ตอนที่ 87-2
หัวขโมยในช่องว่าง!
เศษซากปรักหักพังของช่องว่างที่แตกหัก ถูกดูดเข้าไปภายในป้ายและกลายเป็นแสงสว่างสดใสแห่งพลังให้กับมัน
‘นี่นางถูกป้ายแผ่นหนึ่งเล่นแง่ใส่อย่างนั้นรึ!’ มู่ชิงเกอก่นด่าในใจพลางเดินเข้าหาป้าย
ราวกับว่า นางอยากจะโยนป้ายเฮงซวยแผ่นนี้ออกจากช่องว่างของนาง
แต่ทว่า ในทันทีที่มือของนางสัมผัสกับป้ายไร้อักษร ภายในป้ายก็เกิดแรงดึงดูดอันมหาศาล ห่อหุ้มตัวนางและพลันดึงตัวนางเข้าไปในทันที
นางตกใจจนอ้าปากค้างและเบิกตาโต
ร่างกายของนางพลันกลายเป็นแสงสีแดงส่องประกายแสงหนึ่งและถูกป้ายดูดเข้าไป หายวับไปกลางอากาศ
จิตใต้สำนึกในการต่อต้านของช่องว่างก็ถูกกลืนกินไปพร้อมกับการหายตัวไปของมู่ชิงเกอ รวมถึงช่องว่างที่เป็นของมู่ชิงเกอ ช่องว่างที่เคียงคู่กับนางมาตั้งแต่ อดีตชาติก็ได้กลายเป็นแสงลีขาวเป็นประกายแสงหนึ่ง แล้วถูกดูดกลืนเข้าไปอยู่ในป้ายพร้อมกับสมบิตที่อยู่ภายในช่องว่างก็หายไปด้วย
ภายในถํ้า มู่ชิงเกอราวกับตกอยู่ในสภาวะจำศีล ทั้งนิ่งสงบ รวมทั้งการหายใจและการเต้นของหัวใจก็อ่อนแรง จนแทบจะไม่สามารถสัมผัสได้
นางนั่งขัดสมาธิโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ใบหน้าอันงดงามของนางนิ่งสงบดั่งรูปปั้น
มีเพียงชุดสีแดงที่ยังคงแพรวพราวเจิดจ้าดั่งดวงอาทิตย์ ส่องประกายความเย้ายวนและแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบของนางเท่านั้น
“ที่นี่ที่ไหน?” เมื่อเข้าไปยังช่องว่างที่เชื่อมต่อกับป้าย มู่ชิงเกอมองหมอกสีขาวนวลรอบๆ พลางพูดกับตนเอง
ความรู้สึกไม่สบายทางกายได้หายไปแล้ว
ทว่า นางยังคงไม่มั่นใจ
นางถูกป้ายพามาอยู่ที่ใดกันแน่?
ทันใดนั้น หมอกสีขาวก็จางลงพลันค่อยๆ ปรากฏให้เห็นถึงโลกใบใหม่อีกใบอันมีท้องฟ้าและผืนดินที่ไม่คุ้นเคย มู่ชิงเกอมองดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตรงหน้า ดินแดนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอัศจรรย์อันงดงามได้ส่อง
สะท้อนอยู่ภายในดวงตาของนาง
ด้านบนของภูเขา มีลมพัดและก้อนเมฆลอยไปมา
ท้องฟ้าเป็นสีม่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่มู่ชิงเกอเคยเห็นเป็นครั้งแรก
ท่ามกลางภูเขาที่สลับซับซ้อน รายล้อมไปด้วยเมฆหมอกสีขาวนวล คล้ายจะซ่อนเร้นและปรากฏชัดในขณะเดียวกัน นํ้าตกในภูเขาไหลลงสู่แม่นํ้าโดยตรง งดงามและสูงศักดิ์ดั่งสายทางช้างเผือก บริเวณถัดจากนั้นไม่ไกล สิ่งที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีฟ้าอ่อนจางคือทุ่งดอกกก เป็นสีขาวดุจดั่งหิมะที่ละเอียดลออ ดอกไม้ที่ส่ง กลิ่นหอมโชยเอนตัวเข้าหากันประดุจกำลังกระซิบกระซาบกันเกี่ยวกระหวัดไม่มีที่สิ้นสุด
กลิ่นหอมโชยของดอกไม้ลอยมาแตะจมูก ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข คลายความทุกข์โศกกังวลออกมา ประหนึ่งได้รับยาวิเศษ
