนั้นครั้งนี้จึงไม่ได้ตามมาด้วย

“ชิงเกอ ต่อจากนี้เราต้องทำอะไรอีก” หยินเฉินถามถึงแผนต่อไปของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอหรี่ตาเล็กน้อย คิดอยู่ว่า “เบาะแสของกู่เย่ บอกว่าเคล็ดวิชาเทวะซ่อนอยู่ในวังราชาเทวะดินแดนอู๋หวา เมืองอู๋หวาเป็นที่พักอาศัยของมนุษย์เทพบริวาร วัง อู๋หวาเป็นที่พักอาศัยของเหล่าลูกศิษย์ดินแดนอู๋หวา พวกเราจะเข้าไปในวังอู๋หวาเวลานี้จะต้องตระเตรียมของขวัญวันเกิดก่อน”

นัยน์ตาสีเลือดของหยินเฉินเปล่งประกายผงกศีรษะว่า “อืม เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไปจัดเตรียม”

มู่ชิงเกอมองเขาแล้วผงกศีรษะ โยนกระเป๋าจัดเก็บให้ใบหนึ่ง นั่นเป็นกระเป๋าที่จวงซานให้นางไว้ ขณะที่เพิ่งเข้ามายังแผ่นดินเทพ

“ข้างในมีหยกเทพ เจ้าไปดูว่าจะเตรียมอะไรดี ข้าจะเตรียมโอสถเพิ่มสักเม็ด” มู่ชิงเกอว่า

คำพูดของนางทำให้หยินเฉินเข้าใจ

ของขวัญที่เตรียมจากเมืองอู๋หวาเป็นเพียงแค่ส่วนเสริม โอสถที่มู่ชิงเกอเตรียมเม็ดนั้นต่างหากจึงเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจจึงเอ่ยว่า “ในเมื่อเตรียม โอสถแล้วทำไมยังต้องเตรียมของอย่างอื่นอีกเล่า”

“ของขวัญวันเกิดนี้ให้แล้วต้องได้ทั้งหน้า ทั้งมีความหมายจึงจะสามารถได้ใจราชาเทวะ เมื่อเขาประทับใจ การเคลื่อนไหวในวังราชาเทวะก็จะสะดวกขึ้นมาก” มู่ชิงเกออมยิ้มอธิบาย

หยินเฉินผงกศีรษะ เข้าใจความคิดมู่ชิงเกอแล้วถอยออกไป

ขณะที่หยินเฉินเดินอยู่ในเมืองอู๋หวาเพื่อหาของขวัญวันเกิดตามที่มู่ชิงเกอต้องการนั้น คนอีกกลุ่มหนึ่งก็มาถึงนอกเมืองอู๋หวา

เพียงแต่ต่างกับการเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยของมู่ชิงเกอ พวกเขาใช้เสื้อคลุมสีดำบังร่างหลบมนุษย์เทพที่เฝ้าประตูเมืองอย่างระมัดระวังจนมาถึงสถานที่เปลี่ยว

“นายน้อย ผู้อาวุโสบอกว่าค่ายกลนี้สามารถทำให้พวกเราลักลอบเข้าเมืองอู๋หวาได้ แต่พวกเราไม่มีเทียบเชิญ งานวันเกิดจะเข้าวังอู๋หวาได้อย่างไร” คนชุดดำคนหนึ่งถามมู่เทียนอินที่อยู่ในเสื้อคลุมสีดำ

นัยน์ตามู่เทียนอินมืดดำบอกคนชุดดำว่า “เข้าเมืองอู๋หวาก่อน”

เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว คนอื่นก็ไม่พูดอะไรอีก มู่หลินที่ติดตามเขามาหยิบแผ่นหยกที่สลักค่ายกลออกมาวางลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง

เมื่อแผ่นหยกถูกวางอยู่บนพื้นก็พลันเกิดลำแสงวาบขึ้น รัศมีครอบคลุมพวกเขาทั้งห้าคนเอาไว้

ทันใดนั้น คนทั้งห้ากับแผ่นหยกก็หายวับไป

เมื่อคนทั้งห้าปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง พวกเขาก็มายืนอยู่ที่มุมถนนเปลี่ยวในเมืองอู๋หวาแล้ว

