ตอนที่ 65
อ่า! หนึ่งดอกอัศจรรย์!
รอยยิ้มขี้เล่น เจิดจ้าจนเฉากุ้ยแสบตา
เขาไม่ทันด้ไตร่ตรองก็ตอบรับคำท้า และในขณะนั้นเอง มีชายชุดยาวสีเหลืองสว่างที่ดูสูงส่ง รูปโฉมหล่อเหลาหมดจดผู้หนึ่งเดินเข้ามา
ทันใดนั้น ทุกคนก็เรียกชายผู้นั้นว่า รัชทายาท
โชคดีที่ ในวันนี้ทุกคนต่างสวมชุดขี่ม้ามายังเขตล่าสัตว์แห่งนี้จึงไม่ต้องคุกเข่าลงทำความเคารพ
ทันทีที่รัชทายาทปรากฏกาย เฉากุ้ยก็เดินเข้าไปหาทันที พร้อมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยคร่าวๆ แน่นอนว่าเรื่องของเจ้าอ้วนเช่านั้น เขาพูดผ่านๆ เพียงเล็กน้อย แต่ ประเด็นสำคัญคือการท้าพนันกันของเขากับมู่ชิงเกอ
“เจ้าประมาทเกินไปแล้ว เหตุใดจึงไปท้าพนันเช่นนั้น?” ฉินอี้เหยาถือโอกาสที่ทั้งสองคุยกัน ดึงตัวมู่ชิงเกอมาข้างๆ ตัวเองแล้วตำหนิ
มู่ชิงเกอยิ้ม “พระองค์เองก็ทรงคิดว่ากระหม่อมจะแพ้งั้นรึ?”
ฉินอี้เหยาอึ้ง รอยยิ้มนั้นราวกับมีพลังแปลกประหลาด ชวนให้รู้สึกวางใจ จนนางพูดอะไรไม่ออก
“ลูกพี่ต้องชนะแน่ๆ! ลูกพี่จัดการเจ้าสารเลวนั้นแทนข้าเลย” เจ้าอ้วนเช่ากลับมั่นใจในตัวมู่ชิงเกอเต็มร้อย
ป๋ายซีเยวี่ยที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนไม่ได้เดินขึ้นมา แต่แอบวิเคราะห์รัชทายาท แล้วเปรียบเทียบเขากับรุ่ยอ๋องอยู่ในใจ
แน่นอนว่า นางไม่สนใจการประลองครั้งนี้ เท่าที่นางสังเกต มู่ชิงเกอไม่มีทางชนะ ก็แค่ชอบโอ้อวดจนเป็นนิสัย คิดว่าตนเองเก่งกาจก็เท่านั้นล่ะ
วันนี้ มู่ชิงเกอต้องอับอายขายหน้าเป็นแน่
ในอีกด้านหนึ่ง รัชทายาทก็รู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว สำหรับตระกูลมู่นั้น เขาก็อยากจะตีสนิท แต่เสด็จแม่เคยบอกว่ามู่ซงนั้นเป็นพวกตาแก่หัวแข็งยากจะดึงมาเป็นพวกเดียวกันได้
เพราะฉะนั้น การปฏิบัติต่อตระกูลมู่นั้น อย่าจงใจไปเข้าใกล้จะเป็นการดีที่สุด วางเฉยสักหน่อยอาจจะเป็นผลดีมากกว่า
อีกอย่าง เสด็จแม่เคยบอกว่า เสด็จพ่อเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับตระกูลมู่อย่างลับๆ แล้ว หากเข้าใกล้ตระกูลมู่มากเกินไป เมื่อถึงวันที่ตระกูลมู่ถึงจุดจบ อาจจะถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยได้
แต่เหล่าทหารในปกครองของมู่ซงนั้นเหมือนสิ่งเสพติดที่
กำลังล่อใจฉินจิ่นซิว
“รัชทายาท การแข่งขันครั้งนี้ข้าต้องแพ้หรือชนะ” เฉากุ้ยถามอย่างระมัดระวัง ใจจริงเขาไม่อยากที่จะแพ้ให้กับมู่ชิงเกอ เพราะข้อหนึ่ง เขาไม่อยากแพ้ต่อหน้าองค์หญิงฉางเล่อ และข้อสอง เพราะการท้าพนันนั้น แต่ต่อหน้ารัชทายาทเขาต้องเก็บอาการเอาไว้บ้าง
ฉินจิ่นซิวเม้มปากคิด พลางเงยหน้าขึ้นมองมู่ชิงเกอในชุดแดงท่าทางดูโอหังแต่งามสง่า ส่วนลึกในดวงตาปรากฏความตื่นตะลึงวาบผ่าน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจได้
“ทำให้ดีที่ลุด”
เฉากุ้ยเข้าใจแล้ว
ดูเหมือนว่า รัชทายาทจะไม่ได้อยากญาติดีกับมู่ชิงเกอมากนัก
หลังจากที่เดาใจรัชทายาทออกแล้ว เฉากุ้ยก็ยืดตัวตรง สายตาที่มองมู่ชิงเกอนั้นมีแววเยาะเย้ยและไม่ชอบใจเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน
