ตอนที่ 82-1
พวกเจ้าไม่ยอมรับ ข้าก็ไม่ยอมรับ!
พอมู่ชิงเกอตื่นมา ข้างกายก็ไม่มีกลิ่นอายที่ชวนให้รู้สึกปลอดภัยนั่นแล้ว แม้กระทั่งเงาร่างของกู่หยาเองก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก่อนที่นางจะหมดสติไปนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน
มู่ชิงเกอมองไปรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคย รู้สึกทรมานราวกับว่ากระดูกทั่วทั้งร่างของนางเหมือนจะแยกออกจากกัน
ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก
ฉินอี้เหยาเดินเข้ามาพร้อมกับถือถ้วยใบหนึ่ง
พอเห็นว่ามู่ชิงเกอตื่นแล้ว นางก็รีบเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ “ชิงเกอ เจ้าฟื้นแล้วหรือ”
มู่ชิงเกอใช้มือข้างหนึ่งพยุงตัวเองขึ้นมานั่งและรับถ้วยนํ้าจากมือของนางมาดื่มเข้าไปคำใหญ่จนหยดสุดท้าย หลังจากนั้นนางถึงจะรู้สึกว่าตนเองได้ตื่นขึ้นมาแล้วจริงๆ
“กระหม่อมกลับมาได้อย่างไร? แล้วหมดสติไปนานแค่ไหน? ทหารของกองทัพตระกูลมู่เป็นอย่างไรบ้าง?” หลังจากที่ดื่มนํ้าเสร็จแล้ว มู่ชิงเกอก็ตั้งคำถามกับสิ่งที่นางเป็นห่วงหลายคำถาม
ฉินอี้เหยาตอบทั้งรอยยิ้ม “คนขององค์มหาปราชญ์พาเจ้ากลับมา เจ้าหมดสติไปเพียงแค่คืนเดียว สำหรับกองทหารตระกูลมู่ ตอนนี้เหล่าสัตว์ร้ายได้ถอยร่นกลับไปแล้ว ท่านผู้เฒ่ามู่กำลังดูแลกองทัพอยู่”
โชคดีที่ผ่านไปเพียงแค่คืนเดียว
มู่ชิงเกอโล่งใจ
แต่ทว่า พอรู้ว่ากู่หยาเป็นคนพานางกลับมาที่นี่ ไม่ใช่คนในชุดสีขาวในความทรงจำของนาง ในใจก็พลันเกิดความรู้สึกไม่สบายใจที่ไม่เคยคุ้นขึ้นมา
เมื่อสวมรองเท้าเสร็จแล้วมู่ชิงเกอก็ถามว่า “ท่านปู่อยู่ที่ไหน?”
“ท่านผู้เฒ่ามู่อยู่ในค่ายทหาร” ฉินอี้เหยาช่วยจัดเสื้อผ้าให้กับนางประหนึ่งเป็นภรรยาที่แสนอ่อนโยน
มู่ชิงเกอมองการกระทำของฉินอี้เหยาอย่างแปลกใจ พลางกะพริบตาหลายที แต่สุดท้ายก็เดินออกไปโดยไม่ได้พูดอะไร
ฉินอี้เหยาไม่ได้สงสัยอะไรและเดินตามไป
พอเปิดประตูออกไป มู่ชิงเกอก็เห็นกองทัพตระกูลมู่
ใบหน้าของทุกคนยังคงมีคราบเลือดติดอยู่ แต่หลังจากที่เห็นนางเดินออกมาทุกคนต่างก็ใช้สายตาอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความนับถือบูชามองมาที่นาง ในขณะเดียวกันก็ทักทายนางด้วยความเคารพนอบน้อม “คุณชาย!”
มู่ชิงเกอรู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากและเดินตรงไปหามู่ซง
แต่ฉินอี้เหยาที่เดินตามมู่ชิงเกอมาพอเห็นว่ามู่ชิงเกอได้รับการเคารพนับถือจากเหล่าทหารตระกูลมู่ก็พลันรู้สึกภาคภูมิใจ ตอนที่มู่ชิงเกอมาพบกับมู่ซงนั้น มู่ซงกำลังประชุมเรื่องปัญหาเสบียงอาหารกับบรรดารองแม่ทัพอยู่ พอได้ยินว่าทุกคนฝากความหวังไว้กับผู้ส่งสาร มู่ชิงเกอก็เดินเข้าไปเงียบๆ แล้วเอาลูกศรในอกที่เก็บได้ออกมาวางลงตรงหน้ามู่ซง
“ธนูคำสั่งของข้า!” มู่ซงมองมู่ชิงเกอด้วยความแปลกใจ พลางถามว่า “ไปอยู่ที่เจ้าได้อย่างไร?”
