ตอนที่ 87-3
หัวขโมยในช่องว่าง!
ความสูงของตัวมันไม่สูงเลยจากนิ้วหัวแม่มือของนาง ตัวอ้วนกลมดูเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มเป็นที่สุด ใบหน้าน่ารัก ดวงตาดวงเล็กละม้ายคล้ายองุ่น แก้มน้อยป่องๆ สีชมพู ปากเล็กๆ แดงดั่งผลชิงเถา กลางหน้าผากยังแต้มจุดสีแดงไว้หนึ่งจุด
บนหัวมัดแกละสองข้าง ร่างกายมีเพียงเอี๊ยมสีแดงปกปิดร่างกายอยู่ เผยให้เห็นก้นอันเต็มเปี่ยมไปด้วยเนื้อโผล่ออกมาอยู่ข้างนอก
เจ้าตัวที่นางสามารถบีบให้ตายคามือได้ กลับบอกว่าตนเองเป็นจิตแห่งศาสตรา มู่ชิงเกอรู้สึกว่ามุมมองเกี่ยวกับโลกของนางได้ถูกพังลงอีกครั้ง
และที่สำคัญคือ นางกลายเป็นเจ้านายของเจ้านี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
มู่ชิงเกอหันข้าง มองไปยังเจ้าตัวน้อยที่กำลังตีลังกาอย่างมีความสุขอยู่บนไหล่ของนาง พลางถามว่า “ทางที่ ดีเจ้าควรจะอธิบายมาให้ข้าฟังให้ละเอียด ว่าเรื่องมัน เป็นอย่างไรกันแน่”
เจ้านั่นตกตะลึง มันทำปากจู๋พูดอย่างอึดอัดใจว่า “ข้า ชื่อว่า *เหมิงเหมิง ต่างหากเล่า”
“…” มู่ชิงเกอยิ้มจางๆ แอบวิจารณ์ไนใจว่า ชื่ออันน่ารังเกียจเช่นนี้ใครเป็นคนตั้งกัน!
ใครจะคาดคิดว่า เหมิงเหมิงที่ตัวเท่านิ้วหัวแม่มือนี้ราวกับจะได้ยินคำพูดในใจของมู่ชิงเกอ เพราะมันตอบกลับว่า “แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้านายคนก่อนของข้าน่ะสิ!” เสียงอันอ่อนละมุนมีความกระเง้ากระงอดเพิ่มขึ้นมา หลายส่วน ยิ่งทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกครั่นเนี้อครั่นตัวไปหมด
“พูดจาดีๆ ไม่ได้รึไง!” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วแน่น เหมิงเหมิงเปิดตากว้างอย่างน้อยใจ ยกนี้วชี้ของตนเอง ขึ้นมาแล้วพูดกับนิ้วนั้นว่า “ข้าพูดดีๆตั้งแต่แรกแล้วนะ”
หมดความอดทน มู่ชิงเกอยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว จับเหมิงเหมิงที่อยู่บนไหล่ของนาง พลางพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “หากไม่อยากให้ข้าบีบเจ้าจนตาย ก็ควรจะ ตอบคำถามข้ามาเสียดีๆ”
เหมิงเหมิง (คำสแลง) แปลว่า น่ารัก
“แงๆๆ เจ้านายช่างรุนแรงและโหดเหี้ยมนัก!” ท่าทางของเหมิงเหมิงไร้ซึ่งความกลัว นํ้าเสียงราวกับตั้งใจยั่วโทสะนางมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อมันเห็นว่าสีหน้าของมู่ชิงเกอฉายแววโหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อยๆ จึงย่นจมูก พลางพูดอย่างไม่เต็มใจนัก “เอาน่า! ข้าไม่มีเพื่อนคุยมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ผ่อนผันให้สักครั้งไม่ได้หรือไรเล่าเจ้านายใจร้าย!”
