ตอนที่ 83-1
ยกเลิกการหมั้นหมาย
“สายเขียว ! คุณชายเป็นถึงยอดฝีมือสายเขียวเชียวรึ!”
“ สวรรค์! เมื่อก่อนข้ายังเคยด่าว่าเขาเป็นคนไร้ค่า ถ้าสายเขียวตอนอายุ 15 ปีเป็นคนไร้ค่า แล้วพวกเราเป็นอะไรเล่า?”
“กระทั่งขนเพียงเส้นเดียวของคนไร้ค่าก็ยังเทียบไม่ติดกระมัง!”
“เอวเหน็บดาบยาวสามฉือ บุพการีท่านรู้หรือไม่”
“หมายความว่าอย่างไร? พูดภาษาคนสิ!”
“ก็คือ ‘เจ้าเก่งกาจถึงเพียงนี้ คนที่บ้านรู้หรือไม่’ไงเล่า ไอ้เจ้าคนไร้การศึกษา!”
“ราชโองการ~~~”
ในที่สุดราชโองการที่หานเซิ่งรอคอยก็มาถึงแล้ว แต่ว่าเหมือนกับจะไม่มีประโยชน์อะไรอีกเมื่อตอนนี้เขากลายเป็นเพียงก้อนเนื้อเละๆ ที่ไม่ได้ยินและมองไม่เห็นอีกต่อไป
“ราชโองการมาถึงแล้ว~~~” องครักษ์ประจำองค์ฮ่องเต้ชูราชโองการในมือและวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว กว่าจะฝ่าเข้าไปยังกลางฝูงคนได้ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหานเซิ่ง
เขามองหาบริเวณรอบๆ พลางพูดพึมพำว่า “หานเซิ่งเล่า?”
มู่ชิงเกอที่เผยพลังของตนออกไปแล้ว ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงหน้าม้าของมู่ซงและเห็นทุกการกระทำขององครักษ์ประจำพระองค์บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย ที่มุมปาก
“องค์รัชทายาท!” กำลังเสริมที่ฉินจิ่นซิวให้ไปตามมาจากวังตะวันออก ตอนนี้ก็ได้มาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน พวกเขารีบมารายงานตัวตรงหน้าเจ้านายของ ตนเอง
แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นคือรัชทายาทแคว้นฉินที่ตกใจจนตัวสั่นเทา
เมื่อองครักษ์ประจำพระองค์มองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็น จึงขมวดคิ้วพลางมองมู่ซงและถามว่า “เรียนถามท่านแม่ทัพ พระมาตุลาเล่า?”
สีหน้าของมู่ซงดูเคร่งเครียดเม้มปากแน่นไม่คิดจะพูดอะไร
มู่ชิงเกอที่ยืนอยู่ข้างหน้ากระตุกยิ้มมากกว่าเดิมความโหดเหี้ยมนั้นเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด พลางชี้เลือดเนื้อรอบๆ แล้วพูดว่า “พระมาตุลาก็อยู่ที่นี่ไงเล่า แม่ทัพท่านนี้ไม่เห็นรึ?”
แม่ทัพประจำองค์ฮ่องเต้ตกใจ ในที่สุดก็เห็นว่าสิ่งที่มู่ชิงเกอชี้นั้นคืออะไร
เลือดเนื้อที่กระจายเต็มพื้นและชุดอันหรูหราที่ขาดวิ่นทำให้อดเขาคาดการณ์ด้วยความหวาดกลัวไม่ได้ เขาเบิกตากว้างสีหน้าพลันเปลี่ยนไป พลางถามอย่างเคร่ง เครียดว่า “คุณชายตระกูลมู่ พวกเจ้าทำอะไรพระมาตุลา?”
มู่ชิงเกอกระตุกยิ้มอย่างเยือกเย็นอีกครั้ง สายตาโหดเหี้ยมพูดอย่างไม่เกรงกลัวว่า “พระมาตุลามีความผิดบาปในใจ ไม่กล้ามีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปจึงร่วมทาง ไปพร้อมกับกองทหารตระกูลมู่ที่ต้องฝังร่างตนเองไว้ที่เมืองอี้แล้ว”
“เจ้า! เจ้าฆ่าเขา!” แม่ทัพประจำองค์ฮ่องเต้เบิกตาโตด้วยความอึ้ง พูดจบ เหล่าทหารที่อยู่ข้างหลังเขาก็ชักดาบที่เหน็บอยู่ตรงเอวออกมาชี้ไปทางมู่ชิงเกอ
การกระทำนี้ ยั่วโทสะกองทหารตระกูลมู่เป็นที่สุด
ทหารห้าพันนาย ต่างก็ชักดาบของตนเองออกมาชี้ไปที่แม่ทัพประจำองค์ฮ่องเต้ทันที
องครักษ์ทั้งห้าร้อยนายของมู่ชิงเกอรวมตัวกันและปกป้องมู่ชิงเกอจากทั้งด้านซ้ายและขวาพลางมองแม่ทัพประจำองค์ฮ่องเต้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“หานเซิ่งสมควรตาย!”
“หากหานเซิ่งไม่ตายก็ไม่สามารถดับความแค้นในใจของประชาชนได้!”
“คุณชายสังหารได้ดี!”
“คุณชายพวกข้าอยู่ข้างท่าน!”