มู่ชิงเกอก้มหน้าลง “ระหว่างทางมาที่นี่ ข้าพบศพของผู้ส่งสารกองทัพตระกูลมู่”
กึก—
ทุกคนภายในห้องตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที
ความหวังของทุกคนถูกพังทลายลงเพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำของมู่ชิงเกอ
ไม่มีกำลังมาสนับสนุนและเสบียงอาหารที่ขาดแคลนก็ไม่มีวันถูกส่งมาแน่นอน
ทันใดนั้น ทุกคนภายในห้องนี้ต่างก็จมอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวัง
ความโกรธแค้นเกิดขึ้นภายในใจของทุกคนและมันได้เข้ามาแทนที่ความดีใจจากการชนะสงครามเมื่อวานไปจนหมด
“พวกเขาตายได้อย่างไร”มู่ซงถือหยิบศรคำสั่งประจำกายของตนเองขึ้นมาลูบอย่างทะนุถนอม
มู่ชิงเกอบอกการคาดเดาของตนเองออกมา “ยอดฝีมือซุ่มโจมตี สู้จนตัวตาย”
มู่ซงหลับตาลงความเจ็บปวดอันแสนสาหัสปกคลุมตัวเขาไว้พักใหญ่เขาจึงพูดว่า “ดี ดี! ไม่เสียแรงที่เป็นลูกผู้ชายของกองทัพตระกูลมู่”
“ท่านแม่ทัพ พวกเราจะทำอย่างไรดี!” รองแม่ทัพคนหนึ่งถามอย่างปวดร้าว
มู่ซงลืมตาขึ้น นัยน์ตาสาดประกาย
ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่า มีคนอยากจะยืมมือสัตว์เดรัจฉานพวกนี้ทำให้เขาถึงที่ตายและทำให้กองทัพตระกูลมู่จนมุม
“ทำอย่างไรอย่างนั้นหรือ? ตรงหน้ามีเสบียงอาหารมากมายขนาดนั้น พวกเจ้ามองไม่เห็นรึไง?” เสียงอันเยือกเย็นของมู่ชิงเกอดังขึ้น ทำให้ทุกคนอึ้ง
มู่ซงมองนางเหมือนกำลังรอคอยคำพูดต่อไปของนาง
“คุณชาย อาหารอยู่ที่ไหนกัน?” รองแม่ทัพคนหนึ่งถาม
สายตาอันสว่างสดใสของนางดูแน่วแน่ “นอกเมืองมีศพของสัตว์มากมาย ไม่ใช่อาหารแล้วเป็นอะไร? สุดยอดเสบียงพวกนี้กลับถูกพวกเจ้าทำให้เสียเปล่าไปไม่ น้อย”
ทุกคนตาเป็นประกายในทันที
จริงด้วย! ทำไมพวกเขาถึงคิดไม่ถึงนะ? สัตว์ป่าและสัตว์วิญญาณพวกนั้นก็คือเสบียงอาหารไม่ใช่หรือไร? ก่อนหน้านี้ ตอนอยู่ในสนามรบพวกเขาถือว่าสัตว์ร้ายพวกนี้เป็นศัตรูจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ หากไม่ใช่เพราะคุณชายเตือนสติ….
