Skip to content

พลิกปฐพี 83-2

ตอนที่ 83-2

ยกเลิกการหมั้นหมาย

เมื่อกลับไปถึงจวนตระกูลมู่ ด้วยการปรนนิบัติของโย่วเหอและฮวาเยวี่ยก็ทำให้มู่ชิงเกออาบนํ้าแต่งตัวเสร็จเปลี่ยนเป็นชุดตัวยาวสีแดงสดแล้วเดินยังไปห้องหนังสือของมู่ซง

สิ่งที่เกิดขึ้นที่ประตูเมืองนั้นได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นานตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย ต่างก็รู้เรื่องที่มู่ชิงเกอฆ่าพระมาตุลา ท่าทางในตอนนั้นของนางถูกบรรยายออกไปให้ดูยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทุกคนต่างชื่นชมและยกย่อง

สิ่งที่ผู้คนสงสัยมากที่สุดคือเหตุใดนางที่เป็นคนไร้ค่าถึงกลายเป็นยอดฝีมือสายเขียวได้

ต่างรู้ว่าภายในแคว้นฉินนั้นแม้ว่าสายเขียวจะมีไม่น้อย แต่ในอายุที่เท่ากันแล้วแน่นอนว่ามีเพียงนางคนเดียวที่มีพรสวรรค์เหนือฟ้าแบบนี้ เป็นเรื่องที่น่าแปลกยิ่งนัก

ข่าวนี้ลอยเข้ามายังจวนตระกูลมู่ เมื่อป๋ายซีเยวี่ยรู้ข่าวนี้จากลวี่จือ ก็โยนแจกันดอกไม้ในห้องจนแตกกระจาย สีหน้านั้นทั้งโหดเหี้ยมและน่ากลัว

“เหตุใดมู่ชิงเกอถึงกลายเป็นสายเขียวไปได้?” ป๋ายซีเยวี่ยไม่อยากจะเชื่อ

หากเขาเป็นสายเขียวงั้นความสามารถที่นางสู้อุตส่าห์อดทนเก็บมันไว้มาตลอดนั้นเพื่ออะไรกันเล่า? นางกลัวว่าตระกูลมู่จะเห็นความสามารถของนางแล้วบังคับให้นางแต่งงานกับมู่ชิงเกอ นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าขันยิ่งนัก

ด้วยความสามารถของมู่ชิงเกอแล้ว จะมีผู้หญิงในแคว้นฉินเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่กันที่ยอมพลีกายให้เขา

“ตระกูลมู่ มู่ชิงเกอพวกเจ้าปิดบังข้าได้ดีถึงเพียงนี้!” ป๋ายซีเยวี่ยกัดฟันพูด

ภายในห้องหนังสือ มู่ซงถอดเกราะบนตัวออก หลังจากที่นั่งลง มู่เหลียนหรงก็รินนํ้าชาให้กับเขาและยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางสงบนิ่ง

ทันใดนั้นห้องหนังสือพลันถูกเปิดออก

มู่ชิงเกอเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเข้ามายังห้องหนังสือ นางก็หาเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งลง ด้วยท่าทางไร้ซึ่งความกังวลใดๆ

มู่เหลียนหรงมองท่าทางอันผ่อนคลายของนางก็ขมวดคิ้วและเสียดสีนางว่า “ไอ้ตัวก่อปัญหา ตอนนี้ก็ฆ่าพระญาติกลางถนน รู้มั้ยว่านี่มันมีโทษสถานใด?”

มู่ชิงเกอยักคิ้วพูดนิ่งๆ ว่า “ข้าฆ่าพระญาติอย่างนั้นรึ ข้าก็แค่ฆ่าทหารหนีสงครามคนหนึ่งก็เท่านั้น” คำอธิบายสั้นๆ นี้ทำให้มู่เหลียนหรงอึ้งไป นางมองบิดาของตนเองด้วยท่าทางที่ไม่รู้จะเถียงอย่างไรต่อ แต่พูดตำหนิว่า : “ท่านพ่อก็ไม่เตือนไอ้เปี๊ยกสักหน่อย ปล่อยให้มันก่อเรื่อง”

นางยอมรับว่าการฆ่าหานเซิ่งนั้นเป็นการระบายความแค้นที่ดีมาก แต่ว่ากระทำเช่นนี้มันจะนำพาความเดือดร้อนมาให้มู่ชิงเกอ

ไอ้เปี๊ยกนี้ไม่ใช่แค่ฆ่าหานเซิ่งแต่ยังเผยความสามารถที่แท้จริงของตนเองออกมา ไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นที่อยู่ในวังหลวงจะคาดเดาไปถึงไหนตอนไหนแล้ว

มู่ซงถือถ้วยนำชาเงียบไปสักพัก แล้วเขาก็บอกว่า “หานเซิ่งนั้น ฆ่าได้ดี”

