ตอนที่ 817
ปีนขึ้นสูง มองไปไกล!
มู่ชิงเกอนึกขำเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพยักหน้า
พอป้ายประจำตัวทั้งเจ็ดคนวางอยู่บนเจดีย์หิน เจดีย์หินก็ถูกเปิดออกทันที บนยอดแหลมของเจดีย์หิน ยิงลำแสงสายหนึ่งออกมาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้แสง แห่งวิถีที่กระจัดกระจายต่างเกิดปฏิกิริยา
แสงแห่งวิถีที่กระจัดกระจายค่อยๆ เข้ามารวมตัวกันจากอานุภาพของลำแสง รอบๆ ลำแสงก่อตัวเป็นวังวนเชื่อมฟ้าดินเข้าด้วยกัน
ข้างเจดีย์หิน ทั้งเจ็ดคนต่างแหงนหน้าขึ้นโดยไม่ได้นัดหมายมองดูภาพที่มหัศจรรย์นี้ ม่านตาของทุกคนล้วนสะท้อนภาพแสงแห่งวิถีที่เปล่งสีสันหลากหลาย
หลังจากวังวนที่เกิดจากแสงแห่งวิถีค่อยๆ นิ่งสงบลง แสงแห่งวิถีที่มู่ชิงเกอคุ้นเคยก็ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าในที่สุด
ในแสงแห่งวิถีนั้นมีบันไดที่เห็นได้คลับคล้ายคลับคลา ทอดสูงขึ้นไปเรื่อยๆ กระทั้งลับขึ้นไปบนท้องฟ้ามองไม่เห็นที่สิ้นสุด
บันไดของแสงแห่งวิถีปรากฎขึ้นแล้ว ทุกคนต่างละสายตากลับมาแล้วมองไปที่ร่างของมู่ชิงเกอ
ภายใต้การจับจ้องของคนทั้งหก มู่ชิงเกอละสายตากลับมา นัยน์ตาใสกระจ่างของนางนิ่งเฉยสงบเงียบ ทำให้ทุกคนล้วนสบายใจ
“พี่มู่ พยายามหน่อยนะ! พวกเราทั้งหมดต้องขออาศัยท่านแล้ว!” เป่ยเหยียนประสานมือคารวะมู่ชิงเกอด้วยอากัปกิริยาจริงจัง ดูไม่ออกถึงการเสแสร้งแกล้ง ทำใดๆ
“ชิงเกอ ระวังด้วย อย่าได้ฝืน ถึงแม้แสงแห่งวิถีจะไม่มีอันตราย แต่ครั้งก่อนๆ ก็เคยเกิดเหตุการณ์ฝืนขึ้นบันไดจนถูกแสงแห่งวิถีดีดออกมาจนทำให้ปัญญาเทวะ เสียหายมาก่อน” ชูเนี่ยนกำชับมู่ชิงเกอด้วยแววตาเคร่งเครียด
มู่ชิงเกอผงกศีรษะนิดๆ ยิ้มให้นางว่า “วางใจเถอะ”
พูดจบ สายตานางก็กวาดมองไปบนใบหน้าคาดหวังของทุกคน รวมทั้งใบหน้านิ่งสงบของหมิงถง แล้วเดินตรงเข้าไปในแสงแห่งวิถี
พอนางเข้าไปในแสงแห่งวิถีแล้ว ความรู้สึกที่คุ้นเคยก็ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง
รอบตัวนาง เนินทรายสีแดงเหล่านั้นราวกับไม่หลงเหลืออยู่อีก คงเหลือเพียงแสงดาวในช่วงกำเนิดจักรวาล ปัญญาเทวะของนางค่อยๆ สงบลง ปล่อยวางจิตแล้วเข้าสู่สภาวะว่างเปล่า
เวลานี้ เบื้องหน้านางมีเพียงบันไดที่ทอดยาวต่อเนื่องสูงขึ้นไปเรื่อยๆ สูงมาก สูงมาก…
มู่ชิงเกอแหงนหน้ายกเท้าขึ้น
ก้าวแรกนางก้าวเดินไปได้อย่างสบาย ไม่เปลืองแรงแม้แต่นิด
ก้าวที่สองก็เช่นเดียวกัน
มู่ชิงเกออดไม่ได้เร่งความเร็วฝีเท้า นางเคยเดินขึ้นถึงขั้นที่ 52 เช่นนั้นแล้ว 52 ขั้นสำหรับนางจึงไม่มีความหมายใดๆ ทั้งสิ้น เป้าหมายนางอยู่หลังจากขั้นที่ 52 กระทั้งขึ้นถึงขั้นที่สูงที่สุด!