จากนั้นมันก็ไขข้อข้องใจทุกอย่างออกมา ภายใต้สายตาอันเย็นเยียบของมู่ชิงเกอ
มันเป็นจิตแห่งศาตราผู้ควบคุมดูแลช่องว่างแห่งนี้จริงๆ โดยพื้นที่ที่จัดการควบคุมก็คือช่องว่างที่เชื่อมต่อกับป้ายไร้อักษรแผ่นนั้น
จริงๆ แล้ว ช่องว่างที่สามารถเข้าถึงได้โดยใช้ป้ายไร้อักษรแผ่นนั้นได้ถูกทิ้งให้ร้างไปแล้วตั้งแต่สมัยอดีตกาล ต่อมาได้พบกับยอดฝีมือผู้หนึ่ง ซึ่งก็คือเจ้าของคนเดิม ของเหมิงเหมิง เขาหลอมรวมช่องว่างนี้ให้กลายเป็นช่องว่างอิสระที่อยู่ภายนอกและเหมิงเหมิงก็ได้กำเนิดขึ้นมา
ภายหลัง เจ้านายของนางได้สิ้นชีพ นางจึงตกอยู่ในห้วงนิทรา
หากไม่ใช่เพราะมู่ชิงเกอ ยัดแก่นสมองสัตว์ป่า แผ่นหินพลัง ป้ายไร้อักษรนี้เข้าไปไว้ด้วยกันและยังมีช่องว่างที่เป็นของตัวเอง และของพวกนี้ก็ถูกเหมิงเหมิงกลืนกินเข้าไปจึงกระตุ้นให้นางตื่นขึ้นมาแล้วล่ะก็ ไม่เช่นนั้นนางก็คงยังอยู่ในห้วงนิทรา
“ถ้าเช่นนั้น เจ้ากลืนกินช่องว่างของข้าไปแล้วหรือ?” ดวงตาของมู่ชิงเกอหรี่เล็กและแฝงไออันตรายอีกครั้ง
เหมิงเหมิงสะดุ้งไปคราหนึ่ง พลันรีบโบกมืออธิบายว่า “ตอนนี้เหมิงเหมิงนี่แหละที่เป็นช่องว่างของเจ้านาย เหมิงเหมิงเก่งกว่าเจ้าช่องเก็บสมบัติระดับตํ่าที่ทำได้เพียงแค่เก็บของนั่นมากนัก เจ้านายจะต้องทะนุถนอมข้านะ!”
มู่ชิงเกอเงียบ ในขณะที่แววตาดูเปลี่ยนไป ได้คาดเดาความเป็นไปได้ไว้บ้างแล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะการที่เหมิงเหมิงกลืนกินช่องว่างของนาง ทำให้จิตของนางทะลุเข้ามายังโลกที่แตกต่างใบนี้จนได้กลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของมันโดยไม่ได้ ตั้งใจ
เมื่อเห็นว่ามู่ชิงเกอเงียบ เหมิงเหมิงก็พูดต่อเพื่อเอาใจว่า “เจ้านาย ท่านดูสิข้าอุตส่าห์! เตรียมห้องสำหรับหลอมโอสถและของที่สามารถปรุงยาได้ และถึงกับ เตรียมบ่อสายฟ้าแห่งรากวิญญาณสายฟ้าไว้ ยังมีอีกๆ ไอ้ที่อยู่กลางบ่อสายฟ้านั่นเป็นอาวุธเทพเชียวนะ ร้ายกาจมากเลยนา รวมถึงห้องหลอมอาวุธขั้นเริ่มต้นเหมิงเหมิงก็เตรียมไว้ให้ท่านแล้ว รู้ใจและเอาใจใส่ดีมากเลยใช่ไหมเล่า?”
พูดจบ มันก็กะพริบตาถี่ๆ แสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาและน่ารักอย่างหาที่สุดไม่ได้
ดวงตาของมู่ชิงเกอค่อยๆ เคลื่อนไปหยุดลงบนร่างของมัน
การที่กลืนกินช่องว่างของนาง รู้ว่านางมีพลังสายฟ้า นางพอเข้าใจได้รู้ว่านางได้รับการถ่ายทอดจากเทพแห่งโอสถและตอนนี้กำลังฝึกการปรุงโอสถอยู่ นางก็เข้าใจได้เช่นกัน สำหรับอาวุธเทพอย่างนั้นหรือ อืม พบกับเจ้าของคนใหม่ ต้องมีของมารับขวัญนั้นเป็นเรื่องที่สมควร แต่ทว่าห้องหลอมอาวุธขั้นเริ่มต้นมันคือสิ่งใดกัน?
พอสัมผัสถึงความสงสัยที่ซ่อนอยู่ในนัยน์ตาของมู่ชิงเกอ เหมิงเหมิงจึงพูดว่า “หลังจากที่เหมิงเหมิงได้เชื่อมความสัมพันธ์นายบ่าวกับเจ้านาย เหมิงเหมิงก็สัมผัสได้ว่าในร่างกายของเจ้านายนั้นมีสายเลือดของความเป็นปรมาจารย์แห่งการหลอมอาวุธอยู่ จึงได้เตรียมสิ่งนี้มาเพื่อทำให้เจ้านายตื่นตาตื่นใจ”
“เจ้าสามารถรับรู้ถึงความคิดของข้าได้หรือ” น้ำเสียงของมู่ชิงเกอเต็มไปด้วยความคาดเดา
เหมิงเหมิงรีบเอามือเล็กอุดปากของตนเองเอาไว้รับรู้ได้เพียงแค่ว่าร่างที่ทั้งเล็กและอ่อนแอของตนเองกำลังตกอยู่ท่ามกลางอันตราย
สายตาของมู่ชิงเกอเย็นเยียบมากขึ้นกว่าเดิม เหมิงเหมิงจึงพูดว่า “เหมิงเหมิงเป็นช่องว่างของเจ้านาย แน่นอนว่าได้เชื่อมใจและมีความคิดแบบเดียวกันกับท่าน แต่เจ้านายมิต้องเป็นกังวล สำหรับเรื่องที่เจ้านายไม่ประสงค์จะให้เหมิงเหมิงรู้ เหมิงเหมิงก็จะไม่รู้เด็ดขาด”
พูดจบก็พลันยกมือเล็กข็นสาบาน
คำตอบของเหมิงเหมิงทำให้มู่ชิงเกอวางใจ มิฉะนั้นนาง คงรู้สึกว่าตนเองต้องตกอยู่ท่ามกลางการสอดแนม
“ในสายเลือดของข้ามิความเป็นปรมาจารย์แห่งการหลอมอาวุธหมายความว่าอย่างไร” มู่ชิงเกอถามอย่างเคร่งขรึม
หลังจากเหมิงเหมิงแสดงสีหน้า ‘ท่านไม่รู้จริงๆ หรือ?’ ออกไปแล้วจึงพูดกับมู่ชิงเกอด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า “ตงแต่โบราณกาลมา มีตระกูลอันเก่าแก่หลายตระกูลมีความสามารถพิเศษที่แฝงอยู่ในสายโลหิตและถูกสืบทอดต่อกันมาเป็นพันหมื่นยุคสมัย ในบรรดาคนรุ่นหลัง บางสายเลือดยังเข้มข้น บางสายเลือดได้จางลงไปแล้ว ในร่างกายของเจ้านายเป็นโลหิตแห่งการเป็นปรมาจารย์แห่งการหลอมอาวุธและมันยังคงเข้มข้น เพียงแต่มันยังไม่ได้รับการกระตุ้น ตอนนี้ก็ยังคงซ่อนอยู่ภายในก็เท่านั้น
“ในอดีตกาลตระกูลมู่เป็นปรมาจารย์แห่งการหลอมอาวุธอย่างนั้นหรือ?” มู่ชิงเกอที่สัมผัสกับโลกนี้จนคุ้นเคย แน่นอนว่าต้องเข้าใจว่าหน้าที่แห่งการหลอมอาวุธนั้นมีค่ามากกว่าการปรุงยาอยู่มาก
บางทีอาจกล่าวได้ว่า ในหลินชวนแห่งนี้ ไม่มีผู้ที่เป็นปรมาจารย์แห่งการหลอมอาวุธที่แท้จริงเลยแม้แต่ผู้เดียว เพราะฉะนั้นอาวุธทั้งหมดในหลินชวน ไม่ได้เก่งกาจไปกว่าที่มู่ชิงเกอเคยพบเจอเมื่อชาติที่แล้ว
แม้ว่าจะมีอาวุธที่ทรงพลังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่ามันสืบทอดกันมากี่ยุคต่อกี่ยุค
“ไม่ได้สืบทอดมาจากท่านพ่อของเจ้านายนะ!” เหมิงเหมิงกล่าวเตือน
มู่ชิงเกอตกใจ หันสายตาไปหยุดที่เหมิงเหมิง เม้มปากไม่พูดอะไร ไม่ได้สืบทอดมาจากสายเลือดของท่านพ่อ ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่า สืบทอดมาจากสายเลือดของฝั่งท่านแม่รึ?
หรือว่าท่านแม่ผู้ที่มีที่มาลึกลับท่านนั้นของนางจะเป็นทายาทของตระกูลปรมาจารย์แห่งการหลอมอาวุธ
เรื่องนี้ราวกับจะสามารถอธิบายได้อย่างแจ่มแจ้งว่าเหตุใดเครื่องมือมายาที่พิเศษถึงเพียงนี้ท่านแม่ของนางยังสามารถเอาออกมาใช้ได้อย่างง่ายดาย
แต่ว่า ภายในหลินชวนมีตระกูลที่เป็นปรมาจารย์แห่งการหลอมอาวุธหรือ?
ข้อสงสัยในใจของมู่ชิงเกอ ทำให้มู่ชิงเกอคิดไม่ตกจนต้องขมวดคิ้วเป็นปมแน่น
ดูเหมือนว่าตัวตนที่แท้จริงของภรรยาของมู่เหลียนเชิงนั้นยังคงมีความลับซ่อนอยู่อีกมากมาย! ถ้าเช่นนั้น นางตายแล้วจริงๆ หรือ? มู่ชิงเกอตั้งคำถามกับตนเองภายในใจ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบแก่นางได้