ราวกับว่า การที่มู่ชิงเกอจะมาประลองกับเขา ก็เปรียบดั่งเด็กน้อยที่เพิ่งหัดเดินไม่รู้จักประมาณตนมาท้าทายผู้ใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
มีรัชทายาทออกหน้า ทำให้การประลองเริ่มขึ้นอย่างรวด เร็ว
ตามกฎกติกา มู่ชิงเกอและเฉากุ้ยต้องขี่ม้าไปไกล 100 ก้าว จากนั้นก็หันหลังไปยิงธนูทั้งหมด 9 ดอก ในเป้ามีวงกลมอยู่ 10 วง ยิ่งไกลจากเป้า คะแนนก็ยิ่งน้อย
ธนู 9 ดอกเมื่อนำมารวมกันแล้วหากใครทำคะแนนได้ มากที่สุดก็ถือว่าเป็นผู้ชนะ เพื่อความยุติธรรม ม้าที่มู่ชิงเกอและเฉากุ้ยขี่นั้นต่างก็เป็นม้าที่เลือกมาจากม้าในเขตล่าสัตว์
ตอนขึ้นหลังม้าที่จุดเริ่มต้น อยู่ๆ เฉากุ้ยก็พูดกับมู่ชิงเกอว่า “คุณชาย หากข้าโชคดีได้รับชัยชนะ ข้าไม่ต้องการให้คุณชายคุกเข่าต่อหน้าข้า แต่ขอให้ท่านพาข้าไปแนะนำกับมหาปราชญ์ได้หรือไม่?”
มู่ชิงเกอแสยะยิ้ม “ชนะก่อน แล้วค่อยว่ากัน” พูดจบ ก็ขี่ม้าวิ่งออกไปเหมือนไม่อยากจะเสวนากับเขา
เฉากุ้ยนัยน์ตามืดครึ้ม ความอำมหิตสายหนึ่งวาบผ่านในดวงตา
รัชทายาทที่เป็นผู้ตัดสิน สั่งให้เริ่มการประลอง
ทันใดนั้น เสียงม้าก็ดังขึ้น ม้าสองตัววิ่งหันหลังให้เป้ายิง
เฉากุ้ยใช้แซ่ฟาดม้าอย่างโหดเหี้ยม กระตุ้นให้ม้าวิ่งไวขึ้นเรื่อยๆ เขาหันหลังกลับไปมองมู่ชิงเกอ สิ่งที่เห็นกลับเป็นท่าทางงดงามวางตัวอยู่เหนือทุกสิ่ง จนทำให้เขาถึงกับต้องขมวดคิ้ว
ความรู้สึกเหมือนชัยชนะอยู่ในมือแบบนั้น ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลแปลกๆ
ฝีมือการขี่ม้าของมู่ชิงเกอนั้นถือว่าไม่เลว เพราะชาติที่แล้ว นางเคยไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ทุ่งหญ้ามาระยะหนึ่ง และได้ฝึกการขี่ม้ามาเป็นอย่างดี
สำหรับความสามารถในการขิงธนูนั้น… มู่ชิงเกอกระตุกรอยยิ้มชั่วร้ายกระชากวิญญาณ เหมือนนางจะไม่เคยบอกผู้ใดสินะว่าตอนที่นางปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ทุ่งหญ้านั้นนอกจากทักษะการขี่ม้าแล้ว นางยังได้รํ่าเรียนทักษะอีกแขนงหนึ่งมาด้วย
ระยะทางแค่ร้อยก้าวนั้น พริบตาเดียวก็ถึงแล้ว เฉากุ้ยเบนหัวม้ากลับมาอย่างรวดเร็วก่อน จนม้าเกือบจะเสียศูนย์ล้มลงกับพื้น
ม้าส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่มู่ชิงเกอกลับเบนหัวม้ากลับมาได้อย่างสบายๆ ท่าทางที่คล่องแคล่วแบบนั้น ทำให้คนรอบข้างต่างตื่นตาตื่นใจ
คนที่ยิงธนูก่อนนั้น แน่นอนว่าคือเฉากุ้ย
เหมือนเป็นเพราะว่าฝีมือการขี่ม้าของมู่ชิงเกอ จึงทำให้เขาดูตื่นตระหนก เพิ่งจะวางลูกธนูบนคันศรก็ยิงออกไปเลย ดอกแรกโดนวง 8 คะแนน
เขาขมวดคิ้วแอบมองรัชทายาทแวบหนึ่งแล้วตั้งสติยิงอีกครั้ง
ฟิ้วๆๆ
แปดดอกที่เหลือตามออกไป คะแนนที่ได้คือ 9 คะแนน 10 คะแนนทั้งสิ้น
คะแนนทั้งเก้านัดรวมกันได้ถึง 86 คะแนน ห่างจากคะแนนเต็ม 90 คะแนนเพียง 4 คะแนนเท่านั้น ผลคะแนนแบบนี้ทำให้เฉากุ้ยโล่งใจ เผยท่าทางได้ใจ เหมือนได้รับชัยชนะแล้วออกมา
การแสดงจบลงแล้ว เฉากุ้ยจึงหันไปมองบู่ชิงเกอ พบว่านางยังเล็งดอกแรกอยู่ จึงหัวเราะเยาะว่า “คุณชาย ให้ข้าน้อยไปประคองลูกธนูให้ท่านไหม?”
