Skip to content

พลิกปฐพี 773

ตอนที่ 773

ข้ารักษาได้! แต่มีข้อแม้

“องค์ราชินี!”

“องค์ราชินี!”

สองสาวภูติภูเขาเห็นอินเล่อหมดสติไปกะทันหันก็ตกใจจนมือไม้สั่น

“โห่ว!” มู่ชิงเกอเรียก

ความจริงก่อนที่นางจะส่งเสียงเรียกโห่วก็เคลื่อนไหวไปก่อนแล้ว ขณะที่อินเล่อจะล้มลงบนพื้นเขาก็รีบคว้านางไว้ในอ้อมอก

อินเล่อหมดสติไปกะทันหัน มู่ชิงเกอจึงไม่ได้สนใจภาพในกระจกอีกต่อไป นางเดินตรงไปที่อินเล่อ นั่งยองๆ และจับชีพจรที่ข้อมือนาง

พอจับชีพจรแล้วนางก็รู้สึกได้ว่า อินเล่อเป็นภูติภูเขา ภูติภูเขาแปลงมาจากผลภูติ ตามเหตุตามผลแล้วทั้งชีพจรกับส่วนต่างๆ ภายในร่างกายควรจะต้องแตกต่างกับมนุษย์

แต่นึกไม่ถึงว่า ผลการจับชีพจรกลับทำให้นางประหลาดใจ

โครงสร้างต่างๆ ในร่างกายของอินเล่อเป็นเช่นเดียวกับมนุษย์ทุกอย่าง หากนางไม่บอกเองก็จะไม่มีใครสงสัยเลยว่านางไม่ใช่มนุษย์

ความประหลาดใจนี้ มู่ชิงเกอเก็บงำไว้โดยไม่แสดงอาการใดๆ

หลังจากนางจับชีพจรแล้วก็ไม่พบว่าอินเล่อมีอะไรที่ผิดปกติ ชีพจรนางนิ่งสงบราวกับหลับสนิทอยู่ เพียงแต่เหตุใดจึงหลับไปโดยไม่มีสัญญาณบอกอะไรเลยแม้แต่นิด

มู่ชิงเกอมองภูติภูเขาด้วยนัยน์ตาใสกระจ่างถามว่า “องค์ราชินีของพวกเจ้าเป็นอะไรกันแน่”

หญิงสาวภูติภูเขาสบตากัน ความตกใจในสายตาค่อยๆ คลายลง

คนหนึ่งในนั้นบอกมู่ชิงเกอว่า “องค์ราชินีของพวกเรามีอาการป่วยพิสดารอย่างหนึ่ง เริ่มตั้งแต่เมื่อหมื่นปีก่อน พอผ่านไปสักช่วงเวลาหนึ่งก็จะหลับไปโดยไม่มีเค้าลางบอกล่วงหน้า จะตื่นเมื่อไรนั้นก็ยากที่จะคาดเดาได้ พวกเราไม่รู้อะไรมาก รู้แต่ว่าองค์ชายจะเป็นคนคอยดูแลองค์ราชินีด้วยตัวเอง องค์ชายว่าองค์ราชินีเป็นโรคหลับยาว”

“โรคหลับยาว?” มู่ชิงเกอร้องเบาๆ

นางเงียบไปนิดหนึ่ง และบอกหญิงทั้งสองว่า “ในเมื่อเป็นโรคเก่าก็ส่งองค์ราชินีกลับไปพักผ่อนก่อน รอองค์ชายกลับมาแล้วค่อยว่ากัน”

“ทราบแล้ว” หญิงสาวภูติภูเขาลุกขึ้นยืนด้วยความเคารพ

มู่ชิงเกอส่งสายตาให้โห่ว ฝ่ายหลังเข้าใจทันที อุ้มอินเล่อที่สลบขึ้นมา บอกสองสาวภูติภูเขาว่า “นำทางไปด้วย”

นี่…องค์ราชินีของตนถูกคนต่างเผ่าอุ้มไว้ ดูจะไม่เหมาะสมเท่าใดนัก

สาวภูติภูเขาสบตากัน

แต่พวกนางล้วนเป็นสาวใช้ข้างกายอินเล่อจึงรู้ถึงความรู้สึกพิเศษที่อินเล่อมีต่อโห่ว ดังนั้นหลังจากลังเลเล็กน้อยแล้วก็หันกลับไปนำทาง

