Skip to content

พลิกปฐพี 79-13

ตอนที่ 79-13

คุณชายตบหน้าอย่างรุนแรง

พอทั้งห้าร้อยนายเห็นมั่วหยางออกมาพร้อมธง ต่างก็ยืนหลังตรงด้วยความภาคภูมิใจอย่างอดไม่ได้ในแววตานั้นมีประกายไฟเจิดจ้าอยู่

“นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?” รองแม่ทัพซ่งตกใจจนเสียงสั่น

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” มู่ชิงเกอเอามือไพล่หลัง พลางพูดเสียงนิ่งเรียบ “คนของพวกเจ้าดูถูกคนของข้าตั้งแต่แรก คิดเองเออเองว่าการประลองอย่างน้อยก็ต้องเริ่มตอนฟ้าสว่าง ต่างก็กลับไปพักผ่อนแต่เช้าเพื่อรอให้ฟ้าสว่าง แต่คนของข้าให้ความสำคัญกับการประลองครั้งนี้มาตั้งแต่ต้น พอผ่าน*ยามจื่อไปก็เป็นเวลาที่นัดหมายแล้ว พวกเขาแบ่งกันเป็นกลุ่มย่อยแล้วเข้าไปยังค่ายพัก ควบคุมตัวแต่ละคนที่ยังหลับฝันดีอยู่ แล้วมันจะยากตรงไหนกัน?”

ความนิ่งสงบของนาง ราวกับว่าทุกอย่างตรงหน้าเป็น เรื่องปกติและสมเหตุสมผลดี

แต่สิ่งที่รองผู้บังคับบัญชาฉงและคนอื่นๆ ได้ยินกลับทำให้อดไม่ได้ที่จะร้องด้วยความขมขื่นในใจ

ใช่ ไม่ยาก การควบคุมตัวพวกเขาในขณะที่พวกเขาหลับอยู่นั้นไม่ยาก จะยากก็ยากตรงที่ทำอย่างไรให้ไม่ส่งเสียงดังในระหว่างที่เข้าไปควบคุมตัวคนกว่าหมื่นคนโดยไม่ทำให้ใครตื่นตระหนกเลยมากกว่า หรือพูดได้ว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีการเคลื่อนไหวที่จะทำให แผนล้มเหลว

“อื้อๆๆ”…ในวงกลมวงในสุดที่อยู่ใกล้ๆ มีคนดิ้นรนอยากจะลุกขึ้นมา มู่ชิงเกอกวาดตามองเขา แล้วก็มีคนเดินไปแก้มัดและเอาผ้าที่อุดปากออกให้เขา “ข้าไม่ยอมรับ พวกเจ้ามันฉวยโอกาส ทำเช่นนี้ไม่ยุติธรรม” พอได้รับอิสระ คนคนนั้นก็ตะโกนอย่างสุดแรง

คำพูดของเขาเหมือนจะได้รับการยอมรับจากทหารจำนวนไม่น้อยและพวกเขาที่ไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้ทำได้แค่ใช้สายตาในการยืนยัน ไม่ใช่เพียงแค่เหล่าทหาร แต่รองแม่ทัพซ่งและรองแม่ทัพอีกหลายคนต่างก็เงียบ เหมือนกำลังแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการท้าประลองในครั้งนี้

“ไม่ยอมรับรึ?” มู่ชิงเกอยิ้มอันตราย นัยน์ตานั้นเยือกเย็นราวกับนํ้าแข็ง แล้วมองคนผู้นั้นแล้วพูดว่า “จะบอกว่านี่เป็นการฉวยโอกาสหรือ แต่ข้ากลับเรียกมันว่าความไม่เกียจคร้าน จะบอกว่าไม่ยุติธรรม แล้วแค่ 500 คนต้องสู้กับพวกเจ้ากว่าหมื่นคน เป็นความยุติธรรมในสายตาของพวกเจ้าแล้วเหรอ?!” สองคำหลังนางตะโกนออกมาเสียงดังทำให้ทุกคนต่างตกใจ…

นางเงยหน้าขึ้นพูดอย่างหยิ่งยโสว่า “พวกเจ้าจะเสาะหาความยุติธรรมอะไรกัน ในสนามรบนั้นมีความยุติธรรมอยู่จริงหรือ หากศัตรูของพวกเจ้าฝึกฝนจนมีระดับเหนือกว่าเจ้า เจ้าจะบอกให้เขาหยุดการฝึก แล้วรอให้เจ้าอยู่ในระดับ เดียวกันกับเขาก่อนแล้ว ค่อยมาประลองกันได้หรือ หรือว่าศัตรูมีอาวุธที่เหนือกว่าเจ้า เจ้าก็จะบอกให้เขาทิ้งอาวุธในมือแล้วสู้กับเจ้ามือเปล่า ถ้าอย่างนั้นจะสู้กันไปเพื่ออะไร? ไม่สู้ทิ้งสังเวียนไว้แบบนั้นเพื่อคืนความยุติธรรมให้กับพวกเจ้าไม่ดีกว่าเหรอ? ตอนนี้พวกเจ้าจะมาทวงความยุติธรรมกับข้า ข้าว่าพวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกคนขี้ขลาดเท่านั้นแหละ!”

