ตอนที่ 769
นี่คือผลภูติ!
“เจ้าเคยได้ยินคำกล่าวถึงต้นไม้โลกไหม” อินเจวี๋ยมองมู่ชิงเกอแล้วถาม
แววตามู่ชิงเกอเครียดลง เม้มปากพยักหน้า ‘ต้นไม้โลกอีกแล้ว’
อินเจวี๋ยพูด “ในเมื่อเจ้าเคยได้ยิน ก็คงเข้าใจต้นไม้ต้นนี้ในรูปแบบของต้นไม้โลกฉบับย่อหรือฉบับง่าย”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว ยากที่นางจะคิดเปรียบเทียบเช่นนั้น
ตามตำนานภูติภูเขา ความหมายของต้นไม้ต้นนี้ที่มีต่อป่าอสูรเหมือนเป็นต้นไม้แห่งชีวิตมากกว่า ส่วนต้นไม้โลกในสายตานาง ตามความเข้าใจในจักรวาลของคนที่นี่เป็นการมองโลกอย่างหนึ่ง
เห็นสีหน้ามู่ชิงเกอแล้วอินเจวี๋ยก็ยิ้ม “คิดเช่นนี้แล้วออกจะยุ่งยาก เจ้าเข้าใจง่ายๆ เช่นนี้ดีกว่า หากต้นไม้ต้นนี้ไม่อยู่แล้ว ป่าอสูรกับทุกชีวิตในป่าอสูรต่างจะอยู่ไม่ได้ ทุกชีวิตนี้ไม่นับเพียงที่อาศัยอยู่ในป่าอสูร หรือว่าจากไปอยู่ที่อื่นเท่านั้น เพียงแค่ชีวิตเขาเริ่มต้นจากที่นี่ต่างต้องสูญสิ้นทั้งหมด”
มู่ชิงเกอผวาหนัก นางไม่เคยคิดเลยว่าในป่าอสูรจะมีความเกี่ยวพันเช่นนี้อยู่ด้วย
แต่ว่านี่เป็นเพียงตำนานหรือว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆ
มู่ชิงเกออดคาดเดาในใจไม่ได้
แน่นอน นางย่อมไม่ถามอินเจวี๋ยถึงปัญหานี้ อินเจวี๋ยพูดต่อว่า “ภูติภูเขาเกิดจากต้นไม้ต้นนี้ ดังนั้นหน้าที่ของภูติภูเขาก็คือคุ้มครองมันไม่ให้ถูกทำลาย ให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ เช่นนี้แล้วป่าอสูรจะได้ดำรงอยู่ต่อไป”
“ท่านบอกเรื่องเหล่านี้ให้ข้ารู้ทำไม หรือท่านคิดว่าการที่พวกเรามาหลบภัยที่นี่เพื่อทำลายต้นไม้นี้หรือ” มู่ชิงเกอพูดอย่างขบขัน
อินเจวี๋ยมองนางแล้วถามว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลภูติคืออะไร”
ผลภูติ?