โห่วอุ้มอินเล่อจากไป ส่วนมู่ชิงเกอคงอยู่ที่เดิม ยืนอยู่หน้ากระจกบานนั้น

ในกระจกนั้นสีหน้าราชามังกรน่าเกลียดมาก ทำได้เพียงจ้องตาอินเจวี๋ยอย่างไม่ยอมแพ้ ความจริงเวลานี้ ไม่ว่ามู่ชิงเกอหรืออินเจวี๋ยต่างดูออกว่า ราชามังกรคิดถอยอยู่แล้ว เขาอยากจะยอมตกลง เพียงแต่ยังต้องการรักษาหน้าไว้

แค่โห่วเท่านั้นยังไม่น่ากลัว

แค่ภูติภูเขาเผ่าเดียวก็ยังพอได้

แต่หากทั้งสองอย่างรวมกัน.. .นี่ทำให้ราชามังกรต้องพิจารณาเรื่องแก้แค้นต่อไปอิกครั้ง อย่างน้อยก็ไม่สามารถกระทำที่นี่ได้…ไม่ ไม่ใช่! ภูติภูเขาบอกแล้วว่าหากโห่วเกิดเรื่อง จะคิดบัญชีกับเผ่ามังกรทั้งหมด แต่…หากโห่วตายไปเหลือเพียงเผ่าภูติภูเขา ถึงแม้ยุ่งยากก็ยังไม่ใช่จะรับไม่ไหว

ราชามังกรวิเคราะห์อย่างรวดเร็วในใจ พิจารณาผลได้เสีย

สถานการณ์ยังคงตรึงกันอยู่ อินเจวี๋ยก็ไม่ได้เร่งรัด เพียงแต่รอคอยการตัดสินใจสุดท้ายของราชามังกรอย่างอดทน

มู่ชิงเกอยืนอยู่หน้ากระจก มองดูสีหน้าราชามังกร เขาคิดอะไรอยู่ในใจ นางสามารถคาดเดาได้เจ็ดแปดส่วน แต่นางไม่ใส่ใจแม้แต่นิด เพียงแค่แค่นยิ้ม

เลือดมังกรแท้นางยังรวบรวมไม่พอ

หากเผ่ามังกรยังคงมารนหาที่ตาย นางย่อมไม่ปฏิเสธที่จะควักหัวใจมังกรต่อเพื่อหลอมเลือดมังกรแท้

“ชิงเกอ!” โห่วกลับมาอย่างรวดเร็ว

เขาใช้ความเร็วเช่นนี้กลับมา ไม่ใช่เพื่ออยากดูเรื่องตลกของเผ่ามังกร หลังจากกลับมาแล้วก็ไม่ได้มองกระจกแม้แต่แวบเดียว เพียงแต่จ้องมู่ชิงเกอด้วยหน้าตาเคร่งขรึมและเอ่ยว่า “อินเล่อเป็นโรคอะไรกันแน่ โรคหลับยาวคืออะไรหรือ”

มู่ชิงเกอยิ้ม “ดูเจ้าเป็นห่วงนางมากเลยนี่”

“โธ่เอ๊ย! อย่างไรก็อุตส่าห์รู้จักกันมาตั้งนาน” โห่วขยุ้มผมด้วยความหงุดหงิด

มู่ชิงเกอหยุดล้อโห่ว เก็บท่าทีครื้นเครงและบอกเขาว่า “ข้ายังไม่กล้ารับรอง เท่าที่ดูจากชีพจรนาง เพียงแค่หลับไปเท่านั้น แต่ตามที่ได้รับการสืบทอดวิชามาจากเทพโอสถ พอจะจำอาการหนึ่งได้คลับคล้ายคลับคลา คล้ายกับอาการของอินเล่อมาก”

“เป็นโรคอะไรหรือ” โห่วรีบถาม

แววตามู่ชิงเกอเครียดลง “โรควิญญาณดับ”

