Skip to content

พลิกปฐพี 636

ตอนที่ 636

อะไรที่เรียกว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

ชูเนี่ยนนำสาวใช้ทั้งคู่ของนางจากไปทางประตูหลัง ไม่ได้รบกวนผู้ใด

พวกนางจากไปไม่นาน มู่ชิงเกอก็โยนหยกเทพชิ้นเล็กไว้แล้วเดินออกจากเซียนลู่ไจพร้อมกับหยินเฉินและไปเดินเล่นต่อในเมืองอู๋หวา

“ชิงเกอ ไม่ใช่จะหาโอกาสพบหน้าองค์หญิงดินแดนอู๋หวาคนนั้นหรือ” หยินเฉินถาม

มู่ชิงเกอกลับสั่นศีรษะช้าๆ ยิ้มว่า “อยู่ดีๆ ก็ไม่อยากพบแล้วน่ะ”

หือ?

หยินเฉินไม่เข้าใจ

มู่ชิงเกอว่า “เมื่อก่อนข้าคิดมากเกินไป หากจะสืบหาสถานที่ลับในวังอู๋หวาอย่างสถานที่เก็บของวิเศษนั้นก็ไม่จำเป็นต้องได้จากองค์หญิงชูเนี่ยน”

นัยน์ตาสีเลือดของหยินเฉินมองนาง รอคอยคำพูดต่อมาของนาง

“หลังจากเข้าวังอู๋หวาแล้ว ข้าไปถามเอากับราชาเทวะตรงๆ เลยดีกว่า” มู่ชิงเกอมองเขาแล้วเอ่ยอย่างนึกสนุก

หยินเฉินตะลึง งงงันนิ่งอยู่กับที่

อะไรนะ?

เจ้านายตัวเองเพิ่งพูดอะไรมา เขาไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม

ไปถามราชาเทวะอู๋หวาหรือ?

รอจนหยินเฉินได้สติ มู่ชิงเกอก็เดินนำไปไกลลิบแล้ว

อีกด้านหนึ่ง เมื่อมู่เทียนอินกับมู่หลินกลับมาถึงบ้านที่ถูกพวกเขายึดครองอยู่ มือของมู่หลินก็ได้ถือของขวัญวันเกิดติดมาด้วย

ของเหล่านี้พวกเขาซื้อระหว่างทางกลับ และที่ทำให้มู่หลินประหลาดใจก็คือ เรื่องเช่นนี้มู่เทียนอินไม่เคยใส่ใจเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้เขาถึงขนาดเลือกของด้วย

ตัวเอง

ทั้งๆ ที่การที่พวกเขาไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดนั้นเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อจะได้เข้าวังอู๋หวาได้ก็เท่านั้น ของขวัญวันเกิดแค่ให้พอดูได้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองเงินทองมากนัก

แต่มู่เทียนอินกลับเลือกแต่ของที่มีมูลค่าสูง ดูแล้วเหมือนตั้งอกตั้งใจเอาไปมอบแก่ราชาเทวะอย่างจริงจัง

เป็นไปได้อย่างไร

เมื่อหมื่นปีก่อนราชาเทวะอู๋หวาผู้นี้เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ทำลายล้างตระกูลมู่นะ

มู่หลินไม่เข้าใจวิธีการของมู่เทียนอินเลย

แต่เขากลับไม่กล้าถาม

ระหว่างนี้ ถึงแม้มู่เทียนอินจะไม่ได้กักขังตัวเองไว้ในที่มั่นหลักอีก แต่นิสัยยิ่งมายิ่งยากจะคาดเดาของเขาก็ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าหน้า

ในเรือนนั้น สามคนที่แยกย้ายกับพวกมู่เทียนอินได้กลับมาแล้ว

คนหนึ่ง คือมู่ซานที่สนิทสนมกับมู่หลิน อีกสองคนต่างเป็นผู้กล้าในตระกูลมู่ พอเห็นมู่เทียนอินกับมู่หลินกลับมา มู่ซานก็เข้ามาคารวะมู่เทียนอินทันที