ขั้นที่ 51 !
ขั้นที่ 52 !
มู่ชิงเกอยืนอยู่ในขั้นที่นางเคยทำสถิติไว้แล้วหยุดลงเอา มือไพล่หลัง
นางไม่ได้เดินขึ้นไปต่อ แต่ยืนอยู่ที่นนมองขั้นบันไดที่ยังคงสูงขึ้นไปอย่างต่อเนื่องด้วยความเงียบสงบ
นอกแสงแห่งวิถี การที่มู่ชิงเกอหยุดลงกะทันหันทำให้กลุ่มคนที่รอคอยอย่างตื่นเต้นแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ พวกจินกวงสามคนสบตากัน สุดท้ายต่างส่ายหน้าอย่างงุนงง ไม่เข้าใจความคิดของมู่ชิงเกอ
เป่ยเหยืยนเองก็ขมวดคิ้วนิดๆ เม้มปากไม่พูด
หมิงถงแหงนหน้าจ้องเงาหลังของมู่ชิงเกอตลอดเวลา ไม่รู้คิดอะไรอยู่ ทั้งหกคนนี้คงมีชูเนี่ยนเพียงคนเดียวที่เชื่อมั่นในตัวมู่ชิงเกออย่างแรงกล้า ต่อให้เวลานี้มู่ชิงเกอจะไม่ได้เดินขึ้นไปในทันที นางก็ยังคงเชื่อว่ามู่ชิงเกอย่อมมีความคิดอะไรอยู่แน่
“ทำไมหยุดลงแล้วเล่า ไม่เดินขึ้นไปต่อเล่า”
มู่ชิงเกออาจจะหยุดอยู่ที่ขั้น 52 นานเกินไปจนราชาเทวะน้อยดินแดนจินกวงอดไม่ได้ต้องเอ่ยถาม
“หรือว่าขึ้นไปไม่ไหวแล้ว” ราชาเทวะน้อยดินแดนสือฟาง ผุดสีหน้ากังวลออกมา
“ไม่น่าจะใช่ สิบกว่าปีก่อนยังขึ้นได้ถึงขั้น 52 ไม่มีเหตุผลที่เวลานี้ขึ้นต่อไปอีกไม่ไหว” ราชาเทวะน้อยดินแดนเซียนเหนี่ยวขมวดคิ้วพูด
คำวิพากษ์วิจารณ์ของทั้งสามคน เป่ยเหยียนได้ยินแล้วก็หันมาปลอบว่า “ถึงแม้ได้เพียงขั้น 52 สำหรับพวกเราแล้วก็เป็นความสูงที่ไม่เคยมีมาก่อน”
คำพูดเดียวทำให้ทุกคนตาสว่างวาบ
ใบหน้าทั้งสามคนผุดความละอายใจออกมาพร้อมกัน ชูเนี่ยนยิ้มนิ่งๆ นํ้าเสียงนุ่มนวลแต่คำพูดที่เอ่ยแหลมคม “ในเมื่อทุกคนอยากเอาเปรียบชิงเกอ หวังให้เขานำพวกเราขึ้นไปยังขั้นที่สูงขึ้นไปอีกก็อย่าไปกดดันเขา ไม่ว่าเขาจะไปได้ถึงขั้นไหน สำหรับพวกเราแล้วก็เป็นสิ่งที่เกินจินตนาการได้”
คำพูดนางยิ่งทำให้ทั้งสามคนไม่กล้าโต้แย้ง
สายตาชูเนี่ยนกับเป่ยเหยียนสบกันกลางอากาศ ต่างพยักหน้านิดๆ และค่อยๆ ถอนกลับ
ส่วนหมิงถงยืนอยู่ที่นั่น แหงนหน้ามองบันไดในแสงแห่งวิถีตลอดเวลาด้วยความนิ่งเฉย ราวกับว่าสิ่งที่พวกเขาคุยกันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย
ทันใดนั้น ราชาเทวะน้อยดินแดนเซียนเหนี่ยวก็ร้องขึ้นมา
“ดูเร็ว เขาขยับแล้ว!”
คำพูดนี้ ดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมดในทันที
พวกเขามองเข้าไปในแสงแห่งวิถี เงาร่างที่ผึ่งผายทรงเสน่ห์นั้น เดินขึ้นจากขั้น 52 ไปยังขั้นที่ 53แล้ว!
