Skip to content

พลิกปฐพี 83-3

ตอนที่ 83-3

ยกเลิกการหมั้นหมาย

เครื่องหน้าที่เดิมมีเหลี่ยมมุมสมชายของมู่ชิงเกอพลันดูอ่อนโยนขึ้นมาใบหน้าที่ดูงดงามอยู่แล้วพลันอ่อนโยนประณีตมากขึ้น ความองอาจบนใบหน้ายังคงไม่ลดลง แต่กลับดูอ่อนหวานเย้ายวนขึ้นหลายเท่า ลูกกระเดือกบนลำคอก็ค่อยๆ อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยกลาย เป็นลำคอราบเรียบ เรือนกายตรงสูงผอมในตอนแรกดูละเอียดอ่อนมากขึ้นไม่ว่าจะมองจากมุมใดก็สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

“นี่…นี่…นี่ ” มู่ซงอึ้งจนอ้าปากค้าง

มู่เหลียนหรงเองก็มองมู่ชิงเกอตัวจริงที่เปลี่ยนไปด้วยความตะลึง

ตึง!

จู่ๆ มู่ซงพลันลุกขึ้นมาชี้หน้ามู่ชิงเกอ พูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน มีใครสามารถบอกเขาได้บ้างว่าหลานชายของเขากลายเป็นหลานสาวได้อย่างไร?

เมื่อเห็นความตกตะลึงของท่านปู่และท่านอา มู่ชิงเกอก็ ยักไหล่พูดพลางถอนหายใจว่า “ก็อย่างที่พวกท่านเห็น ข้าเป็นผู้หญิง ผู้หญิงจะแต่งงานและมีลูกกับผู้หญิงได้อย่างไรเล่า?”

มู่ซงขาอ่อนและล้มนั่งบนเก้าอี้ ความกระทบกระเทือนจิตใจครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เขาต้องการเวลาในการทำใจ

เขาไม่ได้เห็นว่าผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิง แต่หลานชายที่เลี้ยงมาสิบห้าปีเป็นหลานสาว เป็นเรื่องที่เขายากจะยอมรับ

สิบห้าปีมานี้ เขากลับเลี้ยงหลานสาวของตนเองดั่งเป็นเด็กผู้ชาย

มู่เหลียนหรงที่รับไม่ได้เช่นกัน สายตาที่มองมู่ชิงเกอนั้นยากจะเอื้อนเอ่ยคำพูดใด

นางไม่คิดว่าเจ้าเด็กโง่ที่ถูกนางด่าว่า ‘ไอ้เด็กบ้า ไอ้เด็กบ้า’ ทั้งวันนั้นจะเป็นผู้หญิงและตนเองก็หวังให้นางหาภรรยาและมีลูกเพื่อสืบเชื้อสายตระกูล

ความรู้สึกประหนึ่งถูกหลอกเกิดขึ้นภายในจิตใจทำให้นางพูดออกไปว่า “เจ้าเด็กโง่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

มู่ชิงเกอแบะปาก นางเป็นผู้บริสุทธิ์นะ

แล้วนางก็อธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่มู่ชิงเกอตัวจริงเคยบอกนางกับนายท่านทั้งสองของตระกูลมู่อีกรอบ

บางทีท่านแม่ที่มีที่มาลึกลับท่านนั้นของนางต้องการให้นางปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อกอบกูชื่อเสียงของตระกูลมู่ และบางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าต่อมาจะคลอดลูกชายคนหนึ่งและหาข้ออ้างเปลี่ยนฐานะให้นางกลับมาเป็นผู้หญิงดังเดิม

แต่ว่าแผนการไม่อาจเทียบการเปลี่ยนแปลง แม่ทัพน้อยแห่งตระกูลมู่ ท่านพ่อของมู่ชิงเกอ มู่เหลียนเชิงตายในสงคราม จึงทำให้ไม่สามารถทำตามแผนที่วางเอาไว้ได้

ท่านแม่ก็หายไปจากการตามหาศพของท่านพ่อจวบจนทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

เหลือเพียงนางที่เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลมู่ต่อไป จู่ๆ มู่ชิงเกอก็รู้สึกโชคดี โชคดีที่มู่ชิงเกอคนก่อนไม่ได้คิดบ้าๆไปสารภาพฐานะที่แท้จริงแก่ฉินจิ่นห้าวที่นางหลงรัก มิเช่นนั้นไม่รู้ว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้กับนางมากเพียงไหน

เมื่อฟังคำอธิบายของมู่ชิงเกอ มู่ซงก็พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเหี่ยวย่นนั้นเต็มไปด้วยนํ้าตา