“นายน้อย”

“นายน้อย”

“นายน้อย”

มู่ซานกับอีกสองคนคุกเข่าข้างเดียวลงที่เบื้องหน้ามู่เทียนอิน

ท่าทีของพวกเขาทำให้มู่เทียนอินรู้สึกหยิ่งทะนงขึ้นมา “เรื่องจัดการไปถึงไหนแล้ว”

คำพูดมู่เทียนอินทำให้มู่ซานเงยหน้า มองเขาแล้วเอ่ยว่า “จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ” เขาควักแผ่นกระดาษสีทองที่บางราวกับปีกจักจั่นออกมาจากอกเสื้อ

มีตัวหนังสือบนนั้น ทั้งมีตราวังอู๋หวาด้วย

สองมือเขาประคองเทียบเชิญยื่นไปตรงหน้ามู่เทียนอิน

สายตาของมู่เทียนอินมองที่เทียบเชิญตรงหน้า นัยน์ตาโหดเหี้ยมคู่นั้นผุดความยินดีขึ้นมา

มีของในมือมู่ซานเขาก็สามารถเข้าวังอู๋หวาได้อย่างสง่าผ่าเผย

“นายน้อย เพื่อป้องกันความผิดพลาด พวกเราจึงนำป้ายแสดงฐานะของคนเหล่านี้มาด้วยขอรับ” มู่ซานพูดจบก็ควักป้ายแสดงฐานะออกมาอีกหลายแผ่น

เห็นดังนั้นแล้ว แววตามู่เทียนอินก็ยินดียิ่งนัก

มุมปากเขาผุดรอยยิ้มคลุมเครืออกมาพลาง ผงกศีรษะบอกมู่ซานว่า “เจ้าทำดีมาก”

“ขอบคุณนายน้อย” มู่ซานรีบหลุบตาก้มศีรษะแสดงความเคารพ

“ระหว่างนี้ พวกเจ้าก็พักอยู่ที่นี่ด้วย รอวันจัดงานเลี้ยงวันเกิด พวกเราไปวังอู๋หวาด้วยกัน” มู่เทียนอินพูดจบก็เดินเข้าไปในห้อง

จนเขาจากไปแล้ว มู่ซานจึงยืนขึ้นมามองของขวัญที่มู่หลินถืออยู่ในมือ

อีกสองคนถอยไปอย่างรู้ตัว เหลือเพียงเขาทั้งคู่อยู่ตามลำพัง

มู่หลินมองมู่ซานแล้วก็ถอนใจพลางส่ายหน้า

”ทำไมจึงมาอยู่ที่นี่’’ มู่ซานถาม ขณะที่มาตามทางที่มู่หลินทิ้งเครื่องหมายไว้ เขาก็ยังนึกสงสัยอยู่

มู่หลินกลับถามว่า “คนพวกนั้นเป็นอย่างไร”

ที่เขาถามย่อมเป็นพวกที่ถูกขโมยเทียบเชิญงานเลี้ยงวันเกิด

มู่ซานกล่าวว่า “เป็นพวกกลุ่มอิทธิพลเล็กๆ ระดับล่าง พวกนี้ไม่รู้อาศัยช่องทางอะไรจึงได้รับเทียบเชิญของราชาเทวะอู๋หวา เตรียมมาเกาะแข้งเกาะขา เทียบเชิญ พวกเขาถึงแม้ไม่มีโอกาสใกล้ชิดราชาเทวะอู๋หวา แต่พวกเราต้องการโอกาสเพียงแค่เข้าไปได้ ยิ่งไม่เป็นที่สนใจก็ยิ่งดีสำหรับพวกเราออกจะสะดวกกว่าเสียด้วยซํ้า ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจลงมือกับพวกเขา ส่วนพวกเขานั้นข้าใช้ยาสลบที่ผสมแล้วรมพวกเขาและนำไปขังไว้ในที่ลับแห่งหนึ่ง กว่าพวกเขาจะฟื้นขึ้นมา งานเลี้ยงวันเกิดราชาเทวะอู๋หวาก็จบไปนานแล้ว”

การอธิบายของเขาทำให้มู่หลินโล่งอก เขาพยักหน้านิดๆ

มู่ซานถามอีกว่า “ทำไมไม่พักในโรงเตี๊ยมแต่มาอยู่ในบ้านชาวเมืองได้ แล้วเจ้าของบ้านเดิมเล่า”

มู่หลินถูกถามจนสีหน้าเปลี่ยนไป เขาหลบสายตาคาดคั้นของมู่ซานแล้วพูดเสียงเครียดว่า “นายน้อยมีคำสั่งให้สังหารทั้งครอบครัว ทั้งหมดห้าคน แก่อ่อนป่วยเจ็บ

ต่างตายหมดแล้ว”

“อะไรนะ!” มู่ซานตกใจเกือบร้องเสียงหลงออกมา ยังดีที่เขาควบคุมไว้ได้ทัน มู่เทียนอินจึงไม่ได้ยิน

มู่หลินถอนใจ ยกมือขึ้นตบไหล่มู่ซานเบาๆ แล้วบอกเขา ว่า “เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าก็อย่าคิดมากเลย ในกลุ่มพวกเรา ฝีมือซ่อนตัวของเจ้ายอดเยี่ยมที่สุด หลาย วันนี้เจ้าพักผ่อนให้ดีๆ รอจนเข้าวังอู๋หวาแล้วนายน้อยคงมอบหน้าที่หนักให้แก่เจ้า”

คำพูดใส่ใจเหล่านี้ทำให้มู่ซานพยักหน้าน้อยๆ

ราตรีผ่านไป ตะวันเจิดจ้าค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ขอบฟ้า

มู่ชิงเกอลืมตาทั้งสองข้าง ดวงตาใสแจ๋วเปล่งแสงออกมาสองสาย พ่นลมเสียออกมาจากปาก ถอยออกจากการบำเพ็ญแล้วลุกขึ้นยืน

หุ่นเทพมารเฝ้าอยู่นอกประตูด้วยความจงรักภักดี ส่วนห้องข้างๆ ก็คือหยินเฉิน

เมื่อได้ยินเสียงมู่ชิงเกอในห้อง หยินเฉินก็เดินตรงเข้ามาที่ประตู

“เข้ามาเลย” มู่ชิงเกอบอกหยินเฉินที่อยู่หน้าประตู

หยินเฉินเข้าไปตามที่บอก ยังไม่ทันได้คุยกัน มู่ชิงเกอก็บอกว่า “ไปเตรียมตัว วันนี้พวกเราจะเข้าวังอู๋หวากัน”

“ไปวันนี้เลยหรือ นี่ห่างจากงานเลี้ยงวันเกิดอีกสามวันไม่ใช่หรือ” หยินเฉินถามอย่างประหลาดใจ

มู่ชิงเกอพยักหน้า ตอบชัดเจนว่า “อืม ไปวันนี้เลย” ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในเมืองอู๋หวาอีกแล้ว ไม่สู้เข้าวังอู๋หวาไปพบราชาเทวะอู๋หวาเลยดีกว่า

เห็นนางตัดสินใจแล้ว หยินเฉินจึงผงกศีรษะ ถอยออกไปเตรียมของ

ความจริงพวกเขาก็ไม่มีอะไรที่ต้องเตรียมตัว เพียงแค่เก็บของที่ควรเก็บแล้วก็ออกจากโรงเตี๊ยมไปยังประตูวังอู๋หวาเท่านั้น

ระหว่างทาง เพราะอาศัยป้ายชื่อราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ย มู่ชิงเกอจึงผ่านเข้าไปได้อย่างราบรื่น

