ตอนที่ 792
ใครฆ่าใครกันแน่
เสียง ‘ตึง’ ดังขึ้น มู่ชิงเกอลุกขึ้นยืน สองตาที่ใสกระจ่างเปล่งประกายรัศมีชัดเจน
ท่าทางยินดีเช่นนั้น ทำให้นัยน์ตาคนทั้งหมดพลอยเจิดจ้าขึ้นมาด้วย
ชิงเหยียนถามไปตามตรงว่า “พระชายา คำนวณตำแหน่งยุทธภัณฑ์ชั้นอาคมได้แล้วหรือ”
มู่ชิงเกอผงกศีรษะ สายตากวาดผ่านใบหน้าคนทั้งแปดแล้วบอกพวกเขาว่า “คำนวณตำแหน่งออกมาแล้ว พวกเจ้าเจ็ดคนแยกย้ายไปตามตำแหน่งที่ข้าบอก จำไว้ว่าจะต้องดึงยุทธภัณฑ์ชั้นอาคมออกพร้อมๆกัน”
“พระชายา หลังจากทำลายยุทธภัณฑ์ชั้นอาคมเหล่านี้แล้วก็จะสามารถทำลายค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารได้งั้นหรือ” ชิงเจ๋อถาม
ปัญหานี้ทำให้มู่ชิงเกอเม้มปากขมวดคิ้วส่ายหน้า “ยุทธภัณฑ์ชั้นอาคมเหล่านั้นมีพลังผูกพันกับคนทั้งเจ็ดภายในจึงไม่สามารถทำลายได้ ทำได้เพียงถอนออก หลังจากถอนออกแล้วจะทำให้ค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารไร้ผลชั่วคราว ทำให้พวกเราสามารถฝ่าเข้าไปได้ หากซือมั่วถือโอกาสสังหารพวกเขาคนหนึ่งได้ก็ สามารถลดพลังค่ายกลได้สองส่วน สาเหตุที่ค่ายกลนี้ร้ายกาจ เนื่องจากมันมีตาค่ายกลเจ็ดจุดร่วมกันหนุนประกอบขึ้นมา การกำจัดหนึ่งคนไม่สามารถทำลายค่ายกลทั้งหมดได้ จะต้องสังหารสามคนแล้วค่ายกลจึงจะถูกทำลายลง”
“หรือก็คือ คนเป็นตาค่ายกลตายไปมากเท่าไหร่ ค่ายกลก็ยิ่งถูกทำลาย พลังก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น” ชิงเจ๋อเข้าใจความหมายของมู่ชิงเกอในทันที
มู่ชิงเกอพยักหน้ารับสียงขรึม
“พระชายา พวกเรารีบไปถอนยุทธภัณฑ์ชั้นอาคมเถอะ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือองค์ราชาก่อน” หลิงจิวพูด
เรื่องนี้ย่อมเร่งด่วนที่สุด
มู่ชิงเกอพยักหน้านิดๆ ในใจผุดความไม่สบายใจขึ้นมา นางหันมองข้างหลังซึ่งเป็นทิศทางที่มา ไกลออกไปก็คือริมฝั่งแม่นํ้าเมิ่งหลาน
ถึงแม้นางจะจัดการที่นั่นอย่างเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว ทั้งมีหวงฝู่ฮ่วนกับเฉินปี้เฉิงอย่ที่นั่นร่วมเฝ้ารักษา แต่ในใจยังคงมีความรู้สึกไม่มั่นคงนัก
“กู่เย่ ชิงเจ๋อ พอยุทธภัณฑ์ชั้นอาคมนี้ถูกถอนออก พวกเจ้ารีบนำยุทธภัณฑ์กลับริมแม่นํ้าเมิ่งหลานทันที” มู่ชิงเกอละสายตากลับ
กู่เย่กับชิงเจ๋อสบตากัน ต่างไม่เข้าใจ