“พวกข้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น!” ทหารนายนั้นปฏิเสธ

“แล้วเป็นอะไร?” สายตาอันเฉียบแหลมของมู่ชิงเกอทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกทันที

มู่ชิงเกอละสายตาจากเขาแล้วไปมองรองแม่ทัพที่ยืนเงียบ ใบหน้าอันงดงามนั้นคมกริบราวกับมีดดาบและพูดนิ่งๆ ว่า “ข้าคิดว่าในสนามรบนั้นคือการใช้ความพยายามทั้งหมดแลกมา เพราะในสนามรบนั้นไม่มีคำว่าคุณธรรม สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือ จะใช้ทรัพยากรที่มีอย่อย่างไรให้ได้มาซึ่งชัยชนะและในขณะเดียวกันก็ต้องรักษาชีวิตของทหารในมือไว้ด้วย ในเมื่อมีวิธีที่ได้มาซึ่งชัยชนะโดยไม่สิ้นเปลือง

ทหารหรืออาวุธแม้แต่ชิ้นเดียว แล้วเหตุใดต้องยอมไม่ใช้มันเพื่อไปขอความยุติธรรมจอมปลอมนั่นด้วยเล่า? หรือว่า พวกช้าแพ้ถึงจะเป็นความยุติธรรมสำหรับพวกเจ้า ถึงจะเป็นผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผล หากพวกเจ้ายังคิดเช่นนี้ อย่างนั้นพวกเจ้าไม่ใช่พวกขี้แพ้ที่แพ้ไม่เป็นแล้วเป็นอะไร? รองแม่ทัพซ่งท่านช่วยบอกคุณชายอย่างข้าหน่อยเถอะว่าผลการประลองเป็นอย่างไร?”

นางมองรองแม่ทัพซ่ง ผู้มีอำนาจสูงสุดในที่นี้

รองแม่ทัพซ่งถูกพูดถึงใบหน้าก็แสบร้อนขึ้นมาทันทีแต่ก็ไม่ปฏิเสธความไม่ยินยอมในใจของเขานั้นถูกคำพูดของมู่ชิงเกอปลุกให้ตื่น ในสนามรบมีความยุติธรรมที่ไหนกัน? ใครชนะผู้นั้นก็คือความยุติธรรม

เขาก้มหน้าลงอย่างรู้สึกละอาย ประสานมือแล้วกัดฟันพูดว่า “การประลองในครั้งนี้ คุณชายชนะ พวกข้าแพ้แล้ว!” แพ้ การที่คำคำนั้นจะออกมาจากปากของทหารตระกูลมู่นั้นถือว่ายากมาก แต่พวกเขากลับไม่ปฏิเสธ

หลังจากที่สงบสติอารมณ์พวกเขาก็รับรู้ถึงความน่ากลัวของมู่ชิงเกอ ภายใน 3 เดือน สามารถฝึกทหารให้ปรากฏตัวอย่างไร้ร่องรอยได้เช่นนี้ ก็ชวนให้คนรู้สึกกลัวแล้ว หากเป็นยอดฝีมือที่ต้องการจะเด็ดหัวของพวกเขาเล่า นั้นก็ไม่ยิ่ง…ง่ายดายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือหรือ?

คิดไปแล้ว รองแม่ทัพซ่งและคนอื่นๆ ก็รู้สึกถึงความน่ากลัวของมู่ชิงเกอ

“มั่วหยาง” หลังจากที่คนนับหมื่นโต้เถียงกัน มู่ชิงเกอก็พูดเสียงดังกับมั่วหยางว่า “เจ้ากลับจวนกับข้า” ต่อมาก็พูดกับทหารทั้งห้าร้อยนายว่า “พวกเจ้ารีบย้อนกลับไปที่ค่าย ไปเอาสัมภาระมาเตรียมไว้ให้พร้อมแล้วกลับมารอคำสั่งจากข้าที่ค่าย ใหญ่”

ทั้ง 500 นายตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน

กองทัพเช่นนี้ทำให้รองแม่ทัพซ่งและคนอื่นๆ อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง

พอได้สติ ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าคุณชายกำลังมองตนเอง จึงรีบเก็บสายตาประหลาดใจ แล้วค่อยๆ พยักหน้า

“ท่านรองแม่ทัพซ่ง ข้าจะกลับไปสืบหาร่องรอยของท่านปู่ข้าตอนนี้เลย ท่านรั้งอยู่ที่ค่ายทหาร รวบรวมกำลังทหารทั้งหมดระวังความปลอดภัยโดยรอบ แล้วรอฟังคำสั่งจากข้า” มู่ชิงเกอสั่งอย่างจริงจัง

“รับทราบ” รองผู้บังคับบัญชาเป็นห่วงการไปของมู่ซงอยู่แล้ว ตอนนี้ พอได้ยินคำพูดของมู่ชิงเกอก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เขาไม่ได้ปฏิเสธ กลับทำตามคำสั่งของมู่ชิงเกอ

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว มู่ชิงเกอก็สั่งให้โย่วเหอและฮวาเยวี่ยอยู่ในค่ายตระกูลมู่ต่อ แล้วพามั่วหยางไปเปลี่ยนชุดออกจากนั้นก็รีบควบม้าเร็วไปทางลั่วตูอย่างรวดเร็ว…

*ยามจื่อ เวลา 23:00-01:00

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version