มุ่เทียนอินยืนอยู่ใต้เงาต้นไม้ ดึงหมวกบนศีรษะตัวเองออกเผยใบหน้าออกมา

มู่หลินเตือนว่า “นายน้อย พวกเราไม่มีป้ายแสดงฐานะ ทำอะไรระมัดระวังหน่อยจะดีที่สุด”

ป้ายแสดงฐานะ

สี่คำนี้ราวกับเข็มทิ่มแทงใจทำให้อารมณ์มู่เทียนอินพลุ่งพล่านขึ้นมา เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้แล้ว เขาก็จะนึกถึงเรื่องที่ว่าตัวเองฐานะสูงส่งปานนั้น แต่กลับต้องมาหลบซ่อนอยู่ในเงามืด ทำอะไรอย่างระมัดระวัง ส่วนเจ้ามู่ชิงเกอที่ตํ่าด้อยนั้นเล่ากลับสามารถมีฐานะเป็นถึงราชาเทวะน้อย เดินวางมาดในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรได้

ที่น่าเคืองแค้นที่สุดคือ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอาจารย์จึงบอกว่าอย่าเพิ่งแพร่งพรายฐานะจริงของมู่ชิงเกอออกไป

แต่เขาก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งอาจารย์ได้ เพราะอาจารย์เป็นที่พึ่งพิงเดียวของเขา แววตามู่เทียนอินเปลี่ยนไปมาคิดว่า ‘รอให้ข้าจัดการเรื่องนี้แล้ว จะไปยังแผ่นดินเทพตะวันออกจัดการเจ้าตํ่าช้าโสมมนั่นด้วยตัวเอง’

มู่ซานบอกมู่หลินว่า”ถึงแม้พวกเราไม่มีป้ายแสดงฐานะ แต่เมื่อเข้ามาในเมืองอู๋หวาแล้วก็ถือว่าผ่านการตรวจค้นไปแล้ว ขอเพียงเราอย่าก่อเรื่อง อย่าทำตัวสะดุดตาเกินไปก็น่าจะรอดพ้นจากการถูกจับจ้องไปได้”

“เวลานี้ที่พวกเราต้องคิดคือจะเข้าวังอู๋หวาได้อย่างไร” อีกคนหนึ่งพูด

ทั้งหมดถกกันแล้วต่างมองไปทางมู่เทียนอิน เขาเป็นนายน้อย เป็นหัวหน้าพวกเขา ย่อมต้องฟังที่เขาสั่ง

เมื่อรู้สึกถึงสายตาทุกคนที่มองมา มู่เทียนอินก็หรี่ตาว่า “หาที่พักก่อน ยังอีกหลายวันกว่าจะถึงงานเลี้ยงวันเกิด พวกเจ้าออกไปหาวิธีหาเทียบเชิญงานเลี้ยงมา ข้าจะ เตรียมของขวัญเอง”

เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา คนทั้งสี่ต่างก็เข้าใจความหมายของเขาในทันที

ที่แท้เขาคิดจะยืมใช้ฐานะของคนอื่นในการเข้าวังอู๋หวา

ทั้งสี่คนสบตากันอย่างเห็นด้วย ‘เป็นวิธีที่ไม่เลวเลย พวกที่มาร่วมงานวันเกิด ระยะนี้ต่างต้องเข้ามาอยู่ในเมืองอู๋หวานี้ นี้เป็นโอกาสที่พวกเขาจะลงมือได้’

ทั้งห้าคนยืนกระซิบกระซาบปรึกษากันใต้เงาต้นไม้ที่มุมถนนเปลี่ยว

เวลานั้น ถนนฝั่งตรงข้าม ในร้านค้าแห่งหนึ่งมีชายหนุ่มรูปงามผมเงินตาแดงเดินออกมา พอเขาปรากฎตัวก็ทำให้ผู้คนบริเวณนั้นต่างสนอกสนใจ แต่สายตาของเขากลับจับจ้องไปที่มุมถนนเปลี่ยวแห่งนั้น

กลุ่มคนที่ใช้เสื้อคลุมปิดบังร่างเอาไว้ทำให้เขาอดรู้สึกสนใจขึ้นมาไม่ได้…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version