มู่ชิงเกออธิบายว่า “ยุทธภัณฑ์เหล่านี้ เป็นตำแหน่งที่แน่นอนของค่ายกล เวลานี้ค่ายกลประกอบขึ้นแล้ว การถอนพวกมันออกถึงแม้ไม่สามารถทำลายค่ายกลได้ แต่ยุทธภัณฑ์ชั้นอาคมเหล่านี้ยังคงมีประโยชน์ข้ามักรู้สึกว่าเรื่องคืนนี้ไม่ใช่ธรรมดา พวกเจ้านำยุทธภัณฑ์กลับริมฝั่งแม่นํ้าเมิ่งหลานแล้วฝังลงใน
ตำแหน่งตามที่ข้าบอก”
มู่ชิงเกอพูดอย่างจริงจัง กู่เย่กับชิงเจ๋อจึงไม่กล้าละเลย
“แต่ องค์ราชา…” ชิงเจ๋อพูดอย่างไม่วางใจ
มู่ชิงเกอว่า “มีทั้งข้าและคนอื่น อีกทั้งยังมีคนที่ข้านำมาด้วย รวมทั้งองค์ราชาพวกเจ้า พอแล้ว”
คำพูดนางมีเหตุผล ทุกคนต่างพยักหน้า
เวลานี้สถานการณ์ไม่ชัดเจน จะให้แดนมารตกในสภาวะชุลมุนอีกไม่ได้
หลังจากสั่งเรียบร้อยแล้ว กู่หยายังคงรั้งอยู่ข้างมู่ชิงเกอ เจ้าเมืองย่อยที่เหลือหกคนรวมทั้งกู่เย่ ต่างแยกย้ายไปตามทิศทางที่มู่ชิงเกอบอก มุ่งไปในตำแหน่งที่ต่างกัน
เมื่อพวกเขาไปถึงตำแหน่งที่ฝังยุทธภัณฑ์ชั้นอาคมแล้วก็ส่งสัญญาณลับให้กัน นัดเวลากันแล้วจึงถอนยุทธภัณฑ์ชั้นอาคมที่ฝังไว้พร้อมกันออก
พอยุทธภัณฑ์ชั้นอาคมถูกถอนออก ฝาครอบโปร่งแสงที่ขวางกั้นไม่ให้คนเข้าไปได้ก็กระจายออกไปทันที
แต่พวกมันเพียงแค่กระจายตัวออกโดยไม่ได้สลายหายไป ท้องฟ้ายามราตรี ดาวสังหารเจ็ดดวงสว่างไสวมากขึ้น ส่องแสงลงมาที่ค่ายกล
“พระชายา!”
“พระชายา!”
เจ็ดคนที่เก็บยุทธภัณฑ์พากันกลับมา นำยุทธภัณฑ์ที่เก็บมาแจกจ่ายให้กู่เย่กับชิงเจ๋อ
“เวลาเหลือไม่มากแล้ว พวกเราแยกกันจัดการ!” มู่ชิงเกอพูดจบก็กระโดดเข้าไปในค่ายกลก่อน เวลานั้น เนื่องจากแสงดาวที่หนุนมาทำให้ฝาครอบแสงที่กระจายไป เริ่มรวมตัวกันอีกครั้ง ที่เหลือหกคนรีบกระโดดตามนางเข้าไปในค่ายกล ส่วนกู่เย่กับชิงเจ๋อก็ไม่รอข้ารีบหมุนตัวมุ่งหน้าไปยังริมแม่นํ้าเมิ่งหลานทันที ในค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหาร ขณะที่ยุทธภัณฑ์ถูกถอน ผู้ที่เป็นตาค่ายกลทั้งเจ็ดด้านในต่างรู้สึกว่าร่างกายเฉื่อยลงทันทีราวกับสูญเสียพลังไป
เส้าเทียนซึ่งมีตบะบำเพ็ญสูงสุดได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
แต่สีหน้าเขายังคงเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากเป็นการบอกว่ามีคนทำบางสิ่งกับค่ายกลอีกทั้งบุกเข้ามาได้
เวลานี้คนที่บุกเข้ามา เป็นไปได้อย่างเดียวคือกองหนุนของเผ่ามาร!