นางที่เข้าสู่วังอู๋หวาเพื่อพบราชาเทวะได้อย่างสง่าผ่าเผยนั้น หากมู่เทียนอินรู้เข้าคงจะโกรธแค้นจนกระอักโลหิต ความแค้นที่มีต่อมู่ชิงเกอคงยิ่งฝังลึกมากขึ้นกว่าเดิมเป็นแน่

วังอู๋หวา

วังอู๋หวาไม่ได้หมายถึงตำหนักเดียวเท่านั้น ความหมายของมันนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับเมืองบนของดินแดนฮ่วนเยวี่ย

เพียงแต่ ไม่มีทิวทัศน์ราวกับเมืองสวรรค์ของดินแดนฮ่วนเยวี่ย วังอู๋หวาราวกับภูเขาที่ล่องลอยไร้ฐาน ภูเขาไร้ฐานนี้ใหญ่โตมโหฬาร ว่ากันว่าหากถล่มลงมาก็จะทับเมืองอู๋หวาได้ทั้งเมืองพอดี บนเขามีสิ่งปลูกสร้างอยู่ตามแนวเขา ทั้งหอคอย เรือนสูง สวยงามตระการตายิ่งนัก มองไปไกลๆ ราวกับตำหนักที่ใหญ่โตมโหฬาร ดังนั้นจึงเป็นที่มาของชื่อวังอู๋หวา

จุดสูงสุดก็คือวังราชาเทวะที่สูงส่งมากที่สุด

ผู้ที่อยู่อาศัยในนี้จึงมีเพียงราชาเทวะอู๋หวา

แม้แต่ชูเนี่ยนเองก็อาศัยอยู่ในวังเดือนที่ตํ่าลงมาเล็กน้อย ต่ำกว่านางลงไปก็เป็นที่พักของสิบลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้าแห่งดินแดนอู๋หวา

เช่นเดียวกับวังน้อยของดินแดนฮ่วนเยวี่ย พวกเขาต่างคุ้มครองป้องกันวังราชาเทวะหลังนั้น

ในวังราชาเทวะนั้นชูเนี่ยนเดินเข้ามาเพียงลำพัง กระโปรงด้านหลังที่ยาวลากพื้นกวาดผ่านผิวพื้นที่สะอาดเอี่ยม นางเดินทะลุตำหนักใหญ่มาถึงใต้บัลลังก์ที่สูงส่งของราชาเทวะแล้วเงยหน้ามองไปยังบิดาที่อาบอยู่ภายในแสงเทพ

แสงเทพเหล่านั้นเป็นแสงเทพที่รวบรวมจากพลังความศรัทธาจากโลกเบื้องล่าง

ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรไม่ใช่ทุกดินแดนเทพต่างใช้พลังศรัทธามาเสริมการบำเพ็ญ เช่นดินแดนฮ่วนเยวี่ยและดินแดนจงซาน การบำเพ็ญของทั้งสองราชาเทวะต่างไม่เคยอาศัยพลังศรัทธา คนที่อยู่ข้างล่างย่อมไม่ใช้ด้วย ส่วนดินแดนเทพที่อาศัยพลังศรัทธา พวกเขาต่างมีช่องทางรวบรวมที่ต่างกันไป ไม่เพียงแค่โลกเบื้องล่างจำนวนมากมาย ยังมีมนุษย์เทพและมนุษย์ธรรมดาที่อยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขาด้วย

ในแสงเทพนั้น ใบหน้าของราชาเทวะอู๋หวาให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์เคร่งขรึม ใบหน้าเขากับชูเนี่ยนมีหลายส่วนที่คล้ายคลึงกัน หากได้เห็นทั้งคู่ในเวลาเดียวกันจะไม่สงสัยประวัติความเป็นมาของชูเนี่ยนเลยแม้แต่น้อย

ทั้งสองคนนี้มีรูปโฉมที่เหมือนพ่อลูกกันอย่างชัดเจน

“เนี่ยนเอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว” ราชาเทวะอู๋หวาค่อยๆ ลืมตาทั้งสองข้างมองชูเนี่ยนที่ยืนอยู่ใต้บัลลังก์

แววตาเขาซึ่งเย็นชาแต่เดิมในขณะที่มองชูเนี่ยนนั้นพลันเต็มเปี่ยมด้วยความรัก

“ท่านพ่อ” ชูเนี่ยนเรียกเสียงเบา

“อืม” ราชาเทวะอู๋หวาผงกศีรษะเล็กน้อย เขาบอกชูเนี่ยนว่า “ที่เรียกเจ้ามาวันนี้ เพราะจะมีคนผู้หนึ่งมาเยือน พ่ออยากให้เจ้าช่วยเป็นเพื่อนเขาในระหว่างที่พักในวังอู๋หวา”

ตาหงส์ที่ใสดังน้ำของชูเนี่ยน ไร้ซึ่งคลื่นกระเพื่อมแม้เพียงนิด เพียงถามว่า “ขอเรียนถามท่านพ่อ เป็นใครมาเยือนหรือจึงต้องให้ลูกอยู่เป็นเพื่อน”

ราชาเทวะอู๋หวายิ้มว่า “เป็นราชาเทวะน้อยแห่งดินแดนฮ่วนเยวี่ย”

“ราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยแผ่นดินเทพตะวันออกหรือ” ดวงตาชูเนี่ยนมีประกายฉงน “หากลูกไม่ได้จำผิด สามพันปีก่อนหลังจากราชาเทวะน้อยอวี๋หยาดินแดนฮ่วนเยวี่ยทรยศแล้ว ดินแดนฮ่วนเยวี่ยก็ไม่เคยมีราชาเทวะน้อยอีกเลย”

ราชาเทวะอู๋หวาผงกศีรษะ “อืม เจ้าพูดถูกแล้ว แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็มีขึ้นผู้หนึ่ง ดินแดนฮ่วนเยวี่ยเป็นดินแดนเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของแผ่นดินเทพตะวันออก ตบะบำเพ็ญของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยลึกลํ้าเหลือกำหนด ครั้งนี้ราชาเทวะน้อยของเขามาท่องเที่ยวผ่านดินแดนอู๋หวา รู้ข่าวว่าข้าจัดงานเลี้ยงวันเกิดจึงมีใจมาแสดงความยินดี พวกเราจะเสียมารยาทไม่ได้ เจ้าเองก็เป็นราชาเทวะน้อยของเราดินแดนอู๋หวา ให้เจ้าต้อนรับย่อมเหมาะสมทีสุด”

“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ” คำพูดของราชาเทวะอู๋หวาทำให้ชูเนี่ยนไม่ได้ถามต่อ เพียงตอบรับอย่างว่าง่าย

ราชาเทวะอู๋หวายิ้มด้วยความพอใจ กำชับว่า “ได้ยินว่าราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยคนนี้เข้ามาในดินแดนฮ่วนเยวี่ยเพียงไม่กี่ปี แต่พรสวรรค์ในการบำเพ็ญ ร้ายกาจยิ่งนัก เข้าดินแดนครึ่งปีก็แย่งชิงตำแหน่งสิบลูกศิษย์ใหญ่หน้าตำหนักได้ ทั้งการปฏิบัติภารกิจครั้งแรกก็สร้างผลงานยิ่งใหญ่ให้ดินแดนฮ่วนเยวี่ย ไม่นานนี้ ก็ได้เป็นที่หนึ่งในงานถกวิถีของสี่ดินแดนเทพ ทั้งขึ้นบันไดแสงแห่งวิถีได้ถึงชั้นที่ 52 คนคนนี้ดูแคลนไม่ได้เลย ขณะต้อนรับต้องระวังมาก อย่าให้เกิดความผิด

พลาดขึ้นโดยเด็ดขาด”

“เขาขึ้นบันไดแสงแห่งวิถีได้ถึงชั้นที่ 52 เชียวหรือ” ใบหน้าที่นิ่งสงบของชูเนี่ยนปรากฎสีหน้าตื่นตกใจในที่สุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version