พื้นที่อันติดกับดอกกก มีลำธารส่องแสงสีฟ้าเข้มเป็นประกายทอดยาวสุดขอบฟากฟ้า เสียงนํ้าไหลไม่ขาดสาย มีต้นไม้แก่ซึ่งยากจะสามารถคาดเดาได้ว่าอายุเท่า ไหร่ ทอดยาวไปตามแม่นํ้า ต้นไม้สีเขียวหยกส่ายไปมาตามแรงลม ราวกับกำลังกระซิบบอกเล่าเรื่องราวแต่หนหลังอันแสนไกล
ตรงหน้า มีต้นไม้แก่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปอย่างคดเคี้ยวตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างฟ้ากับดิน ดั่งร่มคันใหญ่ที่มีมาแต่บรรพกาล ใบไม้เขียวเป็นประกายร่วงโรยลงจากยอดไม้ ดั่งหยกที่แตกหักก็ไม่ปาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกมันตกลงสู่พื้นดิน กลับกลายเป็นแสงสีเขียวอันเป็นเปล่งประกายและถูกดูดเข้าไปภายในผืนดิน จากนั้นก็ไหลกลับสู่ต้นไม้แก่ ทำให้ต้นไม้แก่เขียวขจีมากขึ้นอีกหนึ่งส่วน
ใต้ต้นไม้ มีบ้านที่สร้างจากใบกก เรียบง่ายทว่ายังคงความสง่างามและมีความโดดเด่นปรากฏอยู่
มู่ชิงเกอจ้องทุกอย่างอย่างตื่นตระหนก รู้สึกราวกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน
นางก้าวไปข้างหน้า เหมือนจะไม่มีอุปสรรคใดๆ
นางเดินมาหยุดบริเวณข้างกระท่อมอย่างง่ายดาย นางหยุดฝีเท้า หันหลังและเดินไปยังทิศทางหนึ่ง พอนางเดินไปถึงทุ่งดอกกก ทันใดนั้นก็ถูกพลังโปร่งแสงบางอย่างผลักตัวนางออกมา
มู่ชิงเกอเคลื่อนสายตาไปยังอีกทิศทางหนึ่งอย่างนิ่งสงบ เมื่อนางเดินห่างออกไปอีกร้อยเมตร ก็ยังคงถูกขวางทางเอาไว้อีกครั้ง ทำได้เพียงแค่ย้อนกลับ นางค่อยๆ ค้นพบ เมื่อทำการทดลองหลายครั้งว่าตนเองทำได้เพียงยึดต้นไม้แก่เป็นศูนย์กลางและเคลื่อนไหวอยู่ในรัศมีร้อยเมตรของต้นไม้
พื้นที่นอกเหนือจากนั้น แม้นางมองเห็นแต่ไม่สามารถเข้าใกล้ใด้
มู่ชิงเกอกลับไปยังหน้าประตูกระท่อมอีกครั้ง การที่กระท่อมขนาดเล็กหลังนี้ปรากฏขึ้นที่นี่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของนาง
เม้มปากคิดทบทวน นางก้มตัวแล้วเข้าไปข้างใน…
ทันใดนั้น สายตาของนางก็เบิกกว้าง
พื้นที่ที่สะท้อนอยู่ในดวงตามากกว่าข้างนอกเกือบจะสิบเท่า
แม้ว่ามันจะถูกมุงด้วยต้นกกเหมือนกัน แต่ก็ถูกแบ่งออกเป็นห้องๆ โดยด้านหน้ามีสามห้องและด้านหลังมีหนึ่งห้อง
สามห้องที่อยู่ด้านหน้า อยู่เรียงติดกัน หนึ่งในห้องนั้น มีสมบัติที่มู่ชิงเกอสะสมเอาไว้ก่อนหน้านี้ รวมทั้งทักษะทางสงครามรวมไปถึงยาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอที่เหลืออยู่เพียงแค่หลอดเดียว
ดวงตาของมู่ชิงเกอส่องประกายรีบเดินไปในทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าสมบัติพวกนั้นอยู่ในนี้จริง นางก็โล่งใจไปบ้าง
หลังจากนั้น นางเข้าไปในอีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีเตาที่มีรูปแบบเก่าแก่ราวกับว่าเป็นห้องที่เตรียมไว้เพื่อรองรับการปรุงโอสถของนางโดยเฉพาะ