ในเจ็ดคนนั้น ราชาเทวะเหว่ยอี้ที่ตบะบำเพ็ญตํ่าสุด เพิ่งเข้าสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หกไม่ถึงพันปี ขณะที่ยุทธภัณฑ์ถูกถอนออกร่างเขาก็กระตุกไปทั้งร่าง ถูกจอมมารคู่ต่อสู้ออกหมัดทุบจนหน้าอกยุบกระเด็นลอยออกไป เขาที่ถูกทุบลอยออกไปทำให้นัยน์ตาซือมั่วเปล่งประกายแวบหนึ่ง ร่างที่ยืนนิ่งไม่ขยับก็ขยับแล้ว
เงาร่างว่องไวดังสายฟ้า พริบตาเดียวก็มาปรากฎอยู่ด้านหลังราชาเทวะเหว่ยอี้
ความรู้สึกอันตรายจากเบื้องหลังทำให้ราชาเทวะเหว่ยอี้ตกใจ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบสนองอะไร กระทั้งทันเพียงมองแวบเดียว…
ความเย็นชาของซือมั่วกลายเป็นภาพสุดท้ายในแววตาของราชาเทวะเหว่ยอี้
ความกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนปรากฎอยู่ในใจราชาเทวะเหว่ยอี้จนเขาคิดหนี นึกเสียใจที่เชื่อราชาเทวะเส้าเทียนจนมาอยู่ที่นี่
เสียดายที่ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว
มือของซือมั่วค่อยๆ ยกขึ้นมาตะครุบเหนือศีรษะเขา
ราชาเทวะเหว่ยอี้ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมการเคลื่อนไหว ของฝ่ายตรงข้ามช้ามาก แต่เขากลับไม่สามารถหลบหลีกได้ ทำได้เพียงมองมือที่มีผิวพรรณขาวละเอียด นิ้ว
เรียวยาวน่าดูค่อยๆ ยื่นเข้ามาใกล้ตนเอง นัยน์ตาซือมั่วผุดความเย้ยหยันออกมา ราวกับจะหัวเราะเยาะราชาเทวะเหว่ยอี้ที่ไม่เจียมตัว
แกรก!
เสียงดังฟังชัดดังขึ้นในสมองราชาเทวะเหว่ยอี้
ศีรษะเขาถูกซือมั่วเด็ดออกมา ร่างกายที่ร่วงหล่นถูกจอมมารที่ตามมากลืนกินเข้าไป ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ไอมารที่ปั่นป่วนและพลังของจอมมารเพิ่มมากขึ้นอีกหลายส่วน
เมื่อเห็นเพื่อนได้ลิ้มรสเนื้อหนังก็ทำให้จอมมารตนอื่นที่ได้กลิ่นคาวเลือดฮึกเหิมเพิ่มมากขึ้น
ราชาเทวะเหว่ยอี้ตายไป จุดยึดหนึ่งของค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารถูกทำลาย ค่ายกลอ่อนแอลงไปหลายส่วน ทำให้อีกหกราชาเทวะเคร่งเครียดขึ้น
มุมปากซือมั่วแค่นยิ้ม มือที่หิ้วศีรษะราชาเทวะเหว่ยอี้โยนไปข้างหลัง ตกลงไปในธงวิญญาณมารที่ลอยอยู่ด้านหลังเขา ถูกสองจอมมารที่ถูกตราผนึกไว้ในธงแย่งชิงกันกลืนกินจนเกลี้ยง
ภาพน่าหวาดกลัวเหล่านี้เมื่อเหล่าราชาเทวะเห็นแล้วก็พากันอกสั่นขวัญแขวน
พวกเขาเป็นราชาเทวะนะ!
ภายในแผ่นดินเทพดูแลดินแดนเทพหนึ่ง สูงสุดในแผ่นดินเทพ แต่เวลานี้กลับถูกราชามารสังหารอย่างง่ายดาย
วิธีการเหี้ยมเกรียมของซือมั่วไม่เพียงแต่บั่นทอนพลังค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนพลังบารมีและกำลังใจในการต่อสู้ของคนอื่นๆ อีก ด้วย
“นี่เป็นคนแรก” ซือมั่วพูดขึ้น นํ้าเสียงเขาสงบนิ่งฟังไม่ออกถึงแรงกระเพื่อมไหว กระทั่งฟังไม่ออกถึงอารมณ์ความรู้สึกเขาในเวลานี้ ขณะที่คนทั้งเจ็ดอยู่ครบยังไม่สามารถทำให้เขาขวัญเสียได้ไม่ต้องพูดถึงว่าเวลานี้เหลือเพียงหกคนเท่านั้น คำพูดของซือมั่วนั้นนอกจากเส้าเทียนแล้ว อีกห้าคนที่เหลือต่างพากันหวาดหวั่นและกลัวเกรงขึ้นมา พวกเขาเริ่มคิดถึงการหลบหนี…