รอยยิ้มที่มุมปากมู่ชิงเกอค่อยๆ หุบลง การหยั่งเชิงครั้งแล้วครั้งเล่าของอินเจวี๋ยทำให้นางเริ่มจริงจังขึ้นมา “ท่านพูดถึงผลภูติซ้ำแล้วซ้ำอีกจนข้าชักจะสนใจ”
มู่ชิงเกอหรี่ตายิ้ม “ผลภูติคืออะไรหรือ”
สายตาทั้งคู่สบกันกลางอากาศปะทะจนเกิดสะเก็ดไฟขึ้นมา สะเก็ดไฟนี้คือการหยั่งเชิง คือการระแวดระวังของทั้งสอง
“เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าผลภูติคืออะไร” อินเจวี๋ยถาม
มู่ชิงเกอยิ้มแล้วตอบเรียบๆ ว่า “ข้าเข้ามายังป่าอสูรครั้งแรก แม้แต่เผ่าภูติภูเขาก็เพิ่งเคยได้ยิน เพิ่งเคยได้เห็น ส่วนผลภูตินั้น…ข้าไม่รู้จริงๆ ว่ามันคืออะไร”
นางส่ายหน้าพูดจบแล้วเลิกคิ้วมองไป ยื่นมือชี้ต้นไม้โบราณเบื้องหน้า “หรือว่าผลภูติก็คือผลของต้นไม้ต้นนี้”
เดิมนางเพียงแค่แกล้งถาม แต่ไม่นึกว่าอินเจวี๋ยผงกศีรษะอย่างจริงจัง “เจ้าพูดไม่ผิด ผลภูติก็คือผลไม้ที่ออกผลมาจากต้นไม้ต้นนี้ พันปีมีหนึ่งครั้ง ครั้งหนึ่งมีเพียงสิบผลเท่านั้น”
มู่ชิงเกอแสดงความประหลาดใจแล้วยิ้มเยาะ “ไม่นึกว่าเรื่องที่ข้าพูดเรื่อยเปื่อยกลับเป็นจริง”
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าผลภูดินี้หลังจากกินเข้าไปแล้วสามารถเพิ่มพูนตบะบำเพ็ญได้หมื่นปีในพริบตาเดียว” อินเจวี๋ยถามอีก
มู่ชิงเกอเก็บรอยยิ้ม แววตาจริงจังขึ้นมา
นางมองอินเจวี๋ยแล้วพูดเรียบๆ ว่า “ท่านบอกเรื่องเหล่านี้กับข้าทำไม เกรงว่าก่อนหน้านี้ข้าจะไม่ได้คิดถึงเรื่องผลภูติ เวลานี้จึงอยากให้ข้าขโมยผลภูติไปหรือ”
อินเจวี๋ยหัวเราะขึ้นมา เวลาเขาหัวเราะนั้นน่าดูมาก โดยเฉพาะนัยน์ตาสีหมึกเขียวของเขาราวกับอัญมณี เข้ากันกับผมสยายสีหมึกเขียวของเขา
“เจ้าไม่แปลกใจหรือว่า เหตุใดผลภูติพันปีจึงมีพลังเทพที่ยิ่งใหญ่ปานนี้” อินเจวี๋ยพูด
มู่ชิงเกอผงกศีรษะยอมรับ “ข้าสงสัยอยู่ แต่ท่านจะบอกคำตอบหรือ”
“เหตุใดจะไม่บอกเล่า” อินเจวี๋ยเลิกคิ้ว
อินเจวี๋ยยกมือชี้ไปในระหว่างกิ่งไม้ “ดูสิ นั่นก็คือผลภูติ”
นัยน์!ตามู่ชิงเกอเป็นประกาย มองไปตามปลายนิ้วของ เขา เห็นผลไม้เขียวคลํ้าลูกเล็กๆ อยู่ในช่องที่ใบไม้ที่ปกคลุมหนาแน่น ผลไม้นั้นมีขนาดเพียงเท่ากับนิ้วมือ ถูกใบไม้บังจนมิดยากที่จะมองเห็น
“ไม่ใช่ว่าไม่มีผลภูติอีกแล้วหรือ เหตุใดจึงมีอีกแล้วเล่า” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่ง แทรกเข้ามา
มู่ชิงเกอกับอินเจวี๋ยมองไปพร้อมกันก็เห็นโห่วกับอินเล่อเดินเข้ามา
โห่วเดินมาหยุดข้างมู่ชิงเกอและพูดกับนางแต่สายตากลับมองไปที่อินเจวี๋ย “ข้าไม่ไว้ใจที่เจ้าถูกเรียกมาคนเดียวจึงมาดู พอดีเจออินเล่อ นางได้ยินว่าเจ้าถูก