ทันใดนั้น รอบข้างก็มีเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น
บู่ชิงเกอแสยะยิ้มไม่ตอบ สายตาที่สว่างสดใสนั้นไร้ความรู้สึก ยกธนูในมือขึ้น
ฟิ้ว~~~~~
ธนูดอกแรก ยิงขึ้นไปเป็นเสhนโค้งตรงไปทางเป้า หลังจากนั้นไม่รอให้ถึงเป้า มู่ชิงเกอก็ยิงดอกที่ 2 ต่ออย่างรวดเร็ว
การกระทำของนาง ทำให้ทุกคนเสียงดังเซ็งแซ่
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” ฉินอี้เหยาขมวดคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ
“ฮ่าๆๆๆ….นี่คือการยิงธนูเหรอ? หลุดมือมากกว่าละมั้ง!”
“คุณชายท่านร่างกายสูงส่งปานนั้น จะขี่ม้ายิงธนูเป็นได้อย่างไร?”
“เมื่อครู่ข้าเห็นว่าฝีมือการขี่ม้าของคุณชายไม่เลว ก็คิดว่าจะมีอะไรดีๆ ให้ดู สงสัยข้าจะคิดมากเกินไป”
“เฮ้ย คุณชายท่านเป็นคนที่เข้าตาท่านมหาปราชญ์นะ ไม่แน่ว่าอาจจะมีอะไรเหนือกว่าคนอื่นๆรึเปล่า?”
“เหนือกว่าคนอื่นอะไรกันไม่แน่ว่าอาจจะใช้เรื่องคารมเจ้าชู้ในการเอาใจคนก็ได้ ก่อนหน้านี้ได้ข่าวว่าชอบพอรุ่ยอ๋องอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“ฮ่าๆๆๆ เจ้าชักจะรู้มากไปแล้ว”
เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นเรื่อยๆ คำพูดก็ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าหู แต่กลับไม่ได้กระทบต่อมู่ชิงเกอเลย นางยังคงยิงธนูดอกที่เหลือต่อไป
“จบกัน ! ลูกพี่บ้าไปแล้วหรือไร แบบนี้จะโดนเป้าได้อย่างไรกัน” เจ้าอ้วนเช่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่แล้วเขาก็พูดขึ้นมาอย่างตัดสินใจได้แล้วว่า “หึ อย่างมาก สัญญาท้าประลองของลูกพี่ ข้าก็จะเป็นคนทำแทนเอง ไม่เห็นเป็นไร”
คำพูดของเขา ทำให้ฉินอี้เหยาแปลกใจ นางไม่คิดว่าผู้ที่ทุกคนต่างก็เรียกว่าจอมเสเพลนั้นจะทำเพื่อมู่ชิงเกอได้ถึงเพียงนี้
ในสายตาป๋ายซีเยวี่ยที่อยู่ท่ามกลางผู้คนเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย ราวกับเห็นมู่ชิงเกอที่พ่ายแพ้แล้วได้รับการดูถูกเหยียดหยาม
ในขณะที่ทุกคนต่างคาดเดาไปต่างๆ นาๆ มู่ชิงเกอก็ยิงลูกที่ 9 ออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และตอนนี้ ดอกแรกที่นางยิงออกไปก็เพิ่งจะปักลงตรงเป้าสีแดง
ฟิ้วๆๆ~~~~~
เสียงธนูแหวกผ่านอากาศดังขึ้น ธนูที่มู่ชิงเกอยิงออกไปทะลุธนูก่อนหน้านี้เข้าไปปักลงตรงกลางเป้าโดยไม่คลาดเคลื่อนเลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่ลูกธนูดอกสุดท้ายทะลุปลายธนูดอกแรกไปปักเข้าที่ตรงกลางเป้าสีแดงนั้น รอบๆ ก็พลันเงียบสงบลง
เนิ่นนาน จึงค่อยมีคนเอ่ยออกมาด้วยท่าทางตกใจจนตัวสั่นระริกว่า “นี่….นี่มัน….เก้าดาราเรียง!”