ตอนที่ 791
ทำลายค่ายกล ทำลายค่ายกล
ลมมารพัดมาเป็นระลอก เหี้ยมโหดราวกับมีดดาบ
จอมมารที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากธงวิญญาณมารคำรามอย่างดุร้ายแล้วพุ่งไปยังเจ็ดราชาเทวะ ส่วนซือมั่วยังคงยืนลอยอยู่กลางท้องฟ้าราวกับเทพยดา ในมือยกธงวิญญาณมารขึ้น
ในธงวิญญาณมารยังมีจอมมารอีกสองตน คำรามดิ้นรนราวกับอยากดิ้นให้หลุดจากตราผนึกและพุ่งออกมาร่วมสังหารด้วย
สีหน้าซือมั่วเฉยเมย ใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติ นอกจากเย็นชาแล้วก็ยังคงเย็นชาอยู่อย่างนั้น
เขาในเวลานี้ มองไม่เห็นถึงความนุ่มนวลขณะอยู่ด้วยกันกับมู่ชิงเกอ สิ่งที่เหลือให้เห็นในร่างของเขามีเพียงความเหี้ยมโหด ห้าวหาญที่ใครก็ไม่อาจละเมิดได้
เจ็ดราชาเทวะที่คิดสังหารเขาขณะนี้ถูกจอมมารโรมรัน ไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้เลย ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้คนทั้งเจ็ดต่างคงแค้นกระทั้งเริ่มตื่นกลัว
“ไม่ต้องตกใจ พวกจอมมารแม้ถูกเขาควบคุม แต่ตบะบำเพ็ญของเขาควบคุมเจ็ดจอมมารพร้อมกันก็ถึงขีดจำกัดแล้ว ในค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหาร เขายืนหยัดอยู่ได้ไม่นานนักหรอก พอตบะบำเพ็ญของเขาถูกบั่นทอนไป แรงสะท้อนกลับเพราะการออกจากบำเพ็ญกะทันหันก็จะปรากฎ พวกเราก็จะฆ่าเขาได้ง่าย เหมือนฆ่าสุนัขตัวหนึ่ง” เส้าเทียนปลอบใจราชาเทวะคนอื่นๆ
เขาเป็นคนที่มีตบะบำเพ็ญสูงที่สุดในนั้น การรับมือจอมมารก็สบายที่สุด แต่แม้เป็นเช่นนั้น เขายังคงทำได้เพียงต้านทานการรุกอย่างบ้าคลั่งของจอมมาร ไม่สามารถบุกโจมตีซือมั่วได้
คำพูดของเขามีเหตุผลหลายส่วน
ที่เหลือหกคนสบตากันแล้วต่างเห็นด้วยในใจ
หากไม่มาก็แล้วไป ในเมื่อมาแล้วก็เหลือทางเดียวให้เดิน นั่นคือ…
ทั้งหกคนอาศัยช่องว่างมองไปที่ซือมั่ว สายตาผุดแววสังหาร
‘ฆ่าเขาเสีย’
สภาพการณ์เวลานี้ ไม่ใช่การจับปลาในข้องอีกแล้วแต่กลายเป็นไม่ข้าก็เจ้าต้องตายกันไปข้างหนึ่ง
หลังจากความคิดสังหารมั่นคงขึ้นแล้ว การรับมือจอมมารของพวกเขาก็ยิ่งทุ่มเทมากขึ้นหลายส่วน
ภาพนี้เส้าเทียนเห็นแล้ว มุมปากก็ผุดรอยยิ้มอย่างได้ใจโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มนั้นปรากฎเพียงแวบเดียวเท่านั้น รวดเร็วจนมองไม่ทัน
อย่างน้อยหกคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรงนั้นก็มองไม่เห็น
มีเพียงสองคนเท่านั้นที่มองเห็น คนหนึ่งคือซือมั่วที่ถือธงยืนนิ่ง อีกคนคือเผ่าอี้ที่หลบซ่อนอยู่ในจุดที่ไกลออกไป แอบเฝ้าดูอยู่คนนั้น
ปีกหมวกที่กว้างใหญ่ปิดใบหน้าเขากว่าครึ่งจนมิดชิดไปหมด ที่โผล่ออกมาให้เห็น มีเพียงคางที่ขาวเนียน ทั้งริมฝีปากที่แดงสดดังสีเลือด