เสียงที่ดังขึ้นในบริเวณรอบๆ ค่อยๆ รวมกัน พวกเขาเดินไปบังตรงหน้ามู่ชิงเกอไว้แล้วจ้องแม่ทัพประจำองค์ฮ่องเต้ที่มาจากวังหลวงด้วยความเร่งรีบอย่างโกรธแค้น
แม่ทัพประจำองค์นิ่งอึ้งอยู่กับที่ ไม่กล้าลงมือทำอะไรมากไปกว่านี้ แม่ทัพร่างกายแข็งเกร็งดั่งกำลังเผชิญหน้ากับสงคราม ส่วนเหล่าทหารของแม่ทัพที่ชักดาบขึ้นนั้นมือก็กำด้ามดาบแน่นอย่างสั่นๆ ประหนึ่งอยากจะเก็บมันกลับไป แม่ทัพประจำองค์ตระหนกในใจ คุณชายตระกูลมู่เป็นเพียงคนไร้ค่า เหตุใดจึงได้ใจประชาชนไปได้ถึงเพียงนี้!
ภาพนี้ ทำให้ผู้คนไม่น้อยรู้สึกตื่นตะลึง ทั้งมู่ซง มู่ชิงเกอและฉินอี้เหยาที่ยังคงยืนอยู่กลางกองทัพตระกูลมู่ และรุ่ยอ๋องฉินจิ่นห้าวที่เพิ่งตื่นจากภวังค์ความตกใจที่มู่ชิงเกอเป็นสายเขียว
รวมถึงฉินจิ่นซิวที่ตกใจเพราะภาพเลือดเนื้อแตกกระจายที่เกิดขึ้นตรงหน้าจนอกสั่นขวัญผวา
สิ่งที่เขากลัว ไม่ใช่ความจงรักภักดีจากประชาชนที่มู่ชิงเกอมี แต่สิ่งที่เขาเป็นห่วงคือหากมู่ชิงเกอรู้ว่าแท้จริงแล้ว ต้นเหตุของเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร เลือดเนื้อที่อยู่รอบๆ ก็คงจะเป็นภาพสะท้อนอนาคตของเขา
“ฆ่ามัน! ฆ่ามันซะ!”
ทันใดนั้นรัชทายาทฉินจิ่นซิวก็เหมือนตื่นจากความฝัน พลางถอยหลังชี้หน้ามู่ชิงเกอแล้วตะโกนขึ้น
มู่ชิงเกอหันไปมองเขา ส่วนลึกของแววตานั้นสามารถมองเห็นการเยาะเย้ยและไอสังหารได้อย่างชัดเจน
“ใครมันกล้า!” มู่ซงที่เงียบมาโดยตลอดพลันตะโกนขึ้นมา เขาจ้องเขม็ง ไอสังหารในกายนั้นกระจายออกมาทำให้ทุกคนตกใจแม้แต่ฉินจิ่นซิวเองก็ไม่กล้าส่งเสียงอีก
แม่ทัพประจำองค์ขมวดคิ้ว มองทุกอย่างแล้วรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก
หากรู้ว่าเรื่องนี้จะเลยเถิดมาถึงเพียงนี้ เขาก็คงจะหลบออกไปนานแล้ว แต่ว่าตอนนี้ถึงแม้ว่าเขาอยากจะปลีกตัวออกไป ราชโองการในมือก็ทำให้เขาไม่อาจถอยหลังได้
แม่ทัพประจำองค์พยายามใจเย็น ประสานมือพูดกับมู่ซง “ท่านแม่ทัพ เรื่องในวันนี้เหนือความสามารถที่ข้าที่จะตัดสินได้ ในมือของข้านั้นมีราชโองการที่เป็นคำสั่งขององค์ฮ่องเต้ให้เรียกตัวพระมาตุลาเข้าวัง แต่ตอนนี้พระมาตุลาได้สิ้นชีพไปแล้ว เกรงว่าคงจะต้องเชิญคุณชายตามข้าเข้าวังเพื่ออธิบายเรื่องทั้งหมดแก่ฮ่องเต้ด้วยตนเอง”
มู่ชิงเกอยิ้มเย็นไม่ตอบคำ
มู่ซงกวาดตามองแม่ทัพประจำพระองค์อย่างเย็นชา “ทางฮ่องเต้ข้าจะไปอธิบายเอง เจ้าไปแจ้งพระองค์ว่าสิ่งที่เกอเอ๋อร์ทำในวันนี้เป็นความคิดของข้า งานเลี้ยงที่ พระองค์ทรงเตรียมไว้ให้แก่ข้าหากยังไม่ได้ยกเลิก เมื่อถึงเวลาข้ากับหลานชายจะไป”
พูดจบเขาก็ไม่รอคำตอบจากแม่ทัพประจำพระองค์ พลันพูดกับมู่ชิงเกอว่า “เกอเอ๋อร์ขึ้นม้า พวกเรากลับจวนกันเถิด”
มู่ชิงเกอกระตุกยิ้มพลันหันหลังขึ้นม้าไป มู่ซงนำคนของจวนตระกูลมู่ กลับจวนไป สำหรับฉินอี้เหยา มั่วหยางได้แอบพาคนไปส่งที่ตำหนักองค์หญิงเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว แม่ทัพประจำพระองค์ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาเดินจากไป
ในขณะที่ไม่รู้ว่าควรจะไปกราบทูลกับฮ่องเต้อย่างไรดีนั้น เขาก็เห็นรุ่ยอ๋องฉินจิ่นห้าวจึงรีบเข้าไปหาพลางถามว่า “รุ่ยอ๋องทรงอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกคงจะเห็นเรื่องราวทั้งหมด ขอเชิญพระองค์กลับวังไปกราบทูลฮ่องเต้พร้อมกระหม่อมเถิด”
ฉินจิ่นห้าวทำหน้าเคร่ง เขารู้สึกเหมือนตนเองเข้าใจอะไรผิดไป
มู่ชิงเกอแอบซ่อนได้ดีถึงเพียงนี้เชียวรึ?
เขามองรัชทายาทที่จมอยู่ในความหวาดกลัวอยู่ครู่หนึ่ง พลางพยักหน้าตกลงตามคำขอของท่านแม่ทัพ