รองแม่ทัพที่ได้สติกลับมาเผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม พลางพูดกับมู่ชิงเกออย่างนับถือว่า “อ่าๆๆ ยังคงเป็นคุณชายที่หัวไวกว่า เสบียงอาหารวางอยู่ตรงหน้าพวกข้าแท้ๆ แต่พวกข้ากลับไม่เห็น”
ในขณะที่พูดทุกคนก็มองที่มู่ซงเพื่อรอการตัดสินใจจากเขา
หลังจากนั้น ประตูเมืองก็ถูกเปิดออก ทหารจำนวนนับไม่ถ้วนเบียดกันออกไปหาอาหารที่สามารถกินได้ภายในสนามรบ ซากศพของสัตว์ต่างๆ ถูกขนย้ายเข้ามาภายในเมือง ใบหน้าอันเหนื่อยล้าของเหล่าทหาร มีรอยยิ้มขึ้นมาในที่สุด
หลังจากที่สั่งให้มั่วหยางออกไปแจกจ่ายผงยาที่นางเหลือเก็บไว้ในช่องว่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่ชิงเกอและฉินอี้เหยาก็กลับไปยังห้องเดิมที่นางฟื้นขึ้นมา
พอเข้าไปภายในห้องก็ได้กลิ่นหอมของเนื้อย่างลอยโชยมา
มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าบนโต๊ะกลมนั้นมีจานวางอยู่ใบหนึ่ง ภายในจานนั้นมีเนื้อย่างของสัตว์บางชนิดวางอยู่
เนื้อบางส่วนถูกย่างจนไหม้บางส่วนก็ย่างไม่สุกและมีเลือดติดอยู่
ฉินอี้เหยาเห็นแล้วรู้สึกแน่นอกและคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
มู่ชิงเกอหันไปมองหน้านางแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร แล้วเดินไปหยุดตรงหน้าโต๊ะกลมใช้กริชที่เตรียมเอาไว้แล้วหั่นเนื้อที่มีเลือดติดอยู่แล้วกินเข้าไปไม่แม้แต่จะกะพริบตา
ฉินอี้เหยามองมู่ชิงเกอตาโต จนนางกลืนเนื้อเข้าไปก็ยังคงรู้สึกรับไม่ได้ มู่ชิงเกอมองนาง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เมื่อการอยู่รอดกลายเป็นเป้าหมายเดียวที่มีในตอนนี้ ยังจะมีอะไรที่กินไม่ลงอีก ทหารในกองทัพตระกูลมู่รวมถึงข้า ต่างก็ อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป หากไม่กินก็ไม่มีเรี่ยวแรง เมื่อไม่มีเรี่ยวแรงก็ยากที่จะมีชีวิตอยู่ในสนามรบ เรื่องมันง่ายแค่นี้เอง”
พูดจบนางก็โยนกริชในมือลงหันหลังและเดินตรงไปบริเวณที่นอน
ฉินอี้เหยาฟังคำพูดของมู่ชิงเกอจนจบด้วยความอึ้ง แล้วมองเนื้อย่างในจาน ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้
ในที่สุดนางก็รวบรวมความกล้าทั้งหมด หยิบกริชที่มู่ชิงเกอทิ้งเอาไว้ขึ้นมาหั่นเนื้อให้กับตนเองชิ้นหนึ่ง แล้วยัดเข้าปากโดยไร้ซึ่งเครื่องปรุงใดๆ มีเพียงกลิ่นคาวเลือด จนฉินอี้เหยาเกือบจะทนไม่ได้และอยากคายมันออกมา แต่สุดท้ายก็อดทนเอาไว้และกลืนมันเข้าไป เมื่อเคี้ยวเนื้อในปากเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันหลังกลับไป ก็เห็นว่ามู่ชิงเกอนั่งขัดสมาธิและเข้าสู่การฝึกพลังเวทบนเตียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นางอ้าปากค้าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
ในใจของนางมีคำถามมากมาย แต่พอเจอกับมู่ชิงเกอแล้วกลับพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
ทำไมอยู่ๆ มู่ชิงเกอถึงสามารถฝึกพลังเวทได้? อีกอย่างความสามารถที่นางแสดงออกมาอย่างต่อเนื่องภายในกองทหารตระกูลมู่แห่งนี้ทำให้ทุกคนทั้งสงสัยและทึ่งไปตามๆ กัน ฉินอี้เหยาค่อยๆ เดินไปบริเวณกำแพงเมืองที่ได้รับความเสียหายที่เหล่าทหาพยายามรีบซ่อมแซมมัน ในระยะที่ไกลออกไปก็คือสถานที่ที่มีการรบเกิดขึ้นเมื่อวาน ภาพเลือดที่สาดไปมานั้นยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของนาง
การได้ทำสงครามเคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมๆ กับมู่ชิงเกอทำให้นางรู้สึกอุ่นใจและนี่ก็กลายเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมของนาง