ตอนที่ 834
เก้าชั้นฟ้าปรากฎใหม่อีกครั้ง!
การเคลื่อนไหวของพวกเขาทำให้มั่วหยางสังเกตเห็น
มั่วหยางละลายตาแล้วเดินไปเบื้องหน้าทั้งสองคนถามว่า “สองผู้เฝ้ามองต้องการสั่งการอะไรหรือไม่”
ราชครูยิ้มพูดว่า “พวกเราเข้ามาครั้งนี้ได้หลบจากลูกศิษย์สี่ดินแดนเทพที่เฝ้าประจำการอยู่รอบๆเก้าชั้นฟ้า จุดประสงค์เดิมคือไม่อยากให้เอิกเกริกและส่งผล กระทบต่อแผนของนายน้อย แต่เวลานี้นายน้อยจะเริ่มหลอมสร้างเก้าชั้นฟ้าใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้นบริเวณนี้ย่อมจะต้องทำให้ลูกศิษย์สี่ดินแดนเทพที่เฝ้าประจำการรู้ตัว
พวกเราสองคนปรึกษากันแล้วคิดจะส่งคนด้านหลังลอบเข้าไปจัดการคนเหล่านั้นเพื่อไม่ให้มีข่าวรั่วไหลออกไป”
แววตามั่วหยางสั่นไหว พูดด้วยสีหน้าปกติว่า “เรื่องนี้มอบให้ข้าจัดการได้เลย”
ราชครูแย้มรอยยิ้มออกมา ผงกศีรษะว่า “เมื่อผู้บัญชาการมั่วยินดีจัดการเรื่องนี้เองย่อมดีที่สุดแล้ว”
มั่วหยางผงกศีรษะนิดๆ แล้วหันกายจากไป
เขาเรียกองครักษ์เขี้ยวมังกรมาสั่งการอยู่พักหนึ่ง องครักษ์เขี้ยวมังกรห้าร้อยคนให้คงเหลือร้อยคน คุ้มครองมู่ชิงเกออยู่ที่เดิม ที่เหลือสี่ร้อยคนแยกเป็นสี่ทิศทาง ห้อตะบึงออกไป
หยินเฉิน ไป๋สี่ กับหยวนหยวนต่างแยกกันไปตามกลุ่มเหล่านั้น ที่เหลืออยู่อีกกลุ่มให้มั่วหยางกับมู่เฟิงนำไป
ความเคลื่อนไหวบนภาคพื้นดิน มู่ชิงเกอไม่ได้รับรู้เลย
นางปลดปล่อยสองพญาเพลิงออกมาแล้ว แต่ก็ยังไม่พอ!
ปัง!
มีมังกรไฟอีกตัวพุ่งออกจากร่างนาง ครั้งนี้เป็นมังกรนํ้าแข็งสีเงินขาว แปลงร่างมาจากพญาเพลิงไป๋กู่ พอปรากฎตัวก็ครอบคลุมเก้าชั้นฟ้าไว้ภายในเช่นเดียวกัน
“พญาเพลิงชนิดที่สาม!”
“นายน้อยมีพญาเพลิงถึงสามชนิดเชียวรึ!”
ผู้คนบนพื้นดินต่างตะลึงงัน
คนคนหนึ่งสามารถมีพญาเพลิงชนิดหนึ่งได้ก็นับว่าหายากมากแล้ว แต่นายน้อยตระกูลมู่พวกเขา กลับมีพญาเพลิงถึงสามชนิด นี่เป็นการฝืนชะตาฟ้าขนาดไหน กันนะ
พลันนั้นเสียงมังกรเรียกที่ดังขึ้นตามมาก็ทำให้ทุกคนตกใจตื่นกลัว
พวกเขาได้ยินเสียงมังกรเรียกแต่ไม่เห็นตัวมังกรว่าอยู่ที่ใด
“ดูเร็ว เป็นมังกรโปร่งแสง! เปลวไฟโปร่งแสง!”
มีคนตาไวเห็นความผิดปกติบนท้องฟ้า
สิ้นเสียงของเขาก็มีคนร้องเสียงหลงว่า “สี่ชนิดแล้ว พญาเพลิงสี่ชนิด!”