“โรควิญญาณดับ?” โห่วพูดอย่างไม่เข้าใจ

มู่ชิงเกอพยักหน้า “อาการโรคนี้ พอผ่านไปสักระยะหนึ่ง ผู้ป่วยก็จะหมดความรู้สึกกะทันหันราวกับหลับไป แต่ความจริงแล้ววิญญาณเทพของนางเข้าไปอยู่สภาวะตายเทียม หลังจากตื่นแล้วก็จะเป็นปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง ตรวจไม่พบอาการใดๆ การตายเทียมแต่ละครั้ง วิญญาณเทพของนางก็จะถูกบั่นทอนให้บางลงไปส่วนหนึ่ง จนกระทั่งวิญญาณเทพของนางบางราวกับกระดาษแล้วก็จะเป็นเวลาที่นางสิ้นใจ”

“อะไรกัน! แล้วเจ้ามีวิธีใดช่วยได้หรือไม่” โห่วรีบถาม

มู่ชิงเกอไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่มองไปที่กระจก

เวลานี้ราชามังกรได้ตัดสินใจแล้ว เขาบอกอินเจวี๋ยว่า “ได้! ข้าจะพาเผ่าของข้าจากไป เรื่องครั้งนี้ข้าจะจดไว้ก่อน หากโห่วกล้ามาแหย่พวกเราเผ่ามังกรอีก พวกเรา เผ่ามังกรจะไม่ยอมเลิกราแน่!”

นัยน์ตาเขาเปล่งประกาย อินเจวี๋ยเห็นอยู่แต่ทำเป็นไม่เห็น

อินเจวี๋ยอมยิ้มผงกศีรษะ ยกมือโบกไป แส้หลอมวิญญาณก็กลับไปยังทิศทางเดิม มุดลงใต้พื้นดิน ตาข่ายสายฟ้าก็เปิดทางเป็นทิศทางให้เผ่ามังกรจากไป

“ราชามังกร ไม่ส่งแล้ว” อินเจวี๋ยยืนอยู่กับที่ ประสานมือให้ราชามังกร

ราชามังกรร้องฮึ นำมังกรอื่นๆ หันกายจากไป หายไปในท้องฟ้า

มองส่งราชามังกรจากไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าอินเจวี๋ยจึงหายไป เวลานี้เองมีภูติภูเขาลงมาจากบนเขา กระโดดเพียงไม่กี่ครั้งก็มาถึงข้างตัวเขา สีหน้าอินเจวี๋ย เปลี่ยนไปฉับพลันรีบกลับในทันที

“ไปเถอะ พวกเราไปรอเขาที่ห้องบรรทมของอินเล่อ” มู่ชิงเกอหันกายสะบัดแขนเสื้อบอกโห่ว

เมื่อครู่นี้นางให้โห่วส่งอินเล่อกลับไปก็เพื่อจะได้รู้ว่านางอยู่ที่ไหน

ขณะที่ทั้งคู่เดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์ไปถึงหน้าห้องบรรทมของอินเล่อ อินเจวี๋ยก็เพิ่งมาถึงอย่างรีบร้อน พอเห็นพวกเขาเขาก็ชะงักไป ผ่อนฝีเท้าที่ร้อนรนลง

“เจ้าทั้งสองมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไรหรือ’’ อินเจวี๋ยเอ่ยปากถาม และพูดอีกว่า “เรื่องเผ่ามังกรจัดการเรียบร้อยแล้ว อย่างน้อยพวกมันจะไม่ไล่สังหารพวกเจ้าอย่างอุกอาจอีก”

“ที่พวกเรามา ไม่ได้ต้องการคุยกับองค์ชายเรื่องเผ่ามังกร แต่จะคุยเรื่องอาการป่วยขององค์ราชินี” มู่ชิงเกอสั่นศีรษะช้าๆ บอกเหตุผลที่มา

อินเจวี๋ยคิ้วขมวดสีหน้าเคร่งขรึม เม้มปากไม่พูด

มู่ชิงเกอยิ้มว่า “องค์ชาย ท่านคงรู้ว่าองค์ราชินีเป็นโรคอะไรใช่ไหม”

แววตาอินเจวี๋ยเครียดลง พูดอย่างระแวดระวังว่า “เจ้า คิดจะพูดอะไรหรือ” ปฏิกิริยาของเขาทำให้ความมั่นใจของมู่ชิงเกอเพิ่มมากขึ้นหลายส่วน นางยิ้มพูดว่า “ข้าเพียงแต่อยากบอกว่า โรคนี้ข้าอาจรักษาได้ แต่ข้ามีข้อแม้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version