เขามองดูการต่อสู้ที่รุนแรงอย่างนิ่งสงบราวกับเป็นคนนอก รอยยิ้มที่มุมปากคลุมเครือไม่ชัดเจน รู้สึกเพียงว่าเขาไม่ได้รีบลงมือ ยังคงตั้งใจชมดูอย่างสนอกสนใจเท่านั้น
มีคนเช่นนี้อยู่ภายในค่ายกล แต่กลับไม่ถูกซือมั่วรวมทั้งอีกเจ็ดราชาเทวะตรวจจับได้ ก็ไม่รู้ว่าเขาซ่อนเร้นด้วยวิธีการพิเศษชนิดใด หรือวิธีการบำเพ็ญของเขาต่างกับแผ่นดินเทพมาร ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตถึงเขามาจนป่านนี้
คำพูดของเส้าเทียนนั้นซือมั่วได้ยินกับหู แต่ว่าเขากลับไม่ได้แสดงอาการตื่นตกใจแม้แต่นิด สีหน้าเขาเฉยเมยราวกับเทพยดา ใช้แววตาดูแคลนจับจ้องคนทั้งเจ็ดแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “พูดได้ถูกต้อง เพียงแต่พวกเจ้าจะรอถึงเวลานั้นได้หรือ”
เขาขี้เกียจอธิบายว่า การที่เขาออกจากการบำเพ็ญกะทันหันจนเกิดแรงสะท้อนกลับนั้น ได้รับการฟื้นฟูด้วยยาของมู่ชิงเกอที่เขากินลงไปทันทีแล้ว
ยานั้นเป็นยาที่เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาตั้งใจปรุงให้เขาโดยเฉพาะ เพราะห่วงว่าเขาจะบำเพ็ญจนเกิดอันตราย
ส่วนการควบคุมจอมมารหรือค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารนั้นน่ะหรือ
หึ
วิธีแก้ไขปัญหาของเขานั้นง่ายมาก พูดได้ว่าทั้งง่ายทั้งโหดเหี้ยมรุนแรง
เพียงแค่ให้จอมมารสังหารเหล่าราชาเทวะก่อนที่จะสูญเสียการควบคุมไป เพียงแค่จัดการเสียก่อนที่ค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารจะดูดพลังเขาไปจนหมดสิ้น สังหารคนทั้งเจ็ดแล้วค่ายกลย่อมถูกทำลายลงไปเอง ความคิดที่พวกเขาต้องการสังหารตนย่อมไม่มีทางสำเร็จได้
คำพูดของเขาไม่ใช่การข่มขู่ นํ้าเสียงนั้นเพียงแค่บอกเล่าเรื่องจริงเท่านั้น
ราวกับว่าเจ็ดราชาเทวะในสายตาเขานั้นเป็นเพียงเด็กเกเรที่เล่นสนุกไปเรื่อยเท่านั้น
คำพูดของซือมั่วทำให้นัยน์ตาเส้าเทียนผุดแววโหดเหี้ยมขึ้นมา เขาเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมาย่อมพ่ายแพ้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นต่อให้มีชีวิตรอดกลับไป บารมีของเขาในจิตใจบรรดาราชาเทวะก็จะตกตํ่าลงไปมาก
ไอมารที่จอมมารนำพามานั้นทำให้บริเวณที่พัดผ่าน ทั้งต้นไม้ใบหญ้า หิน และภูเขาล้วนเหี่ยวเฉาผุกร่อนเป็นผง ไอมารเหล่านี้กัดกร่อนพลังเทพของเหล่าราชาเทวะด้วยเช่นกัน กระทั้งมีผลต่อปัญญาเทวะของพวกเขา
เส้าเทียนฟาดฝ่ามือไปยังจอมมารที่ต่อสู้กับเขา พอบัญญัติอาคมขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่เก้าพุ่งออกไปอย่างรุนแรงก็ทำให้ฟ้าดินภายในบริเวณค่ายกลที่ถูกตราผนึกไว้ปั่นป่วนจนมืดมัวสับสนมากยิ่งขึ้น
พลังบัญญัติอาคมเหล่านั้นราวกับกระแสปั่นป่วนนับไม่ถ้วน กระทบกระแทกกันเองรุนแรงมหาศาล