ขั้นนี้ สำหรับมู่ชิงเกอ แล้วไม่ได้ยากเย็น
แต่พอนางขยับกลับทำให้คนทั้งหกนอกแสงแห่งวิถีต่างตื่นเต้นจนสั่นสะท้านกันไปหมด
อย่างน้อยมู่ชิงเกอก็ได้ทำลายสถิติของตัวเองขึ้นไปถึงจุดที่สูงขึ้น นั่นก็หมายถึงว่าพวกเขาทั้งหมดก็จะขึ้นไปได้สูงยิ่งขึ้นด้วย
ขั้นที่ 54 !
ขั้นที่ 55 !
หลังจากมู่ชิงเกอหยุดลงที่ขั้น 52 แล้วการก้าวของนางก็ว่องไวขึ้นมาก
นางคงเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยท่าทางโล่งสบาย แต่คนที่อยู่นอกแสงแห่งวิถีล้วนเคยอาบแสงแห่งวิถีมากันแล้วทั้งสิ้น พวกเขารู้ว่าคนแรกที่เข้าไปในแสงแห่งวิถีนั้น ปัญญาเทวะจะต้องแบกรับความกดดันมากมายเพียงไร
น่ากลัว!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ปัญญาเทวะของมู่ชิงเกอน่าหวาดผวาเพียงไหนกันนะจึงสามารถเดินได้อย่างโล่งสบายภายในแสงแห่งวิถีเช่นนี้
ขั้นที่…78 !
คนทั้งหกนอกแสงแห่งวิถีต่างกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว พวกเขาราวกับตื่นเต้นกว่ามู่ชิงเกอเสียอีก มือที่ซุกอยู่ในแขนเสื้อล้วนกำจนแน่น
ขณะที่มู่ชิงเกอเดินจนถึงขั้นที่ 85 นั้น แม้แต่หมิงถงที่สงบเงียบที่สุด มือทั้งคู่ของเขาก็ยังอดสั่นเทาขึ้นมาไม่ได้
“ขั้นที่ 90 !” ราชาเทวะน้อยดินแดนสือฟางร้องเสียงหลง
ใบหน้านั้นหลังจากสั่นสะท้านแล้วยังเต็มไปด้วยความยินดีสุดแสน
ราชาเทวะน้อยดินแดนจินกวง ดินแดนสือฟางและดินแดนเซียนเหนี่ยวทั้งสามคนต่างก็รู้สึกว่าครั้งนี้ตัวเองได้รับโชคมหาศาล
เป่ยเหอียนพึมพำด้วยริมฝีปากสั่นเทาว่า “พรสวรรค์ราวกับปีศาจแบบนี้ทั้งยังปัญญาเทวะที่น่ากลัวเช่นนี้ คนผู้นี้จะเป็นศัตรูด้วยไม่ได้เด็ดขาด คนผู้นี้ไม่ใช่ธรรมดา อนาคตน่ากลัวว่าจะเหยียบแผ่นดินเทพมารให้อยู่ใต้เท้าได้ทั้งหมด!”
กระทั้ง…
เป่ยเหยียนนิ่งสงบลง คำพูดต่อมา เขาไม่พูดออกมาจากปากเพียงแค่คิดในใจ ‘ให้เวลาเขาอีกหน่อย เขาจะต้องเหนือกว่าราชามารของแดนมาร กลายเป็นอันดับหนึ่งของแผ่นดินเทพมารแน่!’
“ขั้นที่ 98” มู่ชิงเกอพึมพำเบาๆ
นางหยุดลงที่ขั้น 98 นี่เป็นการหยุดลงครั้งที่สอง ในการขึ้นบันไดครั้งนี้ของนาง
ขั้นที่ 99 นางห่างจากขั้นสูงสุดไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น แต่นางกลับรับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่นางไม่เคยได้รับมาก่อน
‘นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าสมควรมา จงถอยกลับไปเดี๋ยวนี้!’ เสียงที่ราวกับแว่วมาจากดินแดนดึกดำบรรพ์พลันดังขึ้นในใจของมู่ชิงเกอ กระแทกจนปัญญาเทวะของนางเจ็บปวดแสนสาหัส
นางหันหลังให้คนทั้งหกนอกแสงแห่งวิถี ดังนั้น เวลานี้พวกเขาจึงมองไม่เห็นสีหน้าที่ซีดเผือดลงอย่างฉับพลันของนาง