“สี่ชนิด…” ซวีซิวแหงนหน้ามองไปที่มู่ชิงเกอ ริมฝีปากสั่นระริก
ในขณะที่ เขาเข้าใจว่า เขารู้จักมู่ชิงเกอแล้ว แต่กลับพบว่าขณะที่เขาเริ่มเข้าใกล้อีกฝ่ายขึ้นไปอีกนิดนั้น มู่ชิงเกอจะนำพาความตื่นเต้นยินดีมาอีกไม่รู้จบ
เวลานี้ มีเสียงมังกรคำรามดังขึ้นอีก
“ยังมีอีกหรือ นายน้อยมีพญาเพลิงเท่าไหร่กันแน่ พญาเพลิงเหล่านี้อยู่ในร่างเขา ไม่ได้เกิดการต่อต้านกันจนเกิดระเบิดขึ้นหรือ”
คนที่พูดนั้นเสียงเพี้ยนไปเนื่องจากความตื่นตกใจ
“หากเวลานี้มีคนบอกว่านายน้อยครอบครองพญาเพลิงไว้ทั้งหมดข้าก็เชื่อ” คนผู้นี้ถูกสิ่งที่เกิดขึ้นกระทบใจจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว
“พญาเพลิงห้าชนิด! นายน้อยทำได้อย่างไรกันนะ” ซวีซิวอดไม่ได้พูดออกมา
ราชครูกวาดสายตาไปที่เขาแล้วถอนหายใจเงียบๆ
ซวีซิวไม่รู้ว่ามู่ชิงเกอทำได้อย่างไร ส่วนเขาจะไม่รู้ได้หรือ เขาไม่มีวันลืม ครั้งนั้นมู่ชิงเกอสลบไสลถูกคนแบกออกมาจากหานชุ่นในสภาพที่ผมขาวราวหิมะทั้งยังหมดสิ้นอายุขัยไปแล้ว
การรบครั้งนั้นมู่ชิงเกอเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย สูญเสียไปมากมาย หากไม่ใช่เพราะหยวนหยวนแล้ว นางคงไม่มีโอกาสที่จะปลุกรากวิญญาณไฟที่ซุกซ่อนอยู่ในร่างนางให้มีชีวิตขึ้นมาได้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความสามารถในการควบคุมพญาเพลิงพร้อมกันได้หลายชนิด
‘อาจเพราะทั้งหมดเป็นเหตุเป็นผลกัน ทั้งหมดคือการได้มาและสูญเสีย!’ ราชครูคิดด้วยความสะท้อนใจ
มู่ชิงเกอครอบครองพญาเพลิงพร้อมกันห้าชนิดได้อย่างไร สุดท้ายแล้วซวีซิวก็ไม่ได้รับคำตอบ ราชครูไม่ได้ตอบเขา เพียงแต่แหงนหน้ามองเงาร่างมู่ชิงเกอ สิ่งที่ผุดขึ้นมาในสมองไม่ขาดสายนั้นล้วนเป็นสิ่งที่นางยืนหยัดและพยายามต่อสู้มาตลอดการเดินทางของนาง
‘คนภายนอกอาจจะเห็นเพียงความเฉิดฉายของนายน้อย แต่มองข้ามความลำบากยากเข็ญและการยืนหยัดเบื้องหลังไป’ ราชครูนึกสะท้อนใจ
พญาเพลิงห้าชนิดเผาไหม้อยู่เหนือท้องฟ้าเก้าชั้นฟ้าจนแดงฉานไปหมด สีสันหลากหลายผสมปนเปราวกับว่าแผ่นฟ้าแผ่นดินบริเวณนี้ล้วนต้องถูกเผาผลาญจน หลอมเหลวไปหมดสิ้น
จุดที่ห่างไกลจากเก้าชั้นฟ้า ลูกศิษย์สี่ดินแดนเทพที่รับผิดชอบเฝ้าประจำการอยู่รอบนอกเก้าชั้นฟ้า เวลานี้ต่างมองดูเปลวไฟที่โหมลุกไม่หยุดหย่อนด้วยความตื่นกลัว
พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้ว่าจะต้องรายงานเรื่องนี้ขึ้นไปโดยเร็วที่สุด
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะเคลื่อนไหว องครักษ์เขี้ยวมังกรก็มาถึงแล้ว
การเข่นฆ่าสังหารเบื้องล่างพญาเพลิงกำลังเริ่มต้นอย่างบ้าคลั่ง
แสงเพลิงห้าสีเผาผลาญเก้าชั้นฟ้าจนหลอมเหลว มู่ชิงเกอยืนอยู่บนหินลอยท่ามกลางเปลวเพลิงด้วยสีหน้าเย็นชา นิ่งสงบจนรับรู้อารมณ์นางไม่ได้เลยแม้แต่ นิด
นางต้องหลอม!
ต้องหลอมเก้าชั้นฟ้าใหม่ทั้งหมด!
ใช้ฟ้าดินเป็นหม้อหลอม ใช้พญาเพลิงเป็นตัวกลาง ฟื้นฟูเก้าชั้นฟ้าที่แตกสลายไปแล้วให้กลับมาดังเดิม!
นางค่อยๆ ยกสองมือขึ้นมาแล้วกางแขนออกทั้งสองข้าง ปัญญาเทวะที่หว่างคิ้วพ่นสายใยที่แวววับโปร่งแสงออกมา มุดเข้าไปในเปลวเพลิงอย่างรวดเร็ว พัวพ้น อยู่บนหินลอยนับพันก้อน
หินลอยเหล่านั้นถูกปัญญาเทวะของมู่ชิงเกอครอบคลุมไว้จนหมดสิ้น ค่อยๆ ดึงพวกมันเข้ามา เข้ามาเรื่อยๆ เข้าใกล้เรื่อยๆ…
การรวมตัวของหินลอยทำให้เปลวเพลิงที่ลุกท่วมท้องฟ้าค่อยๆ ลดลง เปลวเพลิงห้าสีนำโดยหลักวิถีของมันเองยังคงเผาผลาญหินลอยของเก้าชั้นฟ้า เผาผลาญฝุ่นละอองที่สะสมมานับหมื่นปีให้เหลือเพียงรูปร่างหน้าตาดั้งเดิมของเก้าชั้นฟ้า
ภายใต้การเผาผลาญของเปลวเพลิง หินลอยที่ถูกปกคลุมจากฝุ่นละอองและพืชบนพื้นผิวค่อยๆปรากฎรูปร่างดั้งเดิมออกมา ที่แท้แกนกลางของหินลอยเหล่านี้
ล้วนเป็นหินทองอวิ่นเฉวียน!
บนท้องฟ้ามีเปลวเพลิงร่วงหล่นลงมาตลอดเวลา ลุกไหม้อยู่บนพื้นดิน
เพียงแต่พวกมันราวกับมีจิตวิญญาณ เผาผลาญเพียงครู่เดียวก็หายไปในทันที ไม่ได้ลุกลามต่อเนื่องบนพื้นดิน
ปัง!
หินลอยยักษ์สองก้อนกระแทกเข้าด้วยกันจากการดึงรั้งของปัญญาเทวะของมู่ชิงเกอ ส่วนที่ประกบกันนั้นเข้ากันได้พอดีไม่มีผิดเพี้ยนไปแม้เพียงนิด
ที่รอยต่อนั้นเปลวเพลิงโหมไหม้รุนแรงยิ่งขึ้น
แต่หลังจากเปลวเพลิงหายไป รอยปริแยกนั้นก็เรียบเนียนสนิทดูไม่ออกเลยแม้แต่นิด
ปัง ปัง ปัง!
ปัญญาเทวะของมู่ชิงเกอแยกออกนับพันสาย ควบคุมให้หินลอยเข้ามารวมตัวไม่หยุด
นางหลับตาขมวดคิ้วนิดๆ ภาพที่ผุดขึ้นในสมอง ล้วนเป็นภาพที่หินลอยแยกจากกันอยู่ก่อนนี้
หินลอยที่กระจัดกระจายน้อยลงทุกที แต่ก้อนที่ใต้เท้ามู่ชิงเกอกลับใหญ่ขึ้นทุกที มีหินลอยเข้ามาต่อติดกันไม่ขาดสายและหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน
เวลานี้มั่วหยางกลับจากสนามรบพร้อมทั้งกลิ่นคาวเลือด
จิตพิฆาตที่ยังค้างอยู่บนร่างพวกเขาดึงดูดความสนใจของคนบนพื้นดิน แต่ก็ไม่ได้อยู่นานนัก พวกเขาเพียงแค่มองผ่านๆ แล้วก็ตั้งอกตั้งใจมองเงาร่างที่ อหังการบนท้องฟ้าร่างนั้นต่อ
‘หลอมเข้าไป!’ มู่ชิงเกอแผดเสียงลั่นในใจ
ปัญญาเทวะพ่นออกมาจากหว่างคิ้วอีกครั้งหนึ่ง ห่อหุ้มหินลอยที่แตกหักอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้ามาทางมู่ชิงเกอ
เปลวไฟที่ลุกท่วมท้องฟ้าค่อยๆ รวมตัวกัน เก้าชั้นฟ้าที่ลอยอยู่ระหว่างฟ้าและดินค่อยๆ ปรากฎโฉมเดิมเมื่อหมื่นปีก่อน เพียงแต่เวลานี้มันถูกห่อหุ้มด้วยเปลว เพลิง ผู้คนที่ยืนอยู่บนพื้นดินสามารถเห็นได้เพียงเปลวเพลิงขนาดใหญ่โตมโหฬารระหว่างพื้นดินและท้องฟ้า ทั้งยังเป็นเปลวเพลิงห้าสีอีกด้วย
‘หลอมอีก!’