นางตาเป็นประกายอีกหน มู่ชิงเกอเข้าไปยังห้องที่สาม ภายในห้องมีการตกแต่งที่แปลกมากขึ้นไปอีก นอกเหนือชั้นวางของที่เรียงตัวกันแล้ว ตรงกลางมีเตาผิงวางอยู่ บริเวณเตา มีบ่อนํ้าเย็นอันใสบริสุทธิ์
มู่ชิงขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็คล้ายร้านช่างตีเหล็ก
เดินสำรวจภายในห้องรอบหนึ่ง เมื่อไม่มีการค้นพบอื่นใด มู่ชิงเกอจึงเดินไปยังหลังบ้านตามทางเดิน
ห้องว่างที่อยู่ข้างหลัง ใหญ่กว่าห้องทั้งสามห้องที่อยู่ด้านหน้ารวมกัน
ขณะที่นางเดินเข้าไปใกล้นางรู้สึกถึงกลิ่นไอแห่งความปีติยินดีที่เกิดขึ้นกับตัวนาง ราวกับว่ามีธาตุอะไรบางอย่างที่คุ้นเคยกำลังใกล้เข้ามา
เมื่อนางเดินเข้าไป ร่างกายของนางก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีม่วงอมฟ้าแล้วค่อยค้นพบด้วยความประหลาดว่าสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยมันคืออะไรกันแน่
“ธาตุสายฟ้าแข็งแกร่งมาก!” มู่ชิงเกอมองบ่อของเหลวสีม่วงที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก
ธาตุสายฟ้าที่นี่ ราวกับกำลังพลังกระตุ้นสายฟ้าภายในร่างกายของนาง ทำให้มือของนางเต็มไปด้วยสายฟ้าสีม่วง
เมื่อค่อยๆ ยกมือขึ้นมา มู่ชิงเกอมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง สลับกับบ่อที่เต็มไปด้วยธาตุสายฟ้า ภายในใจ ถามตนเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ที่นี่คือที่ไหนกันแน่?
ทันใดนั้น นางก็ได้ด้นพบว่าเหนือบ่อนํ้ามีรังไหมขนาดใหญ่สีเงินเป็นประกายห่อหุ้มอะไรบางอย่างอยู่ สายฟ้าที่เกิดขึ้นภายในบ่อนํ้า เลื้อยเข้าไปยังรังไหมดั่งงูและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ที่นี่คือมันที่ใดกันแน่” เกิดความสับสนขึ้นภายในใจของมู่ชิงเกอ
นางกำลังรู้สึกราวกับว่า ทุกอย่างภายในนี้ล้วนถูกเนรมิตขึ้นมาได้อย่างเหมาะสมกับตัวนาง
แต่ทว่า ก็มีบางอย่างที่ดูแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ
“เจ้านาย ของขวัญที่ข้าเตรียมไว้สำหรับท่าน ท่านชอบหรือไม่?” ทันใดนั้นเสียงอันอ่อนละมุนก็ดังขึ้นอย่างไม่คาดคิด
มู่ชิงเกอฉงนใจ หันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่พบใครเลย
“เจ้านาย ข้าอยู่ที่นี่ไงล่ะ!” เสียงอ่อนละมุนดังขึ้นอีกหน
ครั้งนี้ที่มาของเสียงราวกับจะมาจากบริเวณข้างเท้า
มู่ชิงเกอก้มลงไปตามที่มาของเสียง พลางขมวดคิ้ว นางเห็นอะไรอย่างนั้นน่ะหรือ? บนรองเท้าของนางมีหมัดอ้วนๆ ตัวหนึ่ง กระโดดโลดเต้นไปมาไม่หยุด
และเจ้านี่ก็ยังเรียกนางว่าเจ้านายไม่ขาดปากอีก?!
“เจ้าเป็นตัวอะไรกัน?” มู่ชิงเกอปากกระตุกพลางถาม
“ข้าไม่ใช่ตัวอะไรนะ ข้าคือจิตแห่งศาสตราของช่องว่างแห่งนี้!” หมัดตัวน้อยกระโดดโลดไปตามเสื้อผ้าของมู่ชิงเกอและท้ายสุดก็มาหยุดตรงไหล่ของนาง ตอนนี้ มู่ชิงเกอจึงกระจ่างว่า จิตแห่งศาสตราที่ว่านี้ก็เหมือนการย่อส่วนจนมีขนาดเล็กที่สุดของเด็กน้อยอายุประมาณ 2 ถึง 3 ขวบ