“ยอมรับความตายเสียเถอะ” เมื่อโจมตีจนจอมมารถอยร่นไปแล้ว บัญญัติอาคมในมือของเส้าเทียนจึงพุ่งตรงไปที่ซือมั่ว
สีหน้าเขาเหี้ยมโหดอำมหิต มองบัญญัติอาคมที่เคลื่อนเข้าใกล้ซือมั่ว แววตาเกิดประกายยินดี ราวกับเขาแน่ใจแล้วว่าซือมั่วจะต้องตายด้วยกระบวนท่าของเขา
แต่ในเวลานี้เองซือมั่วกลับแค่นเลียงอย่างดูแคลน “ฝีมือกระจอก”
คำพูดเรียบเฉยที่ออกมาจากริมฝีปากบางของเขา ดูเหมือนธรรมดาแต่กลับซ่อนเร้นหลักวิถียิ่งใหญ่ เพียงเท่านี้ก็สามารถคลี่คลายบัญญัติอาคมที่เส้าเทียนใช้ไปจนหมดสิ้น
สิ่งนี้ทำให้นัยน์ตาเส้าเทียนแสดงความหวาดหวั่นออกมา รีบถอยไปข้างหลังแล้วพูดอย่างไม่อยากเชื่อว่า “เป็นไปไม่ได้ เจ้าแข็งแกร่งปานนี้ได้อย่างไร”
สองคนนี้ คนหนึ่งเป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่เก้า อีกคนเป็นสุดยอดของชั้นที่เก้า
โดยปกติแล้ว สองคนประลองกำลังกันไม่ควรเห็นความต่างมากมายเช่นนี้ แต่พลังที่ซือมั่วใช้ออกมากลับทำให้เส้าเทียนตกใจจนสะท้าน
เขาไม่รู้ว่าเพื่อไม่ให้ฐานะของมู่ชิงเกอถูกเปิดโปงจนทำให้ถูกชายอื่นหมายปอง ซือมั่วจึงไม่เคยละเลยการบำเพ็ญของตัวเอง อีกทั้งในระหว่างปิดประตูบำเพ็ญก่อนนี้ เขาก็ได้ก้าวเท้าออกไปข้างหนึ่งจนมองเห็นภาพที่จะก้าวต่อไปได้แล้ว
ซือมั่วแค่นยิ้ม นัยน์ตาสีอำพันผุดแววเย้ยหยัน
“ในโลกนี้เจ้าจึงจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจริงๆ สังหารเจ้าแล้วกองทัพข้าจะได้สิ้นเสี้ยนหนามในวันหน้า” คนในที่มืดเห็นถึงภาพนี้แล้วพูดออกมาเบาๆ
นอกค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหาร มู่ชิงเกอยังคงพยายามจำลองค่ายกลสุดชีวิต ใจนางร้อนรนมากแต่สมองกลับนิ่งสงบ รักษาสติจำลองการเปลี่ยนแปลงของค่ายกล
การจำลองเช่นนี้ต่างกับแต่ก่อน นางไม่ได้จำลองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่จำลองเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ดวงดาวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตำแหน่งก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นางจึงต้องจำลองตำแหน่งดวงดาวทั้งเจ็ดบนท้องฟ้าขณะที่วางตำแหน่งค่ายกลนี้ เพื่อจะได้หาตำแหน่งยุทธภัณฑ์ชั้นอาคมที่ถูกฝังลงในพื้นดินขณะที่จัดตั้งค่ายกลนี้ เพื่อทำลายค่ายกล แล้วเข้าไปช่วยคนได้
เวลาผ่านไปสีหน้ามู่ชิงเกอเริ่มซีดขาว บนหน้าผากเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา
“เร็ว…เร็วขึ้นอีกนิด” มู่ชิงเกอเร่งตัวเองในใจ ริมฝีปากเม้มแน่นจนบางส่วนไร้ซึ่งสีเลือด สองตาที่ใสกระจ่างนั้นผุดภาพจำลองที่เปลี่ยนแปลงไปมาตลอดเวลา
แครก!
ในที่สุดการเปลี่ยนแปลงนั้นก็หยุดนิ่งอยู่ในนัยน์ตามู่ชิงเกอ สองตานางเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา