ตอนที่ 84-1
องครักษ์เขี้ยวมังกรพลิกฟ้า!
หลังจากออกมาจากวัง มู่ชิงเกอก็พาสาวใช้ทั้งสองคนของตนออกจากลั่วตูไปนอกเมืองเพื่อไปรวมตัวกับกองทหารตระกูลมู่กลับเมืองอี้อย่างเงียบๆ
ยิ่งยืดเวลาออกไปก็จะยิ่งมีแต่เรื่องยุ่งยากที่ยากจะแก้ไขเกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย
แต่นางไม่มีทางคิดว่าเพราะการกระทำที่รวดเร็วของนาง ทำให้หลายฝ่ายในลั่วตูต่างวุ่นวายกันไปหมด
เริ่มเข้ายามคํ่าคืน มู่ชิงเกอยังคงอยู่บนหลังม้า ข้างหลังมี หญิงสาวอีกสองนางขี่ม้าอยู่เช่นกัน พวกเขาออกจากประตูเมืองลั่วตูและค่อยๆ หายลับสายตาไป
ตรงกำแพงเมืองที่มืดสนิทมีใครคนหนึ่งยืนอยู่และแอบมองแผ่นหลังของนางโดยไม่ให้นางรู้
แม้ว่ามู่ชิงเกอจะลับสายตาไปแล้วแต่เขาก็ไม่ขยับตัวไปไหน ราวกับว่าได้กลายเป็นรูปสลักไปแล้วก็ไม่ปาน
ทันใดนั้น ข้างๆ ตัวเขาก็มีชายชุดดำปรากฏกายขึ้น ชายชุดดำคนนั้นเต็มไปด้วยไอสังหาร ราวกับว่าได้เดินออกมาจากกองศพนับหมื่น แต่เขากลับเคารพบุคคลที่ ยืนอยู่ตรงกำแพงอันมืดสนิทผู้นั้นเป็นพิเศษ
ทันทีที่ปรากฏตัวชายชุดดำคนนั้นก็พลันคุกเข่าลง พลาง ประสานมือแล้วพูดว่า : “ฝ่าบาท ทางฝั่งฮ่องเต้ ตระกูลหานและไทเฮาได้ส่งคนออกไปแล้ว”
ลมพัดชายเสื้อของชายร่างสูงโปร่งผู้นั้นให้ปลิวสะบัด ผืนผ้าสีเหลืองนวลเมื่ออยู่ท่ามกลางความมืดดูไม่ชัดเจนนัก ร่างอันผอมบางของเขาถูกลมพัดจนส่ายไปมาเหมือนจะร่วงหล่น หลังจากที่พยายามประคองตัวให้นิ่งแล้วเขาจึงพูดว่า “รู้หรือไม่ว่าความสามารถของพวกนั้นอยู่ในระดับไหน”
ชายชุดดำคนนั้นมองเขาด้วยความเป็นห่วง ประหนึ่งกำลังกลัวว่าร่างกายของเขาจะต้านทานแรงลมไม่ไหว
หลังจากนั้นจึงตอบกลับเขา “เท่าที่ข้าน้อยไปสืบมาทั้ง ม้าและคนของทั้งสามฝ่ายส่วนใหญ่แล้วเป็นสายเหลือง และสายเขียว มีผู้นำกลุ่มเป็นสายครามขั้นต้น”
“สายครามขั้นต้นอย่างนั้นหรือ” ใบหน้าอันขาวซีดฉินจิ่นเฉินยกยิ้มเยาะเย้ยทั้งพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “แค่ความสามารถที่เร่งด้วยยาวิเศษเพียงเท่านั้น”
คำพูดของเขาแม้จะดูไม่มีอะไรมาก แต่นัยน์ตาดำและขาวที่แยกออกจากกันอย่างชัดเจนนั้นมีความกังวลซ่อนอยู่
สั่งให้คนระดับนี้มาตามฆ่ามู่ชิงเกอ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องการชีวิตของมู่ชิงเกอจริงๆ
“ทางรุ่ยอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง” ทันใดนั้นฉินจิ่นเฉินพลันถามขึ้น
ชายชุดดำส่ายหน้าพลางพูดว่า “ตั้งแต่ที่รุ่ยอ๋องออกจากวังก็ตรงไปยังตำหนักองค์หญิงฉางเล่อ หลังจากที่กลับจากตำหนักก็กลับเข้าไปในวัง และในตอนนี้ยังไร้ แผนการใดๆ”
ฉินจิ่นเฉินรู้สึกแปลกใจ จึงสั่งว่า “เฝ้าดูความเคลื่อนไหวของรุ่ยอ๋องอย่าให้คาดสายตา”
ชายชุดดำรับคำสั่งในทันที สักพักฉินจิ่นเฉินก็ถามต่อว่า “ฉางเล่อรู้เรื่องถอนหมั้น หรือยัง?”
ชายชุดดำเงียบไปสักพักจึงพูดว่า “ตอนที่รุ่ยอ๋องไปตำหนักองค์หญิงก็เหมือนจะไปพูดเรื่องนี้แต่ทางองค์หญิงฉางเล่อก็ยังไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใดๆ หลังจากที่ รุ่ยอ๋องกลับไป องค์หญิงก็ทรงอยู่แต่ในตำหนักไม่ได้ออกมาเลย”
ฉินจิ่นเฉินกะพริบตาทีหนึ่งพลางพูดว่า “ฉางเล่อหวั่นไหวเข้าแล้วจริงๆ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเหตุใดมู่ชิงเกอถึงถอนหมั้น แต่เขาก็ไม่ได้ถึงขั้นไร้เยื่อใยกับฉางเล่อเสียทีเดียว พวกเจ้าส่งคนไปปกป้องเขาอย่างลับๆ อย่าให้เขาเป็นอ ะไรไปเป็นอันขาด”
หลังจากนั้นเขาก็พูดต่ออีกว่า “ให้ท่านอาจารย์นำทัพ ออกจากเมืองด้วยตัวเองเพื่อปกป้องคุณชายตระกูลมู่ให้เดินทางไปยังเมืองอี้อย่างปลอดภัย จำไว้ว่าห้ามให้เขารู้ว่ามีพวกเจ้าอยู่อย่างเด็ดขาด”
ให้ท่านอาจารย์นำทัพด้วยตนเองอย่างนั้นหรือ?!
ชายชุดดำตกใจและมองเจ้านายของตนเองด้วยความสงสัย
เขารู้ว่าเจ้านายของตนเองนั้นให้ความสำคัญกับคุณชายตระกูลมู่ท่านนั้น แต่ไม่คิดว่าจะให้ความสำคัญมากถึงเพียงนี้
ท่านอาจารย์เป็นผู้ใดกัน?
เป็นอาจารย์ของเจ้านายของเขาและเป็นผู้ที่ฝึกฝนพวกเขามาจนแกร่งกล้าถึงเพียงนี้
อีกอย่างท่านอาจารย์ก็ยังเป็นยอดฝีมือสายน้ำเงินขั้นสูง และได้ข่าวว่าขาข้างหนึ่งของเขานั้นได้ก้าวเข้าไปยังสายม่วงแล้ว และจะได้กลายเป็นสายม่วงผู้เก่งกาจที่สุดเมื่อไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
มีท่านอาจารย์คอยดูแลอยู่ลับๆ ให้คนออกไปอีกเท่าไหร่ก็เท่านั้น!
“ออกไปเถิด” ฉินจิ่นเฉินไม่ได้สนใจความประหลาดใจของชายชุดดำเพียงให้เขากลับไป ส่วนตนเองนั้นยังคงมองไปยังทิศทางที่มู่ชิงเกอจากไปราวกับเป็นการร่ำลา
ณ ตำหนักองค์หญิง ฉินอี้เหยานั่งเงียบอยู่ภายในห้องของตนเอง
ตั้งแต่ที่เสด็จพี่ของนาง รุ่ยอ๋องนำข่าวนี้มาจากพระราชวัง นางก็นั่งอยู่เช่นนี้และไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดคือความจริง แต่เมื่อถ่ายทอดราชโองการ ทำให้นาง จำเป็นต้องเชื่อ
“องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันไปจวนตระกูลมู่ พวกเขาบอกว่าคุณชายไม่ได้อยู่ภายในจวนเพคะ” นางกำนัลที่ส่งออกไป ในที่สุดก็นำข่าวกลับมา แต่ยังคงทำให้นางผิดหวังดังเดิม
ฉินอี้เหยาก้มหน้าลงและสั่งเสียงเบาว่า “ไม่ต้องหาแล้ว เจ้าออกไปเถอะ”
นางกำนัลออกไปด้วยความเป็นห่วง
พอไม่มีคนอื่น นํ้าตาที่ฉินอี้เหยากลั้นเอาไว้ก็ไหลลงมา ทำให้บนใบหน้าอันงดงามมีนํ้าตาไหลลงอาบแก้มนวลทั้งสองข้าง
“เพราะเหตุใด?” ฉินอึเหยาถามตนเองและราวกับกำลังถามมู่ชิงเกอในคราวเดียวกัน
แน่นอนว่านางไม่ได้รับคำตอบ
นางมีศักดิ์ศรีของนาง มู่ชิงเกอถอนหมั้นง่ายๆ เช่นนี้ แน่นอนว่านางจะไม่ปล่อยเรื่องที่โดนสลัดทิ้งเช่นนี้ไปง่ายๆ แน่ นางต้องหาเขาให้เจอแล้วถามเหตุผล
เขาไม่อยู่ที่จวนตระกูลมู่และให้เสด็จพี่มาบอกเรื่องนี้แก่นาง ทั้งหมดนี้กำลังแสดงให้เห็นว่าเขาไม่อยากเจอนาง ฉินอี้เหยาเป็นคนฉลาดอยู่แล้ว จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเรื่อง นีมันมีอะไรมากกว่านั้น
เพราะฉะนั้น นางต้องหาข่าวคราวของมู่ชิงเกอให้ได้ เพื่อรักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ของตน
นํ้าตาไหลจนเหือดแห้ง ใบหน้าอันงดงามนั้นกลับไปเย็นยะเยือกดังเดิมราวกับใช้ความเย็นเยียบดั่งนํ้าแข็งนั้นห่อหุ้มและปิดผนึกตัวนางเอาไว้ข้างในนั้น