มู่เหลียนหรงเงียบลง

ไม่ว่าการตัดสินใจนี้จะผิดหรือจะถูกก็เพื่อตระกูลมู่ทั้งนั้น และที่ต้องลำบากก็คือมู่ชิงเกอที่เป็นเพียงเด็กอายุไม่ถึงสิบห้าปีด้วยซํ้า เนิ่นนาน ทั้งมู่ซงและมู่เหลียนหรงก็สามารถทำใจยอมรับกับความจริงที่มู่ชิงเกอเป็นผู้หญิงได้

พวกเขามองมู่ชิงเกอที่ใส่ตุ้มหูกลับไปใหม่อีกครั้งและจากหญิงสาวผู้งดงามเฉิดฉันก็กลายเป็นหนุ่มน้อยผู้สง่าผ่าเผย ในใจก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก

มู่ซงถอนหายใจพลางพูดว่า “ก็ไม่รู้ว่าสะใภ้ใหญ่คนนี้ของข้า มีที่มาที่ไปอย่างไรถึงได้มีสมบัติสีกลับเช่นนี้”

“เห็นลักษณะกริยาท่าทางและรูปโฉมของพี่สะใภ้ใหญ่แล้วคงไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาอบรมเลี้ยงดูมาแน่ เพียงแต่นางไม่ยอมพูดและพวกข้าก็ไม่ได้ถามอะไรมากก็เท่านั้น” มู่เหลียนหรงเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

ทันใดนั้นมู่ซงก็เหมือนคิดอะไรออก พลางพูดกับมู่ชิงเกออย่างเคร่งเครียดว่า “เกอเอ๋อร์ฐานะของเจ้านั้นต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามให้ผู้ใดรู้โดยเด็ดขาด”

หากท่านผู้นั้นในวังหลวงรู้ก็คงจะกวาดล้างทั้งตระกูลมู่ โทษฐานหลอกลวงเบื้องสูง

เขาไม่ได้เห็นแก่อำนาจและเกียรติยศ แต่หากไร้ซึ่งอำนาจ นั่นก็คงเป็นเวลาที่ตระกูลมู่จะต้องสูญสิ้น ที่คนเหล่านั้นในวังหลวงยังรีรอไม่ยอมลงมือ ไม่ใช่เพราะเกรงในอำนาจที่เขามีอย่างนั้นรึ?

มู่ชิงเกอเองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เรื่องที่นางเป็นผู้หญิง ไม่ต้องให้มู่ซงเตือน นางก็จะไม่ไปป่าวประกาศให้ผู้ใดรู้แน่นอน

“เพราะฉะนั้นที่ข้าฆ่าหานเซิ่งในครั้งนี้ทางฮ่องเต้จะต้องคิดทำอะไรสักอย่างเป็นแน่ ก็ให้พระองค์ถอนการหมั้นหมายของข้าเสีย ข้าว่าฮ่องเต้เองก็คงไม่อยากได้ข้าเป็นลูกเขยมากนักหรอก รอให้พระองค์ถอนการหมั้นหมายระหว่างข้าและองค์หญิงฉางเล่อแล้ว ท่านปู่ค่อยเสนอว่าให้ลงอาญาข้าโดยการให้ข้าไปอยู่ที่เมืองอี้และให้กลับมาอีกทีตอนพิธีสวมหมวก” มู่ชิงเกอพูดในสิ่งที่ตนเองวางแผนไว้ออกมา อย่างไรเสียนางก็เห็นว่าฮ่องเต้ชอบลงโทษกักบริเวณคนอยู่แล้วนี่ หานเซิ่งทำความผิดถึงเพียงนั้นก็แค่ปรับลดเบี้ยหวัด ไม่ให้ออกจากคฤหาสน์เป็นเวลาหนึ่งปีในวันนี้ข้าเอาตัวเองไปปล่อยไว้ในพื้นที่รกร้างทุรกันดาร ฮ่องเต้เฮงซวยนั้นจะว่าอย่างไรได้อีก?

ตอนนี้กองทัพตระกูลมู่กำลังมีชื่อเสียงไปในทางที่ดี ฮ่องเต้จะกล้าฆ่านางรึ?

“เจ้าจะไปเมืองอี้อย่างนั้นหรือ?” มู่ซงถามด้วยความแปลกใจ

สายตาของมู่ชิงเกอดูเปลี่ยนไป นัยน์ตาอันเย็นยะเยือกนั้นเป็นประกาย “วันนี้ข้าได้เผยพลังที่แท้จริงของตนเองออกไป หากยังคงอยู่ในลั่วตูต่อ คงต้องเผชิญกับการสอดแนมและลอบสังหารนับครั้งไม่ถ้วน ยามนี้ภารกิจของข้าคือฝึกฝนพลังเวทให้มากขึ้น ไม่มีเวลามากพอที่จะไปเล่นกับพวกมัน เมืองอี้ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะสม เป็นพื้นที่ศักดินาของตระกูลมู่ของเรา ทั้งยังมีกองทหารของตระกูล ไม่ต้องเป็นห่วงถึงเรื่องความปลอดภัยและ ทำให้ข้าสามารถฝึกฝนพลังเวทได้อย่างสบายใจสักระยะหนึ่ง หลังจากที่ข้าไปแล้วขอให้ท่านปู่เก็บตัวอยู่แต่ใน จวน เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ตระกูลมู่ของเราหายไปจากสายตาพวกเขาได้บ้าง การแย่งชิงของรัชทายาทกับรุ่ยอ๋องนั้นตระกูลมู่ก็จะไม่ถูกดึงไปเกี่ยวข้องแน่นอน ปีหน้าข้ากลับมาเข้าพิธีสวมหมวก ก็คงจะรู้ผลการแย่งชิงอะไรบ้างแล้ว”

“เกอร์เอ๋อร์เจ้าคิดจะทำอะไร” มู่ซงขมวดคิ้วถาม

เขาไม่คิดว่าหลานสาวของตนเองจะมีนิสัยชอบหนี

เมื่อถูกสายตาดั่งจิ้งจอกเฒ่าจับจ้องมา มู่ชิงเกอทำได้เพียงบอกแผนการอีกแผนหนึ่งของตนเองออกมา “ท่านปู่ควรรู้ว่าบางทีการหนีไปตั้งหลักก็เพื่อให้ได้รับผล ที่ดีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองอี้นั้นเห็นได้ชัดว่ามีคนต้องการชีวิตคนในตระกูลมู่ เรารู้ว่าเป็นใคร แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพียงเพราะสิ่งที่ตระกูลมู่นับถือคือความจงรักภักดี เพราะฉะนั้นหลบไปก่อนจะดีกว่า ให้พวกเขากัดกันเองไปสักพัก ข้าจะเข้าสวมหมวกในอีก 10 เดือนจึง ถือว่าเป็นนาทีทองของตระกูลมู่ พอข้ากลับมาก็ถึงเวลาที่ตระกูลของเราจะทวงความยุติธรรมให้แก่ตนเอง”

มู่ซงฟังแล้วตกใจ อึ้งกับไอสังหารในคำพูดของมู่ชิงเกอ จึงพูดเสียงแข็งว่า “ชิงเกอเจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้ ตระกูลของเราจะไม่มีวันเป็นโจรกบฏ”

มู่เหลียนหรงขมวดคิ้วพูด “ท่านพ่อ ถึงตอนนี้แล้วท่านยังดูไม่ออกอีกรึ?”

มู่ซงยิ้มมุมปากพลางถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้าไม่อยากให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ ทำให้แคว้นฉินต้องตกอยู่ในสงคราม”

“ท่านปู่วางใจเถิด” มู่ชิงเกอยิ้มและหรี่ตาทั้งคู่ ในรอยยิ้มนั้นมีความเยือกเย็นประดับอยู่ “ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉินนั้นยังแซ่ฉิน แต่ว่าใครจะได้ขึ้นครองนั้นต้องให้ตระกูลมู่ของเราเป็นผู้ตัดสิน เราไม่ได้กบฏเพียงกำจัดทรราชเท่านั้น

กำจัดทรราช!

ทั้งมู่ซงและมู่เหลียนหรงต่างอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเยืยบเย็น

พวกเขาตกใจในความคิดและความกล้าของมู่ชิงเกอ

เงียบไปพักใหญ่ มู่ซงจึงมองมู่ชิงเกอแล้วพูดว่า “เกอเอ๋อร์รับปากกับปู่ว่า หากปู่อนุญาตให้เจ้าไปเมืองอี้แล้ว เจ้าต้องรับปากกับปู่ว่าหากยังไม่มั่นใจก็อย่าหุนหันทำอะไรและอย่าทำให้ประชาชนหรือคนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อนไปด้วย

“ท่านปู่วางใจเถิด” สัญญาของมู่ซงนั้น ทำให้มู่ชิงเกอยิ้มกว้าง แต่ว่าประกายเย็นเยียบในสายตานั้นมากจนเกินบรรยาย

คนที่ติดหนี้นางไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติหน้าไม่มีใครที่ไม่ต้องชดใช้คืน!

เมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่ซงและมู่ชิงเกอสองปู่หลานก็เข้าวังไปพร้อมกันและมู่เหลียนหรงก็แอบเตรียมการให้แก่มู่ชิงเกอ เมืองอี้เป็นที่แบบไหนนั้น นางรู้ดี หลานสาวสุดที่รักของตนเองต้องไปอยู่ที่นั้นเป็นเวลานาน นางจึงต้องเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version