องค์ชายเรียกมาจึงตามข้ามาด้วยกัน”
มุมปากมู่ชิงเกอมีรอยยิ้มบางๆ นางมองอินเจวี๋ย “ที่แท้ ผลภูติไม่มีอีกแล้ว เช่นนั้นผลไม้นั้นเป็น…”
“ข้าไม่ได้หลอกเจ้า” อินเจวี๋ยพูด
อินเล่อก็เอ่ยขึ้นด้วย “พวกเราโกหกโลกภายนอก บอกทุกคนว่าไม่มีผลภูติอีกแล้ว ที่ทำเช่นนี้เพราะไม่อยากให้ทุกคนถูกผลประโยชน์ของผลภูติบังตาไปหมด”
โห่วพูดว่า “ก่อนนั้นนานแล้ว ในป่าอสูรรวมทั้งแผ่นดินเทพมารเคยคลั่งไคล้ผลภูติอย่างมากจนกระทั่งมีข่าวว่าไม่มีผลภูติอีกแล้วจึงค่อยๆ สงบลงได้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เวลานี้จะบอกพวกเราทำไม” มู่ชิงเกอมองอินเจวี๋ยอย่างไม่เข้าใจ สายตามองสลับไปมาระหว่างเขากับอินเล่อ
โห่วก็เก็บท่าทียิ้มแย้มทำให้ใบหน้าที่มีรอยสักของเขาดูดุร้ายน่ากลัว
“ท่านพี่ข่ง” อินเล่อเรียกเบาๆ
เสียงของนางนุ่มนวลยิ่งนักทำให้ใจโห่วสะท้าน ไม่รู้เหตุใดจึงเก็บท่าทีดุร้ายของตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว
“ข้าเพียงแค่อยากบอกเจ้าว่าผลภูติคืออะไร ไม่ว่าจุดประสงค์การมาของพวกเจ้าจะมีแผนการเกี่ยวกับผลภูติหรือไม่ ก็อยากให้พวกเจ้าล้มเลิกความคิดนี้” อินเจวี๋ย พูดอย่างจริงจัง
“ผลภูติคืออะไร ไม่ใช่ผลไม้จากต้นไม้หรือ เหตุใดพวกเจ้าภูติภูเขากินได้ แล้วพวกเราจึงกินไม่ได้” โห่วพูดตรงๆ
มู่ชิงเกอถลึงตาใส่เขา โห่วรีบหดศีรษะกลับไปทันที
“พวกเราไม่เคยกินผลภูติ” อินเล่อรีบอธิบาย
อินเจวี๋ยกลับมีแววตาเคร่งเครียด “พวกเจ้ามาเพราะผลภูติจริงๆ”
เมื่อโดนเขาจับได้ โห่วก็แอบนึกด่าตัวเองที่ปากมากทำเสียเรื่อง เวลานี้ถูกเผ่าภูติภูเขารู้เป้าหมายเข้าแล้ว จะทำอย่างไรดี
“พ่านพี่ข่ง ท่านมาเยี่ยมข้าเพราะเรื่องผลภูติเท่านั้นหรือ” อินเล่อพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด
โห่วถูกอินเล่อถามเช่นนี้ก็มีท่าทางประหลาดขึ้นมา
มู่ชิงเกอถอนใจเดินขึ้นหน้า อธิบายกับอินเล่อว่า “พวกเราถูกเผ่ามังกรตามล่าสังหารจริงจึงต้องมาหลบที่นี่ ส่วนผลภูตินั้นโห่วไม่ต้องการ เขาเพียงต้องการหาให้พวกเรา แต่ข้าก็ไม่ได้มีใจคิดว่าจะต้องได้ผลภูติไปให้ได้”
“เป็นจริงเช่นนั้นหรือ” อินเล่อมองโห่ว
โห่วรีบพยักหน้ารัว
การพยักหน้าราวกับโขลกกระเทียมเช่นนั้น น่ากลัวว่าตัวเขาเองเห็นแล้วก็คงต้องแปลกใจว่าเหตุใดจึงต้องห่วงความรู้สึกของหญิงคนหนึ่งมากมายถึงเพียงนี้ มู่ชิงเกออธิบายจบแล้วก็มองไปที่อินเจวี๋ย “ในเมื่อเปิดอกคุยกันแล้ว ก็ขอให้ท่านบอกข้าว่าผลภูติคืออะไรกันแน่ เหตุใดกินเข้าไปแล้วจึงสามารถเพิ่มตบะบำเพ็ญได้ ถึงหมื่นปี”
“ผลภูติก็คือภูติภูเขา” อินเจวี๋ยให้คำตอบที่เกินความคาดหมายออกมา