มู่เหลียนหรงโกรธจนแค่นยิ้มออกมา พลางถามว่า “แล้วจะทำอย่างไรต่อไป เอาตัวชิงเกอไปให้ท่านผู้นั้นที่อยู่ในวังระบายความแค้นรึ? แล้วยังมีฮองเฮาอีก ชิงเก อฆ่าน้องชายแท้ๆ ของนาง ไม่รู้ว่านางจะโกรธถึงเพียงไหนและไม่รู้ว่าจะลอบทำร้ายชิงเกออย่างไร” ยิ่งพูดก็ยิ่ง เป็นห่วง จนนางอยากจะเอาตัวมู่ชิงเกอมาซุกไว้ในอก แล้วปกป้องด้วยตนเอง

มู่ซงเงยหน้าขึ้นมองมู่ชิงเกอด้วยสายตาอันแน่วนิ่ง พลางถามว่า : “เกอเอ๋อร์เจ้าคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป”

หลังจากที่ผ่านเรื่องราวที่เมืองอี้เขาก็ต้องมองหลานของตนเองเสียใหม่ เพราะรู้สึกว่าการที่มู่ชิงเกอทำเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องคิดมาดีแล้ว อย่างไรเสียเขาก็อยากจะฟังความคิดของหลานชาย

มู่ชิงเกอที่ถูกเรียกชื่อแสยะยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นมองท่านปู่ และท่านอา “ไม่สู้เราถือโอกาสนี้ในการถอนการหมั้นหมายของข้าและองค์หญิงไปเสีย”

“เจ้าพูดอะไร?” มู่เหลียนหรงตกใจ

แม้ว่าองค์หญิงฉางเล่อจะเป็นคนในราชวงศ์แต่เท่าที่ได้สัมผัสนางก็เป็นคนที่ดีคนหนึ่งไอ้เปี๊ยกคนนี้กลับผลักไสภรรยาที่มีแต่คนอิจฉาเช่นนี้ออกไป

มู่ซงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “เพราะอะไร?”

องค์หญิงฉางเล่อยอมไปเผชิญกับอันตรายเคียงคู่กับหลานชายของตนเองที่เมืองอี้ ความสัมพันธ์ระหว่างกันนั้นคนแก่คนนี้เห็นทั้งหมดอยู่ในสายตา แต่ทำไมหลานชายของตนเองถึงไม่สนใจ

หรือว่า เขายังคงไม่ลืมรุ่ยอ๋อง

เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของมู่ซงพลันแย่ลงในทันที

พอเห็นสีหน้าของมู่ซง มู่ชิงเกอก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรในแง่ร้ายอยู่ จึงพูดว่า “ที่ข้าต้องยกเลิกการหมั้นหมายก็เพื่อตัวองค์หญิงเองทั้งนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น”

“หมายความว่าอย่างไรหรือว่าเมื่อแต่งงานเข้ามาอยู่ในจวนตระกูลมู่แล้ว จะทำให้องค์หญิงฉางเล่อต้องลำบากรึ? อีกทั้งข้ายังเห็นว่าองค์หญิงเองก็มีใจสมัครรักใคร่เจ้าอยู่มาก” มู่ซงขมวดคิ้ว

มู่เหลียนหรงมองท่านพ่อของตนเองด้วยความสงสัย

หลังจากนั้นมู่ซงก็พูดถึงเรื่องราวที่ฉินอี้เหยาไปเมืองอี้กับมู่ชิงเกอจึงทำให้มู่เหลียนหรงซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที

นางพูดอย่างไม่เกรงใจมู่ชิงเกอว่า “ไอ้เด็กบ้า ความรู้สึกที่องค์หญิงมีให้เจ้านั้นมากมายถึงเพียงนี้หากเจ้ากล้าทำอะไรนางข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้เป็นอันขาด”

สถานการณ์ที่แย่ลงเรื่อยๆ ทำให้มู่ชิงเกอลอบถอนหายใจ กอดอกพลางพูดว่า “ก็เพราะเป็นเช่นนี้ข้าจึงจำเป็นต้องยกเลิกการหมั้นหมายกับนาง”

ตอนที่อยู่ที่เมืองอี้นางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ฉินอี้เหยามีให้กับนาง หากนางเป็นชาย ภรรยาอย่างฉินอี้เหยานั้น นางไม่มีทางรังเกียจ

แต่ว่าฐานะที่แท้จริงของนางนั้นเป็นผู้หญิง จะแต่งงานกับฉินอี้เหยาได้อย่างไร? หากแต่งงานกับนางจริงๆ ก็เท่ากับว่าทำร้ายนางไปทั้งชีวิต

“พูดให้ชัดเจน” มู่ซงขมวดคิ้วแน่น มู่เหลียนหรงเองก็จ้องนางเขม็งราวกับนางไม่ใช่ลูกผู้ชาย

ทั้งสองต่างบีบบังคับ ทำให้มู่ชิงเกอแอบถอนหายใจ ในที่สุดนางก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยกมือขึ้นดึงตุ้มหูสีม่วงบนหูซ้ายออก ทันใดนั้นภาพเหตุการณ์อัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้ามู่ซงและมู่เหลียนหรง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version